แก้ไข นิตสาร-> นิตยสาร
ฉบับที่ 256 > มิถุนายน 49 ปีที่ 22
สัมภาษณ์ : ดร. สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา พระเจ้าอยู่หัวไม่เคยหยุดทรงงาน การทำงานคือชีวิตของพระองค์
วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ : สัมภาษณ์
บันสิทธิ์ บุณยะรัตเวช : ถ่ายภาพ
ดร. สุเมธ ตันติเวชกุล เป็นชาวเพชรบุรีโดยกำเนิด ในวัยเด็กเป็นนักเรียนประจำที่โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย จากนั้นได้รับทุนจากรัฐบาลฝรั่งเศสให้ไปเรียนต่อทางด้านรัฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยมองต์เปลิเอร์ (Mont Pellier) ประเทศฝรั่งเศส จนจบการศึกษาระดับปริญญาเอกจึงได้กลับมารับราชการในสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์
ปี ๒๕๒๔ รัฐบาลได้ก่อตั้งสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) ขึ้นเป็นหน่วยงานในสังกัดสภาพัฒน์ โดย ดร. สุเมธได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเลขาธิการคนแรก ถึงปี ๒๕๓๗ ท่านได้ขึ้นดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาพัฒน์ และเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๘ อันเป็นฉบับแรกที่เริ่มพลิกโฉมยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศจาก วัตถุ มาเป็น คน
นอกจากงานในตำแหน่งเลขาธิการสภาพัฒน์และเลขาธิการ กปร. ซึ่งทำควบคู่กันไปแล้ว หลังจากเกษียณอายุราชการในปี ๒๕๔๒ ดร. สุเมธยังได้รับเชิญให้เป็นประธานกรรมการและกรรมการในรัฐวิสาหกิจหลายแห่ง รวมถึงเป็นนายกสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวได้ว่าที่ผ่านมา ดร. สุเมธได้ดำรงตำแหน่งสำคัญต่าง ๆ มากมาย ทว่างานที่ท่านถือเป็นเกียรติประวัติสำคัญที่สุดในชีวิต คือการได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งเมื่อปี ๒๕๓๑ จนถึงปัจจุบัน
ตลอดเวลากว่า ๒๕ ปีที่ ดร. สุเมธได้ถวายงานรับใช้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำให้ท่านได้รับข้อคิดและบทเรียนอันมีค่ามากมายไม่ว่าในแง่การงานหรือการใช้ชีวิต ทั้งจากพระบรมราโชวาทในวาระต่าง ๆ และจากการที่ได้ทรงกระทำพระองค์เป็นเยี่ยงอย่าง อาทิ
-การทำงานทั้งหลายต้องทำด้วยใจ ทำด้วยความสนุก
-ทำงานด้วยความรู้ ความรู้จะหยุดนิ่งไม่ได้ ต้องขวนขวายเก็บบันทึกไว้ ความรู้จะต้องพัฒนาอยู่เรื่อย ๆ
-ให้สนุกกับการแก้ปัญหา เห็นปัญหากระโดดเข้าใส่
-ตั้งตนอยู่บนพื้นฐานของความเมตตาและสร้างความสุขให้ผู้อื่น
-หัวสมองต้องทำงานอยู่ตลอด ต้องช่างสังเกต ดูสถานการณ์รอบข้าง อย่าปล่อยให้จิตใจเลื่อนลอย ต้องมี-สติติดตัวตลอด เมื่อมีสติก็มีปัญญา ปัญญาทำให้หูตาสว่าง ไม่หลง
-อย่าฉวยโอกาส ต้องซื่อสัตย์สุจริตระหว่างปฏิบัติงานเป็นที่ตั้ง ฯลฯ
หากเหนืออื่นใด การถวายงานรับใช้ใกล้ชิด ยังทำให้ท่านได้เห็นอย่างชัดเจนถึงพระวิริยะอุตสาหะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความสุข ในการ ทรงงาน เพื่อพสกนิกรของพระองค์
ในบทความ ตามรอยเบื้องพระยุคลบาท ที่ตีพิมพ์ในวารสาร มูลนิธิชัยพัฒนา เมื่อเดือนธันวาคม ๒๕๔๘ ดร. สุเมธ ได้เล่าถึงความประทับใจจากการตามเสด็จฯ ไปในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจครั้งหนึ่ง ความว่า
ภาพที่ประทับใจและจดจำไม่เคยลืมอีกภาพคือ หลังจากที่ทรงพระประชวรในช่วงเวลาหนึ่งนั้น ก็เสด็จฯ ออกครั้งแรก จำได้แม่นยำว่าเป็นที่ชะอำ ที่เป็นสถานที่ตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายในวันนี้ ได้เสด็จฯ ออกทรงงานเป็นครั้งแรกหลังจากทรงว่างเว้นมานาน หลังจากมีพระราชกระแสพระราชทานแนวทางหลัก ๆ แล้ว ได้หยุดขบวนประทับ เบื้องหน้าเป็นหุบเขาเรียกว่า หุบสบู่ เวลานั้นตะวันหลบแล้ว แต่ยังมีแสงเรืองรองอยู่ นกบินกลับรังเป็นฝูง ๆ ทรงฉายภาพวิวรอบ ๆ อากาศร่ม ลมพัดเย็นสบาย มีพระพิรุณโปรยมาบาง ๆ ชุ่มชื่นแต่ไม่เปียก วันนั้นทรงมีความสุขมาก รับสั่งขึ้นมาลอย ๆ ว่า ไม่ได้เสด็จฯ ออกมานานแล้ว และเห็นชัดเจนว่าทรงพระเกษมสำราญเหลือเกินที่มีโอกาสได้ทำงานให้พสกนิกรของพระองค์อีกครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นจังหวะงานที่ทรงอยู่ก็เริ่มต้นอย่างทรงพลังอีกครั้งหนึ่ง โครงการพระราชดำริโครงการแล้วโครงการเล่า ก็ได้จัดทำขึ้นมาทุกหัวระแหงของแผ่นดิน
ในวาระที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี อันอาจกล่าวได้อีกทางหนึ่งว่าเป็นวาระครบ ๖๐ ปีที่ได้ ทรงงาน เพื่อพสกนิกรชาวไทยทั้งปวง ทีมงาน สารคดี ได้รับความเมตตาจาก ดร. สุเมธ ตันติเวชกุล ให้สัมภาษณ์พิเศษถึงพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
คำกล่าวแรกของท่านเมื่อเริ่มต้นบทสนทนาครั้งนี้ก็คือ
พระเจ้าอยู่หัวไม่เคยหยุดทรงงาน การทำงานคือชีวิตของพระองค์
แก้ไขเมื่อ 02 ก.ค. 49 03:27:42