CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    - - คืนนี้หนาวแล้ว - -

    เมื่อกี้เพิ่ซักผ้าเสร็จเอาออกจากเครื่องก็เปิดประตูระเบียงจะไปตาก กี๊ดซ์....ลมหนาวพัดมาปะทะหน้าโครมใหญ่ โหวว ทำไมคืนนี้มันหนาวยะเยือกแบบนี้หว่า

    ปกติจะไม่ค่อยรู้เรื่องเพราะไม่ได้ออกไปไหนตอนดึกเลย(เด็กดี คริๆ) เปล่าหรอก ก็นั่งทำงานกว่าจะนอนก็ตีห้าแล้ว ตื่นมาก็เลยเที่ยง เลยไม่ค่อยรู้สึกว่ามันหนาว แต่คืนนี้พิเศษหน่อยตรงที่ได้ออกไปที่ระเบียงเลยรู้ว่า... หน้าหนาวมาถึงแล้ว

    ตากผ้าเสร็จก็ยืนมองวิวถนนวิภาฯเล่น รถตอนกลางคืนไม่เยอะมาก ขับไวกันจนมองไกลๆไฟสีแดงๆเหลืองๆกลายเป็นเส้นๆ ปรู๊ดปร๊าดดดไปมา อากาศจากชั้นสิบมีลมที่พัดผ่านช่องตึกมาเป็นระยะๆ หายใจเข้าไปแล้วรู้สึกดีจัง ดีกว่าอากาศจากแอร์ในห้องตั้งเยอะ ทั้งๆที่อุณหภูมิคงพอๆกันแล้วล่ะ

    อยากนอนอยู่ตรงระเบียงเลยด้วยซ้ำถ้าไม่ติดว่ากลัวจะเป็นหวัด...คือจริงๆก็เป็นแล้วแหละ อากาศเปลี่ยนทีก็เป็นที นี่ก็ไอมาได้สามสี่วันแล้ว เบื่อน่ะภูมิแพ้นี่มันเป็นโรคน่ารำคาญนะ เหมือนมะเร็งชนิดนึงน่ะล่ะ แต่มะเร็งมันยังมีจุดสิ้นสุด คือไม่หายก็ตาย แต่ภูมิแพ้มันกร่อนไปเรื่อยๆ ไม่หนักจนตาย แต่ก็ไม่หายให้สบายเสียที

    ตอนนี้ถอยหลังเข้าปีใหม่อีกแล้ว ไวมากแป้บๆนึงก็ผ่านไปปี ถามตัวเองว่าปีที่ผ่านมามีอะไรดีขึ้นมั้ย ชีวิตดีขึ้นหรือแย่ลงกว่าที่เป็นอยู่... คำตอบก็คือ ดีขึ้นมากในทุกเรื่อง ด้วยความที่โตขึ้น และรู้สึกว่าปีที่ผ่านมาทุกนาทีในชีวิตมีค่ามากขึ้น ไม่ได้สักแค่อยู่เพื่อหายใจรดไปวันๆเเบบที่ผ่านมา ...

    เป็นปีที่ไม่ได้นั่งเบื่อเรียนหนังสือ เพราะจบแล้ว แต่กลับกลายเป็นทำงานด้วยความสนุกสนาน คงโชคดีด้วยล่ะที่ได้ทำงานที่รัก มันถึงได้มีความสุข ไม่รู้สึกว่าการทำงาน คือการแลกเงิน แต่กลับเป็นการทำอะไรที่มีค่ามากกว่านั้น ส่วนเงินที่ได้ก็คือผลพลอยได้ที่ดีไปละกัน

    ปีนี้ไม่ได้หมกมุ่น หรือเสียใจกับความรักเหมือนหลายๆปีที่ผ่านมา ไม่เคยร้องไห้เพราะรักเลยสักครั้ง ไม่เจ็บ ไม่ปวด ไม่ผิดหวัง... เพราะเลิกตั้งความหวังกับรักไปนานแล้ว สิ่งที่ผ่านมาสอนให้รู้ว่าจะอยู่กับสิ่งที่เรียกว่ารักได้ยังไง ไม่โหยหา อยากมาก็มา ถ้าวันไหนจะเสียไปก็ไป ไม่ได้ทุกร้อนเหมือนวันก่อนๆ... รักที่สุดคือรักตัวเอง แต่ถ้าวันนึงเขาเหล่านั้นจะผ่านออกไป ก็ไม่ได้คิดจะรั้งไว้ให้ตัวเองทรมาน เพราะมีความสุขได้แล้วกับตัวเอง แต่สิ่งเหล่านี้คงไม่รู้หรอก ถ้าปีก่อนๆที่ผ่านมาไม่ได้เจอกับอะไรเเย่ๆ

    เรื่องครอบครัว ปีนี้สูญเสียมากเหลือเกิน ไหนจะปู่ไหนจะตา แต่ก็ทำให้รักคนที่เหลืออยู่มากขึ้น การจากลาแบบจากตายมันเป็นอะไรที่สอนคนข้างหลังได้เยอะ หลังพ่อจากไปแล้วปีนี้ครบปีที่เจ็ด การตายของตาและปู่ที่ห่างกันไม่ถึงสองเดือนก็ทำให้คิดได้ว่า คนเราเลือกไม่ได้ว่าจะตายเมื่อไร ใครก็อยากอยู่ทั้งนั้น แต่เวลาชีวิตมันกำหนดไม่ได้... สิ่งที่ดีที่สุดคือทำตัวเองให้มีค่ากับตัวเอง และเห็นค่าคนข้างๆให้มากๆ

    แต่เรื่องดีๆก็มี ปีนี้คุยกับแม่มากขึ้น ถึงจะไม่ค่อยได้เจอกันบ่อย แต่ก็โทรหากันวันละสามสี่รอบ สนิทกับน้องชายมากขึ้นด้วย หลายเรื่องที่ไม่เคยพูดก็พูดกันได้ คุยได้ทุกเรื่อง รู้สึกดีมากๆในเรื่องนี้เพราะเขาสามคนนี้ในชีวิต คือคนที่ไม่มีวันที่จะทำร้าย หรือว่าทรยศเราแน่ๆ ...ปีนี้เป็นปีแรกที่เราเลือกไว้ใจคนในครอบครัวมากกว่าเพื่อน และแฟน... แม่เองน้องเองก็รู้สึกดีที่เราปรึกษาและเลือกที่จะเห็นเขาเป็นคนสำคัญที่สุด

    เรื่องเงินๆทองๆ ปีนี้ก็ดี จากที่เคยคิดไว้ว่าทำงานแล้วกูจะหาเงินมาซื้อของ...ก็เปลี่ยนไปพอได้เงินจริงๆแต่ละบาทที่จะใช้ เสียดายจัง...เงินไม่ใช่สิ่งหาง่าย แต่ก็มีบ้างที่เหมือนฟุ่มเฟือย แต่ก็คิดนะ ว่าถ้ามีกำลังที่จะจ่ายซื้ออะไรสักอย่างก็อยากซื้อของดีๆ ตอนแรกปีนี้ตัดสินใจจะซื้อรถใหม่ด้วยตัวเอง ไม่ก็ซื้อคอนโด แต่มาคิดๆอีกทีตอนนี้รู้สึกดีมากที่ไม่ซื้อ ฮ่า...เพราะเพื่อนสนิทกำลังทำงานผ่อนรถหูตูบอยู่ในขณะที่เราไม่เดือดร้อนเเบบชักหน้าไม่ถึงหลังเลย แถมมานั่งคิดๆ ถ้าอยากใช้รถก็ไปเอาที่บ้าน แต่ปกติก็ไม่ค่อยไปไหนนอกจากเซนทรัล ซึ่ง....ไปแท้กซี่สบายกว่ามาก ค่าน้ำมัน ค่าที่จอด...ค่าผ่อน เฮ้อ ไม่เอาดีกว่า ตอนนี้ก็เลยไม่มีอะไรต้องคิดมากนอกจากใช้กินใช้อยู่ไปวันๆกับเก็บไว้ส่วนนึง และซื้อของที่จำเป็นเท่านั้นเอง... แต่ก็มีนะภูมิใจที่สุดก็คือ ให้เงินแม่กับส่งน้องเรียนได้ จริงๆแม่ไม่ได้เดือดร้อนเลย เรารู้แต่เหมือนกับว่าเป็นเรื่องที่ลูกต้องทำแล้วเนาะไอ้การส่งเงินให้พ่อแม่น่ะ เราเองก็อยากทำ ปีนี้ก็ได้ทำสมใจ แต่ด้วยความที่เราไม่ได้เงินเดือนแต่ได้เป็นฟรีแลนซ์เราเลยไม่มีให้แม่เป็นจำนวนที่แน่นอน แต่ปีนึงเราจะให้แม่สองงวดกลางปีและปลายปี ซึ่งมันก็มากพอดูเลยล่ะ ครึ่งนึงที่เราหาได้เลย... ไม่รู้สิตอนแรกอยากเอามาซื้อของหลายอย่าง แต่พอให้แม่ ถึงแม่จะไม่เเตะเลยเอาไว้ในบัญชีเหมือนเดิมเป๊ะ ...แต่เรากลับรู้สึกว่าสิ่งที่เราได้มามันมีค่ากว่าของที่เราจะซื้อมากๆๆๆ




    โหย ไรวะเนี่ย พูดเรื่องหน้าหนาวแต่มาพล่ามเรื่องปีที่ผ่านมา หูยยย ไปกันใหญ่ ก๊ากเหมือนคนเเก่เลย ที่มานั่งเล่าความหลังในคืนที่ฟ้าเป็นใจ

    เอ้า ไหนๆก็ไหนๆ แล้ว อีกสิ่งที่ภูมิใจก็คืองานค่ะ... ปีนี้งานเราประสบความสำเร็จมากๆ หนังสือเล่มหนึ่งที่เขียน(ในปีนี้) ขายไปจนตอนนี้ เกือบหกหมื่นเล่มเเล้ว พิมไป 17 รอบ ..และปีนี้เราก็ได้เป็นบรรณาธิการ แทนที่จะเป็นนักเขียนแบบเดิม เหนื่อยมั้ย??? สบายขึ้นค่ะ แต่ว่ารับผิดชอบเยอะกว่าเดิมมาก งานของเราเราแก้ได้ งานคนอื่นถ้าเราดูแลแล้วต้องแก้ เราต้องบอกให้เขาเข้าใจไง...มันต้องทำงานกับคนอื่นมากขึ้น แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีนะ ฝึกตัวเองไปเรื่อยๆ ...และปีนี้ก็มีงานจากที่ดีๆ ติดต่อเข้ามามากก หลายที่ก็ทำให้ได้ แต่หลายที่ก็ต้องปฏิเสธไปด้วยเหตุผลบางอย่างที่เลี่ยงให้ไม่ได้จริงๆ รวมแล้วปีนี้ เป็น บก ให้ 5 เล่ม เรียบเรียง 2เล่ม และเขียนเอง 3 เล่ม ไม่รวมงานตกค้างที่เสร้จแล้วแต่ออกปีหน้าอีกนะ... เราถือว่าเราพอใจแล้วนะกับปีนึงที่ทำได้เท่านี้ หลายคนอาจจะบอกว่ายังน้อย (โดยเฉพาะพี่ๆที่สนพ ที่บอกว่าเราเขียนงานช้า ก๊าก) แต่เราคิดว่าเราทำมากแล้วน๊า ถ้าเร่งกว่านี้เราก็กลัวงานสั่ว


    สรุป ปีนี้ดีมากๆค่ะ แต่ที่จะแย่มีอยู่สองอย่างก็คือ สุขภาพที่ปีนี้ไม่ค่อยเวิร์คเลย อาจจะเพราะทำงานหนัก นอนดึก แล้วก็ไม่ค่อยได้ออกกำลัง(ไม่สิไม่ได้ออกเลยต่างหาก) และก็เรื่องภาษี ที่ยังไม่แน่ใจว่าจะเลี่ยงยังไงกับไอ้ 20-30 % ที่ต้องโดนเนี่ย เฮ้อ ๆกลุ้มนะ มันไม่ใช่น้อยๆ เสียดายน่ะ...




    นี่ล่ะค่ะสิ่งที่มากับลมหนาว...คือคำบ่นและความหลัง ที่นับเนื่องมาตั้งแต่ลมหนาวปีที่แล้วพ้นไป...


    เป็นไงบ้างล่ะพี่ๆ เพื่อนๆที่นี่น่ะ ลมหนาวหอบอะไรมาบ้าง แล้วที่ผ่านมาเป็นไงกันบ้าง เล่าหน่อยสิ อยากฟัง....


    ...แต่ที่แน่ๆ ปีที่ผ่านมานี่ หลายคนแต่งงาน หลายคนมีลูกใช่มะ ๕๕๕๕ เด็ดมากกก





    =)

    จากคุณ : นรกขุมสุดท้ายของชายเจ้าชู้ - [ 19 ธ.ค. 48 05:09:31 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป