CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    How to utilize your credit card

    บัตรเครดิต ถือเป็น trend ของคนยุคใหม่อย่างหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตของคนไทยสูงมาก และมักจะเข้ามาเกี่ยวกับชีวิตประจำวันของเราอย่าหลีกเลี่ยงไม่พ้นทีเดียว ต่อให้คุณไม่คิดที่จะมีใช้ก็ตาม


    เอาง่ายๆ นะครับ วันดีคืนดีก็จะมีเบอร์โทรศัพท์แปลกๆ โทรมา แล้วก็แนะนำให้เราสมัครบัตรเครดิตกับเค้า ยกข้อดีสารพัด ได้ฟรี ไม่มีค่าธรรมเนียม มีของแถมให้อีกต่างหาก ฯลฯ ซึ่งถ้าหลงคารมเค้า ไม่เกิน 2 สัปดาห์หลังจากนั้น กระเป๋าตังค์ของคุณก็จะมีเจ้าบัตรพลาสติคเพิ่มขึ้นอีกใบ หรือเผลอๆ 2 ใบ เพราะเดี๋ยวนี้เค้าขายแพ๊คคู่ ทั้งบัตรเครดิต และบัตรกดเงินสด ซึ่งทำให้คุณเป็นหนี้ได้ง่ายขึ้นอีกประมาณ 3 เท่าตัวเลยแหละ


    ผมทำงานเกี่ยวกับการดูแลคนในบริษัทเล็กๆ แห่งหนึ่ง แทบทุกวันจะมีบรรดาบริษัทผู้ให้บริการบัตรเครดิตเหล่านี้มาขอข้อมูลส่วนตัวพนักงานที่ไปสมัครบัตรกับเค้า บางทีมาทวงหนี้ก็มี มีเคสหนึ่งที่น่าสนใจ ... เจ้าหน้าที่ธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง โทรมาถามหาพนักงานขับรถนายนึงที่บริษัท บอกว่า นายคนขับรถนี่ติดหนี้บัตรเครดิตอยู่ ตามตัวไม่ได้ซักที แถมวันก่อนโทรติด โดนหมอนี่ด่าหยาบๆ มา ให้บริษัทช่วยตามให้ทีเถอะ


    ด้วยมารยาท ผมให้ข้อมูลได้ แต่ผมไม่มีหน้าที่ตามตัวพนักงานให้ธนาคารแต่อย่างใด และจะไม่ทำด้วย เจ้าหน้าที่ผู้นั้นรำพันปนขู่ฝากต่อไปว่า นายคนขับรถคนนี้ เป็นหนี้บัตรเครดิตอยู่เกือบๆ แสนบาท และขาดส่งเงินมากว่า 4 เดือนแล้ว ถ้าตามไม่ได้คงต้องส่งฟ้องศาลกันละ ... ผมเลยถามกลับไปว่า คนขับรถคนนี้ รายได้รวมเดือนนึงแค่หมื่นกลางๆ คุณปล่อยให้เค้าก่อหนี้เกินวงเงินไปตั้ง 6-7 เท่าได้ไง เพราะปกติบัตรเครดิตจะให้วงเงินประมาณ 2 เท่าของเงินเดือนเท่านั้น ... เงียบ ... ผมก็เลยอัดกลับไปว่า ธนาคารคุณเห็นช่องทางจะได้ดอกเบี้ย ได้ค่าปรับ ค่าธรรมเนียมต่างๆ จากเค้าละสิ ถึงได้ปล่อยวงเงินไปขนาดนั้น High risk, high return ละครับ ผมคงข่วยอะไรคุณไม่ได้ ทำได้แค่เอาแฟกซ์ที่ธนาคารส่งมาที่บริษัทส่งต่อให้เจ้าตัวแค่นั้นแหละ ได้แล้วเค้าจะทำอะไรต่อไป ผมคงไม่มีหน้าที่ติดตาม


    หันไปดูชีวิตของคุณพี่คนขับรถคนนั้นหน่อยปะไร ... วันก่อนเอาใบ OT มาส่งที่ผม ผมก็ยื่นเอกสารที่ธนาคารแฟกซ์มาให้เค้าไป ซึ่งเค้ารับไปแล้วก็เฉยๆ ยังชวนผมคุยนู่นนี่ไม่หยุดตามประสาเค้าน่ะแหละ ซักพักมีเสียงโทรศัพท์ดัง เพลงฮิตซะด้วย ของโปเตโต้อะไรซักอย่างนี่แหละ พี่แกก็ควักโทรศัพท์ขึ้นมาคุย ... เจ๊ดแม่ม ... ใช้ 6680 เครื่องละหมื่นแปดอะคิดดู ... ทุนนิยมแบบทักษิโนมิคส์นี่โคดน่ากลัวเลยครับพี่น้อง

    @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

    ที่ว่ามาข้างบนเนี่ย แค่เกริ่นนะครับ แหะๆ ที่อยากนำเสนอวันนี้ก็คือ เมื่อบัตรเครดิตเป็นอะไรที่ใกล้ตัวเรามากขนาดนี้ ผมเองก็เป็นผู้ที่ลองผิดลองถูกกับมันมาพอสมควร ขาดอย่างเดียวคือประสบการณ์การเป็นหนี้เท่านั้น เลยอยากมาเสนอ trick ในการใช้บัตรเครดิตให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยไม่เสียอะไรเลย ให้เพื่อนๆ น้องๆ ได้พิจารณากันดูครับ


    เรื่องแรก ... บัตรเครดิตเป็นบัตรร่วมครับ ... ในบัตรแต่ละใบจะมีสองยี่ห้อเป็นอย่างน้อย คือหนึ่ง ยี่ห้อของธนาคาร และสอง ยี่ห้อของสถาบันทางการเงิน ตัวอย่างเช่น บัตร Shittibank Viva ก็ประกอบด้วยความร่วมมือระหว่างธนาคาร Shittibank และสถาบันการเงิน Viva ... รู้หรือไม่ (คงรู้แหละ แต่มักจะมองข้ามไป) เวลาเราเอาบัตรเครดิตไปใช้ที่ใดๆ ก็ตาม เค้าให้บริการตาม "สถาบันการเงิน” ที่ค้ำประกันบัตรนั้น ซึ่งก็คือ Viva ไม่ได้ให้บริการเพราะมันเป็นบัตรของธนาคาร Shittibank หรอกครับ ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นบัตรที่ออกโดยธนาคารอะไรก็ตาม ขอให้มีโลโก้ viva อยู่ เค้ารับหมดแหละครับ ธนาคารผู้ออกบัตรเสียอีก ที่ต้องพยายามทำให้บัตรตัวเองน่าสนใจด้วยการออกแคมเป็ด เอ๊ย แคมเปญล่อใจผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นสิทธิพิเศษต่างๆ หรือส่วนลดอะไรก็ตาม


    เรื่องที่สอง ... บัตรเครดิตมีค่าธรรมเนียมรายปีครับ ... แต่ปัจจุบัน มีธนาคารที่ไม่คิดค่าธรรมเนียม หรือคิด แต่รอให้เราโทรไปขอยกเว้น ซึ่งเค้ารอที่จะประชาสัมพันธ์สินค้าอื่นๆ อยู่ตอนเราโทรไป ดังนั้น ถ้าคุณเลือกใช้บริการผ่านธนาคารที่ไม่คิดค่าธรรมเนียม ก็ไม่เสียตังค์ ไม่เสียอะไรเลย จริงไหมครับ หรือบางธนาคาร มีเงื่อนไขว่า ให้เราใช้บัตรเค้าสม่ำเสมอ ก็จะไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมแต่อย่างใด ปัจจุบัน ธนาคารที่ไม่เก็บค่าธรรมเนียม ก็เช่นธนาคารที่ชื่อคล้ายๆ บุหรี่ ธนาคารที่ชื่อย่ออ่านเป็นไทยๆ ว่า “อวบ” ส่วนธนาคารที่มีเงื่อนไขให้ใช้บัตรแล้วจะยกเว้น หรือให้โทรไปขอยกเว้น ก็เช่น ธนาคาร “มาตรฐาน"”ธนาคารชาวนาไทย ธนาคารขนมเวเฟอร์ติดคุก เป็นต้น แต่ธนาคารที่ควรหลีกเลี่ยง ก็คือเจ้าที่โฆษณาถี่ที่สุดนั่นแหละครับ ขนาดผมมีบัตรทอง พอมันจะเรียกเก็บ ผมก็ขอยกเว้น เพราะมั่นใจว่าตัวเองเป็นลูกค้าชั้นดี จ่ายเต็มจ่ายตรงทุกงวด แม่มไม่ให้ ผมตัดบัตรส่งคืนมันเดี๋ยวนั้นเลย ก็บอกแล้วว่าผมใช้บัตรเพราะบัตรนั้นมีตรา viva ครับ


    เรื่องที่สาม ... บัตรเครดิต ช่วยชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ แทนเราได้ครับ ... เรามาหาประโยชน์จากการใช้บัตรเครดิตกัน คือผมเป็นคนที่มีค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายเองเยอะครับ ตอนนี้ก็มีค่าโทรศัพท์บ้าน 2 เบอร์ ค่าโทรศัพท์มือถือ 3 เบอร์ [ของป๋า ของมี้ ของตัวเอง] ค่าไฟที่บ้านป๋า นี่เสียดายที่ชำระค่าน้ำไม่ได้ ไม่งั้นก็คงใช้ไปแล้วครับ ซึ่งแต่ละรายการ มันก็ต้องจ่ายกันคนละที่ และมีรอบตัดบัญชีคนละงวดด้วย อย่างที่ผมมักจะบอกว่าผมไม่ค่อยมีเวลา จึงใช้บัตรเครดิตนี่แหละครับ เป็นตัวแทนจัดการจ่ายทุกอย่างแทนผม แล้วผมค่อยไปจ่ายเวลามันมาเรียกเก็บทีเดียว แทนที่จะต้องไปจ่าย 6 รายการทีละรายการ ผมก็จ่ายแค่ทีเดียว ป้องกันการลืมจ่ายได้เป็นอย่างดีด้วยละครับ


    เรื่องที่สี่ ... จงใช้บัตรเครดิตแทนการเบิกเงินสด ... บ่อยครั้งที่ผมขี้เกียจพกเงินทีเละเยอะๆ เพราะผมมีนิสัยแปลกอย่างหนึ่ง คือไม่มีกระเป๋าตังค์ครับ ทุกอย่างใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อหรือกระเป๋ากางเกงหมด และสิ่งที่ทำให้คนมีปัญหากับบัตรเครดิตก็คือ การที่ใช้บัตรเครดิตแบบ “ยืมเงินในอนาคตของตัวเองมาใช้ก่อน” นี่แหละครับ ... บางคนไม่มีตังค์หรอกนะ แต่กะว่ากว่า statement บัตรเครดิตจะมาเรียกเก็บ เงินเดือนเดือนหน้าก็ออกแล้ว แต่ความเป็นจริงคือมันเป็นเงินค้างชำระที่พอกไปอีกเกือบสองเดือนต่างหากครับ ด้วยระบบตัดรอบบัตรเครดิตที่ธนาคารต่างๆ ใช้กันอยู่ กว่าจะรู้ตัว พวกที่คิดแบบนี้ก็เจอเรียกเก็บเงินที่ตัวเองใช้เองแต่ลืมไปแล้ว ทำให้วางแผนการใช้เงินผิดไปเยอะทีเดียว มีตัวอย่างการใช้บัตรเครดิตที่เจ๋งที่สุดตัวอย่างนึง คือของแป้ง – หมาตูบฯ ของเรานี่แหละครับ วันไหนใช้บัตรเครดิต วันนั้นกลับบ้านมาเค้าจะเอาเงินจำนวนเท่าที่ใช้บัตรไปใส่กล่องไว้คู่กับสลิปบัตรเลย ถามว่าทำไมต้องทำยังงั้น ก็บอกแล้วไงครับ ว่า “จงใช้บัตรเครดิตแทนการเบิกเงินสด” ซึ่งเดี๋ยวจะอธิบายขยายความในส่วนต่อไป


    เรื่องที่ 5 ... ไม่ต้องไปจ่ายเอง ... บัตรเครดิตแทบทุกเจ้า มักจะมีบริการเก็บเงินโดยการตัดยอดจากบัญชีธนาคาร ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องเป็นธนาคารเดียวกับเจ้าของบัตรก็ได้ ถ้าคุณขี้เกียจไปจ่ายเอง ใช้วิธีนี้แสนสะดวกครับ สิ่งที่ต้องทำคือแค่ระวังให้มีเงินในบัญชีพอกับยอดเรียกเก็บในวันที่กำหนดเท่านั้นเอง แถมธนาคารจะตัดยอดเราไปในวันที่เป็นวันสุดท้ายของงวดเรียกเก็บ ทำให้คนที่ให้ความสำคัญกับดอกเบี้ยเงินฝากไม่เสียประโยชน์อีกด้วย แค่นี้คุณก็จะมีประวัติการจ่ายเงินที่เต็มจำนวน และตรงเวลา เป็นลูกค้าชั้นดีที่ธนาคารเจ้าของบัตรจะรักยิ่งกว่าลูกอีกครับ เวลามีปัญหาอะไรสามารถต่อรองกับธนาคารได้สบายมาก [ยกเว้น Shittibank ที่ผมเคยหมั่นไส้จนยกเลิกบัตรไปเจ้านึงละกัน]


    เรื่องที่ 6 ... ได้กำไรจากบัตรเครดิต ... อ่านมา 5 เรื่อง หลายคนเริ่มสงสัยว่า แล้วจะได้อะไรจากบัตรเครดิตอีกเล่า ก็ขอบอกว่า ถ้าคุณทำได้ครบทั้ง 4 เรื่องข้างต้น นอกจากคุณจะไม่เสียอะไรให้กับธนาคารเจ้าของบัตรเครดิตแล้ว คุณยังจะได้กำไรอีกด้วยครับ คือถ้าเราจ่ายเต็มจำนวนวและตรงเวลา (ด้วยการให้ธนาคารตัดยอดอัตโนมัติ) เราก็จะไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมรายปีให้ธนาคาร ไม่เสียค่าปรับและดอกเบี้ยใดๆ ให้ธนาคาร แถมยังได้ “แต้มสะสม” อีกด้วย ซึ่งเจ้าแต้มสะสมนี้ เอาไปแลกเป็นของรางวัลต่างๆ ที่ธนาคารเค้าล่อใจได้เพียบ อย่างผมใช้แค่จ่ายค่าโทรศัพท์ และค่าอื่นๆ อย่างที่บอกข้างบน กับเติมน้ำมัน ซื้อของกินข้าวนิดหน่อย เดือนๆ นึงก็ 3-400 แต้ม ปีนึงก็ร่วม 5 พันแต้ม บางทีจะซื้อของใหญ่ๆ ขี้เกียจเบิกตังค์ไป ใช้บัตรแทน แต้มก็เยอะเข้าไปอีก และที่ผมทำบ่อยก็คือ เวลาไปกินข้าวกับเพื่อน ก็ใช้บัตรเราออกไปก่อนเพื่อซื้อแต้ม อิอิ ปกติปีนึงผมได้เป็นหมื่นแต้มประจำ ซึ่งเวลาจะแลกของรางวัล ไอ้หมื่นแต้มนี่แทบแลกอะไรเป็นเรื่องเป็นราวไม่ได้เท่าไหร่หรอกครับ แต่ที่ผมทำก็คือ แลกพวก gift voucher ของห้างสรรพสินค้าต่างๆ แล้วไปซื้อของที่ตัวเองอยากได้อีกที หมื่นแต้มนี่ก็ได้พันบาทเชียวนะครับ ได้ฟรีๆ ซิขอบอก อย่างบางที รองเท้าคู่ละสองพันคิดเป็นเดือนตัดใจซื้อไม่ลง แต่พอมี voucher นี้มา เท่ากับเราออกตังค์เองแค่พันเดียว ที่เหลือมีคนออกให้ สบายแฮ อุอุ

    @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

    นอกจากนี้ บัตรเครดิตยังให้ความสะดวกบางอย่างที่ไม่สามารถใช้เงินสดได้ เช่น การซื้อของออนไลน์ เป็นต้น ซึ่งในปัจจุบัน ระบบการซื้อของออนไลน์มีความปลอดภัยสูงมาก และธนาคารจะมีระบบตรวจสอบให้เราอย่างดี หากพิสูจน์ได้ว่ารายการใดมีความผิดปกติ และเชื่อได้ว่าไม่ได้เป็นรายการที่เราเป็นคนดำเนินการ ธนาคารก็จะเป็นคนรับความเสี่ยงตัวนั้นให้เราเอง พูดง่ายๆ คือ ถ้าไม่ได้ใช้จริงๆ ก็ไม่ต้องจ่าย


    จากที่ว่ามา จะเห็นเลยว่า ขอให้เราวางแผนการใช้บัตรเครดิตอย่างดี และห้ามคิดว่าการใช้บัตรเครดิตเป็นการ “ยืมเงินในอนาคตมาใช้” เท่านั้นแหละ เราจะได้ประโยชน์จากบัตรเครดิตอย่างสูงสุด คือนอกจากจะไม่เสียอะไรแล้ว ยังมีกำไรจากคะแนนสะสมอีกด้วย ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ น้องๆ หรือแม้แต่พี่ๆ ทุกท่านไม่มากก็น้อยนะครับ wink

    จากคุณ : (แมลงสาบ) - [ 11 พ.ย. 48 09:31:20 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป