CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    กระทู้ไทม์ แมชชีน ของผม ... ตอน ... อาจารย์ที่ปรึกษา (2)

    วันที่รอคอยก็มาถึง ผมมีนัดคุยกับ ดร. ธเนศ แต่เช้า 8 โมงเลยทีเดียว ที่คณะยังไม่ค่อยมีคนมา เพราะปกติวิชาคาบ 8 โมงไม่ค่อยมีจัดสอนเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเริ่มเอาคาบ 9 โมงครึ่งนั่นแหละ ... ผมกดลิฟท์ขึ้นไปที่ชั้นห้องพักคณาจารย์ เดินมาหยุดที่หน้าห้อง ซึ่งมีป้ายชื่ออาจารย์ติดอยู่ หยุดสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดครู่หนึ่ง ก่อนรวบรวมสติให้อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วเคาะประตูห้อง


    มีเสียงข้างในบอกให้ผมเปิดประตูเข้าไปได้ ... เมื่อผมผลักประตูเข้าไปและปิดประตูเรียบร้อยแล้ว มองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นมีใคร เลยส่งเสียงเรียกซักหน่อย ... “สวัสดีครับ ผมมาพบอาจารย์ธเนศครับ”


    มีเสียงขลุกขลักออกมาจากโต๊ะทำงานเก่าๆ ตรงมุมห้อง มือข้างหนึ่งยื่นออกมาเท้าพื้น แล้วก็มีชายร่างเล็กเหยียดตัวมุดออกมาจากใต้โต๊ะนั้น แล้วเขาก็ยืนมองหน้าผมอยู่อย่างนั้น ...


    ผมเลยทักทายเค้าไปอีกว่า “สวัสดีครับ ผมมาพบอาจารย์ธเนศครับ อาจารย์ไม่อยู่เหรอครับ ท่านนัดผมไว้ 8 โมงน่ะครับ”

    “เออ ... ผมนี่แหละ อาจารย์ธเนศ”

    เป็นเสียงตอบของชายคนนั้น ... ผมยกมือไหว้พลางกวาดตามองพิจารณาเขาอีกทีอย่างงงๆ ... ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าผม เป็นหนุ่มใหญ่วัยใกล้สี่สิบ ผิวคล้ำแบบผิวสองสี สวมแว่นสายตาอันโต ผมยาวปรกบ่ามีผมขาวแซมอยู่ประปราย ...


    การแต่งตัวนั้นเล่า ก็เป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของผมอย่างสิ้นเชิง ... เขาสวมเสื้อยืดขาวเพ้นท์ลายแบบที่วัยรุ่นใส่กันทั่วไป กับกางเกงยีนส์สีน้ำเงินซีดแบบที่เรียกกันว่าสีวินเทจ และรองเท้าผ้าใบ ซึ่งคงจะเคยเป็นสีขาวมาก่อน ... ทั้งหมดนี้ทำให้สิ่งทึ่ผมคาดเดาว่าจะได้พบเจอผิดพลาดไปหมด !


    ก่อนที่ผมจะงงไปมากกว่านี้ อาจารย์ก็เรียกให้ผมนั่งลง แล้วแนะนำตัวเอง ท่านพูดแก้เก้อว่าที่มุดออกมาจากใต้โต๊ะ เพราะกำลังต่อแผงสายไฟเอง จะเรียกนักการมาดูให้ก็เกรงใจเค้าด้วยยังเช้าอยู่ ... ลีลาการพูดของอาจารย์ท่านนี้ออกจะโผงผางตรงไปตรงมาอยู่ไม่น้อย ท่านเล่าให้ฟังว่าจริงๆ ท่านจบทั้งปริญญาตรีและโทที่จุฬาฯ แต่พอได้ทุนจนไปจบปริญญาเอก ในสาขาวิชาปรัชญาการเมืองเปรียบเทียบมาจากอังกฤษ พอจะกลับไปสอนที่จุฬาฯ ก็พบว่ามีข้อจำกัดบางประการที่ทำให้ท่านไม่สามารถทำงานตามแนวทางของตัวเองได้ เลยมาลงเอยที่นี่ ซึ่งมีเพื่อนๆ รุ่นคนเดือนตุลาอยู่กันเยอะ ซึ่งเมื่อได้พูดคุยกับคณบดีแล้ว ก็พบว่าที่นี่เปิดโอกาสให้ท่านสอนอย่างที่อยากสอนได้มากกว่า (เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง ว่ามันเป็นยังไง รับรองมีอึ้ง หุหุ)


    แล้วการสนทนาก็มาถึงเรื่องการเรียนของผม คุยกันไปมาท่านก็สรุปว่า การเรียนมันก็อย่างนี้ วิชานึงคนเข้าเรียนเป็นสิบๆ คน มันก็ต้องมีส่วนหนึ่งเป็นเหยื่อ ตกเป็นฐานคะแนนให้คนอื่นบ้าง คะแนนไม่ดีไม่ใช่ว่าเราโง่กว่าคนอื่น แต่เป็นเพราะสิ่งที่เราใช้เวลาสามชั่วโมงสื่อผ่านกระดาษคำตอบไปมันไม่ถูกใจอาจารย์ผู้ตรวจข้อสอบเท่าของคนอื่นเท่านั้นแหละ แต่ก็ต้องพยายามให้มากขึ้นกว่าเดิม


    ผมก็เล่าถึงการวางแผนเรียนในอนาคตอีกสองปีครึ่งที่เหลือ แล้วผมสรุปให้อาจารย์ฟังว่า ผมรู้ตัวดีว่าผมไม่ใช่คนเรียนเก่งระดับเกียรตินิยมอะไร ดังนั้นการเป้าหมายของวางแผนของผมคือการจบการศึกษาภายใน 4 ปีอย่างราบรื่นเท่านั้น ซึ่งหลังจากศึกษารายวิชาตามหลักสูตรของคณะแล้ว ผมเลือกที่จะลงวิชาจำพวก pre-requisite หรือที่มักจะเรียกว่าวิชาไต่ให้ได้ครบก่อน เพื่อที่จะได้เลือกลงวิชาตัวสูงได้ง่ายขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าวิชาไต่ทั้งหลาย จะมีคนลงเรียนเยอะมาก ตัดเกรดกันกระจาย ซึ่งเป็นไปได้ว่าเกรดช่วงนั้นจะออกมาไม่ค่อยดีนัก แต่เมื่อเก็บได้หมด และเริ่มเรียนวิชาตามสาขาเอก ซึ่งผมเชื่อว่าผมมีความถนัดมากกว่า ก็น่าจะทำให้ GPA ของผมกลับมาอยู่ในที่ทางปกติได้


    คำอธิบายของผมดูจะทำให้อาจารย์พอใจมากทีเดียวที่ดูเหมือนลูกศิษย์คนนี้จะมีความคิดอยู่บ้าง ท่านทิ้งท้ายไว้ว่า ... “ไว้ไปกินข้าวกัน” ... ซึ่งพอเอาเข้าจริงๆ ก็เลยเถิดกว่าวงข้าวไปไกลโขอยู่ ...


    เดี๋ยวมาต่อท่อนจบของตอนนี้กันครับ ...

    จากคุณ : (แมลงสาบ) - [ 4 มี.ค. 48 11:12:57 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป