 |
Logistics เพลินๆกับนายหรั่ง : 3PL.
3PL
การทำธุรกิจในบางกรณี องค์กรนั้นๆอาจไม่ทำหน้าที่บางอย่างที่เกิดขึ้นในองค์กรนั้นๆเอง เนื่องจากงานนั้นๆไม่ได้เป็นธุรกิจหลักขององค์กรนั้นๆ หรือ ขาดผู้เชียวชาญในเรื่องนั้นๆดังกล่าว จึงมอบหมายให้องค์กรอื่นทำหน้าที่แทน โดยเป็นการจ้างเป็นชั่วคราว หรืออาจจะถาวรเลยก็ได้ เพื่อให้งานนั้นๆสำเร็จลุล่วงไปได้ หรือเพื่อให้งานนั้นสำเร็จด้วยความรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากกว่าที่องค์กรหลักจะทำเสียเอง
จึงเป็นที่มาของคำว่า 3PL นั้น คำนี้ย่อมาจากคำว่า Third Party Logistics Provider หมายถึง บริษัททำให้บริการด้าน outsource (a firm that provides outsourced or "third party" services) ที่มาทำหน้าที่บางอย่างแทนองค์กร เช่น หน้าที่บางอย่างในระบบ Supply Chain เช่น warehouse หรือ การขนส่ง (Transportation) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น ลดต้นทุน และสำเร็จได้ด้วยความรวดเร็ว
ทำไมถึงต้องมี 3PL หรือ Outsource คำถามนี้ตอบได้หลายข้อ คือ
1. 3PL ส่วนใหญ่มีระบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากกว่า การมอบหมายให้บริษัท 3PL ทำงานบางอย่างแทนนั้น จะสามารถเพิ่มความสำเร็จในองค์กรได้เพิ่มขึ้นได้
2. องค์กรบางองค์กรต้องการทำงานเฉพาะที่เป็น Core Business เท่านั้น เนื่องจากตนเองมีความเชี่ยวชาญและเป็นเป้าหมายหลัก ดังนั้นงานอื่นๆที่ไม่ใช่ Core Business นั้นอาจให้ 3PL ทำงานแทนได้
3. องค์กรหลักเองไม่ต้องการแบบภาระในเรื่องของ resource มากเกินความจำเป็น จึงมอบหมายให้ 3PL เป็นผู้ใช้ resource ของเขาทำงานแทน และยังสามารถลดต้นทุนในเรื่องของ resource ขององค์กรในกรณีที่งานนั้นสำเร็จลุล่วงไปแล้วได้อีกด้วย
4. 3PL มีความรู้ความเชี่ยวชาญหลากหลายสาขา จึงสามารถรับความรับผิดชอบในหน้าที่ต่างๆได้ดีกว่าตัวองค์กรหลักซึ่งอาจมีผู้เชี่ยวชาญไม่เพียงพอ
5. โดยปกติ สามารถลดต้นทุนของธุรกิจได้ แต่บางครั้งการใช้ 3PL นั้นไม่สามารถลดต้นทุนได้อย่างแท้จริง แต่มีผลประโยชน์แบบอื่นๆเข้ามาทดแทนได้ เช่น ความรวดเร็วในการทำงานให้สำเร็จ และความชำนาญในด้านการติดต่อประสานงานกับ 3PL อื่นๆ ได้ดีกว่า ก็คุ้มที่จะมอบหมายให้ไป
6. เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น นั่นคือ สามารถทำธุรกิจแบบ Global Business และในด้านขีดความสามารถ (Capability) ได้อีกด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม การมอบหมายงานให้ 3PL นั้นก็มีความเสี่ยงอยู่ไม่น้อย เช่น
1. องค์กรจะขาดองค์ความรู้บางอย่างไป ซึ่งจะทำให้สูญเสียด้านการแข่งขัน (Competitive Knowledge) กับคู่แข่งได้
2. สูญเสียด้านการควบคุม (Loss of Control) เนื่องจากได้มอบหมายให้ผู้อื่นดูแลแทนไปแล้ว
3. บางครั้งอาจเกิดความขัดแย้งกับ 3PL เองก็ได้ เนื่องจากจุดประสงค์อาจมีความแตกต่างกัน หรือเป้าหมายไม่เหมือนกันได้ (Conflicting Objectives) เช่น เป้าหมายด้านการสำรวจตลาดที่มองไม่เหมือนกัน หรือ ระดับการให้บริการที่ทำได้ไม่เท่าที่ตกลงกันไว้
4. ความสัมพันธ์กับลูกค้าเสื่อมถอยลงไป เนื่องจากองค์กรมิได้ติดต่อกับลูกค้าโดยตรงในกรณีที่มอบให้ 3PL จัดการแทน
ประการสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่องค์กรต่างๆควรคำนึงถึงในเรื่องการมอบหมายงานให้ 3PL หรือ Outsource ทำนั้นคือ งานนั้นๆมิควรเป็นงานที่เป็นปัญหาขององค์กร งานที่สมควรมอบหมายให้ 3PL กระทำแทนนั้น ควรเป็นงานที่มีความสมบูรณ์ และเรียบร้อยดีอยู่แล้วเท่านั้น ไม่ควรมอบหมายงานที่มีปัญหาโดยผลักให้ 3PL ดูแลแทน ซึ่งเท่ากับเป็นการผลักปัญหาและภาระไปให้พ้นๆ ซึ่งจะทำให้งานนั้นๆก็ยังไม่ประสบความสำเร็จอยู่ดี
และยังต้องคำนึงถึงนโยบายขององค์กรด้วยครับ ว่าการมอบหมายงานให้ 3PL นั้นสอดคล้องกับเป้าหมายหรือนโยบายขององค์กร หรือของแต่ละหน่วยย่อยในองค์กรด้วยหรือไม่ ไม่เช่นนั้น ความน่าจะเป็นในการล้มเหลวของงานนั้นๆก็คงอยู่ใกล้แค่เงื่อมละครับ สวัสดี
จากคุณ :
นายหรั่ง  
- [
8 ส.ค. 49 16:11:00
]
|
|
|
|
|
|
