เมื่อวาน . . แวะหาอะไรกินที่เซ็นทรัลพระรามเก้าซึ่งเป็นทางผ่านโดยไม่ได้ตั้งใจเอาไว้ก่อน
เราได้บังเอิญสบตากับผู้ชายคนหนึ่งบนบันไดเลื่อนที่กำลังสวนทางกัน
แว่บเดียวที่รู้สึกเหมือนสะดุดอะไรบางอย่างก็เลยหันกลับไปมองอีกครั้ง
และเขาก็หันหน้ากลับมามองด้วยเหมือนกัน
แต่ตอนนั้นเราหิวมากกว่า ก็เลยลืม ๆ มันไป รีบเดินไปหาของกินให้เร็วที่สุดอ่ะ
กินเสร็จก็ขับรถออกมาคิดว่าจะกลับบ้าน . .
เห็นอากาศข้างนอกดีมาก ( เหมือนฝนจะตก หรืออาจจะเพิ่งหยุดไป )
ก็เลยขับรถเลยไปถึงสวนเบญจกิตติ ( พระรามสี่ ⎯ หลังโรงงานยาสูบ )
ระหว่างที่เดินเล่น + ถ่ายรูปอยู่นั้น ก็รู้สึกว่าอยากจะดูหนังขึ้นมาแบบแปลก ๆ
เราหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คดูว่าตอนนี้มีเรื่องอะไรน่าดูบ้าง ?
> Terminal 21
> Twilight Saga : Breaking Dawn [ Part 2 ]
> 20 : 55
> Pay now / Just Booking
> Pay now !
เราไปถึงที่นั่นเกือบ ๆ สองทุ่มครึ่ง
จอดรถเสร็จก็คิดว่ายังมีเวลาเหลืออีกตั้งเกือบครึ่งชั่วโมงนะ . . หาอะไรกินดีกว่า ?
เราแวะกินไอติมที่ Swensen's ก่อนจะขึ้นไปชั้น ๖ , รับตั๋วและเข้าไปในโรงหนังทันที
"เอาอันนี้ลงนะคะ" เราหันไปพูดกับคนที่นั่งข้าง ๆ พร้อมกับดึงที่วางแขนลงมา
ระหว่างที่ยืนเพลงสรรเสริญฯ เรารู้สึกว่าผู้ชายคนที่นั่งติดกับเรา เขาหันมามองหน้เราหลายครั้ง
พอเพลงจบเราก็เลยหันไปมองหน้าเขาก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ของตัวเองตามเดิม
คุณพระช่วย !
ผู้ชายคนนี้ . . คือคนที่เดินสวนกับเราตรงบันไดเลื่อนเมื่อตอนกลางวันน่ะ
เราไม่อยากคิดอะไรมาก ก็แค่ความบังเอิญ . .
เรานั่งดู Credit ตอนท้ายเรื่องต่อ ในนณะที่คนเกือบจะออกไปจนหมดแล้ว
แต่เขาก็ยังไม่ลุกออกไป เรารู้สึกแปลก ๆ ไม่ค่อยไว้ใจ ก็เลยลุกเดินไปเข้าห้องน้ำ
"i have died everyday waitin' for you
Darling don't be afraid i . . . have luv you for a thou.......sand years
i'll Luv you for a thou......sand more "
เราเดินร้องเพลงพึมพำไปจนถึงที่จอดรถ
รถคันที่จอดข้าง ๆ กำลังจะขับรถออกไป เราก็เลยหยุดเดิน . .รอให้เค้าขับออกไปก่อน
รออยู่แป้บนึงรถคันนั้นก็ไม่ไป เราก็เลยรีบ ๆ เดินตัดหน้ารถไป
เปิดประตูรถ - โยนกระเป๋าไปเบาะข้าง ๆ - หยิบโทรศัพท์มาวางไว้ที่ประจำของมัน
เรากำลังจะสตาร์ทรถ . . แต่มีใครบางคนมาเคาะกระจก
"ขอโทษนะครับ มันอาจจะฟังดูแปลก ๆ ผมอยากจะถามอะไรสักสองสามคำเพื่อให้ตัวเองแน่ใจ" ผู้ชายคนที่เคาะกระจกพูดกับเรา
เฮ้ย ! นี่มันคนที่นั่งข้าง ๆ เราในโรงหนังนี่นา !!!
เราประหลาดใจมาก มองหน้าเขาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป
"วันนี้...คุณได้ไปที่เซ็นทรัลพระรามเก้ารึป่าวครับ ?" เขาถาม
เราพยักหน้าตอบรับแต่ไม่ได้พูดอะไร
"อย่าหาว่าผมเป็นผู้ชายงี่เง่าเลยนะครับ แต่ผมอยากจะแน่ใจจริง ๆ ว่า
ผู้หญิงที่เดินสวนกับผมที่บันไดเลื่อน กับผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ผมในโรงหนังเมื่อตะกี้
แล้วก็...คุณที่จอดรถติดกันกับผมนี่่ เป็นคน ๆ เดียวกัน
คุณไม่ได้มีแฝดสามใช่ไหมครับ ?"
เราเผลอหัวเราะออกมา มองหน้าเขาแล้วก็ตลกดีนะ
เราหันไปสบตาเขาอีกครั้งก่อนจะพูดว่า
"กลับบ้านกันเถอะค่ะ .. . .ดึกแล้ว อย่าคิดอะไรมากเลย
ความบังเอิญมันเชื่อถืออะไรไม่ได้หรอก"
เขามองหน้าเราซะจนเรารู้สึกอาย ๆ
"คุณไม่คิดว่ามันจะมีอะไรมากกว่าความบังเอิญเหรอครับ ?
เจอกันครั้งแรกอาจจะไม่ทำให้ผมรู้สึกอะไร ก็แค่คนเดินสวนกัน
แต่ครั้งที่สองนี่ . . มานั่งข้าง ๆ กันเลยนะครับ ถ้าเรามาด้วยกันก็ว่าไปอย่าง
แต่ตอนทีคุณเดินผ่านหน้ารถผมไปนั่น. . ผมช็อคมากเลยนะครับ
ใครจะเชื่อว่าผมจะได้เจอคนแปลกหน้าคนเดียวกัน ๓ ครั้ง ในสถานที่ตกต่างกันภายในวันเดียว"
เราคิดอะไรไม่ออกก็เลยพูดอะไรไม่ถูก ได้แต่ทำหน้ายิ้ม ๆ
"คุณคิดว่าเราสองคนควรจะทำความรู้จักกันไหมครับ ?" เขาถาม
"ถ้าคุณคิดแบบนั้นจริง ๆ ถ้าการที่เราเจอกันวันนี้เป็นมากกว่าความบังเอิญอย่างที่คุณว่า . .
ถ้าหากว่ามันจะมีความหมายมากกว่านั้นจริง ๆ" เขาตั้งใจฟังมากเวลาเราพูด
"สักวัน . . เราคงได้รู้จักกันในสถานการณ์ที่แตกต่างจากวันนี้
ขอตัวนะคะ ตอนนี้เราง่วงมากเลยอ่ะ อยากกลับบ้านสุด ๆ "
"โอเคครับ ขับรถดี ๆ นะครับ หวังว่าเราจะได้พบกันอีกครับผม" เขาพูด
เรายิ้มให้เขาก่อนที่จะขับรถออกไปจากที่นั่น
วันนี้ . .
ตื่นขึ้นมาก็นึกถึงเรื่องเมื่อวาน
มันเป็นความบังเอิญที่น่าประหลาดใจ และชวนให้ขนลุกจริง ๆ เลยเนอะ ?