Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สวัสดีครับทุกคนครับ ผมกำลังจะขอคุณวรรณ...แต่งงานครับ ติดต่อทีมงาน

ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 13 ปีที่แล้ว ตอนนั้นผมเรียนอยู่ปี 3 คณะนิเทศฯ ม.หอการค้า ขณะที่กำลังนั่งคอยเวลาเข้าเรียน ผมก็เห็นผู้หญิงตัวเล็กๆ หน้าหมวยๆ คนหนึ่งเดินผ่านมา สิ่งที่ทำให้ผมประทับใจในครั้งแรกก็คือ รอยยิ้มของเธอครับ รอยยิ้มที่ร่าเริงขณะกำลังเดินคุยกับเพื่อนๆ ตอนนั้นผมรู้สึกว่า โลกมันสดใสมาก แค่เพียงได้เห็นเธอยิ้ม

หลังจากนั้นมันเลยทำให้ทุกครั้งที่ผมเห็นเธอ ผมก็จะแอบๆมองอยู่ตลอด แต่ในใจตอนนั้นผมไม่กล้าที่จะเข้าไปจีบเธอหรอกครับ เพราะผมคิดเอาเองว่า เราเป็นคนไม่มีเสน่ห์ จะพูดจะคุยก็ไม่เก่ง และผมก็เขินมากๆ ถ้าต้องให้เข้าไปคุยกับคนที่แอบชอบ ก็เลยเก็บความรู้สึกนั้นเอาไว้ จนกระทั่ง....

วันหนึ่ง มีคาบเรียนที่ห้องของผม เรียนติดกันกับห้องเรียนของเธอ พอผมรู้ว่าเธอมาเรียนห้องข้างๆ ผมก็เลยทำเป็นเดินผ่านๆ ตรงประตู (ประตูเป็นประตูกระจกครับ) เพราะอยากรู้ว่าเธอมาถึงห้องเรียนหรือยัง ระหว่างนั้นเอง เธอก็เดินเข้ามาพร้อมกับเพื่อนๆกลุ่มใหญ่ แล้วเพื่อนผมมันก็โผล่มาพอดี ซึ่งตอนนั้นเองผมเลยรู้ว่า เพื่อนผมมันสนิทกันกับกลุ่มเพื่อนของเธอ มันเลยทำให้จิตใจผมในตอนนั้น มันพุ่งพล่านไปหมด ใจนึงอยากจะให้เพื่อนช่วยแนะนำผมให้เธอรู้จัก แต่อีกใจก็ไม่กล้า

ตลอดคาบเรียนนั้น ในหัวผมมันนั่งคิดตลอดว่าจะยังไงดี จนหมดคาบเรียนผมตัดสินใจ...

"ต้อม กูแอบชอบคนๆนึงอยู่ว่ะ ช่วยกูหน่อยดิ"

ผมบอกเพื่อนสนิทของผมไป จากนั้นมันก็จัดการขอเบอร์โทรฯของเธอมาได้

ผมได้เบอร์ที่บ้านของเธอมา (สมัยนั้นเราต้องติดต่อกันทางโทรศัพท์บ้านครับ หรือไม่ก็เพจเจอร์) ก่อนจะโทรไปผมทำการบ้านมาอย่างดี ผมจะมีสมุดอยู่เล่มหนึ่ง เป็นสมุดจดว่าผมจะคุยอะไรกับเธอบ้าง เพราะรู้ตัวเองเป็นคนคุยไม่เก่ง ก็เลยพยายามที่จะหาเรื่องมาคุย ทำความรู้จักกับเธอ และอีกอย่างหนึ่งคือ ผมก็ไม่แน่ใจว่า เธอจะอยากคุยกับผมหรือเปล่า ถ้าเธอไม่อยากคุย สิ่งที่ผมเตรียมเอาไว้ก็คงหมดความหมาย เพราะฉะนั้นผมเลยพยายามรวบรวมความกล้า แล้วหมุนโทรศัพท์ไปหาเธอครับ

"ฮัลโหล" เสียงปลายสายดูเป็นผู้หญิงสูงอายุ (น่าจะเป็นคุณแม่)

"ขอสายวรรณครับ"

"รอแปบนึงนะ"

"ฮัลโหล" ....น้ำเสียงที่สดใสของเธอมาแล้ว

"หวัดดี เราเอง แบด ที่ให้ต้อมไปขอเบอร์มาวันนั้น"

เงียบไปพักนึงเหมือนเธอกำลังคิด ..."อ่อ.."

จากนั้นผมก็ชวนเธอคุยสั้นๆ เพราะไม่อยากจะกวนเวลาเธอมาก เหมือนเธอกำลังยุ่งอยู่ (อีกอย่างคือ ตอนนั้นผมอยู่หอพักฯ แล้วโทรศัพท์มันจะตัดทุก 15 นาทีครับ)

พอวางสาย ผมดีใจมากที่เธอคุยกับผม ในใจตอนนั้นคิดเพียงว่า ขอแค่เธอคุยกับผมก็พอ แค่นี้ผมก็มีความสุขแล้ว

หลังจากวันนั้นมา ประมาณสองสามทุ่มของทุกวัน ผมก็จะโทรหาเธออย่างสม่ำเสมอ

มันน่าประหลาดใจตรงที่ สิ่งที่ผมจดเอาไว้ว่าจะชวนเธอคุยเรื่องอะไรนั้น ผมแทบไม่ได้ใช้เลย เพราะเป็นเธอนั่นเองที่เป็นฝ่ายชวนผมคุย

พอเราได้รู้จักกันมากขึ้น ผมก็รู้มาว่าเธอชอบดื่มนมพร่องมันเนย กับป๊อกกี้สีชมพู พอเวลาพักเที่ยงหรือช่วงเรียนคาบบ่าย ผมก็จะซื้อไปฝากเธอทุกวัน จนเพื่อนๆ เธอรู้แล้วว่าผมกำลังจีบเธออยู่

จากนั้นผมก็ได้มีโอกาสชวนเธอไปกินข้าวเย็นบ้างหลังเลิกเรียน หรือเวลาที่เธอไม่มีเพื่อนไปกินข้าวกลางวัน ก็จะมีผมไปเป็นเพื่อนแทน

เราเริ่มสนิทกันมากขึ้นๆ ทุกๆวัน ช่วงนั้นผมซ้อมดนตรีหนักมาก เวลาที่ผมไปแข่งประกวดดนตรีตามที่ต่างๆ เธอก็จะตามไปดู ไปให้กำลังใจ

จากวันที่ผมไม่เคยคิดว่าเธอจะสนใจคนธรรมดาอย่างผม เพราะเราทำสิ่งต่างๆโดยไม่อยากไปคาดหวัง เพราะเคยมีบทเรียนเรื่องความรักที่ผิดหวังมาถึง 2 ครั้ง

พอมาครั้งนี้ ผมเลยคิดว่า เอาล่ะ ผมจะไม่หวังให้เธอมาชอบนะ ผมขอเพียงแค่ได้ทำให้เธอมีความสุขก็พอ


ผ่านไปหลายเดือน จนกระทั่งวันหนึ่ง ผมชวนเธอไปดูหนัง หลังจากดูหนังเสร็จกำลังจะเดินไปส่งเธอขึ้นรถ TAXI กลับบ้าน ในใจผมเหมือนได้รับสัญญาณอะไรบางอย่างว่า

"ให้ขอเธอคบกันเป็นแฟน"

ผมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ในใจผมมันบอกมาอย่างนั้น แล้วผมจะกล้าพอไหมนี่

ระหว่างที่ยืนรอเรียก TAXI รถก็เข้ามาจอดพอดี เธอกำลังจะก้าวขึ้นรถ จังหวะนั้นเอง ไม่รู้อะไรดลใจผมให้พูดออกไปว่า....


"เป็นแฟนกันนะ"


เธอหันมา ชะงักไปพักนึง เธอยิ้มให้กับผมแล้วบอกว่า


"อื้ม..." พร้อมพยักหน้าว่าตกลง


วันนั้นเป็นอีกวันที่ผมจะจดจำความรู้สึกดีใจ ความสุข นี้เอาไว้ พอผมกลับถึงบ้าน เธอก็โทรมาหาผม เราคุยโทรศัพท์กันถึงเช้า มันเป็นช่วงเวลาที่ไม่รู้จะอธิบายยังไงดีครับ เป็นอีกวันที่มีความสุขที่สุด (ผมมารู้ตอนหลังว่า วันนั้นเธอลุ้นให้ผมพูดขอเธอเป็นแฟนเร็วๆ ถ้าวันนั้นผมไม่พูดออกไป เธออาจเปลี่ยนใจก็ได้)

จากวันที่ผมขอเธอเป็นแฟนเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2542 จนถึงวันนี้ก็เป็นเวลากว่า 13 ปีแล้วครับ มันเป็นช่วงเวลาที่มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นกับชีวิตเรามาก

แน่นอนครับว่ามันมีทั้งสุข มันมีทั้งทุกข์ มีวันที่เราทะเลาะกัน มีวันที่เราไม่เข้าใจกัน มีวันที่เราห่างกันไกล (ผมไปเรียนต่อที่เบอร์ลินสองปี พอกลับมาเธอก็ไปเรียนต่อที่ออสเตรเลียปีหนึ่ง) มีบททดสอบความรักของเรามากมาย ว่าเราจะก้าวผ่านมันไปได้ไหม

ผมคิดว่าเราโชคดีที่เรา "มีกันและกัน" เราเลยผ่านเรื่องเหล่านั้นมาได้ จนมาถึงวันนี้ ผมคิดว่าผมพร้อมแล้วครับ ที่จะมีคนที่พร้อมจะเดินเคียงข้างกันตลอดไป คนที่เข้าใจเราที่สุด คนที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง

วันนี้ผมจะขอเธอแต่งงานครับ เอาใจช่วยผมด้วยนะครับ

จากคุณ : catdog
เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 22:29:47




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com