Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เกือบ 1เดือน ที่อยู่คนเดียว ติดต่อทีมงาน

********* ข********* ขอนำรูปที่ถ่ายกันครั้งสุดท้ายออกครับผม พอดี มีคนโทรไปหาแม่ของน้องจูน

และพูดไม่ค่อยดี เท่าไหร่เลยขอนำรูปนี้ออกครับผม เลยทำให้แม่ของจูนไม่สบายใจเท่าไหร่ ********


แล้วผมขอแถลงการณ์ตรงนี้เลย ว่า ผมไม่ได้หาผลประโยชน์กับเรื่องนี้เลย มีเพียง 2 ที่ เท่านั้นที่ติดต่อมา แล้วขอนำเรื่องนี้ ไปลงหรือไปประกอบอะไรนิดๆหน่อยๆ ...

คือ ทางกระปุก และ ทางแกรมมี่(นำคำสัมภาษของผมไปประกอบ MV) ซึ่ง ผมไม่ได้เรียกรับหรือ รับเงินใดๆ เลย เพราะผมไม่ได้นำเรื่องนี้มาหากิน หรือส่งเสริมตัวเองให่ดัง

เพียงแค่ อยากจะบอกเล่าเรื่องราว ของผม ให้หลายๆคนรับรู้ และอยากให้กลับเห้นมาดูแลคนรักไม่ว่าจะเป็น พ่อแม่ หรือคนรัก ญาติสนิท หรือแม้กระทั่งเพื่อน แค่นั้น

ซึ่งผมอาจจะตัดสินใจผิดไปที่ลงรูปของ เธอตอนเธอป่วย เพียงเพราะอยากให้ เห็นว่า ความรักของผมและเธอเป็นเช่นไร

เมื่อมีด้านดีก็ต้องมีด้านลบ ซึ่งถ้าเกิดแค่ตัวผม ผมไม่ค่อยสนใจอะไรอยู่แล้ว แต่ผมรับไม่ได้ที่มันเริ่มไปถึงผู้ใหญ่ ที่ผมรักและเคารพ จนทำให้เขาไม่สบายใจ

ที่จริงก็ไม่ทันแล้วล่ะ แต่ ผมก็ทำได้เพียงแค่นี้ ..... ขออภัยจริงๆครับ สำหรับรูป ที่ทำให้หลายๆคน ไม่สบายใจ จนโทรไปต่อว่าแม่ของน้่องจูน

********


เกริ่นนำก่อนนะครับ ผมไม่รู้ว่าผม ตั้งกระทู้ผิดห้องรึเปล่า ที่จริงผมจะตั้งกระทู้ที่นี่ตั้งแต่เธอยังอยู่แล้ว

เรื่องนี้มันเป็นเรื่อง ของผมกับแฟน ที่อยู่กินกันมา3 ปี 9เดือน และเธอได้จากผมไป เมื่อวันที่ 7 เดือนนี้เอง

ที่จริงแล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำร้ายจิตใจอะไร หรอกครับเพราะเป้นการจากกันที่ไม่มีแม้แต่เสียงทะเลาะกัน....
เสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินจากเธอ คือเสียหัวเราะด้วยซ้ำ


เริ่มเลยแล้วกันนะครับ ผมกับแฟนคนนี้ อยู่กันกันมาเกือบๆ 4ปี ไม่เคยทะเลาะกันแรงๆ เลยแม้แต่ครั้งเดียว ไม่เคยโกรธกันเกิน 1ชั่วโมงเลยก็ว่าได้
เพราะเราเคยตกลงกันไว้ก่อนจะตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ว่า ถ้าใครแรง อีกคนต้องเย็น และหันหน้าออกจากกัน เมื่อเย็นลงแล้วค่อยมาคุยกันน่าจะดีกว่า

การเริ่มต้นใช้ชีวิตคู่กับผมและเธอนั้น ไม่ใช่เรื่องสนุกครับ ไม่ได้ สะดวกสบาย ไม่ได้มีเงินถุงเงินถังใดๆ แต่เราก็มีความสุขเพราะเรามีกันและกัน

ชีวิตคู่ของเราก็ดำเนินมาเรื่อยๆ ครับ จนเมื่อปีที่แล้ว กลางปี เธอเริ่มไอ ครับ และไอหนักมากขึ้นแถมยังต่อเนื่องครั้งนึงบางที 10-15 นาที เธอไอไม่หยุดเลยก็ว่าได้
จากที่เธอเคยอ้วนมากๆ (ลืมบอกก่อนเธอไอนั้นเธอน้ำหนัก 120 กิโลกว่าๆ) น้ำหนักเธอก้เริ่มลดลงมาเรื่อยๆ

พาไปเธอไปหาหมอ อยู่ช่วงนึงในปีที่แล้ว X-ray ปอดออกมา หมอบอกในตอนนั้น ว่าปอดเธอติดเชื้อ และมีน้ำในช่องท้อง

ซึ่งตอนนั้น ก้ได้มีการรักษาและเหมือนเธอจะดีขึ้นไปช่วงนึง แต่ก็กลับมาไออีก ตอนปลายปี.....

จนมาช่วงก่อนปีใหม่ผมได้พาเธอไปหาหมออีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ หมอได้ X-ray และ CT-scan และกักตัวไว้ เพราะสงสัยจะเป็น วัณโรค จนผลCT ออกตอนต้นปี....

เหมือนฟ้าผ่ากลางหัวผมกับแฟนครับ..... เธอมีก้อนเนื้อที่ยังไม่สามารถ ระบุได้ ว่าเป็นห้อนเนื้ออะไร.....

และทาง รพ.ประจำจังหวัด ได้ ส่งตัวไป โรงพยาบาลใหญ่ ในภาคใต้ เพื่อที่จะเจาะ ชิ้นเนื้อตรวจผล ว่าเป้นอะไร แต่ก้อนเนื้อใหญ่ มากๆ 15x19 cm

ซึ่งตอนแรกๆ นอกจากอาหารไอ อาการไข้อ่อนๆ ตอนกลางคืน เหงื่อออกทั้งๆที่หนาวสั่น แล้ว ก็ยังไม่มีอาการอะไร เธอยังกินได้ปกติ เดินได้ปกติ

หลังจากนั้น ก้ยังมีการเจาะชิ้นเนื้อ 2 ครั้ง ซึ่งผลก็ยังไม่บอกว่าเป็นอะไร จึงมีการผ่าตัดตรวจชิ้นเนื้อ อีก 2ครั้ง

ซึ่งหลังจากผ่าตัดชิ้นเนื้อครั้งที่ 2 นั้น ทำให้เธอทรุดไปอย่างมากๆ เพราะว่า เป็นการผ่าใหญ่ที่ต้องหักซี่โครงเพื่อไปเอา ชิ้นเนื้อในส่วนที่ลึกที่สุดมาดู

หลังจากผ่าได้ 2อาทิต ถือว่านาน มากตั้งแต่รุ้ว่ามีก้อนเนื้อ จนถึงรู้ผลเนี่ย ปาเข้าไปเกือบ กรกฏา เข้าไปแล้ว

ครับผลออกมา เป็นอย่างที่คาดไว้ตั้งแต่แรก คือ เป้นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ชนิด ฮอดกิ้น แต่ที่น่าหนักใจคือ ระยะที่พบคือ ระยะที่ 3

อาจจะเพราะ ก้อนของเธอมันใหญ่ อาจจะเพราะเราชะล่าใจเกินไป ว่าถ้าเป็นมะเร็ง ก้อนขนาดนี้เราคงไม่รอดแล้ว

การรักษาเริ่มขึ้นจริงๆ ช่วงกลางเดือน ก.ค. ครับ ครีโมครั้งแรก ก้ได้เริ่มขึ้น แผนการรักษาจริงๆ นั้น คือ ครีโม 12 ครั้งใน 6เดือนและ อาจจะต้องฉายแสงต่อเพราะก้อนที่ว่า ค่อนข้างใหญ่มากๆ

มาถึงตอนนี้ ถามเรื่องกำลังใจนั้น บอกเลยว่าเต็มร้อยครับ แอบเครียดน่ะมีครับ แต่ยิ้มสู้กันทั้งคู่...
แต่ปัญหาอีกปัญหานึงคือ ปอดเธอไม่มีข้างนึงเลย เพราะก้อนเนื้อนี้ไปกดทับปอด

แล้วมีลิ่มเลือดในปอด ซึ่งเธอต้องกินยาละลายลิ่มเลือด ตลอด

การรักษา เหมือนจะไปด้วยดีครับ ด้วยทั้งกำลังใจจากตัวคนไข้ จากคนรอบข้าง จากทุกๆคน ที่รักและเอ็นดูเธอ....

แต่แล้ว มันก็มาจบทุกอย่างลง เมื่อวันที่ 5 เดือนนี้ วันที่หมอนัดเพื่อไปครีโม ครั้งที่ 4 ทุกอย่างดูปกติ หมด แต่สิ่งที่แปลกตั้งแต่เช้า คือ ความดันเธอตำ มากๆ 72-46

ซึ่งมันทำให้ครีโมครั้งนี้ไม่ได้ และทุกสิ่งเหมือนจะจบลงตรงนี้ ขณะนั่งตรวจหมอบอกให้เธอไปที่เตียง มอจะตรวจ ว่ามีเลือดออกหรือไม่ ก่อนส่งไปแอดมิด....

ผมซึ่งพยุงเธอจากรถเข็น ขึ้นเตียง และได้ลูบหัวเธอบอกเธอว่า ไม่ต้องเครียดนะ เดี๋ยววันอื่นก้ได้ ทำ แล้วมีเสียงหมอบอกให้เปิดผ้าเพราะจะเช็คเลือด

ผมยังแซวเธอครับ ว่าแก้ผ้าให้ผู้ชายดูเร็ว เธอก็หัวเราะ แล้วผมก็เดินสวนกับหมอ ผมเดินยังไม่พ้นปลายเท้าครับ...

ได้ยินเสียงหมอเรียกเธอ .....ผมจึงหันมา เห้นสถาพที่เธอชักตาดำกลับขึ้นไปข้างบน มือเกร็ง

วินาทีนั้นผมนิ่งครับ ทำอะไรไม่ถูก เห็นทุกภาพที่มี ทีมแพทย์เข้ามาช่วยชีวิตเธออย่างเต็มที่ ช่วงเวลาเกือบ 20 นาทีตอนนั้น มันเหมือนกับเวลาที่ นานมาก สำหรับผม....

น้ำตาสักหยด ไม่มีไหลออกจากตา เหมือนผมจะเข้มแข็ง จนมี พยาบาลพาผมเดินออกมาพร้อมกับ  1ในทีมแพทย์ มาคุยกับผม.....

เหมือนผมหลุดออกจาก ภวังค์ ทั้งน้ำตาน้ำมูก ที่อย่าง ไหลมาหมด พูดจาไม่รู้เรื่อง กว่าจะได้ สติก็เป็นชั่วโมงเหมือนกัน....

กว่าจะคุยกับหมอรุ้เรื่อง ก็ได้ความว่า ลิ่มเลือดในปอด มันหลุด แล้วไหลเข้าหัวใจ ทำให้หัวใจหยุดเต้นพอดี....จึงทำให้หัวใจหยุดเต้น เฉียบพลัน

ในตอนนั้น เธอต้องอยู่ในสภาพ เจ้าหญิงนิทรา 3 วันเพื่อรอดูอาการว่าจะกลับมาได้หรือไม่ เป็นเวลาที่ทรมานครับ.....

วันแรกเหมือนเธอยังได้ สติ ยังมีการตอบสนอง บอกให้กระพริบตา กำมือยังได้ แต่วันที่ 2 เธอไม่รู้สึกตัวอะไรแล้ว

วันที่ 3 6โมงเช้าหมอโทรตามผม เพราะตอนเช้าหัวใจเธอหยุดเต้นไปอีกครั้ง..... แต่ก็ปั้มขึ้นมาได้อีก และถามว่า จะทำยังไง

สรุปคือผม ต้องยอมครับ เพราะด้วยตัวโรคของเธอ รวมถึงสภาพนี้ ถ้าจะให้เธออยู่ต่อ ซึ่งต้องเจาะคอ เจาะช่องท้อง ซึ่งมันทำให้เธอเจ็บเพิ่ม ขึ้นไปอีก....

ผมรับไม่ได้ครับผมจึง ให้หมอ ให้ยานอนหลับและแก้ปวดเธอ เพื่อให้ เธอค่อยๆหลับ ไป.....

ตลอดเวลา 3ปี 9เดือนที่ผ่านมา ผมกับเธอแทบจะไม่มีรูปคู่กันเลยเพียงเพราะเธออาย เพราะเธออ้วนมากๆ....

แต่เพิ่งมามีรูปเมื่อ 2เดือนก่อนหน้านี้เท่านั้นเอง .... ซึ่งเธอเป้นคนพูดเองว่าเธอผอมแล้ว ถ่ายคุ่กัน

จาก 120 กิโล ช่วงที่เธอถ่ายกับผม รูปแรกนั้น เธอหนัก 60.4 กิโล นี่คือรูปแรกที่ผมและเธอถ่ายคู่กันครับ

แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 55 11:44:13

แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 55 11:36:42

 
 

จากคุณ : ลูกหมูหัดกลิ้ง
เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 14:31:28




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com