Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ถามอีกที: คุณคิดยังไงกับหนุ่มโสดที่จีบผู้หญิงทีละหลายๆคนในช่วงเวลาเดียวกัน (คราวนี้มีบทความให้อ่านก่อน){แตกประเด็นจาก F12654130} ติดต่อทีมงาน

  รับไม่ได้ จีบหลายคนก็เหมือนคนหลายใจ คบไม่ได้ (13 คน)
  รับได้ ถ้าจีบติดเป็นแฟนแล้วเลิกจีบคนอื่นๆ (7 คน)

 65.00%
  รับไม่ได้ จีบหลายคนก็เหมือนคนหลายใจ คบไม่ได้ (13 คน)
 35.00%
  รับได้ ถ้าจีบติดเป็นแฟนแล้วเลิกจีบคนอื่นๆ (7 คน)

จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 20 คน


กรุณาอ่านให้จบก่อนโหวตนะครับ ยาวหน่อยนะครับโทษที

ผมขอเปิดประเด็นอภิปรายว่า ทำไมเราจึงควรส่งเสริมให้ชายโสดเลือกจีบผู้หญิงคราวละหลายๆคนในคราวเดียวกัน?

สังคมไทยมักจะมองว่าผู้ชายที่จีบผู้หญิงหลายคนในช่วงเวลาเดียวกันเป็นพวกคนหลายใจเป็นคนไม่น่าคบหา ซึ่งมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ หรือเป็นแค่ภาพลวงตาทางสังคม?

ก่อนอื่นผมขอนิยามคำว่า "จีบ" ให้เข้าใจตรงกันก่อน ในที่นี้ "การจีบ" หมายถึงการสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดเพื่อพัฒนาไปสู่การเป็นแฟน นั่นแปลว่าตอนจีบกันยังไม่ใช่แฟนถูกมั้ยครับ ยังเป็นแค่คนที่มาคุยกัน อาจจะไปกินข้าวดูหนังหรือเดทกัน แต่ตราบเท่าที่ยังไม่ตกลงเป็นแฟนกันก็ยังอยู่ในช่วงการจีบ ดังนั้นการที่ชายโสดคนหนึ่งจีบผู้หญิงหลายคนในเวลาเดียว จึงไม่เรียกว่าเป็นการนอกใจ (นอกใจใครละก็ยังโสด) แต่คุณอาจจะเรียกว่าหลายใจเจ้าชู้อะไรก็ว่าไป แล้วมันดีเลวยังไงล่ะมาดูกัน

สังคมเรารับได้กับการที่สาวโสดจะมีผู้ชายรุมล้อมจีบกันหลายคนใช่มั้ยครับ เพราะการที่ผู้หญิงจะเป็นฝ่ายไปจีบผู้ชายก่อนก็ดูจะกระไรอยู่ เราจึงให้เกียรติด้วยการที่ผู้ชายเป็นฝ่ายจีบก่อน ดังนั้นผลประโยชน์จึงตกอยู่กับผู้หญิง เพราะโดยธรรมชาติผู้ชายจะเป็นผู้ให้เป็นผู้เสนอผลประโยชน์ต่อฝ่ายหญิง ให้ฝ่ายหญิงพิจารณาแล้วเลือกเป็นแฟน นั่นคือยิ่งผู้หญิงคนไหนมีคนมาจีบเยอะก็ยิ่งได้รับผลประโยชน์มากขึ้นเป็นลำดับ คือพูดกันในทางเศรษฐศาสตร์เลยนะว่าผู้หญิงเป็นฝ่ายได้กำไรจากการจีบ ถูกมั้ยครับ

ในขณะที่่ผู้ชายเป็นฝ่ายต้องลงทุนในการจีบ แปลว่ายิ่งจีบมากคนก็ยิ่งต้องลงทุนมากขึ้นน่ะสิ? แบบนี้ผู้ชายที่จีบหญิงทีละหลายคนก็ยิ่งโง่หนักเลยรึเปล่า? เพราะสุดท้ายก็เลือกเป็นแฟนได้คนเดียวอยู่ดี แล้วมันจะดีได้ยังไง?

เรามามองมุมฝ่ายหญิงก่อนครับ คุณอาจจะคิดว่าฝ่ายหญิงได้กำไรโดยไม่ลงทุนรึเปล่า ผิดครับ ผู้หญิงต้องลงทุนเยอะมากในการทำให้ตัวเองดูดี ดูสวยมีเสน่ห์ดึงดูดให้ผู้ชายมาจีบ ไม่ว่าจะเสื้อผ้าหน้าผมรูปร่างก็ต้องลงทุนทุกอย่าง เรียกว่าต้นทุนสูงมาก แต่การลงทุนนี้จะได้ผลตอบแทนครับ เพราะถ้าลงทุนถูกวิธีถูกที่ถูกทางจะทำให้ผู้ชายสนใจเข้ามาจีบมาก กำไรก็จะมาจากส่วนนั้น เรียกว่าลงทุนครั้งเดียวแต่คุ้ม

ในขณะที่ผู้ชายก็ต้องลงทุนกับตัวเองเหมือนกัน มากน้อยแล้วแต่คน บางคนก็ลงทุนเยอะเพื่อให้ตัวเองดูดี ทั้งเสื้อผ้าหน้าผม บางคนจ่ายเงินให้ฟิตเนสเพื่อฟิตหุ่นไปจีบสาว แต่โดยรวมแล้วต้นทุนส่วนนี้ยังน้อยกว่าฝ่ายหญิงเยอะ ต้นทุนส่วนใหญ่ของผู้ชายจึงหมดไปกับการเทคแคร์ผู้หญิงแทน ถ้าจีบคนเดียวก็ไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าจีบทีหลายคนก็ต้องจ่ายหนักขึ้นทวีคูณไป แต่ทำไมถึงมีคนยอมทำ?

เพราะมันเพิ่มโอกาสไงครับ ประเด็นมันอยู่ตรงนี้ครับ ในขณะที่ฝ่ายหญิงมีตัวเลือกมากมายจากคนที่มาจีบ ทำให้โอกาสได้แฟนและสละโสดมีมาก แต่ผู้ชายที่เลือกจีบผู้หญิงทีละคนจะมีโอกาสได้สละโสดน้อยสุดๆ เพราะใช่ว่าคนที่เราจีบอยู่จะเลือกเรา ดังนั้นการที่ผู้ชายบางคนยอมเสียเปรียบลงทุนจีบครั้งละหลายคน ก็เพื่อเพิ่มโอกาสให้ตัวเองหาแฟนได้เร็วขึ้นไงครับ มองในภาพนี้คุณจะเห็นว่ายังไงฝ่ายชายก็ยังเสียเปรียบฝ่ายหญิงอยู่ดีแม้จะเลือกจีบหลายคน เพราะฝ่ายชายต้องลงทุนเพิ่มตามจำนวนคนที่จีบ ในขณะที่ฝ่ายหญิงลงทุนกับตัวเองครั้งเดียวแต่ได้ผลตอบแทนหลายทาง และมีโอกาสได้ผลตอบแทนสูงสุดโดยเลือกผู้ชายที่ตัวเองถูกใจจากในบรรดาทั้งหมด ส่วนผู้ชายนั้นต่อให้จีบหลายคนก็ใช่ว่าผู้หญิงที่เขาถูกใจที่สุดจะยอมเลือกเขาเป็นแฟน เขาอาจไปลงเอยกับคนที่ถูกใจลำดับรองๆลงมาแทน เห็นไหมครับเกมนี้ฝ่ายชายเสียเปรียบทั้งต้นทุนและมีโอกาสขาดทุนกำไรด้วย (หมายถึงได้กำไรจากการจีบติด แต่จะได้น้อยกว่าที่ตั้งเป้าในกรณีที่พลาดจากคนที่ชอบที่สุด)

นอกจากนั้นการที่สังคมตั้งแง่กับฝ่ายชายที่จีบหญิงทีละหลายคนก็ยังส่งผลเสียต่อการหาคู่โดยรวมในระบบด้วย มันเป็นยังไง? บางคนอาจมองไม่เห็นภาพ ผมจะยกตัวอย่างให้ฟังสองกรณี

------------------------------------------------
ทฤษฎีนายจ้างลูกจ้าง
จากแบบจำลอง "การค้นหาและการจับคู่" (Search and Matching Model) ของนักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบลที่อธิบายในเรื่องการจับคู่ระหว่างนายจ้างและลูกจ้างนั้นเราสามารถนำมาใช้อธิบายเรื่องการหาแฟนได้เช่นกัน (ใครสนใจรายละเอียดไปอ่านได้ที่นี่ครับ http://setthasat.com/2012/04/25/10-lessons-on-dating-from-nobel-prize-winners/) เราสามารถนำมาวิเคราะห์ต่อยอดถึงข้อดีและข้อเสียของการที่ผู้ชายเลือกจีบผู้หญิงหลายคนว่าแท้จริงแล้วส่งผลดีหรือผลเสียต่อระบบโดยรวมยังไง ถ้าเราเปรียบฝ่ายชายเป็นนายจ้างที่เสนอตำแหน่งงาน(เสนอเป็นแฟน) ส่วนฝ่ายหญิงเป็นคนที่กำลังหางาน(หาแฟน) การที่ทั้งสองฝ่ายจะได้คู่ที่เหมาะสมกันบางทีก็ใช้เวลานานกว่าจะเจอ

คุณลองนึกภาพบริษัทที่มีตำแหน่งงานว่างสิครับ เขาก็จะไปประกาศรับสมัครหาคนทำงาน(มองหาคนมาเป็นแฟน) แต่ตำแหน่งนี้รับคนเดียว บริษัทก็อยากได้คนที่เหมาะกับงานนี้ที่สุดดีที่สุดใช่มั้ยครับ? ส่วนฝ่ายคนหางานก็ต้องเขียนรีซูเม่ให้ออกมาดีที่สุดเพื่อให้บริษัทเรียกสัมภาษณ์(เข้ามาจีบ) เหมือนกับฝ่ายหญิงที่ลงทุนให้ตัวเองดูดี

แล้วทีนี้ถ้ากระทรวงแรงงานเกิดบ้าออกกฎว่า "บริษัทจะเรียกสัมภาษณ์งานได้สัปดาห์ละหนึ่งคนเท่านั้น ห้ามสัมภาษณ์เผื่อเลือก ถ้าจะเลือกก็รับเลย ถ้าไม่รับค่อยสัมภาษณ์คนอื่นในสัปดาห์ต่อไป" คุณคิดว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับตลาดแรงงาน? ทุกบริษัทก็จะเรียกสัมภาษณ์แต่คนที่รีซูเม่ดูดีที่สุดถูกไม๊ครับ เพราะทุกคนก็อยากได้พนักงานที่เก่งสุด สิ่งที่ตามมาคือ คนที่รีซูเม่ดีสุดๆจะได้ไปสัมภาษณ์งานหลายบริษัท และได้เลือกงานที่ตัวเองชอบที่สุด ได้งานไวสุด ในขณะที่คนที่รีซูเม่ไม่ค่อยน่าปลื้มเกรดไม่ดีประสบการณ์น้อยก็จะแทบไม่มีบริษัทไหนเรียกเลย หรืออาจต้องรอหลายเดือนหลายปีกว่าจะถูกเรียกสัมภาษณ์ หรือถึงมีซักบริษัทมาเรียกสัมภาษณ์ ก็ใช่ว่าจะได้งานนั้นชัวร์ เขาอาจจะไม่เลือกเราแล้วไปสัมภาษณ์คนอื่นต่ออีก หรือถึงได้ก็อาจจะโดนกดเงินเดือนอีก เรียกว่าแทบไม่มีทางเลือกให้คนที่รีซูเม่ไม่สวยเลยใช่มั้ย

ในขณะที่บริษัทใหญ่ๆฐานะดีๆ ก็จะได้คนเก่งๆไปทำงานด้วยง่ายกว่า แต่บริษัทเล็กๆที่เสนอเงินเดือนน้อยๆเป็นไงครับ? หาคนทำงานได้ยากสิครับ หรือถึงจะได้ก็อาจไม่ถูกใจ แบบว่าเลือกเพราะจำใจเลือก เดี๋ยวไม่มีคนทำงาน

นั่นจึงเป็นสาเหตุที่บริษัทต่างๆเรียกสัมภาษณ์ทีละหลายๆคนไงครับ เพื่อคัดกรองให้ได้คนที่ถูกใจแบบไวที่สุด แล้วผลพลอยได้คือคนที่เกรดไม่หรูหรือรีซูเม่ไม่งามก็ยังมีโอกาสได้สัมภาษณ์มากขึ้นด้วย โอกาสที่จะได้งานก็มากขึ้นไวขึ้น

------------------------------------------------
ทฤษฎีช้อปปิ้งมอลล์
แบบจำลองนี้ผมคิดเอง เรียกว่าแบบจำลองช้อปปิ้งมอลล์ ให้คุณนึกภาพในห้างแห่งหนึ่งมีร้านค้าจำนวนมาก ทุกร้านขายสินค้าประเภทเดียวกัน แต่รูปทรงคุณภาพหน้าตาราคาต่างกันทุกร้าน แต่ละร้านก็มีการจัดแต่งหน้าร้านให้ดูดีในระดับต่างๆกันไป ทีนี้คุณลูกค้า(ผู้ชาย)แต่ละคนต้องการสินค้านี้เพียงชิ้นเดียว ก็เลยไปที่ห้างเพื่อหาซื้อสินค้า ห้างนี้ในแต่ละวันมีคนแวะเวียนมามากมาย แต่มีกฎประหลาดว่า "ให้ลูกค้าเลือกซื้อสิ้นค้าจากร้านค้าได้เพียงร้านเดียวในหนึ่งวัน" คือถ้าเลือกเข้าร้านไหนไปแล้วถ้าชอบก็ซื้อ ถ้าไม่ชอบก็ต้องรอวันถัดไปเพื่อไปดูร้านอื่น ห้ามเดินเข้าร้านนู้นออกร้านนี้ในวันเดียวกัน แล้วจะเกิดอะไรขึ้นครับแบบนี้?

ผลคือลูกค้าส่วนใหญ่จะเลือกเข้าร้านที่ตกแต่งหน้าร้านดูดีสุดก่อนใช่มั้ยครับ เพราะคิดว่าสินค้าข้างในก็น่าจะดีตามไปด้วย สิ่งที่ตามมาคือร้านไหนตกแต่งได้ดีหน้าร้านสวยก็ดึงดูดลูกค้าได้เยอะ กำไรมหาศาล ส่วนร้านที่ตกแต่งธรรมดาๆ ถึงสินค้าจะดีก็แทบจะไม่มีใครแวะเข้ามาดูเลย เรียกว่าเสียค่าตกแต่งร้านไปแสนนึงอาจจะขายได้ซักหมื่นนึง...ขาดทุน ส่วนพวกหน้าร้านสวยๆอาจจะลงทุนหน้าร้านซักห้าแสนแต่ขายได้ล้านนึง...กำไร

ทีนี้ห้างเห็นแล้วเลยเปลี่ยนนโยบายใหม่ ให้ลูกค้าเลือกร้านค้าได้ตามใจชอบ จะเดินดูกี่ร้านก็ได้ แต่ตอนซื้อให้ซื้อได้เพียงชิ้นเดียวจากร้านเดียวเท่านั้น นั่นก็ทำให้ลูกค้า(ผู้ชาย)มีสิทธิ์เลือกมากขึ้น แทนที่จะพากันไปมุงแต่ร้านที่ดูดี ก็อาจจะแวะไปคุยกับร้านที่ดูธรรมดาๆบ้าง บางทีเขาอาจจะพบว่าบางร้านหน้าร้านดูธรรมดาๆแต่สินค้ามีคุณภาพกว่ากันเยอะ ก็กลายเป็นเพิ่มโอกาสให้ร้านที่ดูธรรมดาขายได้เยอะขึ้น ส่วนลูกค้าก็ได้สินค้าที่ตรงใจเร็วขึ้นด้วย ไม่ต้องรอดูทีละวันทีละร้าน

บทสรุป
1. จะเห็นได้ว่าสังคมที่เอื้อให้ฝ่ายหญิงถูกผู้ชายหลายคนเข้ามาจีบได้ แต่ตั้งแง่กับฝ่ายชายที่จีบทีละหลายคน กลับเป็นการเอื้อผลประโยชน์ให้กับผู้หญิงที่สวยและดูดี ในขณะที่โอกาสของผู้หญิงดีๆแต่ธรรมดาๆกลับน้อยลง

2. การที่ผู้ชายส่วนใหญ่เลือกจีบสาวทีละคนก็เป็นการลดโอกาสตัวเองในการหาแฟน แล้วยังเป็นการลดโอกาสในการหาแฟนของผู้หญิงอีกส่วนหนึ่งด้วย เกมนี้คนที่ Win คือคนสวย ส่วนคนที่ Lost คือที่เหลือ เอวัง

 อย่าลืมว่าผู้ชายต่อให้ไล่จีบทีละคนก็ยังมีช่วงเวลาที่สามารถจีบสาวได้จนถึงอายุ 40 หรือ 50 ก็ยังไหว ในขณะที่ผู้หญิงมีช่วงเวลาที่เหมาะกับการถูกจีบเพียงสั้นๆเท่านั้น การที่ถูกลดโอกาสจากค่านิยมแบบเลือกจีบทีละคนก็ยิ่งทำให้ต้นทุนที่เสียไปกับการดูแลตัวเองได้กลับมาน้อยไปอีก

คนที่บ่นว่าโสดแล้วหาแฟนไม่ได้หรือไม่มีใครมาจีบเลย พอจะรู้รึยังครับว่าสาเหตุใหญ่ไม่ใช่ผิดที่คุณหรอก แต่มันผิดที่ค่านิยมของสังคมต่างหาก

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมไม่สนับสนุนให้คนมีแฟนอยู่แล้วไปจีบคนอื่นต่อนะ เมื่อปิดการขายเป็นแฟนกันแล้ว ก็ควรจะเคารพซึ่งกันและกัน ฝ่ายชายและหญิงก็ต้องหยุดซื้อขายขนมจีบกับคนอื่นๆ นะครับ

 ข้างล่างนี้เป็นผลโหวตจากกระทู้ก่อนครับ ผมถามธรรมดาๆโดยไม่มีบทความให้อ่าน คราวนี้ขอถามใหม่ครับว่าคุณคิดยังไงกับผู้ชายโสดที่จีบสาวหลายคนในคราวเดียวกัน รับได้หรือรับไม่ได้ เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ก็แสดงความเห็นกันได้ครับ (แต่ขอแบบสุภาพหน่อยนะ)

 
 

จากคุณ : omega.
เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 55 17:59:37




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com