ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าเพื่อนคุณทำงานของคุณเป็นส่วนมากละก็ คุณก็จ่ายเงินเดือนให้กับคนที่ทำงาน เวลาทำงานเราจะเอาคำว่าเพื่อนว่าเป็นบรรทัดฐานในการทำงานไม่ได้ เราต้องแยกแยะให้ออกว่า นี่คือเพื่อนร่วมงาน ลองไปปรึกษากันดูอีกทีนะครับ ยังไงคุณก็ทำงานน้อยกว่าเค้า ให้เงินเดือนเป็นสิ่งที่เค้าสมควรจได้รับ ครับ จากคุณ : solomon (sulaiman) - [ 4 ม.ค. 49 05:46:25 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ที่จริงคุณควรตกลงกันไว้แต่แรกนะครับเรื่องผลประโยชน์  ไม่ใช่มาคุยกันทีหลัง   เช่นในความเห็นของผม เพื่อนคุณควรได้รับเงินเดือนที่เหมาะสมกับงาน  และคุณควรมีรายได้จากค่าคอมมิชชั่น (นอกจากส่วนแบ่งในหุ้น  และหากคุณไม่ได้ทำงานบริหารส่วนอื่น)  แต่ถ้ามาจัดสรรเงินขณะนี้  ผมเข้าใจว่า  บางทีเพื่อนของคุณอาจคิดว่า  คุณจะแบ่งผลประโยชน์มาทางคุณเอง  เช่นค่าคอมมิชชั่นที่คุณได้รับในอัตราที่เหมาะสม  อาจมีจำนวนเงินมากกว่าที่เพื่อนคุณได้รับในรูปเงินเดือน การแบ่งหุ้น 50:50 ก้เป็นการแบ่งหุ้นที่จะทำงานลำบากในอนาคตนะครับ  เพราะไม่มีใครมีอำนาจในบริษัทอย่างเด็ดขาด  มีอำนาจเท่าๆกัน  คุณต้องคุยกันอย่างเพื่อนจริงๆและยืดหยุ่นกันอย่างมาก  ไม่งั้นโอกาสทะเลาะกันแล้วแยกทางมีมากครับ  ต้องพยายามมองส่วนรวมเป็นหลัก  ต้องพยายามคิดถึง win - win  มากกว่า lose - lose พยายามหาคนกลางที่เป็นผู้ใหญ่  หรือทั้งสองฝ่ายให้ความนับถือ  หรือหาระบบอัตราที่เหมาะสม  เป็นสากล  มากำหนดอัตราเงินเดือนของเพื่อน  กับอัตราค่าคอมฯของคุณ  ที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับได้  อย่าพยายามคิดเข้าข้างตัวเองนะครับ  ไม่งั้นพังแน่ๆ   จากคุณ : Jimmy Walker - [ 4 ม.ค. 49 08:37:58 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ตีราคางานของคุณและเพื่อนออกมาเป็นค่าใช้จ่ายในการทำงาน เป็นเงินเดือนของแต่ละคน จากนั้น กำไรค่อยแบ่งคนละครึ่ง... จากคุณ : wbj - [ 4 ม.ค. 49 14:05:45 ]

ความคิดเห็นที่ 4 จำไว้เลยครับ  ผลประโยชน์ต้องตกลงกันก่อนตั้งบริษัทเสมอ และเพื่อนจะหุ้นเท่ากัน50/50 ไม่ได้  บริษัทเละเลย  ไม่มีใครมีอำนาจสิทธิ์ขาดในการตัดสินใจ ตามที่คุณ Jimmy บอกเลย การแบ่งผลประโยชน์ ผมเห็นด้วยกับคุณwbj ตอนนี้คุณตีค่าใช้จ่ายบริษัทต่อเดือนออกมาก่อน ว่ามันเกินแสนห้าหรือต่ำกว่าแสนห้า   จากนั้นตีราคาการทำงานของคุณทั้ง 2 คน โดยแจงออกเป็น job description อย่างชัดเจน เป็นข้อๆเลยครับ แค่นั่งทำ job description ด้วยกันนี่ คุณ 2 คนก็จะเห็นชัดพร้อมกันทั้ง 2 คนแล้วว่าใครทำงานธุรการหนักกว่า ใครหาเงินเข้าบริษัทมากกว่า ใครเข้าออฟฟิศเยอะกว่า  ใครมทำโปรดักชั่นสูงกว่าฯลฯ  แล้วให้เงินเดือนตามสัดส่วนของการเข้างาน/ลงแรง นั่นคือทางแก้ของฐานเงินเดือนที่เหลื่อมล้ำกันตามความมากน้อยของการทำงานประจำ จากนั้นคนที่ทำเงินให้บริษัทมากกว่าก็แบ่งผลกำไรเยอะหน่อย แต่คราวหน้าต้องระวังเลยนะครับ  คุยผลประโยชน์กันซะก่อนตั้งบริษัท! จากคุณ : ผึ้งน้อยพเนจร - [ 5 ม.ค. 49 01:00:03 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขอขอบคุณครับสำหรับความคิดเห็นทุกท่าน คุณ คห 1 ครับผมนะอยากจะให้เขามีรายได้จากการทำงานตรงนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้วถึงได้ชวนเขาร่วมหุ้นส่วนผมน่ะแค่เงินเดือนประจำก็พออยู่ได้ คุณ คห 2 ครับที่จริงก่อนร่วมงานผมก็จะคุยอยู่แล้วละครับเรื่องเงินเดือนแต่เพื่อนซิหลังลาออกจากงานคงจะไฟแรงไปหน่อยดันประกาศเปรี้ยงออกมา(กลางวงเหล้า)ว่าสามเดือนแรกนายไม่ต้องคุยกับเรานะเรื่องเงินเดือนเราไม่เอา แน่ะว่าเข้าไปน่าน ไอ้เรารึไม่อยากขัดใจเพื่อนเลยต้องเฉย (ก็ไม่เมาอะ) แต่โทษทีเหอะอีกสามวันจะครบเดือนเพื่อนขอคุยบอกไม่อยากให้ครอบครัวเดือดร้อนจะขอเงินเดือนซักหมื่นสอง เห่อ.. อี่กึมกึ่ง เลยกัดฟันต่อรองให้เหลือหนึ่งหมื่นได้ใหม๊.. ซ๊วบ..(เสียงซดเหล้า) งั้นกูไม่เอา.. ครับนี่ก็ใกล้จะครบสามเดือนแล้วเราคงจะต้องคุยกันและผมจะให้มากกว่าที่เขาขอด้วยซึ้ม  คุณ คห 2 ครับในลักษณะนี้ผมคงไม่อยู่ในฐานะพนักงานใช่ใหมครับ ฉ.น. ผมจึงรับเป็นเงินเดือนไม่ได้ เพราะต้องมี ป.ก. สังคม มีภาษี ใช่ใหม๊ครับ ดังนั้นผมจึงรับได้ในรูปของค่า คอมฯ อย่างเดียวหรือเป็นอย่างอื่นอีกใด้ใหมครับ มี ป.ก. สังคม มีภาษีใหม๊ แล้วค่าคอม ฯ ในอัตราที่เหมาะสมควรเป็นเท่าไหร่ กี่ % (ถ้าดูจากแนวโน้มของยอดขาย) บอกตามตรงว่าผมไม่กล้าบอกเพื่อนว่าผมควรจะใด้เท่าไหร่ (แต่ถ้าเป็นของเพื่อนผมจะบอกได้) ส่วนการแบ่งหุ้น 50 : 50 นั่น ที่จริงในจำผู้ถือหุ้นทั้ง 7 คนมีทางฝ่ายผม 3 คนที่เหลือเป็นฝ่ายเพื่อน (ชักหนาวแล้วซิ) ผมนะกำลังมองหาครับ ไอ้ระบบที่เป็นสากลเนียแต่ยังหาไม่เจอ ส่วนคุณ ค.ห. 3 ครับตอนนี้เพื่อนผมก็คงคิดเหมือนคุณนั่แหละคือตีราคาออกมาเป็นค่าใช้จ่ายในการทำงาน (แอบเห็นเพื่อนรวบรวม บิลค่า น.ม. + ค่าทางด่วน ในแต่ละเดือน ..แหะ แหะ ) แล้วในส่วนของผมล่ะถ้าตีราคาออกมาก็แค่ค่าโทรอย่างเดียวเท่านั้นหรือ ขอทุกท่านหรือผู้อื่นช่วยตอบอีกซักครั้งเถอะครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : chkkk - [ 5 ม.ค. 49 01:52:45 ]

ความคิดเห็นที่ 6 มาตอบต่อนะครับ  ถ้าคุณไม่ได้เข้าบริษัท  แบบว่าเข้าไปทำงานล่ะก็  ไม่ถือเป็นพนักงานที่กินเงินเดือนครับ  และถ้าคุณเป็นคนหางานมาก็ควรรับเป็นคอมมิสชั่น ดีที่สุดแล้วครับ หามากได้มาก หาน้อยได้น้อย  และถ้าเพื่อนคุณหามาบ้าง  เค้าก็จะได้ค่าคอมฯไปบ้าง อัตราค่าคอมฯที่เหมาะสม  ไม่มีตายตัวครับ  แล้วแต่ธุรกิจ  ธุรกิจทีค่าสินค้าแพงๆ  เช่น เป็นโปรเจค  โปรเจคละ เป็นสิบๆล้านขึ้นไป เปอร์เซนต์จะน้อย  แต่ของชิ้นเล็กๆ เปอร์เซนต์จะมาก  ลองเทียบกับธุรกิจประเภทเดียวกันดูซิครับ ระบบสากลคือ แยกผู้ถือหุ้นออกจาก ผู้บริหาร อย่างเด็ดขาด  แต่กรณีผู้ถือหุ้นมาทำงานบริหารด้วย  มันก็ยากหน่อยในทางปฏิบัติครับ  เอาเป็นว่า  ลองหาข้อมูลของบริษัทอื่นๆที่อยุ่ระดับไกล้เคียงกัน  หรือยอดขายไกล้ๆกันมาเป็นบรรทัดฐาน  ก็น่าจะได้ข้อยุติระดับนึงครับ  เอาสิ่งที่เป็นกลางมาเป็นบรรทัดฐาน  ไม่เอาความคิดของสองฝ่ายมาวัด  พยายามยืดหยุ่นนิดหน่อย  ก็น่าจะเรียบร้อยครับ จากคุณ : Jimmy Walker - [ 5 ม.ค. 49 11:40:51 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เห็นด้วยกับทุกท่านครับ แต่แสดงความเห็นเพิ่มเติมนิดนึงว่า กำไร ไม่ควรนำมาแบ่งทั้งหมด แต่อย่าลืมกันไว้เป็นเงินสำรองด้วยครับ เหลือแล้วค่อยแบ่ง จากคุณ : nohara - [ 5 ม.ค. 49 14:05:43 ]

ความคิดเห็นที่ 8 การให้เป็นเงินเดือน หรือ ค่าคอมฯ ก็ตามมันขึ้นกับข้อตกลงของการทำงาน มีพนักงานของบริษัทฯ ท่านหนึ่งทำงานที่บ้านได้เงินเดือน แต่เขาทำงานวันละ 1 ชั่วโมง และก็มีพนักงานอีกกลุ่ม เข้ามาทำงานตั้งแต่เช้าจรดเย็น ผมกลับให้เขาเป็นรายวัน... ผลตอบแทนต่างๆมันขึ้นกับข้อตกลงและรูปแบบของงานมากกว่า การที่จะประหยัดค่าใช้จ่ายโดยไม่จ่ายเงินให้กับคนทำงานนั้น ไม่ว่าเขาจะบอกว่าไม่รับก็ตาม ก็ต้องจ่ายให้เพราะต้องถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายครับ ถ้าเขาไม่รับ ก็หักเข้าไปเป็นเงินทุนของเขาถือว่าเขาทำงานแลกทุนมาอย่างนี้น่าจะยุติธรรมมากกว่ามั๊ยครับ... ค่าใช้จ่ายต่างๆที่มี บางระบบจะใช้เหมาจ่าย บางระบบเหมาจ่ายแต่ต้องมีบิลกำกับ ซึ่งการเหมาจ่ายนั้นจะใช้จริงเท่าใดนั้นก็เป็นอีกเรื่อง ส่วนการเบิกตามบิลนั้น เขาจะเอาบิลผีมาเบิกค่อนข้างเยอะ อาจจะเอาบิลจากน้อง หรือ ใช้น้ำมันในเรื่องส่วนตัวก็เอามาเบิกได้เช่นกัน มันขึ้นกับการออกแบบองค์กรครับ ผมว่าองค์กรของคุณจะเริ่มระส่ำแล้ว เพราะการมองเห็นผลประโยชน์ส่วนตนเริ่มเข้ามาครอบงำ ผมคิดว่าหยุดกิจการสัก 2-3 วัน นั่งคุยกัน และต้องไม่มีแองกอฮอล์เข้ามาคุยด้วยนะครับ เพราะคุณจะไม่ได้ความเข้าใจอันดีต่อกันสักเท่าไหร่ วงเหล้าเหมือนกับการพักผ่อนของคนบางคน และบางคนก็ใช้มันหนีความจริงนะครับ ขอให้ประสบความสำเร็จในธุรกิจนะครับ จากคุณ : wbj - [ 6 ม.ค. 49 09:03:17 ]