CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ผลของการพยายามเอาใจทุกคน

    ผมเริ่มต้นชีวิตสถาปนิกในต่างประเทศ ทำงานในสำนักงานสถาปนิกแห่งหนึ่ง เป็นบริษัทขนาดกลางที่มีหุ้นส่วนสถาปนิกสี่คน แต่ละคนจึงมีศักดิ์เป็นเจ้านายของผมโดยเท่าเทียมกัน

    แทบทุกวันเจ้านายแต่ละคนเข้ามาดูความคืบหน้าของแบบร่างก่อนนำเสนอลูกค้า วิจารณ์งาน และขอ (ก็คือสั่ง) ให้ผมแก้ตาม 'คำแนะนำ' นั้น

    หลังจากแก้งานตามคำวิจารณ์ของเจ้านายคนหนึ่งแล้ว เจ้านายอีกคนหนึ่งก็เวียนเข้ามาวิจารณ์งานในอีกแง่มุมหนึ่ง และงานก็ถูกสั่งให้แก้อีกครั้ง

    สี่คน สี่ความเห็น สี่รอบที่แก้ไขงาน

    ผลก็คืองานเลอะ

    เจ้านายคนหนึ่งหัวเราะ บอกว่า "คุณเอาใจทุกคนไม่ได้หรอก ใช้สมองคิดเอา ตัดสินใจทำในสิ่งที่เราเห็นว่าดีที่สุด"



    ผมเริ่มต้นชีวิตคนโฆษณาในประเทศ ทำงานในสำนักงานแห่งหนึ่งซึ่งเป็นบริษัทขนาดกลาง จับงานของลูกค้าขนาดเล็กเป็นส่วนใหญ่

    ประสบการณ์การทำงานในวงการพาณิชย์ศิลป์มานานหลายปีสอนผมว่า ศิลปะมักเดินตามหลังความต้องการของลูกค้า

    ทว่ามีแต่คนที่ทำงานในวงการพาณิชย์ศิลป์ที่เข้าใจดีกว่า บ่อยครั้งคนที่เราต้องขายงานให้ผ่านไม่ใช่ลูกค้า หากคือคนในองค์กรนั่นเอง

    ในเอเจนซีโฆษณาบางแห่ง ผู้ที่มีอำนาจตัดสินให้นำงานชิ้นหนึ่งๆ ไปเสนอลูกค้าหรือไม่คือฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์และการตลาด ไม่ใช่ฝ่ายสร้างสรรค์ การแก้ไขงานในเงื่อนไขทางการตลาดเป็นสิ่งที่ทำความเข้าใจได้ไม่ยาก และอาจทำให้งานดีขึ้น (อย่างน้อยก็ในเชิงการตลาด) แต่ไม่เสมอไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้มีอำนาจสั่งการให้แก้ไขไม่มีประสบการณ์และรสนิยม

    ตัวอย่างคลาสสิกที่พบเสมอคือ การที่ลูกค้าขอให้ฝ่ายศิลป์ขยายขนาดสินค้าในโฆษณาให้ใหญ่ขึ้น ขยายคำโปรยให้ใหญ่ที่สุด เขียนสรรพคุณสินค้ามากที่สุด

    รองรับด้วยเหตุผลคลาสสิก : "ก็ยังมีพื้นที่ว่างไง"

    ผลลัพธ์จากการแก้งานตามคำวิจารณ์ทั้งของลูกค้า (บางครั้งรวมญาติของลูกค้า) ฝ่ายการตลาด และฝ่ายสร้างสรรค์พร้อมๆ กัน มักออกมาคล้ายๆ กันคือ เลอะและเละ



    บิล คอสบี เป็นนักแสดงตลกผิวดำผู้ก้าวขึ้นเป็นหมายเลขหนึ่งในวงการละคร ซิท-คอม โทรทัศน์อเมริกา ละครของเขามีแต่นักแสดงผิวสี โดยไม่ต้องเอาใจทุกกลุ่มอย่างที่ละครอื่นๆ ยึดถือเป็นสูตรว่า หนังหนึ่งเรื่องต้องประกอบด้วยคนขาว คนดำ คนอเมริกันใต้ คนเอเชียในสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย

    คอสบีกล่าวว่า "ผมไม่รู้ว่าอะไรเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จหรอก แต่กุญแจสู่ความล้มเหลวคือการพยายามที่จะเอาใจทุกคน"

    จุดหนึ่งที่เราอาจยอมเอาใจทุกคน ทั้งที่รู้ว่าผลลัพธ์อออกมาเลอะก็คือ วัฒนธรรมเกรงใจ

    คำว่า 'เกรงใจ' เป็นดาบสองคม ทำให้สังคมอยู่อย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย แต่เมื่อใช้ในการสร้างสรรค์งาน ก็สามารถทำให้ถอยหลังลงคลองได้เช่นกัน

    เมื่อดูตัวอย่างอาชีพบริการทั่วโลก ก็พบว่าไม่มีใครเลยที่ประสบความสำเร็จจากการเอาใจทุกคน เสื้อผ้า น้ำหอม หนังสือ นิตยสาร ล้วนเข้าไปในทิศทางที่เข้าหาปัจเจกมากขึ้น



    ในการใช้ชีวิตวันต่อวัน คุณอาจประสบหลายสถานการณ์ที่ชวนอึดอัด

    ไปกินอาหารที่ตนเองไม่ชอบกับลูกค้า กินเหล้าเพื่อเข้าสังคม ไม่ใช่เพราะชอบ ฯลฯ

    สมมุติว่าคุณไปดูหนังที่คุณไม่ชอบเลยกับคนรัก ออกจากโรงหนัง คนรักของคุณเอ่ยว่า "หนังสนุกมาก..." หากคุณพยักหน้ารับ ก็มีโอกาสอย่างสูงที่คุณต้องไปดูหนังที่คุณไม่ชอบกับเขาหรือเธออีก

    มนุษย์ในโลกนี้มีราวหกพันล้านคน เราไม่สามารถเอาใจคนส่วนใหญ่ได้

    ทว่าการไม่พยายามเอาใจทุกคนไม่ได้หมายความให้เอาใจตนเองถ่ายเดียว

    จริงใจ ยอมรับความขัดแย้งอย่างละมุนละม่อม และอยู่กับความแตกต่างอย่างกลมกลืน


    วินทร์ เลียววาริณ
    winbookclub.com
    12 สิงหาคม 2549

     
     

    จากคุณ : OnceInTheBlueMoon - [ 14 ส.ค. 49 01:42:31 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com