ตอนที่แล้วผมได้กล่าวถึงการจดทะเบียนด้วยสินทรัพย์และแรงงานโดยได้ยกตัวบทกฎหมายประกอบไปแล้วนั้น วันนี้เรามาพูดถึงเรื่องการแปลงแรงให้เป็นทุนกันดีกว่าว่ามันมีรายละเอียดอย่างไรกันบ้าง ยังนับว่าเป็นโชคดีของเราๆ ท่านๆ.............ที่กฎหมายเปิดช่องทางให้คนที่ไม่มีเงินสามารถเป็นเจ้าของหุ้นได้ด้วยการลงแรงหรือแลกด้วยสินทรัพย์เพื่อจะได้เป็นเจ้าของบริษัท
แต่.............อนิจจัง ที่เฮียสรร..ของเราดันทะลึ่งมองว่าการได้มาซึ่งหุ้นของเราด้วยการทำงานแลกมา เช่น ทำงานแลกหุ้นเดือนละ100,000.- บาท เป็นเวลาติดต่อกัน 10 เดือน เพื่อให้ได้หุ้นมูลค่า 1 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 100,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10.- บาท นั้น.....................คือรายได้ เฮียแกว่า
1. คุณมีรายได้ 1 ล้านบาทในปีนั้น..... !
2. คุณจะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภ.ง.ด. 90/91.....
3. ในกรณีที่มีรายได้ตาม 1. อย่างเดียว จะต้องเสียภาษีเงินได้ดังนี้ครับ
รายได้ 1,000,000.-
หัก ค่าใช้จ่ายส่วนตัว 60,000.-
คงเหลือเงินได้ 940,000.-
หัก ลดหย่อน 30,000.-
เงินได้สุทธิ 910,000.-
เงินได้ 100,000 บาทแรก ยกเว้นภาษี
100,001 500,000 อัตราภาษีร้อยละ 10 40,000.-
500,001 910,000 อัตราภาษีร้อยละ 20 62,000.-
รวม 102,000.-
สรุปเป็นอันว่าต้องเสียภาษีทั้งสิ้น 102,000.- บาท
กรรม......กรรมจริงๆ งานนี้ เงินก็ยังไม่ได้รับแม้แต่แดงเดียวไม่ว่าจะเป็นเงินเดือนหรือเงินปันผลแต่อย่างใด อะไรจะโชคดีปานนั้นที่ต้องมาเสียภาษีอีก แล้วจะทำไปทำไมวะนี่เรา.....กฎหมายท่านอุส่าเปิดช่องเอาไว้ให้คนไม่มีเงินแต่มีความสามารถก็สามารถเป็นเจ้าของบริษัทได้ แต่เฮียแกกลับจะมาคิดภาษีจากหุ้นที่ได้ บ้านเมืองเราก็แบบนี้แหละครับกฎหมายยังคงไปกันคนละทิศละทาง
แต่.......แต่.......แต่ถ้าเป็นแบบนี้ละ
1. แรงงานแลกหุ้น 1 ล้านบาท ทำการแถลงในที่ประชุมจัดตั้งบริษัท ว่ามีคน 10 คนประสงค์จะแปลงแรงงานเป็นหุ้น โดยแต่ละคนจะแปลงแรงงานเป็นหุ้นกันคนละ 100,000.- บาท / คน รวม 10 คน เป็นเงิน 1 ล้านบาท ได้หุ้นกันไปคนละ 10,000 หุ้น หุ้นละ 10 บาท
2. มีรายได้ปีละ 100,000.- บาท ได้รับยกเว้นภาษี...
3. เมื่อครบ 10 เดือน หุ้นของทุกคนก็เสมือนได้ใช้จนเต็มมูลค่าแล้ว
4. ทีนี้ให้ 9 จาก 10 คนนั้นโอนหุ้นมาให้ท่านซะ ในราคาทุน (10 บาท / หุ้น) โดยทำสัญญาโอนซื้อขายหุ้นกันอย่างถูกต้อง (ไม่ต้องเสียภาษีใดๆ เลย)
5. หุ้นก็จะเป็นของท่านแล้ว
............................คิดได้ยังไงวะนี่
ผมว่าทุกท่านรวมทั้งนายจิตกรรมการโรคจิตของเรา คงพอจะเข้าใจวิธีการแปลงแรงงานเป็นหุ้นแล้ว.....และหลายๆ ท่านที่ยังกังวลกับการแปลงแรงงานเป็นหุ้น ก็เฮียแกดันถือเสมือนว่าหุ้นที่ได้รับมานั้นคือรายได้ และต้องเสียภาษี คงสบายใจกันได้ ไม่ต้องนึกน้อยใจในโชค วาสนาของตัวเอง ที่ไม่มีเงิน พอจะมีก็แต่ความรู้ความสามารถที่จะได้เป็นเจ้าของบริษัท โดยเอาแรงแลกมา กลับต้องหาเงินมาเสียภาษีเสียทีนะครับ.....
หลายท่านคงจะถึงบางอ้อไปแล้วกับการกระจายแรงงานเป็นหุ้นจาก 1 คน เป็น 10 คน แต่ทำไมคนส่วนใหญ่ไม่รู้กันนะ
มาพูดกันต่อถึงเรื่องที่อาจจะทำให้คนที่ไม่มีเงิน แต่อยากจะเป็นเจ้าของบริษัท เลยเอาทรัพย์สินที่ตนมีอยู่มาแลกหุ้น เช่น คอมพิวเตอร์ รูปภาพ แฟ้ม อุปกรณ์สำนักงาน โต๊ะ เก้าอี้ ฯลฯ
ทั้งหมดที่เป็นสินทรัพย์สามารถแลกเป็นหุ้นได้ครับ (ถ้าที่ประชุมยอมรับ) ก็กำหนดกันไปว่าจะยอมให้ทรัพย์สินนี้มีมูลค่าเท่าไหร่ สามารถแลกหุ้นได้กี่หุ้นก็ว่ากันไป..... กรณีสินทรัพย์นี้ถือเป็นสังหาริมทรัพย์ คือทรัพย์ที่เคลื่อนที่ได้และเป็นของเก่า งานนี้กฎหมายยอมให้ผู้ที่เอาทรัพย์สินเก่าๆ แลกหุ้นไม่ต้องยื่นแสดงการได้หุ้นนั้นมา ว่าเสมือนกับมีรายได้อย่างกรณีแรงงาน การเอาทรัพย์สินแลกหุ้นก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะไม่ต้องเสียภาษี เหมาะมากสำหรับคนที่ไม่มีเงินแต่มีความพยายามที่จะเป็นเจ้าของบริษัท
ตั้งบริษัทได้แว้วววววววว...................
ในที่สุดทุกท่านก็คงพอที่จะเห็นแนวทางในการตั้งบริษัทแล้วนะครับว่าจะต้องทำอย่างไร และหลายๆ ท่านคงคิดว่าบทความนี้คงเดินทางมาถึงตอนจบแล้ว.............แต่ช้าก่อนครับ หลังจากที่ทุกท่านตั้งบริษัทได้แล้วยังมีอีกหลายเรื่องที่จะต้องทำให้ถูกต้องตามกฎระเบียบต่างๆ แน่ใจแล้วหรือว่าท่านรู้.....ว่าต้องทำอะไรอีกบ้าง !
เชื่อเถอะ......คุ้ม
ติดตามอ่านบทความตอนที่ผ่านไปแล้วได้ที่
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=acmerril
จากคุณ :
ACM
- [
30 ส.ค. 49 08:21:58
]