ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าเป็นผมนะ ผมเลือกแม่อะ แล้วค่อยๆขยับขยายหาทางต่อไป จากคุณ : TongNaja เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 14:06:21

ความคิดเห็นที่ 2 ตัวแปรคือ สุขภาพของแม่คุณครับ ถ้าท่านแข็งแรงดี คุณไปทำตามความก้าวหน้าของตัวเองซะ แต่ถ้าท่านมีอาการป่วย หรือต้องการได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด คุณก็เลือกอยู่กับแม่ จากคุณ : จระเข้เจ้าเล่ห์ เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 14:06:35

ความคิดเห็นที่ 3 พาแม่ไปอยู่ ตปท.ด้วยครับ ^ ^~ ถ้าท่านไม่ไปผมก็ไม่ไปอะ จากคุณ : อ๋องก้า เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 14:08:23

ความคิดเห็นที่ 4 ผมว่าคุณก็ตัดสินใจไปแล้วหนิครับ คุณไม่อยากไปเพราะยังกังวล ถ้าคุณไปทั้งๆที่กังวลอยู่ คุณก็ไม่มีความสุขหรอกครับ เรียนอ่ะ เรียนเมื่อไหร่ก็ได้ครับ คุณลุงอายุ40-50ยังมานั่งเรียนในโรงเรียนกับเด็กอยู่เลย แต่แม่อ่ะครับ ไม่ดูแลตอนนี้ แล้วจะไปดูแลตอนไหนหล่ะ จริงมะ ผมไม่ได้ตัดสินว่าทำอะไรถูกอะไรผิด แต่คุณยังกังวลอยู่ คุณก็ควรจะหาทางลบความกังวลนี่ออกไปซะ ก่อนที่จะไปต่างประเทศ จะได้มีความสุขกับตัวเองครับ จากคุณ : แนวนิ้วนิ้วแนว เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 14:08:57

ความคิดเห็นที่ 5 สำหรับผม ผมเลือกที่จะอยู่กับครอบครัวครับ ยิ่งกับแม่ด้วยแล้ว ไม่ต้องคิดไรเลยครับ ลองคิดว่าแม่จะอยู่กับเราอีกกี่ปีครับ อยู่เลี้ยงดูท่านดีกว่า หากคิดเรื่องบุญคุณ เพียงบุญคุณที่ท่านให้กำเนิดเรามาแค่นี้ก็ทดแทนไม่หมดละครับ สำหรับผม ครอบครัว สำคัญเสมอ มากกว่างานที่ผมทำเสียอีก จากคุณ : Karinda เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 14:12:09

ความคิดเห็นที่ 6 คำถามแบบนี้ เป็นผมไม่ต้องคิดเลย คนเราจะตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ชีวิตนี้ขอทดแทนบุญคุณพ่อแม่ให้ดีที่สุด จากคุณ : torlufc` เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 14:12:28

ความคิดเห็นที่ 7 เราขอดูแลคุณแม่ค่ะ คุณแม่เรามีคนเดียว ส่วนเรื่องความก้าวหน้าในงาน เราอาจเสียดายนะคะ แต่ว่า จะหาทางทำแบบอื่นค่ะ เช่น ทำธุรกิจส่วนตัว ถึงไม่มีหน้ามีตามากนั้น ก็มีเิงินค่ะ ทดแทนกันได้ ท่านอายุมากขึ้นทุกวัน ถ้าเกิดอะไรขึ้น แล้วเราไม่ได้มาดูแล เราคงเสียใจตลอดชีวิต ตอนแรก เราก็ไม่ได้คิดแบบนี้หรอกค่ะ แต่พอมาฟังเพลงนี้ แล้วเราเลยคิดว่า ยังไงเราก็เลือกคุณพ่อคุณแม่ก่อนค่ะ อยากทำทุกอย่างให้ดี จะได้ไม่ต้องเสียใจทีหลัง จากคุณ : น้ำผึ้งอาบยาพิษ เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 14:12:34

ความคิดเห็นที่ 8 ผมเลือกแม่โดยไม่ดูอย่างอื่นเลยยยย ไม่สน พ่อกะแม่ผมเท่านั้น จากคุณ : MonoEye เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 14:13:31

ความคิดเห็นที่ 9 อุ้ย! *7 น้องน้ำผึ้งอาบยาพิษ คิดเหมือนผมเลยครับ             ฟังครั้งแรกคิดถึงพ่อเฉยเลยยย จากคุณ : MonoEye เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 14:14:40

ความคิดเห็นที่ 10 เลือกข้อสองค่ะ และทำมาแล้ว จากคุณ : I have a great mom เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 14:17:17

ความคิดเห็นที่ 11 ความเห็นส่วนตัวนะครับ พ่อแม่เลือกที่จะไม่มีเราก็ได้ ชีวิตท่านจะเป็นอิสระกว่านี้เยอะ เก้าเดือนที่อุ้มท้อง กว่าเราจะพูดได้ เดินได้ ส่งเสียเราเรียน กว่าจะเป็นอย่างทุกวันนี้ ผมจะก้าวหน้าหรือไม่ ต่อไปในอนาคตจะเป็นยังไง แน่นอนว่าไม่มีใครบอกได้หรอกครับ ผมรู้อย่างเดียวว่า การได้อยู่ดูแลครอบครัว จะไม่ทำให้ผมเสียใจในภายหลังแน่นอน จากคุณ : อัศเจรีย์ เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 14:29:38

ความคิดเห็นที่ 12 ข้อ 2 ค่ะ ตอนนี้ทำอยู่ อยู่ดูแลพ่อค่ะ โอกาสก้าวหน้า ด้วยหนทางอื่นยังมีค่ะ ถ้าเราก้าวไปข้างหน้า แต่เดียวดาย มันก็สุขแบบไม่สุดอะค่ะ จากคุณ : เจ้าหญิง piG เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 14:38:01

ความคิดเห็นที่ 13 แม่หนูยังไม่เคยทิ้งหนูไปไหนเลย หนูรักแม่ ไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับแม่ของหนู จากคุณ : ยืมตังค์200 เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 14:47:56

ความคิดเห็นที่ 14 สำหรับผม ครอบครัวมาก่อนเสมอครับ จากคุณ : Boatsu เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 14:53:46

ความคิดเห็นที่ 15 ผมขอถามกลับได้มั้ยครับ อะไรถึงทำให้คุณมั่นใจว่าไปต่างประเทศแล้วจะมีความก้าวหน้า ที่ถามเพราะผมเคยไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศมาก่อนและพอจะมองออกได้ว่าคนไทยจะมีสักกี่เปอเซ็นต์ที่จะได้ทำงานในบริษัทฝรั่งมันเป้นเรื่องยากมากถึงจะจบจากยูดังๆก็ตาม สาเหตุเพราะ -ระบบการทำงานของฝรั่งเน้นที่ความสามารถมากกว่าวุฒิปริญญา คุณอาจมีความสามารถในการทำงานแต่อาจจะมีอุปสรรคในการสื่อสาร ในขณะที่ฝรั่งด้วยกันอาจจะเก่งน้อยกว่าคุณแต่สามารถทำงานได้ตรงตามที่หัวหน้าต้องการ บริษัทจะเลือกใคร -เนื่องจากคุณไปในฐานะนักศึกษา โอกาสจะหางานที่ทำกับฝรั่งแทบจะมีน้อยมากเนื่องด้วยชั่วโมงการทำงานของนักศึกษาที่จำกัด อย่างอเมริกาห้ามนักศึกษาทำงาน ออสเตรเลียจำกัด20ชั่วโมง/สัปดาห์ เพราะฉะนั้นชั่วโมงการทำงานของคุณคือข้อจำกัดมากในการที่ฝรั่งจะรับเข้าพิจารณาทำงาน สมมุติได้ทำงานกับคนไทย อะไรคือหลักประกันว่าจะได้เงินดีมีความก้าวหน้า คนไทยในต่างประเทศแทบจะร้อยละ80-90คือเปิดร้านอาหาร และผมจะบอกว่าชีวิตต่างแดนโอกาสที่คุณจะเจอคนไทยที่ช่วยเหลือกันมันมีน้อยมาก คนไทยหลายคนไปเสียเวลา เสียโอกาสอยู่เมืองนอกก็มีมาก กลับมาเมื่ออายุเลย30ไปแล้วจะมาหางานทำต่อในเมืองไทยมีน้อยมาก และถ้ายึดติดกับอีโก้ยอมรับได้มั้ยถ้ามีหัวหน้าที่อายุน้อยกว่าตัวเองหลายปี แล้วมามองย้อนกลับ เมืองไทยคุณไม่เห็นโอกาสหรือช่องทางในการทำธุรกิจอะไรสักอย่างเลยหรือ อยู่เมืองไทยได้ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำ ได้ดูแลแม่ สำหรับผมถ้าไม่มีหลักประกันอะไรที่แน่นอนการันตีว่าไปแล้วดีแน่ๆ ผมไม่ไปให้เสียเวลาครับ เรื่องการศึกษาสมัยนี้เรียนโทเมืองไทยบางมหาลัยคุณภาพไม่ได้ต่างจากต่างประเทศเลย จากคุณ : บอนส์ เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 14:55:43

ความคิดเห็นที่ 16 คำถามแนวนี้ น่าสนใจมากครับ ตอนผมไปที่ USA นี่เค้ามี debate กันเลยนะครับ หัวข้อนี้ คนไทยส่วนใหญ่เลือกที่จะอยู่กับครอบครัว แต่ถ้าเป็นชาติตะวันตก เค้าเลือกที่จะทำตามฝันครับ พ่อแม่คนไทย ส่วนใหญ่ก็ไม่อยากให้ลูกไปไกลตัวครับ แต่พ่อแม่ฝรั่ง เค้าบอกว่า จะไปไหนก็ไปนะ อยากทำอะไรก็ทำ ชีวิตเธอของเธอ ไม่ต้องมาผูกติดกับเค้า ไม่ได้บอกว่าใครผิดใครถูกนะครับ อยากทำแบบไหนก็ทำแบบนั้นล่ะครับ แต่เห็นด้วยกับความเห็นที่ 2 ครับ ถ้าแม่คุณยังแข็งแรงอยู๋ก็ออกไปทำตามฝันซักครั้งเถอะครับ หรือไม่ คำถามนี้ เอาไปถามแม่คุณดูครับ เพราะคิดว่า ถามตัวเองคุณคงไม่ได้คำตอบที่พอใจที่สุดแน่ ใจนึงก็อยากไป ใจนึงก็ห่วงแม่ สู้ๆครับ จากคุณ : tee02430 เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 15:18:06

ความคิดเห็นที่ 17 ไปก่อน แล้วค่อยกลับมา จากคุณ : ตอบโจทย์ เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 15:20:26 A:58.11.133.42 X: TicketID:204597

ความคิดเห็นที่ 18 เหตุการณ์สดๆ เมื่อคืนครับ ก็ตกใจเหมือนกันมาเจอกระทู้นี้ ผมเลือกอยู่กับแม่อย่างไม่ลังเลครับ เมื่อคืนตี1กว่า แม่ร้องกรี๊ดๆโหยหวนมากครับ ไอ้ผมก็นั่งเล่นคอมอยู่อีกชั้นนึงก็คิดว่าแม่คงฝันร้ายอีกล่ะ แกชอบฝันร้ายบ่อยแล้วชอบทำเสียงอย่างงี้แต่ปรากฎว่าพอไปที่ห้องแล้วไม่เจอแม่ ผมก็ตะโกนหาแม่อยู่ไหนๆ แม่บอกอยู่ห้องน้ำปวดท้องมาก ผมก็เลยรีบเข้าไปดูแม่บอกปวดจะเป็นลมอยู่แล้ว ปวดยิ่งกว่าตอนคลอดลูกอีก แล้วเสียงแกก็โหยหวนมาก ตอนนั้นผมตกใจ แม่บอกจะเป็นลม ผมก็วิ่งไปเอายาดมมาให้ แม่บอกทาที่ท้องด้วยผมก็ทาครับ แล้วแม่ก็ถ่ายออกมาด้วยความเจ็บปวด ตอนนั้นในใจก็สวดมนต์ไปด้วยอ่ะครับขอให้แม่ไม่เป็นอะไร สุขภาพแข็งแรง ขอให้ร่างกายขับพิษ ขับสิ่งที่ไม่ดีออกมาให้หมด ผมคิดว่าแม่คงท้องเสียอ่ะครับ แม่ก็นั่งชักโครกตัวงอเกาะแขนผมไว้ เหงื่อออกเต็มตัว แม่บ่นว่าหนาว ผมก็หาผ้าขนหนูผืนใหญ่มาห่มให้ครับ ก็ยืนสวดมนต์แล้วก็พูดให้กำลังใจแม่ตลอดอ่ะครับ ว่าไม่เป็นไรมากหรอก เดี๋ยวก็หายๆ ผมเคยเป็นมาก่อน ท้องเสียงหน่ะ พอแม่เริ่มอาการดีขึ้นไม่ปวดแล้ว เอาน้ำให้กิน แล้วก็พาไปนอนที่ห้อง ตอนนั้นตี2.15แล้ว แต่ผมก็นั่งสวดมนต์อยู่ข้างหน้าห้องจนถึงตี 3 แล้วก็คิดว่าจะลงไปกินน้ำแล้วเดี๋ยวคงไปนอนล่ะก็นอนข้างๆแม่แหละครับ แต่ลงไปแป๊บเดียว ก็ได้ยินเสียงชักโครกอีกล่ะ ก็เลยรีบวิ่งขึ้นไปดูแม่ที่ห้องน้ำ แม่ก็ถ่ายอีกก็ทำเหมือนเดิมอีกรอบแต่ไม่ปวดแล้วก็นั่งรอ ปากก็สวดมนต์ไปด้วย เอายาดมให้แม่ดมไปด้วย ก็นานพอสมควรครับ ก็ให้แม่กินน้ำ และก็พาแม่ไปนอน ผมก็นอนเตียงข้างๆแม่อยู่แล้วอ่ะครับ ก็ไม่เป็นอะไร ตอนเช้าแม่ก็หายดีล่ะครับตื่นมาหุงข้าวได้ ทำโน่นทำนี่ได้ปกติ       อยากจะบอกว่าตอนที่แม่พูดว่าเจ็บยิ่งกว่าตอนคลอดลูกอีก ผมสำนึกเลยครับว่าแม่คงเจ็บจริงๆ แล้วกว่าแม่จะให้กำเนิดเรามา เลี้ยงดูเรามาจนป่านนี้ต้องลำบากยากเย็นมาขนาดไหน แต่แม่ก็ไม่เคยบ่น แล้วเราล่ะเราทำตัวเป็นลูกที่ดีของแม่รึยัง ผมไม่อยากจากแม่ไปไหนเลยครับ ตอนนั้นคิดว่าถ้าแม่เป็นอะไรไปผมคงกรีดร้อง คงเสียใจมากๆครับ..       ผมเรียนมหาลัยก็เรียนแถวบ้านครับ จบมาก็ทำงานแถวบ้าน เพราะไม่อยากอยู่หอ เพราะกลัวว่าแล้วจะมีใครดูแลแม่ล่ะ เพราะสมัยผมเรียนมหาลัยพี่ๆก็ไปเรียนที่ตจว. ทำงานอยู่หอกัน ก็มีแต่ผมที่อยู่กับแม่สองคน เคยพาแม่ไปรพ.เองล่ะครับ เมื่อคืนก่อนนอนก็คิดว่าถ้าเลือกได้ผมอยากเรียนหมอหรืออะไรก็ได้ที่มีความรู้เรื่องสุขภาพอ่ะ จะได้รักษาแม่ได้ถูก ปฐมพยาบาลได้ถูก รู้เรื่องยา มีอะไรจะได้ช่วยแม่ไว้ให้ได้ทันท่วงที แต่ตอนนี้ก็คิดว่าจะพยายามศึกษาเพิ่มเติมเองครับอะไรๆที่จำเป็นเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลเบื้องต้น จากคุณ : นายพรานน้อย เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 15:29:42

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณทุกคนค่ะ สำหรับความเห็นที่หลากหลาย ทำให้เราคิดอะไรได้เยอะขึ้น กว้างขึ้นอีก ขอบคุณมากๆ เลยค่า ^____________^ @คุณบอนส์ : น้าของแฟนเค้าได้ citizen อยู่ที่โน่นค่ะ แล้วรู้จักคนเยอะ เค้าบอกจะช่วยหางานดีๆ ให้ แล้วก็ช่วยดูเรื่องเรียนต่อ อยากไปก็อยากนะคะ แต่ห่วงแม่ และก็คิดว่าทำธุรกิจอะไรที่นี่ก็คงโอเคแล้วได้อยู่ใกล้แม่ด้วย^^ ก็ลองปรึกษาเรื่องลงทุนกับแม่แล้ว แต่ก็คิดมากอย่างที่คุณบอกแหละค่ะ เราเพิ่งจบใหม่ เพิ่งทำงาน กำลังไฟแรง อยากทำโน่นทำนี่ไปหมด ที่มาถามในกระทู้ก็อยากฟังความเห็นจากหลายๆคน หลายๆมุมด้วย ขอบคุณนะคะ ^^ จากคุณ : ** GlitzY mE เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 15:59:25

ความคิดเห็นที่ 20 พาแม่ไปด้วย จากคุณ : 11 เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 15:59:29 A:202.28.62.245 X: TicketID:332388

ความคิดเห็นที่ 21 ผมขอเล่าประสบการณ์ส่วนตัวน่ะครับ ผมได้อยู่ต่างประเทศส่วนนึงก็เพราะญาติที่เป็นCitizenแบบน้าแฟน จขกท.นั่นแหล่ะ ผมไปโดยเรียนก่อนจนจบ แล้วก็หาเรื่องอยู่ต่ออีก2ปีกว่าก่อนกลับไทย คือคำว่าหางานของเค้านี่ส่วนใหญ่จะเป็นงานที่ทำกับคนไทยด้วยกันที่มีวิธีการหลบเลี่ยงในการทำงานเกินชั่วโมงได้แต่ค่าแรงอาจจะน้อยกว่าที่จขกท.คาดถึง พอบอกว่าเพิ่งจบใหม่ผมเดาว่าอายุคงไม่เกิน23-24 โอกาสจะได้ทำงานกับฝรั่งแบบเสียTax แทบจะไม่มี เนื่องด้วยแม้ว่าน้าจะเป็นCitizenแต่จขกท.ไปด้วยวิซ่านักเรียนซึ่งผมเชื่อว่าไปด้วยวิธีนี้วิธีเดียวเท่านั้น ค่าแรงต่อชั่วโมงระหว่างทำงานกับฝรั่งและ คนไทยต่างกันครึ่งๆเพราะผมเคยทั้งทำงานกับทั้งคนไทยและฝรั่ง ยกตัวอย่าง ที่ออสเตรเลียถ้าผมทำงานครบ3เดือนผมจะมีสิทธ์ขอพักร้อน1สัปดาห์ ถ้าผมไม่ใช้ประโยชน์ตรงนี้ผมจะต้องไดัค่าแรงเพิ่มขึ้นอีก1เท่าคือเพิ่มจากค่าแรงต่อสัปดาห์ไปอีก1เท่า แต่กับคนไทยไม่มีเพราะเค้าไม่สามารถขึ้นทะเบียนการทำงานให้คุณได้ และเมื่อสิ้นปีผมสามารถขอเงินที่เสียภาษีไปทุกๆเดือนคืนได้ โดยจะได้ลดลงไปในทุกๆปีปีแรกจะได้เต็มจำนวนที่เสียTaxไป ผมไม่ได้บอกว่าการไปต่างประเทศไม่ดีน่ะ เพียงแต่ถ้าเราคิดจะไปหาประสบการณ์ ไปฝึกตัวเอง ไปเรียนรู้การใช้ชีวิตต่างแดนเพื่อพัฒนาตัวเองอันนี้น่าสนับสนุน แต่ถ้าคิดไปเพื่ออนาคตที่ดีกว่าอันนี้ต้องถามกลับว่า แน่ใจหรือยังกับคำพูดของน้าแฟน ที่บอกแบบนี้เพราะผมกลัว จขกท.จะไปเสียเวลาโดยไม่ได้มีอะไรดีขึ้น ถ้ามีฐานอยู่เมืองไทยแล้วบางทีเวลาที่เสียไปกับการอยู่ต่างประเทศอาจจะใช้ชีวิตในเมืองไทยได้ไกลพอสมควรแล้ว ผมขอมองอีกด้านนึงที่ตรงข้ามกับ จขกท.น่ะครับ^_^ เพราะฉะนั้นลองถามให้เคลียร์ให้เข้าใจว่าการฝากงานที่เค้าพูดถึงเป้นแบบไหน จากคุณ : บอนส์ เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 16:24:09

ความคิดเห็นที่ 22 เป็นไปได้มั้ยคะ ที่จะพาท่านไปด้วย สำหรับเราเคยไป ตปท. มาสองครั้ง แล้วมีความคิดว่าอยากไปอยู่ที่นั่นเลย แต่ก็ไม่อยากทิ้งคุณแม่ไว้เหมือนกัน ช่วงนี้เป็นช่วงวางแผน คิดๆไปเรื่อยๆ เราอาจจะพาคุณแม่ไปอยู่ด้วย ประมานนั้นแหละค่ะ จากคุณ : Teodora.Lee เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 17:55:34

ความคิดเห็นที่ 23 ลองถามแม่ดูก่อน   ว่าแม่คิดยังไงบ้าง จากคุณ : apollo14 เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 19:28:37

ความคิดเห็นที่ 24 อยู่กับแม่อะค่ะ เราว่าเรื่องเรียนเรื่องทำงานต่อให้พลาดครั้งนี้ก็ยังมีครั้งหน้า แต่ครอบครัวคือโอกาสเดียวและโอกาสสุดท้ายในชีวิตอะ บางทีเรายังคิดเลยว่า อยากลาออกจากงานมาขายก๋วยเตี๋ยวที่บ้านยังจะดีกว่าไหมเนี่ย 55+ อยากอยู่กับครอบครัวทุกๆ วัน ยอมไม่มีแฟนเลยเอ้า ขอให้ได้อยู่กันไปนานๆ ก็พอ จากคุณ : ฟ้าไม่ให้มีรัก เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 21:39:24

ความคิดเห็นที่ 25 เราตอบไม่เหมือนคนอื่นแฮะ ถ้าเป็นเรา เราอยากไปต่างประเทศนะ หลักๆ คือรักอิสระ(เรามีปัญหาเชิงทัศนคติกับพ่อแม่มานานแล้ว คือภาพรวมรักกันดีนะ แต่ทัศนคติไปด้วยกันไม่ได้จริงๆ ถ้าคุยกันแบบแลกเปลี่ยนความเห็นจะทะเลาะกันบ่อยมาก พ่อเราก็หัวดื้อ ใจร้อน คนจีนโบราณแท้ๆ เลย ไม่ค่อยรับฟัง จนเราเลิกคุย คุยแต่เรื่องทั่วไปพอ) เราอยากเที่ยว อยากเปิดโลกทัศน์ตัวเอง อยากเปลี่ยนบรรยากาศรอบตัวทุกอย่าง อยากเจอคนใหม่ๆ อยากลุย อยากทำอะไรหลุดโลกแบบที่อยู่เมืองไทยทำไม่ได้สักครั้ง เรื่องที่บอกว่าจบต่างประเทศออกมาก็ไม่มีงานทำ เราอยากบอกว่าไม่จริง ขึ้นกับสาขาด้วย อย่างสาขาที่เราเรียน รุ่นพี่ทุกคนยืนยันเลย ว่าถ้าจบยู Top 20 ได้จริงๆ มีงานใน Silicon Valley การันตี 95% บ้านเราเป็นสไตล์ที่พ่ออยากไปเราเรียนดีๆ ไปต่อนอกน่ะ ค่านิยมก็ด้วย จริงๆ พ่อแม่ก็หวงเรามากนะ ลูกคนเดียว แต่ญาติพี่น้องเรากระจายตัวกันไปอยู่ต่างประเทศเยอะ เป็น Citizen เพ่นพ่านไปทั่ว บวกกับเราเป็นพวกเกรียนแตก วันดีคืนดีหายตัวไปโผล่กัวลาลัมเปอร์ แรกๆ พ่อโมโหมาก เราก็หายตัวอีก ไปๆ มาๆ พ่อแม่ปลงละ 555 แต่หลักๆ คือ ในไทยทางเลือกน้อยอะ บางทีเราอาจจะต้องเลือกอาชีพสายนี้โดยที่ไม่ได้ชอบเลยก็ได้ ต่างประเทศโดยเฉพาะอเมริกาจะมีความหลากหลายทางอาชีพ ทางการงาน ทางวัฒนธรรมสูง พวกนี้จะเป็นสิ่งเปิดโลกให้เราได้ ถ้าเราเจ๋งพอ แต่เรื่องนี้ก็อยู่ที่คุณจขกท.ด้วย ว่าพร้อมแค่ไหน ถ้าไปแบบกังวลๆ เราว่าไม่โอเคอะ ถ้าจะไปต่างประเทศจริงๆ ต้องมีอารมณ์แบบ ตื่นตัว พร้อมเผชิญสิ่งใหม่ๆ ถ้าคุณไปแบบกังวลๆ เราว่าได้เป็น Homesick กลับบ้านแน่ เปลืองค่าตั๋วเปล่าๆ ไหนๆ ลองคุยกับคุณแม่คุณแฟนดูมั้ย ว่าไปที่นู่นพร้อมกันเลยได้มั้ย หรือถ้ามีเงินพอก็อาจจะลองไปเรียนสักปีแล้วให้คุณแม่บินไปเที่ยวแทน ปล. เป็นพ่อเราเหรอ คงถีบส่งเราไปไกลๆ แล้วพาแม่หนีไปเที่ยวจีนแล้วถ่ายรูปส่งสไกป์มาเยาะเย้ยเราแหงม(ไม่สะทกสะท้านหรอกจ้า - พ่อเราบ้าจีนมากกกก ไปดูงานไปเที่ยวจีนทุกปี ลูกสาวอย่างเราเบื่อจีนจะตายแล้วจ้า) 55 ปลล. ใครบอกว่าเมกาห้ามนักศึกษาทำงานอ่า ทำ Intern ตามสาขาที่ตัวเองเรียนได้นะ ได้ตังค์ด้วย หรือไม่ก็เป็นพวกผู้ช่วย prof. ไรงี้ มีรายได้ให้เหมือนกัน -.- จากคุณ : ตัวตลกสีเทา เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 22:52:46