ความคิดเห็นที่ 1 คืนวันที่ 29 พฤศจิกายน 1980 แกรงเจอร์ เทเลอร์ (Granger Taylor) ชายยหนุ่มวัย 32 ปี หายตัวออกไปจากบ้านท่ามกลางพายุฝนโดยทิ้งจดหมายลามีใจความว่า            “คุณพ่อคุณแม่ที่รัก ผมกำลังจะออกเดินทางไปกับมนุษย์ต่างดาวเพื่อท่องไปตามดวงดาวต่างๆในจักรวาลเป็นเวลา 42 เดือนแล้วจะกลับมา ผมไม่ได้นำทรัพย์สินใดๆติดตัวไปด้วยเพราะไม่จำเป็นต้องใช้ โปรดทำตามคำแนะนำในพินัยกรรม รัก แกรงเจอร์”             ด้านหลังข้อความเป็นแผนที่เทือกเขาวอเตอร์ลู ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของเขาเป็นระยะทาง 20 ไมล์ทางตะวันตก แต่แผนที่นี้เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเขาหรือไม่ ไม่มีใครรู้ การหายตัวไปของชายคนหนึ่งอาจไม่แปลกอะไรถ้าหากชายคนนั้นไม่ใช่ “อัจฉริยะ”             แกรงเจอร์ เทเลอร์ เกิดเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 1948 เขาอาศัยอยู่กับแม่และพ่อเลี้ยงในเมืองดันแคน เกาะแวนคูเวอร์ไอส์แลนด์ ประเทศแคนาดา แกรงเจอร์ลาออกจากโรงเรียนตั้งแต่อยู่เพียงชั้นเกรด 8 เท่านั้น หลังจากนั้นเขาไปทำงานเป็นผู้ช่วยช่างอยู่ 1 ปีก่อนจะลาออกมาเปิดร้านรับซ่อมเครื่องยนต์และเครื่องจักรเป็นของตนเอง รูป : แกรงเจอร์ เทเลอร์ จากคุณ : Mr.Terran เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 10:54:01

ความคิดเห็นที่ 2 ความอัจฉริยะของแรงเจอร์ฉายแววตั้งแต่อายุเพียง 14 ปี โดยเขาประดิษฐ์รถเครื่องยนต์สูบเดียวซึ่งต่อมาถูกนำไปแสดงในพิพิธภัณฑ์ดันแคนฟอเรสต์ เมื่ออายุ 17 ปี แกรงเจอร์สามารถประกอบรถปราบดินได้ด้วยตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็ประกอบเครื่องยนต์และเครื่องจักรขนาดใหญ่อีกหลายชนิดโดยที่ไม่ได้ร่ำเรียนมาแต่อย่างใด             ปี 1969 แกรงเจอร์พบรถไฟโบราณกลางป่าลึกห่างจากบ้านไปราวครึ่งไมล์ มันเป็นหัวรถจักรไอน้ำที่ถูกทิ้งไว้ตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากสถานที่ถูกทิ้งร้างนานหลายสิบปีก็เกิดต้นไม้ปกคลุมทั่วบริเวณจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของป่า เขาจึงทำการถางป่าแล้วใช้รถลากหัวรถจักรนี้กลับมาที่ไร่             แกรงเจอร์ใช้เวลาไม่ถึง 2 ปีซ่อมแซมหัวรถจักรกลับมาใช้งานได้อีกครั้งในสภาพดีเหมือนใหม่ ต่อมาในปี 1973 รัฐบาลได้ติดต่อขอซื้อเพื่อนำไปตั้งแสดงในพิพิธภัณฑ์รถไฟในเมืองบริติชโคลัมเบีย รูป : บิดามารดรของ แกรงเจอร์ จากคุณ : Mr.Terran เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 10:55:35

ความคิดเห็นที่ 3 แกรงเจอร์เริ่มรู้สึกว่าเครื่องยนต์และเครื่องจักรที่ทำอยู่นั้นหมดความน่าสนใจ เขาจึงหันไปมองเทคโนโลยีเครื่องยนต์ที่มีความซับซ้อนมากขึ้นซึ่งก็คือเครื่องบินนั่นเอง แกรงเจอร์สมัครเรียนขับเครื่องบินจนได้ใบอนุญาต เขาซื้อเครื่องบินขับไล่สมัยสงครามโลก Kitty Hawk และเช่นเคย แกรงเจอร์ซ่อมแซมมันกลับมาอยู่ในสภาพดีแล้วนำวางตั้งโชว์หน้าร้านรับซ่อมเครื่องยนต์ ต่อมาเครื่องบินลำนี้ถูกนักสะสมขอซื้อไปในราคา 20,000 ดอลลาร์ เขาแบ่งเงิน 10,000 ดอลลาร์ไปฝากธนาคารและเก็บเงินสด 10,000 ดอลลาร์ที่เหลือไว้กับตัว จากนั้นเขาก็มองหาสิ่งที่มีความซับซ้อนทางเครื่องยนต์มากขึ้น แต่แทนที่แกรงเจอร์จนสนใจเครื่องบินรุ่นใหม่ๆ เขากลับข้ามขั้นไปสนใจ UFO              ปัญหาก็คือแกรงเจอร์ไม่มีเครื่องยนต์ตัวอย่างให้ศึกษา เขากว้านซื้อหนังสือต่างๆที่เกี่ยวกับ UFO แล้ววิเคราะห์ประมวลเอาเองว่า UFO บินได้อย่างไร หลังจากนั้นเขาก็ขนอุปกรณ์ต่างๆไปยังชายป่าริมทะเลสาบ ใช้เวลา 6 เดือนสร้างแบบจำลอง UFO ขนาดเท่าของจริง โครงภายนอก UFO ของแกรงเกจอร์สร้างจากจานรับดาวเทียม 2 จานเชื่อมต่อด้วยแผ่นอะลูมิเนียม ภายในตัวยานตบแต่งด้วยเครื่องอำนวยความสะดวก เช่น โทรทัศน์ เก้าอี้ยาว และเตาไฟ แต่สิ่งที่ยังไม่มีคือเครื่องยนต์ที่ใช้ขับเคลื่อน UFO รูป : ภาพร่าง UFO ที่เหลือทิ้งไว้ จากคุณ : Mr.Terran เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 10:58:14

ความคิดเห็นที่ 4 แกรงเจอร์ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในจานบินที่เขาสร้างขึ้น วันๆเขาเอาแต่ครุ่นคิดอยากรู้ว่าจานบิน บินได้อย่างไร เขาอาศัยอยู่ในจานบินมากกว่าที่บ้านและร้านรับซ่อมเครื่องยนต์ แกรงเจอร์หมกมุ่นกับการค้นหาคำตอบจนถึงขั้นเอ่ยถึงเรื่องนี้ทุกครั้งที่สังสรรค์กับเพื่อนฝูง  วันหนึ่งแกรงเจอร์บอกกับเพื่อนสนิทว่ามนุษย์ต่างดาวได้สื่อสารกับเขาทางโทรจิต ความลับของจานบินคือมันขับเคลื่อนด้วยพลังสนามแม่เหล็ก หลังจากนั้นมามนุษย์ต่างดาวก็ได้สื่อสารกับแกรงเจอร์ทางโทรจิตอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งวันหนึ่งพวกเขาเชื้อเชิญแกรงเจอร์ให้ไปทัศนาจรรอบระบบสุริยจักรวาล             มนุษย์ต่างดาวบอกให้แกรงเจอร์เตรียมตัวออกเดินทาง แต่จะไปกันวันไหน เจอกันที่ไหนนั้นเดี๋ยวถึงปลายเดือนพฤศจิกายน 1980 พวกเขาจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง แต่ห้ามแกรงเจอร์นำรายละเอียดไปบอกใครโดยเด็ดขาด เมื่อถึงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนพฤศจิกายน แกรงเจอร์นัดแนะเพื่อนๆมาสังสรรค์พร้อมกับกล่าวอำลาว่าเขากำลังจะออกเดินทางไปทัศนาจรกับมนุษย์ต่างดาว รูป : ภาพประกอบจากกูเกิ้ล จากคุณ : Mr.Terran เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 11:01:26

ความคิดเห็นที่ 5 คืนวันที่ 28 พฤศจิกายน 1980 แกรงเจอร์เดินเข้าไปสนทนากับพ่อเลี้ยงในห้องนอน รำลึกถึงเรื่องราวเก่าๆและบุญคุณของพ่อเลี้ยงที่เลี้ยงดูเขามา โดยพ่อเลี้ยงไม่รู้ตัวมาก่อนว่านี่จะเป็นการสนทนาครั้งสุดท้าย ส่วนแม่ของแกรงเจอร์ไม่อยู่บ้านในวันนั้น เธอไปท่องเที่ยวที่เกาะฮาวาย             ไม่มีใครรู้ว่าแกรงเจอร์ได้เขียนจดหมายลาและพินัยกรรมทิ้งเอาไว้ด้วย แต่มันต่างจากพินัยกรรมทั่วๆไปที่เขาไม่ได้ใช้คำว่า “เสียชีวิต” แต่ใช้คำว่า “ออกเดินทาง” เวลา 18.00น. ของวันที่ 29 พฤศจิกายน 1890 แกรงเจอร์สวมกางเกงยีน เสื้อยืดสีดำสวมทับด้วยเสื้อถักไหมพรม แต่แปลกมากที่เขาไม่สวมเสื้อกันฝนทั้งๆที่เย็นวันนั้นท้องฟ้ามืดครึ้ม คนทั้งเมืองรู้ว่าคืนนี้จะมีพายุฝน    พ่อเลี้ยงบอกภายหลังว่าพบเสื้อคลุมกันฝนของแกรงเจอร์อยู่ในบ้านสุนัข ดูเหมือนว่าแกรงเจอร์จงใจทิ้งเสื้อตัวนี้เอาไว้ให้สุนัขของเขาได้ดมกลิ่นระหว่างที่เขาจะไม่อยู่บ้านเป็นเวลา 42 เดือน             แกรงเจอร์ขับรถปิคอัพสีน้ำเงินไปยังร้านอาหารประจำในเมือง เขาสั่งอาหารมารับประทานเหมือนทุกครั้งและออกจากร้านไปในเวลา 18.30 น. ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่สายฝนเริ่มโปรยปรายลงมา และนั่นคือครั้งสุดท้ายที่มีคนพบเห็นแกรงเจอร์ อัจฉริยะเครื่องยนต์แห่งเมืองดันแคน รูป : พินัยกรรม จากคุณ : Mr.Terran เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 11:02:54

ความคิดเห็นที่ 6 คืนนั้นพายุฝนกระหน่ำเมืองดันแคนอย่างถล่มทลายจนทำให้ไฟฟ้าดับลงทั้งเมือง เช้าวันรุ่งขึ้นชาวเมืองต้องออกมาปัดกวาดทำความสะอาดเศษใบไม้ กิ่งไม้ พร้อมกับได้ยินข่าวการหายตัวไปของแกรงเจอร์เพราะเขาไม่กลับมาที่บ้าน             พ่อเลี้ยงแจ้งความคนหายทันที เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งคนไปตรวจตามโรงพยาบาลและสถานีขนส่งแต่ก็ไร้วี่แวว ต่อมาตำรวจจึงรายงานไปยังตำรวจส่วนกลางเพื่อให้ด่านตรวจมองหารถปิกอัพคันที่แกรงเจอร์ขับในคืนก่อน สิ่งที่ทำให้คดีนี้พิสดารมากก็คือไม่มีใครพบเห็นแม้กระทั่งรถปิกอัพ มันอันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นเดียวกับเจ้าของรถ       สิ่งสุดท้ายที่ทำได้คือการรอคอยให้แกรงเจอร์กลับมาเอง แม่และพ่อเลี้ยงปิดห้องนอนเขาเอาไว้โดยไม่ได้เคลื่อนย้ายหรือแตะต้องสิ่งของส่วนตัว เขาไม่ได้นำสิ่งของเครื่องใช้อะไรติดตัวไปด้วย แม้แต่เงิน 10,000 ดอลลาร์ในธนาคารก็ยังคงอยู่ไม่มีการเบิกถอนออกไป นั่นแสดงว่าไม่ว่าแกรงเจอร์จะเดินทางไปที่ไหนก็ตาม เขารู้ว่าไม่จำเป็นต้องใช้สิ่งของเหล่านี้ แต่หลังจากเหตุการณ์ผ่านไป 42 เดือน แกรงเจอร์ไม่ได้กลับบ้านตามสัญญา            ปี 1986 มีคนพบหลุมระเบิดบนยอดเขาซิกเกอร์ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากบ้านแกรงเจอร์มากนัก ในบริเวณนั้นมีเศษชิ้นส่วนรถยนต์กระจัดกระจาย ทำให้เกิดทฤษฎีว่ามันคือเศษชิ้นส่วนรถปิกอัพของแกรงเจอร์ ในคืนวันเกิดเหตุเขาได้นำระเบิดบรรทุกไว้ในรถและทำการจุดระเบิดระหว่างอยู่บนยอดเขาซิกเกอร์เพื่อปลิดชีวิตตัวเอง            รายงานดังกล่าวเป็นเพียงข้อสันนิษฐานของผู้สื่อข่าวท้องถิ่น หากแต่ยังไม่มีรายงานการชันสูตรจากตำรวจและไม่พบเศษชิ้นส่วนมนุษย์ในที่เกิดเหตุแต่อย่างใด ที่สำคัญคือไม่มีเหตุจูงใจให้แกรงเจอร์ต้องฆ่าตัวตาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำด้วยวิธีที่พิสดารขนาดนั้น  แกรงเจอร์ประสบความสำเร็จในชีวิต มีกิจการเป็นของตัวเอง มีครอบครัวที่อบอุ่น มีเพื่อนฝูง ฐานะทางการเงินก็อยู่ในขั้นพอกินพอใช้ และเขาคงไม่ห่วงกินข้าวเย็นก่อนจะฆ่าตัวตาย แต่เกิดอะไรขึ้นกับแกรงเจอร์ในคืนวันที่ 29 พฤศจิกายน 1980 ไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้ ที่มา : ร้ายสาระ โดย ศิลป์ อิศเรศ www.pantip.com/cafe/siam/topic/F12840007/F12840007.html นิตยสารโลกวันนี้วันสุข ฉบับที่ 382 เอกสารอ้างอิง : ufo-joe.tripod.com/cases/1980granger.html www.redicecreations.com/article.php?id=22179 จากคุณ : Mr.Terran เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 11:07:08

ความคิดเห็นที่ 7 อยากไปเที่ยวกับมนุษย์ต่างดาวบ้างอ่ะ T^T จากคุณ : withintemptation เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 11:12:46

ความคิดเห็นที่ 8 เอ่อ เงิบจัง ยังไงก็ RIP ทำตามคำไอน์สไตน์สินะ จากคุณ : น้ำผึ้งอาบยาพิษ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 11:37:55

ความคิดเห็นที่ 9 เค้าสื่อสารผิดป่าว เค้าอาจจะบอกว่าจะกลับมาในอีก 42 ปีก็ได้น่ะ ไม่ใช่ 42 เดือน จากคุณ : นักดาบเลเวล3 เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 12:25:57

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้า 42 ปีก็ปรมาณ 2022 อีก 10 ปีครับ เก็บกระทู้นี้ไว้รอได้เลย 55 ข้อแรก เค้าหลอนไปเอง อัฉริยะ อาจมีปัญหาทางสมองไรงี้ เลยทำอะไรซักอย่างที่คิดว่า จะลอยไปหา ต่างดาวได้ แต่กลายเป็นระเบิดตัวตายไป ข้อสอง ไม่หลอน ต่างดาวมีจริง อันนี้คงคำนวนเวลาไปกลับผิดไปหน่อย อาจใช้หน่วยเดือนของ มนุษย์ต่างดาว เลยไม่ตรงกะของเรา มีใครเอาเรื่องนี้ไปหว้ากอรึยังครับ อยากตามไปดูบทวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ 55 จากคุณ : tee02430 เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 12:42:07