Jong-Yong Yun : ซีอีโอผู้กำลังนำซัมซุงสู่เบอร์ 1 ของโลก (1)
โดย ผู้จัดการรายสัปดาห์ 31 มีนาคม 2549 10:41 น.
Jack Welch อดีตซีอีโอของ General Electric หรือ GE เป็นซีอีโอคนหนึ่งที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลกยุคปัจจุบัน กล่าวกันว่าเขาเป็นซีอีโอแห่งทศวรรษที่ 1990 ที่ทุกคนในแวดวงธุรกิจในขณะนั้นต้องฟังทุกคำพูดของเขา Jack Welch ได้รับเลือกจากนิตยสารชั้นแนวหน้าของโลกอย่าง Time, Fortune และ Business Week ให้เป็นซีอีโอที่ดีที่สุดของอเมริกา เนื่องจากเขานำ GE ไปสู่ความยิ่งใหญ่จนกลายเป็นองค์การอเมริกัน (American Corporation) ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในช่วงปลายศตวรรษที่ 20
แต่อีกไม่นาน โลกคงจะต้องกล่าวขานถึงซีอีโอที่ยิ่งใหญ่อีกคนหนึ่ง ที่วันนี้ยังไม่ค่อยมีคนรู้จัก เขาคือ จอง ยอง ยุน (Jong-Youn Yon) ซีอีโอที่กำลังนำซัมซุงสู่เบอร์ 1 ของโลก
เส้นทางที่เต็มไปด้วยขวากหนาม
กว่าที่ซัมซุง (Samsung Electronics) จะกลายเป็นบริษัทที่มียอดขายสูงเป็นอันดับที่ 32 ของโลกได้ในวันนี้ โดยถือเป็นอันดับสองของเอเชียที่มี Toyota Motor เป็นผู้นำ ซัมซุงต้องประสบกับความยากลำบากนานัปการ ไม่ว่าจะเป็นภาวะที่ราคาของ DRAM (Dynamic Random Access Memory Chip) ซึ่งเป็นสินค้าหลักของซัมซุงตกต่ำลงอย่างมากในเวลาอันรวดเร็วในปี 1996 หรือ วิกฤติเศรษฐกิจของเอเชียในปี 1997จนกลายครั้งแทบจะเอาตัวไม่รอด แต่ทุกครั้งก็รอดมาได้ด้วยการจัดการ การเปลี่ยนแปลง และพัฒนาองค์การที่น่าทึ่ง
ซัมซุงก่อตั้งขึ้นในปี 1969 และเริ่มจำหน่ายโทรทัศน์ขาวดำที่ผลิตขึ้นเอง ในอีก 3 ปีต่อมา ซังซุงได้ Benchmark ตัวเองกับโซนี่ ซึ่งก็คือการใช้โซนี่เป็นต้นแบบในการพัฒนาองค์การตลอดมา ในช่วงเวลาที่ทีวีขาวดำของซัมซุงเริ่มวางตลาด โซนี่ได้เป็นแบรนด์ระดับโลกไปแล้ว เช่น วิทยุทรานซิสเตอร์ เครื่องเล่นเทป และทีวีสีระบบไตรนิตรอน เป็นต้น
ในระยะแรก ซังซุงไม่เคยคิดสร้างแบรนด์ของตนเอง แต่กลับหมกมุ่นอยู่กับการรับจ้างผลิตสินค้าให้กับผู้อื่น โดยซัมซุงเป็นผู้ผลิต Memory Chip, Computer Hard Drive และอุปกรณ์อื่นๆ ที่ช่วยเพิ่มนวัตกรรให้กับสินค้าทั้งหลายของบริษัทชั้นนำจำนวนมากของญี่ปุ่น และอเมริกา
ในขณะที่การผลิตสินค้าของซัมซุงเองกลับเน้นไปที่การผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) ราคาถูก คราวละมากๆ โดยไม่ใส่ใจในคุณภาพ ซัมซุงผลิตแต่ทีวีขาวดำราคาถูก และสินค้าด้อยคุณภาพอื่นๆ ที่วางขายได้เฉพาะในร้านสะดวกซื้อ
โทรศัพท์มือถือรุ่นแรกๆ ของซัมซุงมีคุณภาพแย่มาก ซึ่งโทรศัพท์เหล่านี้ประธานบริษัท ซัมซุง นำไปแจกจ่ายเป็นของขวัญให้แก่เพื่อนพ้อง และพนักงานเพื่อฉลองความสำเร็จของบริษัทในปี 1995 แต่กลับสร้างความผิดหวังอย่างมากให้แก่ผู้รับ เนื่องจากโทรศัพท์ส่วนใหญ่เสียหลังจากที่ใช้งานไปได้เพียงไม่กี่วัน คำต่อว่าจากบุคคลเหล่านี้ได้โถมเข้าใส่ประธานบริษัทตลอดทั้งวัน จนเขาต้องสั่งให้นำสินค้าทั้งหมดในคลังสินค้าของโรงงานจำนวน 150,000 ชิ้น ซึ่งมีมูลค่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มากองรวมกันไว้ที่สนามหญ้าหน้าบริษัท
สินค้าดังกล่าวมีทั้งโทรศัพท์มือถือ โทรศัพท์ไร้สาย และเครื่องโทรสาร จากนั้นก็ประกาศว่า "สินค้าที่บกพร่องเป็นเสมือนมะเร็งร้าย" พร้อมกับชี้ไปที่ป้ายผ้าซึ่งมีข้อความว่า "ต่อแต่นี้ไปซัมซุงจะต้องได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ผลิตสินค้าคุณภาพ" และส่งสัญญาให้คนงานทุบทำลายสินค้าเหล่านั้นต่อหน้าผู้บริหารและพนักงานจำนวน 2,000 คน ก่อนที่จะโยนซากทั้งหมดเข้าไปในกองไฟ
ซัมซุงได้บันทึกเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นภาพถ่ายขนาดใหญ่ และนำแขวนไว้ในหอประวัติศาสตร์ของซัมซุง เหตุการณ์ในวันนั้นได้กลายเป็นตำนานของซัมซุงที่เล่าขานกันมาจนถึงปัจจุบัน และเป็นจุดพลิกผันที่สำคัญของซัมซุง
ซัมซุงประสบกับวิกฤติครั้งต่อมาในปี 1996 เมื่อราคาของเซมิคอนดัคเตอร์ตกต่ำลงอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านั้น ผลกำไรของซัมซุงครึ่งหนึ่งมาจาก DRAM ซึ่งเป็นสินค้าที่ทำรายได้ให้กับซัมซุงกรุ๊ปถึง 35% ของรายได้รวม วิกฤติการณ์ดังกล่าวมีสาเหตุมาจากกำลังการผลิต DRAM สูงกว่าความต้องการของตลาด ราคาที่ตกต่ำลงของเซมิคอนดัคเตอร์ได้สร้างปัญหามากมายให้ซัมซุง เนื่องจากซัมซุงได้ลงทุนขยายกำลังการผลิตสินค้าดังกล่าวด้วยเงินกู้จำนวนมหาศาล ในเดือนธันวาคมปีเดียวกันนั้นเอง ซัมซุง ได้แต่ตั้ง จอง ยอง ยุน เป็นซีอีโอคนใหม่ ที่ต้องแบกรับภารกิจอันหนักอึ้งในการกอบกู้บริษัท ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางอันยาวไกลของซีอีโอรายนี้
จากคุณ :
น้อง(ของ)หมา
- [
2 เม.ย. 49 19:02:11
]