ความคิดเห็นที่ 1 คุณสุจินต์ พูดได้ถูกใจ "คลับนักขาย" มาก ต้องไปเชิญมาเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์เสียแล้ว ประธานคลับนักขาย "คลับนักขาย 001" จากคุณ : ลุงแอ็ด - [ 15 ก.พ. 49 14:02:12 ]

ความคิดเห็นที่ 2 จริงที่ซู๊ด จะทำธุรกิจได้อย่างไรถ้าไม่รู้วิธีหาเงิน จะหาเงินได้อย่างไรถ้าไม่รู้จักขายหรือขายไม่เป็น รักงานขายขึ้นเยอะหลังจากเข้าร่วมก๊วนคลับนักขายค๊า จากคุณ : ป้าจูจู้ - [ 15 ก.พ. 49 14:29:02 ]

ความคิดเห็นที่ 3 หูยยยยยยยยยย ลุงแอ๊ดขา ถ้าลุงแอ๊ดเชิญคุณสุจินต์มาเป็นสมาชิกคลับนักขายได้ เชิญมาเป็นวิทยากรรับเชิญให้ซักครั้ง ลุงแอ๊ดอยากได้อะไรบอกน้องม๋าคะ.....กิ๊วก๊าว ๆ จากคุณ : น้อง(ของ)หมา - [ 15 ก.พ. 49 14:36:19 ]

ความคิดเห็นที่ 4 บอกตามตรง   ว่ารู้สึกไม่ดีทุกครั้ง ที่ได้ยินคนทำงานมาพูดว่า ไม่ชอบงานนั้น งานนี้   ไม่ว่าคนนั้นๆ จะเป็นเจ้าของหรือลูกจ้างก็ตาม ยิ่งคนที่เป็นเจ้าของนะ  จะมาพูดไม่ได้  ว่าไม่ชอบงานไหนงานหนึ่ง  เพราะคนที่เป็นเจ้าของต้องทำมันหมดทุกอย่าง   ไม่ถนัด ไม่ชอบยังไง ตัวเองก็ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวอยู่ดี   โดยเฉพาะเจ้าของที่เริ่มต้นจากเล็กๆ ถ้าไม่ถนัดก็ต้องฝึก แรกๆ ไม่เก่งไม่เป็นไร  แต่สู้ไม่ถอย แก้ไขข้อบกพร่องบ่อยๆ ไม่เก่งก็ให้มันรู้ไปสิ เป็นเจ้าของ  สำคัยไม่ได้อยู่ที่ว่าเก่ง  มีทุนเยอะ   แต่สำคัญที่ต้องเป็นนักสู้  ไม่ท้อถอยย่นย่อกับปัญหา   เพราะการเป็นเจ้าของนั้น  ต้องรับผิดชอบต่อปัญหาทั้งหมดในองค์กร   ถ้าใจไม่สู้จริง   เป็นเจ้าของแล้วไม่มีความสุขหรอก จากคุณ : สิงห์เหนือ...เสือสำอาง - [ 15 ก.พ. 49 15:19:50 ]

ความคิดเห็นที่ 5 สำหรับตัวผม   โดยส่วนตัวแล้ว ถึงทุกวันนี้ก็ไม่รู้ว่าชอบอะไรจริงๆ   งานที่ทำอยู่ทุกวันนี้ก็ใช่ว่าชอบมาแต่แรก   แต่ก็บอกว่าชอบเพราะงานตรงนี้มันทำเงินให้   เท่ากับว่ามันมีบุญคุณข้าวแดงแกงร้อนให้  ยังไงก็ชอบ ยังไงก็นึกขอบคุณงานตรงนี้ อะไรที่เกี่ยวข้องกับกิจการ  ก็ต้องทำให้มันดีสุดความสามารถทั้งนั้น   แต่ถ้าเจอใครที่ทำได้ดีกว่าก็โชคดีของตัวเองไป  (ใครจะไม่อยากนั่งสบายๆ????) จากคุณ : สิงห์เหนือ...เสือสำอาง - [ 15 ก.พ. 49 15:35:33 ]

ความคิดเห็นที่ 6 มายืนยันอีกคนครับ ผู้บริหารที่เก่งต้องขายเป็นและเก่งเรื่องการขายครับ (กำลังฝึกอยู่ครับ เฮ่อๆๆๆ) จากคุณ : แกะแดง - [ 15 ก.พ. 49 15:39:35 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ขอแสดงความเห็นเรื่องการประกอบธุรกิจหน่อยนะครับ  เพราะผมก็คิดเรื่องนี้ค่อนข้างมาก  เพื่อปรับใช้กับงานของตัวเอง   ที่ผมสังเกตดูคนที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจ  ก็มีหลากหลายประเภท  และในนั้นก็มีคนที่ขายไม่เก่งรวมอยู่ด้วย  แต่คนที่ขายของเป็น  และมีหัวทางธุรกิจด้วย  แน่นอน  ย่อมไปได้ดีกว่าคนที่ขายไม่เป็น  ขายไม่เก่ง  (หมายถึงภาพโดยรวมๆนะ)  เพราะคนที่ขายไม่เก่งก็ต้องอาศัยคนอื่นในการขายสินค้า  เพราะการขาย คือการนำมาซึ่งผลกำไร  และการขายก็น่าจะเรียนรู้กันได้  แต่ผมเชื่อในเรื่องนิสัยพื้นฐานของคน  ซึ่งเป็นแนวคิดวิชาการบริหารบุคคล  ซึ่งไม่ได้หมายถึง  ใครจะเป็นอะไรก็ได้  แต่หมายถึง  บางคนทำงานบางงาน  ได้ดีกว่าบางคน ถ้าผู้ประกอบการ  มีทักษะทั้งสองด้าน  นั่นคือความลงตัวในคนๆเดียว  โอกาสสำเร็จมีสูงมาก  แต่ถ้าเรามีความสามารถด้านอื่น  แต่ไม่ถนัดงานขายจริงๆ  มันก็สำคัญที่ว่า  ความถนัดของคุณ  มันมีค่าพอที่คนอื่นจะต้องการตัวหรือไม่  เช่น คุณเป็นคนที่เก่งเรื่องความคิดสร้างสรรค์อย่างมาก  (Creative)  ในวงการโฆษณา  จะรู้กันว่า  ครีเอทีฟนั้น  ขายของไม่เก่งเลย  และมีความเป็นศิลปินมากๆ  เจอลูกค้าทีไร  ทะเลาะกันเมื่อนั้น  บริษัทโฆษณาจึงต้องมีคนกลาง คือ AE (Account Executive) มาเป็นตัวกลางเชื่อมระหว่างครีเอทีฟกับลูกค้า  และบริษัทโษณาหลายๆแห่ง  ก็เติบโตจากการบวกความสามารถของเพื่อนสองคนคือ คนหนึ่งเก่งครีเอทีฟ  อีกคนเก่งขายงาน   การจะประสบความสำเร็จในธุรกิจ  จึงคือการมีความสามารถในหัวใจสำคัญของธุรกิจ  ซึ่งถ้ามองกว้างๆ  ก็คือ การขาย กับการผลิต  ถ้าขายไม่เก่ง  ก็ต้องเป็นผู้มีความสามารถในการผลิตสินค้าอันยอดเยี่ยม  เป็นที่ต้องการของลูกค้า  เช่นทำอาหารอร่อย  เขียนซอฟแวร์ ฯลฯ  และการขายงาน  ยังแบ่งออกไปเป็นการขายที่แท้จริง  กับการหางานด้วยคอนเนคชั่น  บางบริษัท  โตด้วยคอนเนคชั่นอย่างเดียว  เช่น ธุรกิจสัมปทาน  ธุรกิจที่ต้องอาศัยการเมือง  หรือการมีคอนเนคชั่นกับผู้มีอำนาจอนุมัติการซื้อในบริษัทใหญ่ๆ  ฯลฯ ความสำคัญของการประสบความสำเร็จด้านธุรกิจ  ในกรณีที่ไม่ถนัดงานขาย  คือการมีความสามารถอันโดดเด่นในสิ่งที่ธุรกิจต้องการ  หรือเรียกว่ารู้จักสร้างความสำคัญของตัวเอง  หุ้นส่วนของกิจการบางคน  อาจไม่ได้เจอกับลูกค้าเลย  วันๆอาจขลุกอยู่แต่ในห้องแล็บ หรือหลังครัว  สำคัญคือคุณต้องเก่งจริงในสิ่งที่คุณทำ ที่จริงผมก็กำลังพยายามพัฒนาทักษะการขายอยู่ครับ  ถึงเป็นสมาชิกคลับนักขายของลุงแอ็ดนี่งัย  แต่ก็เห็นว่ายังมีอีกหลายทาง  ที่ทำให้ประสบความสำเร็จในการประกอบธุรกิจได้  ยิ่งถ้าอยากประสบความสำเร็จสูงมากๆ  ควรเลือกเอาเวลามาพัฒนาทักษะด้านใดด้านหนึ่งให้มันสุดๆไปเลย  เพราะทุกวันนี้คนเก่งๆเยอะมาก  เอาแค่ด้านเดียวนี่ก็  ต้องทำงานวันละ 12 ชม. 7 วันต่ออาทิตย์  ถึงจะอยู่ในอันดับต้นๆได้ครับ  โลกนี้มันกว้างครับ   โม้มากไปหน่อย  แค่เสนอความเห็นอีกด้านนึงนะครับ  ไม่ถึงกับค้าน  แต่คิดว่าน่าจะมีข้อถูกหลายข้อเท่านั้นเองครับ  อิอิ จากคุณ : Jimmy Walker - [ 15 ก.พ. 49 16:20:55 ]

ความคิดเห็นที่ 8 การได้รับ "แนวคิดที่แตกต่าง" เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์อยู่แล้วคะพี่จิมมี่  ^_^ เคยอ่านๆข่าวอยู่ช่วงนึง แหมดีใจได้ปลื้มกันใหญ่ที่ราคายางขึ้นเป็นกิโลละ 70 กว่าบาท แล้วก็ได้บังเอิญไปอ่านเจอคอลัมภ์ข่าวเล็กๆอันนึง บอกว่าตอนนี้ธุรกิจที่ผลิตสินค้าที่ใช้ยางพาราเป็นวัตถุดิบจะกระอักเลือดตายกันหมดแล้ว เพราะราคาที่เราหลงใหลได้ปลื้มกัน  กระทบยาวไปถึงการส่งออกเพราะต้นทุนสูงขึ้น ทำให้ความสามารถในการแข่งขันลดลง ตอนนี้น้องม๋ากำลังพยายามฝึกคิดใน "มุมที่ต่าง" อยู่คะ (ไม่รู้ทำไมทำมาจะกลายเป็นคนขวางโลกไปหรือเปล่า ^^"  ) จากคุณ : น้อง(ของ)หมา - [ 15 ก.พ. 49 16:30:33 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ผมเข้าไปดูในเว็บของ คุณสุจินต์ แล้วนะครับ มีการอบรมด้วยครับ แต่ละหลักสูตร จะ สี่หมื่น อ่ะครับ ดังนั้น เราก็หาสัก 100 คน ขึ้น เก็บคนละ 400 เหมือนเดิม ก็ได้อบรมแระ ^L^ จากคุณ : ไม้แดง - [ 15 ก.พ. 49 17:01:57 ]

ความคิดเห็นที่ 10 คุณไม้แดงเอาจริงอ่ะป่าว (มะช่ายมาหลอกให้สาวๆ ดีใจ แล้วก็จากปาย ;-) ดิฉันลงชื่อขอเป็น 1 ใน 100 คนด้วยเลยคะ  ^_^ จากคุณ : น้อง(ของ)หมา - [ 15 ก.พ. 49 17:08:47 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เห็นแต่หัวกระทู้กำลังจะเข้ามาแซวว่าเจ๊พึ่งจะมาค้นพบตัวเองอะไรป่านนี้ อิอิ จากคุณ : ว่านน้ำ - [ 15 ก.พ. 49 17:52:13 ]

ความคิดเห็นที่ 12 คุณน้องฯ ไม่ต้องถึงขั้นพยายามคิดในมุมต่างหรอกครับ  เดี๋ยวมันจะเครียดเกินไป  เพียงแต่ผมชอบที่จะคิดว่า  เวลาเราได้ข้อสรุปที่บางครั้งเราอยากจะเรียกมันว่า Fact หรือข้อเท็จจริงแล้ว มาอันนึง  แต่พอเห็นบางกรณีที่เกิดขึ้น  มันไม่เข้ากับข้อสรุปนั้น  ผมก็จะมาคิดต่อว่าทำไมกฎนั้นมันถึงใช้ไม่ได้  และบางทีก็จะได้คำตอบหรือข้อสรุปอันใหม่ขึ้นมาครับ บางครั้งข้อเท็จจริงที่เรารับไว้ในใจ  จนเป็นความเชื่อ  มันก็เป็นตัวบล๊อกเราได้พอๆกับเป็นแรงผลักดัน  ถ้าข้อสรุปของเราผิด  แนวทางเราก็อาจจะผิด  ถ้าข้อสรุปเราถูกเราก็ได้แนวทางที่ดีและถูกต้อง ฉะนั้น  กฎก็คือ  หากมีกรณีที่ไม่เข้ากับข้อสรุปของเรา  เราก็ควรนำข้อสรุปมาตรวจสอบอยู่เสมอ  ว่ามันยังใช้ได้  แต่มันก็ยังยากนิดนึง  ตรงที่คนเราก็มีแนวโน้มที่จะยึดมั่นในความคิดอันเดิมของเราที่เริ่มกลายเป็นความเชื่อ  มันก็อยู่ที่เราจะเอาชนะอคติของตัวเองได้เพียงใดครับ นอกประเด็นหน่อย  แค่ขอเสนอไอเดียเรื่องการหาข้อสรุปในแนวคิดกับคุณน้อง(ของ)หมา  จะได้สนุกคิดขึ้นไปอีกแบบครับ จากคุณ : Jimmy Walker - [ 16 ก.พ. 49 08:12:55 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เข้ามาอ่านค่ะ จากคุณ : >>>แม่มดน้อย ร้อยลีลา<<< - [ 16 ก.พ. 49 15:29:33 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เราลองเดินชีวิตมาอย่างนี้... 2.5 ปีแรก เป็น Productor 2.5 ปีต่อมา เป็น Coordinator ปีที่ 4 -5 ...Co.. Sale ... มีความรู้ มีskills ชอบเจอคน ชอบต่างชาติ ทำธุรกิจกับต่างชาติ  เหมือนเป็น Outfringe เมืองไทยและต่างประเทศ จากคุณ : kuddle - [ 16 ก.พ. 49 23:35:47 ]