ความคิดเห็นที่ 1 เห็นด้วยครับ No camment แล้ว จากคุณ : finelove (finelove) - [ 9 ก.ย. 49 17:23:18 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เคยดูสารคดีอาเจนติน่าของคุณนิติภูมิด้วย กลัวจะเป็นหยั่งงั้น ถึงมันจะดูว่าเป็นไปได้ยากแต่มันก็เป็นไปได้ถ้าไม่มีนโยบายป้องกันเลย นักการเมืองตอนนี้ก็ดูเอาเถอะกัดกันหยั่งกะ...อะไรสักอย่าง จากคุณ : snator_tor - [ 9 ก.ย. 49 17:46:19 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เห็นห้องแถว เซ้ง ขาย ให้เช่า เกลื่อนถนน เศร้าใจมาหลายปีแล้วครับ จากคุณ : ผู้ผ่านเข้ารอบ - [ 9 ก.ย. 49 18:22:40 ]

ความคิดเห็นที่ 4 แล้วห้างใหญ่ๆเข้ามาตอนไหนล่ะลองไล่ดูสิ บางอย่างเราพูดง่ายถ้าไม่เจอกับสถานะการจริงๆที่ว่าทำไมเขาจึงปล่อยให้เกิดทั้งที่รู้ผลอยู่แล้ว ส่วนเราจะทำยังไงถ้าอยู้แบบเดิมคิดแบบเดิมก็ตายสถานเดียวจะหาคนเห็นใจไปใย เราต่างหากที่ต้องปรับตัวผมมองว่าผมไม่เดือดร้อนเลยกับการเปลี่ยนแปลงยิ่งเปลี่ยนแปลงเรายิ่งต้องปรับตัว มันเป็นยุคๆไปยุคใหม่ที่กำลังจะมาเล็กแต่แจ๋วครับ ดูเหมือนเล็กแต่ไม่เล็ก จากคุณ : EDM - [ 9 ก.ย. 49 18:54:25 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ทำไมเพิ่งมาตั้งกระทู้ครับอยากถาม ไปอยู่ที่ไหนมาครับ หรือเพิ่งตกใจที่มีโลตัสเอ็กซเพรสอยู่ข้างบ้าน เป็นโลตัสเอ็กซเพรสที่เป็นร้านสะดวกซื้อ เปิดทั้งวันทั้งคืน และกำลังจะมัมินิบิ๊กซี  และท็อปเดลี่ แต่มันเพิ่งจะมา อย่างร้านโลตัสเอ็กซเพรส ถึงวันนี้ก็แค่สองร้อยกว่าร้าน แต่เซเว่น มันเปิดมาเป็นสิบๆปี วันนี้มีถึงสามพันกว่าร้านทั่วประเทศ บางซอยมีถึงห้าร้าน ตั้งแต่ต้นซอยยันท้ายซอย ทำไมไม่มาโวยตั้งแต่ตอนเซเว่นเปิด อยากทราบ ทำไมร้านโชห่วยไม่แตะเซเว่นสักนิด กลับกัน คุณเคยมองในฐานะผู้บริโภคหรือเปล่า คุณเคยเข้าถึงจิตใจเขาไหม เวลามาซื้อของในร้านโชห่วย ที่เจ้าของร้านหน้าบึ้งตึงตัง ต้องทำตัวลีบ เข้าไปซื้อของในร้าน สินค้าก็แสนแพง พอร้านที่ได้มาตรฐานเข้ามา ก็เอะอะโวยวาย ไม่เคยดูตัวเอง ไม่เคยคิดพัฒนาตนเอง เอาแต่ร้องให้คนอื่นช่วย กลัวจะไม่รวยเหมือนเก่า คุณรู้ไหม ร้านสะดวกซื้อร้านหนึ่งๆ สร้างงานให้คนหนุ่มสาวในพื้นที่ถึงสามสิบกว่าคนต่อร้าน ซอยก็ไม่เปลี่ยว มีร้านเปิดให้ความสว่างตลอด นี่มันยุคไหนแล้ว เขาเปิดเสรีการค้าไปทั้งโลก ยังมามัวปิดกั้นตัวเอง กลัวต่างชาติต่างๆนาๆ อยากเป็นแบบพม่าหรือไง ปิดประเทศเสียเลยไหม เลิกหมด ไม่เอาแล้วต่างชาติ เลิกเลย เลิกดื่มโค๊ก เป็บซี่ เลิกเติมน้ำมันเชลล์ เอสโซ่ เจ๊ท ปิโตรนาส เลิกขับรถญี่ปุ่น รถยุโรป เอาสิ เลิกทานเคเอฟซี แม็คโดแนลด์ จะเอาอย่างนั้นเหรอ แล้วเราก็เลิกไปลงทุนในลาว ในเวียดนาม ในจีน เพราะต้องเอาเงินกำไรกลับประเทศไทย ทำอย่างนั้นมันเอาเปรียบคนชาติอื่น เอายังงี้ แฟร์ๆเลยเอาไหม ซีพียังไปเปิดโลตัสที่จีน ร้านอาหารไทยในต่างประเทศขายดีจนร้านอาหารท้องถิ่นต้องหันมอง เลิกให้หมดใช่ไหม โลกาภิวัฒน์แล้วครับ อย่าเป็นคนใจแคบ เขาลงทุนกับประเทศเราเป็นระยะยาวนะครับ ระบบเศรษฐกิจในชาติก็ขับเคลื่อนไปได้ หรือชอบแบบพม่า ล้าหลังไม่ทันชาติอื่นๆ เอางั้นเลยไหม จากคุณ : yaigoal - [ 9 ก.ย. 49 18:58:43 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ถูกต้องแล้วครับ คุณyaigoal ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่คิดและวิเคราะห์ไม่ค่อยได้ รอคนสรุปให้เชื่อ แบบเสร็จสรรพ ถ้าคิดได้และปรับตัวสุ้  ไม่ต้องมาบ่นครับ เกิดได้ ไม่มีดับ ทุกคน จากคุณ : ชิดชนะ - [ 9 ก.ย. 49 19:17:58 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ^ ^ ^ อย่าเหมารวมสิครับ ผมยังไม่บอกเลยว่าต้องปิดประเทศ คุณอาจจะมีส่วนได้เสียกับห้างพวกนี้ ก็พอเข้าใจ ลำพังเซเว่นนี่ ไม่เท่าไหร่เลยครับ ร้านของไทยพอสู้ได้ ถ้ารู้จักปรับตัว แต่ที่พูดนี่หมายถึงพวกดิสเค้าสโตร์ทั้งสาขาใหญ่และที่ขยายร้านเล็กร้านน้อย ขายสินค้าทุกประเภท คือยึดให้หมดนั่นเอง แม่ค้า-พ่อค้าของไทยตายแน่นอน ต่อมาพอทำมาหากินลำบาก ก็เกิดปัญหาครอบครัว ครอบครัวแตกแยก ลูกเต้าส่งเรียนไม่ได้ ปัญหาตามมากมาย หมดหนทางก็ต้องปล้นจี้เขากิน ค้าสิ่งผิดกฎหมาย ค้ายาเสพติดแทน ที่คุณว่าหนุ่มสาวมีงานทำน่ะ อยากหัวเราะ หึหึ คุณคิดว่าเด็กหนุ่มสาวพวกนี้มีความสุขเหรอ ทำงานยังกะหุ่นยนต์ ค่าแรงนิดเดียว ไม่ได้พัฒนาสมองอะไรเลย พออายุมากขึ้นเกิน30 เขาก็ไม่จ้างแล้ว คุณคิดว่าการเปิดเสรีการค้ามันสวยงามนักเหรอ ประเทศมหาอำนาจมันก็ปกป้องประชาชนของตัวเองก่อนทั้งนั้นล่ะ ประเทศที่อ่อนแอ นักการเมืองเลวๆเท่านั้นแหละ ที่ปล่อยให้ชุมชน คนส่วนใหญ่ต้องล่มสลาย ให้ทุนข้ามชาติมายึดวงจรธุรกิจของชาติไป คนหนุ่มสาววัยแรงงานเป็นได้แค่ลูกจ้างราคาถูก น่าสมเพชจริงๆ ผมน่ะไม่เดือดร้อนเลย พอมีกินมีใช้แล้ว แต่ผมมองเห็นแล้ว ถ้าปล่อยแบบนี้ อะไรจะเกิดขึ้น กับคนไทย จากคุณ : จขกท. - [ 9 ก.ย. 49 19:27:01 A:124.157.197.203 X: TicketID:123635 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ส่วนมาก ก็อ่านๆ ฟังๆจาก ฟอร์เวิร์ดเมล์ ฟังแล้วดูภาพมัน รุนแรงตามเจตนาคนปรุงแต่ง  ก็เกิดวิตกจริตขึ้นมาจนขยายต่อ ก็เท่านั้นเอง จากคุณ : ดาวสุริยะ - [ 9 ก.ย. 49 19:27:44 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เห็นด้วยกับคุณ yaigoal ค่ะ นึกถึงหนังสือเรื่อง "who move my cheese?" สัญญานแห่งการเปลี่ยนแปลงบางทีมันมาตั้งนานแล้ว เราก็ควรจะรีบปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป การนั่งเฉยๆปล่อยให้มันเกิดขึ้นแล้วโวยคนที่เข้ามาว่ามาเอาของๆ เราไป หรือโวยว่ารัฐไม่ช่วยนั้นไม่น่าจะเป็นแนวคิดที่ถูกต้อง โอกาสมีอยู่ทุกที่ค่ะ อยู่ที่ว่าเราจะมองเห็นมันหรือเปล่าเท่านั้นเอง จากคุณ : Without me - [ 9 ก.ย. 49 19:41:07 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เวลาซื้อของกินของใช้ระหว่างซื้อของโชว์ห่วยหน้าปากซอยกับต้องเดินข้ามสะพานลอยไปซื้อของเซเว่นฝั่งตรงข้ามแต่ซื้อของแล้วได้เติมเงินโทรศัพท์มือถือฟรีด้วยมันก็น่าเดินข้ามไปเหมือนกันนะครับ จากคุณ : - - [ 9 ก.ย. 49 19:42:07 A:203.188.46.165 X: TicketID:125232 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ผมอยากให้ /// ร้านค้าขายของแบบไม่เอาเปรียบคนซื้อ สนใจลูกค้า อย่าขายแพงกว่าห้าง ที่จริงค่าใช้จ่ายก็น้อยกว่า น่าจะทำได้ /// คนไทยหันมามองร้านเล็กใกล้ๆตัวเรา เลือกร้านที่ถูกใจ ได้รู้จักพูดคุย ได้รับการบริการที่ดี มีชีวิตชีวาดีกว่าห้างใหญ่ๆซะอีก จากคุณ : chitaya - [ 9 ก.ย. 49 20:43:58 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ปลาใหญ่ไม่กินปลาเล็กแล้วจะกินอะไรหว่า??? ไม่ได้สนับสนุนขาใหญ่นะครับ แต่ต้องยอมรับความเป็นไปของโลกและหาวิธีอยู่รอดให้ได้ ตลาดค้าปลีกมันเห็นชัดเจนในวงกว้าง แต่จริงๆแล้ว ทุกๆอุตสาหกรรมก็มีแต่เรื่องแบบนี้ หลายๆบริษัทระดับโลกถึงพยายามควบรวมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ล่าสุดคงจะได้ยินกันแล้วกับ AMD+ATI และ Asus + Gigabyte 1 ในทางเลือกที่ดีในปัจจุบันคือ อยู่รอดโดยหลีกเลี่ยงการแข่งขัน ปลาเล็กไม่ต้องชนะปลาใหญ่ ก็มีชีวิตอยู่ได้ครับ หาวิธีกันไป สู้ๆ จากคุณ : Jiang wei - [ 9 ก.ย. 49 21:09:26 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้าเราเห็นด้วยหรือชอบกับเศรษฐกิจแบบทุนนิยมเต็มรูปแบบ  แบบอเมริกา  เราก็ต้องยอมรับครับ  ปลาใหญ่(หมายถึงมีทุนมากกว่าหรือเก่งกว่า)  ย่อมกินปลาเล็กเป็นธรรมดาของระบบนี้  ผู้ที่เก่งกว่าเท่านั้น  จึงจะอยู่รอด แต่ถ้าเราคิดว่าคนของเรายังไม่พร้อม  มันก็อาจชะลอการรับอารยะธรรมแบบนั้นมาก็ได้  ให้คนของเรามีความรู้และพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงก่อน  ค่อยรับเต็มที่ แต่อย่างว่า  บางทีพูดไป เตือนไปไม่เห็นจริง ก็ไม่เชื่อ  ต้องให้มันเกิดขึ้นจริง  เจ็บจริง  เสียหายจริง  คนที่ชินกับความมั่นคงเก่าๆ  จึงจะรู้ว่าต้องปรับตัวรับกับความเปลี่ยนแปลง  ถ้าเหตุการณ์นี้ยังไม่เกิด  ก็ยังไม่มีใครเชื่อ  ไม่มีใครยอมเปลี่ยน  บางทีประสบการณ์ก็ได้มาจากความเจ็บปวดครับ  เป็น case study ที่เราควรนำมาเป็นบทเรียนมากกว่าครับ จากคุณ : Jimmy Walker - [ 9 ก.ย. 49 21:21:34 ]

ความคิดเห็นที่ 14 บางคนที่ชอบบริการดีๆ ก็ชอบที่จะเดินเข้า 7-11 ที่มีแอร์เย็นๆ สามารถเดินเลือกของได้ตามสบาย เปิดหนังสืออ่านเล่นก็ได้ แต่ถ้าสังเกตุราคาดีๆ ร้าน7-11 จะแพงกว่าร้านโชว์ห่วยเล็กๆ ที่พยายามแข่งกับ7-11 ด้วยการลดราคาลงมาหน่อย ถูกกว่านิด คนที่ไม่แคร์เรื่องสถานที่ต้องสะอาดติดแอร์ ก็จะเลือกร้านโชวห่วย เพราะจะได้ราคาชาวบ้านที่ถูกกว่า ต่อรองราคากันได้ ถ้าให้ฉันมอง ในฐานะแม่ค้าริมถนน ที่ฝั่งตรงข้ามบ้านก็7-11 เดินไปหน่อยก็มี7-11 อีกร้าน ตรงข้ามบ้านข้างๆ7-11ก็มีTops สิ่งที่ฉันจะไม่ทำคือการขายแข่ง เพราะมีแต่เจ็บตัวเปล่าๆ ที่ฉันทำอยู่ทุกวันนี้ ก็คือเปลี่ยนไปขายอย่างอื่นแทนดีกว่า ที่ฉันมองและกำลังทำอยู่ก็คือ ร้านฮาร์แวร์เล็กๆ ที่ซิเมนต์ไทยโฮมมาร์ท ยังมาไม่ถึง แต่ถ้าใครคิดจะอยากจะหาแฟรน์ไชน์ที่อนาคตรุ่ง ก็อยากจะแนะนำให้ไปซื้อเฟรนไชน์เหมือนกัน เพราะร้านโชว์ห่วย มี7-11 มาแทนแล้ว แต่ร้านฮาร์แวร์ริมถนน ถ้าไม่ปรับปรุง อนาคตร้านซิเมนต์โฮมมาร์ทก็จะมาแทนเช่นกัน เพราะเขาลงมา เล่นกับเป็นผู้ค้าปลีกแล้ว เปิดร้านเล็กลง แต่ช้างตัวใหญ่เดินช้า ใช้ทุนหนัก จึงยังขยายตัวช้าเช่นกัน ใครเร็วกว่าทำได้ดีกว่า อนาคตก็อาจจะโตไวกว่าช้างก็ได้ ยังมีธุรกิจห้องแถวอีกมาก ที่เฟรนไชน์ยังไปไม่ถึง ยักษ์ยังไม่ตื่น ก็ยังอยู่ได้ ใครคิดได้ ทำเฟรนไชน์โตได้ก่อน ก็รวยก่อน มองดีๆยังมีค้าปลีกอีกหลายประเภท รอการเปลี่ยนแปลง และการทำตัวให้เป็นเฟรนไชน์อยู่ อย่าไปโทษธุรกิจต่างชาติเลย เพราะถ้าไม่มีลูกค้าเขาก็อยู่ไม่ได้ แต่ที่เขาอยู่ได้ และขยายตัวเติบโต เพระพฤติกรรมของเราต่างหาก ที่ชอบของถูก ชอบสถานที่ดีๆ ชอบให้เขาหลอกขายประจำ ก็ต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น จากคุณ : ..ฟ้าใส.. - [ 10 ก.ย. 49 08:07:29 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ไม่ว่าธุรกิจใด ก็ต้องรู้จักปรับตัว เมื่อไม่ยอมปรับตัว เอาแต่โทษโน่นนี่ โทษทุกอย่าง แต่ไม่เคยคิดโทษตนเอง หลักการตลาดก็ชัดเจน price และ service ไม่เป็นที่ต้องการของตลาดแล้ว แต่แทนที่จะปรับตนเอง กลับมานั่งโวยวายให้คนอื่นต้องย้อนกลับมาทำงานแบบเหมือนกับตน เพื่อตนจะได้รวยได้ มีคนรวยบนหลังคน จากสมัยการสูบเลือดผ่านโชว์ห่วยดั้งเดิมไปกี่รุ่นแล้วล่ะครับ นั่นคือความจริงที่คุณไม่พูดถึง คนไม่พัฒนาตนเอง ก็รอวันเจ๊งไปก็เท่านั้น  คนแบบนี้มีเยอะด้วย ไม่เคยมองว่าประเทศไม่พัฒนาเพราะตัวเองก็มีส่วน เอาแต่โทษโน่นนี่ (ย้ำไปเรื่อย ๆ )  แล้วพอลำบาก คนกลุ่มนี้จะลำบากก่อน ลำบากที่สุด เพราะเอาเวลาไปโทษโน่นนี่ (อีกทีน่ะ) โทษมันทุกอย่างเลยล่ะ จนลืม ปรับปรุงการทำงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นมากกว่าการเอาแต่โทษ ฟ้าดิน โทษรัฐบาล โทษต่างชาติ ทุกคนห่วยหมด ยกเว้นตนเอง ที่ขอขายแบบเดิม ขออยู่แบบเดิม ๆ แพ้แล้วก็ไม่ลุกขึ้นสู้ นี่ล่ะครับ หาทางสู้สิ คิด ๆ ไม่ว่าธุรกิจใดมีจุดอ่อน ก็ต้องมีจุดแข็ง ของเราเอง ปรับปรุงซะ ผมไม่เห็นกลัวเลย ถ้าเรามีความคิดที่จะสู้ เราก็จะไปหาความรู้ และ ใช้ความพยายาม ก็เท่านั้น และผมได้เห็นคนที่เอาชนะได้ อยู่ได้สบาย และนั่งมองคนที่เอาแต่ โทษโน่นนี่ ยกเว้นโทษตนเอง อย่างปลง ๆ ครับ ... คนไทยเราส่วนใหญ่เป็นคนฉลาดและมีศักยภาพแต่ไม่ยอมสู้เอาเสียเลย วัน ๆ เอาแต่โทษรัฐบาล อีกกี่สิบรัฐบาล (ให้ดีสุดจะดี) ก็ไม่สามารถช่วยคนที่เอาแต่รอแบมือขอความช่วยเหลือได้หรอกครับ .. บ่นไปก็เท่านั้นจริง ๆ อย่างที่ท่านว่า  แต่ ผมว่าคุณทำได้มากกว่าแค่บ่นนะ คุณทำได้มากกว่านี้ เริ่มจากตนเองก่อนเลย และเริ่มช่วยดึง สอน แนะนำคนรอบ ๆ ข้างของคุณ ไงครับ ... แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 49 09:29:43 จากคุณ : Mr.OB1 - [ 10 ก.ย. 49 09:27:17 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เรื่องการที่มี ต่างชาติมาลงทุนมันป็นเรื่อง ธรรมดามากๆในกระบวนการ ในโลกนี้ ลองมาดูว่าทั้งสาย  supply chian ใครได้บ้าง ผู้ผลิต สินค้า มี การผลิตมากขึ้น จุดกระจายสินค้า มากขึ้น มีการว่าจ้างคนงานภาคการผลิตมากขึ้น ผู้ขายวัตถุดิบสำหรับการผลิต มีการขาย raw material มากขึ้น ผลิต raw mat มาขึ้น ถ้า เป็นสินค้า เกษตร หรือ ใช้วัตถุ ดิบทางการเกษตร เกษตรกรก็ต้องสร้างผลผลิตมากขึ้น รายได้มากขึ้น เช่น กาแฟกระป๋อง  1 brand ในห้าง chain store 100 สาขา ผุ้ที่เป็น เจ้าของโรงงาน  ผลิตกาแฟกระป๋อง ส่วนใหญ่ เป็น โรงงานคนไทย จะ มี turn over ในการผลิต สำหรับ 100สาขา การจ้างแรงงาน ภาค อุตสาหกรรม จะต้องใช้คน เป็นจำนวน มากกว่า3 กะ โรงงานต้องสั่งซื้อ เมล็ดกาแฟจากเกษตรกรมากขึ้น สั้งกระป๋องแยะขึ้น ในกรณีที่ ทาง chain  store  ต้องการทำ brand สินค้า ของตัวเองออกมา เป็น house brand ก็จะไปว่าจ้าง โรงงาน ที่ พร้อม จะทำให้ ผลิตสินค้า ปะ ยี่ห้อ ของ ทางห้างให้ สายการผลิต จะ เริ่มจาก เกษตรกรไร่กาแฟ ไปจนถึงโรงงานผู้ผลิต กระป๋อง รายได้หมุนวียนในภาคการผลิต และอุตสาหกรรม ต่อสายเป็น ทั้งสาย supply chain แต่ถ้าชะลอการลงทุน หรือการ ขยาย chain store หยุดยั้ง การ ขยาย ไปต่างจังหวั รายได้ทั้งสาย supply chain ก็จะลดไป รายได้รวมของประเทศก็หดไป ถ้ามามองในแง่หยุดการ ขยาย chian store หันมามุ่งให้ โชวห่วย อยู่ได้ โดยวิธีหยูดยั้งการขยาย ไม่น่าจะใช่วิธีของการพัฒนาประเทศที่ดีนะคะ เห็นด้วยกับคุณ Mr Ob1 ที่ว่า น่าจะเป็น การพัฒนาโชวห่วยให้มีความรู้ที่จะทำให้ อยู่ได้ ไม่ว่าจะเป็น การมอง ตลาด niche หรือ การ positioning เรื่องสินค้า และ บริการที่ แตกต่างไม่สามารถหาได้ใน chain store หรือ dicsount store มากกว่า จากคุณ : MAFEUNG - [ 10 ก.ย. 49 10:48:52 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้ามองจากหลายๆด้านโดยรวมตั้งแต่ระดับล่างขึ้นไป เห็นด้วยกับความเห็นนี้ 100% จากคุณ : ผู้ผ่านเข้ารอบ - [ 10 ก.ย. 49 11:53:24 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ถ้าพูดถึงคนเมืองหรือคนที่มีอาชีพดีๆรายได้สู ง คงไม่รู้สึกอะไร คงเบื่อกับพวกที่ออกมาเรียกร้อง คงคิดว่าพวกแกอยู่ไม่ได้ ก็เลิกไปสิ ตลาดขายไม่ได้ ก็ปิดไปสิ ร้านค้าไม่พัฒนาพวกนี้ก็ปิดไปสิ ประเทศไม่ได้มีแต่คนรวยนะครับ คนส่วนใหญ่เป็นคนระดับล่าง หาเช้ากินค่ำ ถ้ารัฐซึ่งมีหน้าที่ดูแลคนทั้งหมด ปล่อยให้มีการปิดโอกาสคนส่วนใหญ่ ปล่อยให้นายทุนยักษ์ใหญ่ยึดระบบการค้าเกือบทั้งหมดไป คนส่วนใหญ่อับจนหนทาง คนเมื่อไม่มีโอกาส อับจนหนทาง พวกคุณคนที่มีฐานะ มีอาชีพดีๆ ห้ามโทษใครนะ ถ้าบ้านเมืองจะเต็มไปด้วยโจรผู้ร้าย ผมไม่ได้มองทุนนิยมเลวร้าย แต่คิดว่ารัฐศาสตร์ควรจะต้องดูแลคนทั้งหมดของประเทศ ให้มีโอกาสเท่าๆกัน ผมจะดีใจมากถ้าเด็กไทย คนรุ่นใหม่เป็นเจ้าของกิจการนับแสนนับล้านราย มากกว่าคนรุ่นใหม่ที่เป็นได้แค่ลูกจ้างราคาถูก แรงงานหุ่นยนต์ จากคุณ : จขกท. - [ 10 ก.ย. 49 12:12:35 A:124.157.176.205 X: TicketID:123635 ]

ความคิดเห็นที่ 19 โหวตให้เพราะ ความเห้นของคุณ Yaigoal และคุณ ฟ้าใส จากคุณ : นกพญาไฟ (นกพญาไฟ) - [ 10 ก.ย. 49 12:55:37 ]

ความคิดเห็นที่ 20 วงการค้าปลีกไทย เปรียบเสมือนเวที ประลองกำลังกันของนักมวย 2 ฝ่าย ค่าย ส.ค้าปลีก มุมแดงนักมวยตัวใหญ่  มีน้ำเลี้ยงดี มีแบ๊คอัพดี  มีโรงยิมหรูหราอุปกรณ์พรั่งพร้อม  สู้ด้วยระบบ พร้อมชกได้ 24 ชม   ค่าย ส.โชว์ห่วย นักมวยมุมน้ำเงินอีกฝ่าย ตัวเล็ก ไม่มีน้ำเลี้ยง ไม่มีแบ๊คอัพ  โรงยิมเป็นเพิง อุปกรณ์ ตามมีตามเกิด สู้ด้วยใจ ไม่พร้อมชก ความคิดเห็นของกระทู้นี้ เปรียบเสมือน กองเชียร์ของทั้ง 2 ฝ่าย บนสังเวียน นักมวยมุมแดงตัวใหญ่หมัดหนัก ครบเครื่อง เริ่มยก1 นักมวยมุมแดง ปล่อยอาวุธใส่คู่ต่อสู้ไม่ยั้งหมัด   นักมวยมุมน้ำเงินตัวเล็กได้แต่คอยตั้งการ์ดและแย็บเบาๆหมดยก 4 นักมวยมุมน้ำเงินแพ้น๊อคเอ๊าท์   นักมวยมุมแดงไม่มีริ้วรอยบาดแผล ส่วนมุมน้ำเงินบาดแผลสาหัส  ไม่มีค่ารักษาพยาบาล แอนตาซิลไม่ช่วย นักมวยมุมน้ำเงินคิดใจว่าไม่อยากเป็นนักมวยแล้วไปขายปาท่องโก๋ดีกว่า กอร์ปกับระยะเวลาที่ซ้อมมานานเงินทุนของตัวเองเกิดหมด  ไม่มีเงินทุนพอ เลยต้องไปรับจ้างเป็นเด็กทำความสะอาดให้ โรงยิมฝ่ายแดง รัฐบาลก็เปรียบเสมือนเวทีมวย คอยจัดคิวให้ นักมวยทั้ง 2 ค่าย มีบ้างที่ คนเวทีมวยรับสินเพื่อที่จะอำนวยความสะดวกให้แก่ ค่าย ส.ค้าปลีก วัน 2 วันนี้อาจไม่รู้ผล ในระยะต่อไปพวกค่ายเล็กๆ ไม่หาพันธมิตร ไม่จับกลุ่มให้เหนียวแน่น คนดูอาจจะไม่มีมวยดีดีให้ดู  อาจจะมีมวยปาหี่จากค่ายเดียวกันล๊อคผลแพ้ชนะ ไม่มีความสนุก ไม่ใช่การแข่งขัน ดูเพื่อความบันเทิงเท่านั้น !!! จากคุณ : ก๊าบๆ เป็ดเอาบน้ำจากุดชี่ (loveliza14) - [ 10 ก.ย. 49 13:29:03 ]

ความคิดเห็นที่ 21 คห 20 ท่านคิดได้เยี่ยงไร ท่านคิดเปรียบเทียบได้เห็นภาพมาก ขอนับถือ ในมุมมองของดิฉัน ในเมื่อเจ้าของเวทีมวยคือรัฐบาลไทย หากไม่ช่วยนักกีฬาค่าย ส.โชว์ห่วย ก็อย่าฝันจะไปสร้างชื่อเสียงเป็นนักกีฬาระดับโลกที่มาจากประเทศไทย ค่าย ส.โชว์ห่วย เป็นมวยวัด มีพรสวรรค์ แต่ขาดปัจจัย หากเจ้าของเวทีมวย ซึ่งมีเชื้อสายไทยเดียวกับนักมวยค่าย ส.โชว์ห่วย แต่ไม่ช่วยพวกนี้เลย ชกไม่ดี ปล่อยแพ้ ๆ เมื่อไหร่จะมีนักมวยไทย (แบรนด์ไทย) ไปชกนอกประเทศ เมื่อไหร่จะได้นักกีฬาเหรียญทอง จริงอยู่ที่เราควรจะปรับตัว แต่เจ้านักมวยค่าย ส.โชว์ห่วย รัฐบาลไม่ส่งเสริม เรียนก็น้อย ข้าวปลาอาหารก็ไม่สมบูรณ์ บ้านก็จน จะเอาสติปัญหาที่ไหนไปคิดให้มันดี เราลืมพื้นฐานกันไปหรือเปล่าว่า คนไทยโดยส่วนใหญ่ยังไม่ถูกสอนให้แข่งขัน อยู่ๆก็ถีบขึ้นเวทีไปต่อยกับนักมวย ค่าย ส.ค้าปลีกนอก  ตายซิคะ โดนชกกระดูกกระเด็น ตอนลงจากเวทีต้องเก็บกระดูกลงมาต่อภายหลัง เราต้องวางรากฐานสังคมให้มีความรู้ ฉลาด ต่อสู้ รัฐบาลไม่เตรียมประชาชนให้ชกกับนักมวยระดับโลก ทั้งๆที่รู้ว่ามันกำลังจะเข้ามาชกเวทีมวยไทย พอมันมาก็ถีบนักมวยไทยตัวแห้งๆ ขึ้นเวทีไปชกซะอย่างงั้น  นักมวยไทยก็สู้นะ ก็อยู่บนเวทีแล้วนี่ ก็ต้องสู้ แต่มันสู้แค่ตาย แล้วเราก็ขาดผู้ประกอบการรายย่อย กลายเป็นภาระที่รัฐบาลจะต้องคิดต่อว่าแล้วรัฐบาลจะมีมาตรการอย่างไร ในการอุ้มคนว่างงานที่เพิ่มขึ้นที่เป็นคนเชื้อสายและสัญชาติไทยด้วยกัน ที่แพ้ตกเวทีกันเป็นแสนๆรายในเวลานี้ ในเมื่อรัฐบาลไม่เคยวางแผนพัฒนาคนให้กระจายทั่วถึง วันนี้จึงควรที่จะอุ้มกันไปก่อนพร้อมกำหนดยุทธศาสตร์การต่อสู้ให้กับคนไทย เทรนนักมวยไทย ให้ฟิตกล้าม รู้จักวางแผนการชกระดับสากล ตัวเล็กล้มตัวใหญ่มันทำได้แต่เราต้องร่วมมือกันทั้งหมด ทั้งนักมวยทั้งเจ้าของเวทีมวย มันเป็นไปได้ เพราะว่าที่ตั้งเวทีมวยมันอยู่บนพื้นแผ่นดินไทย ฝรั่งหัวแดงจะมาใหญ่กว่าพลังของพวกเราได้อย่างไร จากคุณ : dokbotan - [ 10 ก.ย. 49 13:56:44 ]

ความคิดเห็นที่ 22 สังเวชคคห ของคุณจขกท ครับ ผมว่าเผลอ ๆ คุณโดนผลกระทบมากกว่า แล้วเข้ามาหาพวก พอคนไม่เห็นด้วยก็ไม่พอใจ ดูคคห ของคุณ yaigoal เอาเถอะครับ แม้จะมาแย้งแต่ก็ใช้ภาษสุภาพ อ้างเหตุผลจริงจัง และแม้จะขัดแย้ง ก็ยังเสนอหนทางแก้ไขด้วยซ้ำไป นี่คือตัวอย่างการแสดงคคห ที่ดีจริงในพื้นที่สาธารณะครับ ไม่ใช่แบบที่คุณจขกท ทำอยู่ พอมีคนค้านก็ทำตัวแบบเด็ก ๆ งอแง หาว่าเค้ามีส่วนได้ส่วนเสีย ทุกวันนี้เราอยู่ในสังคมแบบไหน ไม่ใช่ผู้ใหญ่หรือที่สั่งสอนให้เด็กสู้กันยิบตา ไล่ล่แข่งกันทุกกระเบียดนิ้วตั้งแต่การศึกษา และคนที่สู้ไม่ได้ก็ต้องตายตกจากสังคมไป แล้ววันนี้ก็เป็นผู้ใหญ่บางคนที่ตกหล่นจากสังคม สู้ใครเขาไม่ได้ ออกมาโหวกเหวกโวยวายเรียกร้องหาความยุติธรรม อาจฟังแล้วโหดร้ายนะครับ แต่นี่คือธรรมชาติที่พวกผู้ใหญ่สร้างขึ้นมากันเอง และก็จริงหรือเปล่า ที่ร้านโชห่วย ไม่ได้มีรูปแบบของร้านที่ดีพอจริง ๆ เมื่อก่อนเราอาจได้ยินว่า โชห่วยต้องปรับกระบวนยุทธ์ หากสู้เรื่องราคาไม่ได้ ก็ต้องหาอะไรมาทดแทน ไม่ใช่นั่งนิ่ง แล้วก็งอแงเป็นเด็ก ๆ อีก แต่ก็เข้าใจหรอกครับว่ายาก ที่เขียน ๆ ไปก็แค่หวัง ๆ แต่จริง ๆ ร้านอาแปะ อากง มันก็ยากที่จะไปสู้กับยักษ์ข้ามชาติอยู่แล้วละ :( จากคุณ : cookiecompany - [ 10 ก.ย. 49 16:46:47 ]

ความคิดเห็นที่ 23 จริงๆ ปัญหาน่าจะเป็น ทัศนคติของคนไทย คนไทยตั้งแต่สมัยโบราณเนื่องจากมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ ทำให้คนไทยติดอยู่ที่ความสบาย หิวเมื่อไหร่ก็เข้าป่าไปหาของป่า จะไม่เหมือนประเทศเมืองหนาว หรือประเทศที่มีภัยธรรมชาติรุมเร้าบ่อยๆ ทำให้คนไทย รับมือกับความเปลี่ยนแปลงไม่ค่อยทันการ รวมไปถึงการที่คนไทยไม่ได้ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาตนเอง เมื่อเราก้าวมาถึงยุคโลกาภิวัฒน์แล้ว กลุ่มทุนสามารถเคลื่อนย้ายมาได้รวดเร็วโดยเฉพาะกลุ่มทุนที่เป็นของชนชาติที่มีคำนึงต่อการพัฒนา และรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงได้ดี ทำให้คนไทยไม่สามารถต่อกรกับกลุ่มทุนพวกนี้ได้ ทางแก้ไข เนื่องจากกลุ่มทุนของไทยมีข้อได้เปรียบที่เข้าใจคนในประเทศได้ลึกซึ้งอยู่แล้ว ขาดแต่ความร่วมมือ และความรู้ความเข้าใจในการบริหาร ดังนั้นเราน่าจะมีความร่วมมืออย่างจริงๆจังๆโดย 1. จัดสหกรณ์สำหรับร้านโชว์ห่วยทั่วประเทศ โดยอาจแบ่งเป็นภูมิภาคหรือจังหวัด โดยร้านที่ลงทะเบียนกับสหกรณ์จะได้รับการอบรมเรื่องของการบริหารร้าน เช่น การสต๊อกของ การบริการ การรับfeedback ของลูกค้าเพื่อนำมาปรับปรุงพัฒนาร้าน เป็นต้น 2. ในสหกรณ์จะรวมถึงการลงทะเบียนยี่ปั๊วซาปั๊ว ทั่วประเทศ เพื่อการร่วมมือในเรื่องของ supply chain โดยสาระสำคัญคือ -การจัดโซนนิ่งเพื่อลดความซ้ำซ้อนของแต่ละยี่ปั๊ว ซาปั๊ว -การรวมกันจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าของแต่ละภูมิภาค เพื่อลดค่าโสหุ้ยของการขนส่ง -การกำหนดมาตรฐานเรื่องค่าขนส่งเพื่อลดตุ้นทุนของร้านโชว์ห่วย โดยไม่ให้น้อยไปทำให้ยี่ปั๊วอยู่ไม่ได้ 3. การร่วมมือระหว่างร้านโชว์ห่วย และยี่ปั๊ว ซาปั๊วด้วยกัน จะทำให้อำนาจในการต่อรองกับผู้ผลิตมากขึ้น โดยสหกรณ์นี้รัฐบาลควรมีบทบาทโดย 1.การประชาสัมพันธ์ให้เห็นถึงความสำคัญของความร่วมมือกันระหว่างร้านโชว์ห่วย และยี่ปั๊ว (ไม่ร่วมมือ ก็ไม่รอด) 2.การสนับสนุนให้เข้าร่วม อาจจะเป็นการลดหย่อนภาษีสรรพสามิต (ซึ่งในที่สุดรัฐบาลก็อาจจะได้ภาษีมากขึ้นก็ได้เพราะเมื่อเข้ามาในสหกรณ์แล้ว ต้องมีการทำระบบบัญชีที่เป็นทารการจริง ซึ่งจะสามารถแก้ปัญหาเรื่องการแจ้งรายได้น้อยเกินไปได้) จากคุณ : aboroboy (aboroboy) - [ 10 ก.ย. 49 18:40:20 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ใช่แล้วครับ ที่เห็น ๆ อยู่ หลายคน ในทุกสเกล สู้ไม่ได้ก็เอาแต่งอแง เอาแต่โทษโน่น นั่นนี่ ที่โทษกันเก่ง ๆ ก็โทษรัฐบาลไงครับ เป็นเหยื่อที่ง่ายมาก ไม่ได้หมายถึงรัฐบาลนี้นะ ทุกรัฐบาลตั้งแต่อดีต แม้แต่อนาคต ก็โดนหมดแหล่ะจริงไหม เพราะคนเหล่านี้ไม่เคยคิดสู้ คิดช่วยตนเองไงครับ ดังนั้นเขาจึงไม่มีวันมีชีวิตที่มองเห็นทางออก เห็นแต่ฟูมฟาย ว่าทำไม โลกเก่า ๆ ไม่หวนกลับมา ! เป็นมวย ก็สมควรแพ้แล้วครับ เพราะไม่คิดแม้แต่จะสู้ ถ้าจะสู้กันจริง ๆ ให้กรรมการเอียงสุดกู่ ก็ชนะได้อยู่ดี เพราะคุณมีทางสู้ มีตัวอย่างให้เห็นทั้งในและต่างประเทศ  แต่ถ้าเอาแต่โทษกรรมการ โทษโค้ช แต่ตัวเองใจแมว คิดฝันเอาแต่วันเก่า ๆ ที่เคยเจอแต่หมู ดูดเลือกเขา สูบเลือดคนจนเขามาเหมือนกัน ขายแต่ของแพง คุณภาพห่วยตามชื่อ  บริการไม่มีคุณภาพ จะเดินเข้าไปเหมือนไปขอเขากิน แต่เข้าไปในร้านสะดวกซื้อ เขาสวัสดีจ้ะ สมควรโดนน๊อคไหมล่ะครับ ... หรือคนที่ไม่สู้ไม่พร้อม แต่เรายังเอียงอยากให้เขาชนะด้วยกลโกง หรือ เอาเปรียบเขาอีก กันแน่ ... ครอบครัวผมได้รับผลกระทบ แต่ไม่เห็นกลัว ปรับตัว อยู่ได้ สบายด้วย มันอยู่ที่ทัศนคติ  และการยอมรับความจริง ไม่ใช่หนีความจริงไปวัน ๆ ด้วยการเอาแต่โทษ ฟ้า ดิน รัฐบาล ลูกค้าทั่วไป ทุนต่างชาติ และอื่น ๆ อีกมากมาย ... ยกเว้นลืมโทษตนเอง ลืมแก้ไขตนเอง ......       ที่ชุมพร ปัจจุบัน โค้ก 3 ขวดร้อย และยังยึดอำนาจเหนียวแน่น ประชาชนก็ทนกันไป ที่ที่มีร้านใหญ่เดี๋ยวนี้ โค้กเด้โปรโมชั่น 4 ขวดร้อยครับ ไม่นับอย่างอื่นอีกมากมาย ถ้าบอกว่าจะตายหมด ในอเมริกาต้นกำเนิด ในยุโรป ร้านเล็กยังอยู่ไหม ในญี่ปุ่นมีแต่ 7-11 หรือ ไม่ใช่เลย คนที่ปรับตัวล้วนอยู่รอดได้ นี่คือสิ่งที่มีพิสูจน์ให้เห็นแล้ว แล้ว จขกท จะโทษใคร ก็โทษไปได้เรื่อย ๆ โทษว่าเพื่อนร่วมชาติท่านโง่ โทษรัฐบาลคอรัปชั่น โทษทุนต่างชาติมันเลว ก็โทษกันไป โทษไปเรื่อย ๆ โทษอย่างอื่นน่ะครับ แล้วก็คอยนอนจมอยู่กับความพ่ายแพ้ไป ... ผมเข้าใจในเจตนาบริสุทธิ์ของคุณนะ ขอชมครับ คิดดีแล้วครับ อยากให้ลองปรับทัศนคติดู แล้วคุณทำอะไรได้มากกว่าบ่นครับ ออกไปทำเลย ถ้าเราอยากช่วยเขา บ่นไปก็ NATO No action talk Only ซึ่งมีเยอะ เดี๋ยวนี้มีเยอะจริง ๆ คนเอาแต่พูดน่ะครับ .. ขอบคุณครับ จากคุณ : Mr.OB1 - [ 10 ก.ย. 49 20:03:41 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ถามก่อนเลยนะคับว่าคำว่าแข่ง คืออะไร ดิสเคาส์สโตร์ ยอดขายปีนึง เป็นพันล้านเป็นหมื่นล้าน ยอดขายมากกว่าจีดีพีของประเทศไทยอีก ถ้าความของคำว่าแข่งกับดิสเคาส์สโตร์แล้วชนะหมายถึง มีฮายีน่ากับเสือแข่งกันล่าวัว 1 ตัว เสือได้วัวเกือบหมด 1 ตัว เหลือเศษอุ้งเท้าติดเนื้อให้ฮายีน่า อย่างนี้ เรียกว่าแข่งแล้วชนะหรือครับ  อย่างนี้น่าจะเรียกว่าพออยู่รอด เพราะฉะนั้นโชว์ห่วยกับดิสเคาส์สโตร์ ไม่ได้อยู่ในฐานะคู่แข่งครับ   โชว์ห่วยต้องปรับตัวเพื่อให้อยู่รอด ปล.สินค้า1 ชิ้น ที่ทางดิสเคาส์สโตร์ ลดให้ผู้ ซื้อไม่ใช่เขาใจดีลดให้ลูกค้านะครับ แต่เขาไปบีบให้ทาง ผู้ผลิตสินค้าลดราคาเพื่อเล่นเกม แข่งกับทางจ้าวอื่น บางทีผู้ผลิตแทบไม่มีกำไรก็ต้องตัดใจขาย นี่แหละครับเกมการค้าสมัยใหม่ จากคุณ : ก๊าบๆ ๆ เป็ดอาบน้ำจากุดชี่ (loveliza14) - [ 10 ก.ย. 49 22:20:32 ]

ความคิดเห็นที่ 26 คนทำธุระกิจจะอยู่ไม่ได้ถ้าขาดการเรียนรู้ยอ่างต่อเนื่อง หันหลังให้เทคโนโลยีกลัวการเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดโดยบังเอิญแต่ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ลองมองย้อนกับไปยกตัวอย่าง 7-11 แรกเปิดมาเราบอกจะขายได้เรอะของก็แพงกว่าแถมบ้าเปิดตั้ง 24 ช.ม อีกแล้วตอนนี้ล่ะ อย่างที่บอกทุกๆอย่างมีทางออกถ้าเราไม่นอนนิ่งๆหวังว่าวันคืนเก่าๆกลับมา ออกไปเรียนรู้สิในทุกๆที่ที่จะหาได้เผื่อจะได้อะไรมาบ้าง ส่วนที่บอกว่าเด็กรุ่นใหม่จะต้องเป็นลูกจ้างเขาตลอดอันนี้ไม่จริงครับ เพราะในมหาลัยไม่เคยมีที่ไหนสอนให้เป็นเจ้าของธุระกิจเลยสอนให้เป็นลูกจ้างมืออาชีพอยู่แล้ว ถ้าหากไม่ได้ใกล้ชิดกับคนทำธุระกิจเราจะไม่ได้แนวคิดที่จะทำธุระกิจเลย เพราะการทำธุระกิจคือการมองอนาคตว่าอะไรกำลังมาแล้วทำมันซะ ไม่ใช่รอให้เกิดแล้วค่อยทำ เราได้สอนเด็กๆแบบนี้หรือเปล่า ฉนั้นง่ายที่สุดคืออย่าหวังให้คนอื่นจะเปลี่ยนเพื่อเราแต่เราต้องเปลี่ยนตัวเราเพื่อตัวเราเอง จากคุณ : EDM - [ 11 ก.ย. 49 08:53:28 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เมื่อวานเพิ่งมีข่าวคนเอาปลาปักเป้ามาแล่ขาย แล้วปักป้ายเป็นปลากะพง ขนาดพี่เลี้ยงบ้านผมแกเข้าตลาดมา 40-50 ปีแล้ว ยังบอกเลยว่าให้พาไปโลตัสทีเถอะ ก็คิดดูแล้วกันว่า คนไทย ทำกันเองขนาดไหน ขอบอก สมน้ำหน้า ดังๆ จากคุณ : กะต่อ - [ 11 ก.ย. 49 10:58:11 ]

ความคิดเห็นที่ 28 คงต้องไว้อาลัยตอนปี40-41 ที่ซีพี ยอมตัดใจขายธุรกิจโลตัส ให้เทสโก้UK เพื่อรักษาตัวรอด การเข้ามาของทุนต่างชาติมีเงินลงทุนสูง ใช้เทคโนโลนยีด้านไอที ใช้คนน้อย มีกฎหมายรองรับ ซึ่งเหมาะกับประเทศที่ไม่มีค้าปลีกรายย่อย อาชีพค้าปลีกรายย่อยเหมาะสำหรับวิถีชิวิตและสังคมไทย เป็นการลงทุนที่ง่าย ไม่จำเป็นต้องใช้ทุนมาก เป็นอาชีพที่น่าจะสงวนไว้ให้กับสังคมไทย แม้จะให้ผู้ค้าปลีกรายย่อยปรับตัวขนาดไหน ก็ไม่มีหนทางสู้ทุนต่างชาติได้ จากคุณ : p - [ 11 ก.ย. 49 20:27:06 A:124.121.57.49 X: TicketID:039351 ]

ความคิดเห็นที่ 29 หากมองด้วยใจเป็นกลางแล้ว........... ความคิดจขกท..ก็ถูก ในแง่ที่ว่า ค้าปลีกไทยถูกต่างชาติทุบและกำลังจะตาย ทั้งนี้เกิดจากประเด็นใหญ่ๆ 2 ประการ... 1.กฏหมายไทยไม่คุ้มครองค้าปลีกรายย่อย ในต่างประเทศ นอกจากเรื่องการกำหนดผังเมืองแล้ว เขาจะควบคุมสินค้าที่ขายและการกำหนดราคาขายไม่ให้ต่ำจนทำให้รายย่อยขายไม่ได้ แต่เมืองไทยจะเห็นว่า รายใหญ่จะมีงบขายสินค้าต่ำกว่าทุนเพื่อดึงลูกค้า... 2.ความรักชาติ คนไทยไม่รักชาติรุนแรงจนต่อต้านต่างชาติ (เคยมีครั้งหนึ่งที่ คนไทยต่อต้าน สินค้าญี่ปุ่น) ทำให้ต่างชาติได้ใจเปิดสาขา ไม่เห็นด้วยกับความเห็นข้างบนที่ว่า..."แม้จะให้ผู้ค้าปลีกรายย่อยปรับตัวขนาดไหน ก็ไม่มีหนทางสู้ทุนต่างชาติได้ ..."จริงๆแล้วคนไทยสู้ต่างชาติได้ (ปัจจุบัน 7-11 เป็นของคนไทย) แต่ใน ปี 40 ที่ ซีพีขายโลตัสให้เทสโก้ เพราะค่าเงินบาท..ทำให้หลายบริษัทต้องขายทรัพย์สินเพื่อลดหนี้ ไม่ได้เกิดจาก ทำกิจการไม่ได้.... การเข้ามาแก้เรื่องนี้คงต้องแก้ข้อ 1 และ ข้อ 2 อาจจะทำให้ ค้าปลีกต่างชาติ หยุดขยาย หรือ ขยายน้อยลง.. จากคุณ : มือเก่า (คนอุบล) - [ 12 ก.ย. 49 07:07:20 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 12 ก.ย. 49 11:22:51 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ประเทศไทยนั้น เหมาะแก่การค้าขายอยู่แล้วครับ แต่ไม่ใช่ว่าเหมาะซะทีเดียว จริงๆแล้ว ประเทศที่เหมาะสมที่สุดคือ จีนกับญึ่ปุ่น เขาทั้งส่งออกได้มากและขายในประเทศได้มากที่สุด จริงๆแล้วการค้าขายของไทยเริ่มมาเกือบ 400 แล้วครับ ย้อนกลับไป และการเข้ามาของต่างชาติก็เข้ามานานแล้วครับ ไม่ว่าสมัยไหน เพียงแต่ในยุคปัจจุบันการกระทบนั้น จะรุนแรงกว่า แข่งกันที่สมองและเทศโนโลยีมากขึ้น และกลยุทธ์รวมทั้งแผนธุรกิจ ฯลฯ พูดตรงนี้ไม่หมด จริงๆแล้วคนไทยที่ไม่ยอมปรับตัวเองด้วยซ้ำที่เราต้องมองตัวเองก่อน จากคุณ : ซูเปอร์คนเหล็ก (Tarnold) - [ 12 ก.ย. 49 18:11:48 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ในการค้าเสรี  เวลาที่มีธุรกิจต่างชาติเข้ามา  คนไทยชอบบ่นกันว่า  ปล่อยให้ต่างชาติเข้ามาค้าขายได้มากเกินไป และมันจะทำลายธุรกิจรายย่อยทิ้ง ผมเห็นด้วย  ว่าหากเราแข่งขันค้าขายกับต่างชาติแล้ว   เราเสียเปรียบเขา   แต่ไม่ได้แปลว่า  "เราสู้เขาไม่ได้" พูดจาเปิดอกแบบคนค้าขายด้วยกัน    ในทุกชัวโมงของธุรกิจ  มันมีช่องว่างให้เราแทรกไปได้เสมอ  ไม่ว่าขณะนั้นตลาดกำลังแข่งขันสูงแค่ไหน  หรือว่า มียักษ์ใหญ่กี่เจ้าเข้ามาทำตลาด คนที่บอกว่า ตลาดไหนแข่งขันสูง ไม่น่าทำ  หรือ  มีเจ้าใหญ่ทำอยู่แล้วไม่น่าทำ    แท้ที่จริงคนที่พูดแบบนี้  คือไม่มีมุมมองทางการตลาด  หรือพูดง่ายๆ คือค้าขายไม่เป็นเองมากกว่าครับ อันที่จริง   ภาคธุรกิจของไทย  ที่ไม่สามารถต่อสู้กับต่างชาติได้  สาเหตุหนึ่ง อาจจะมาจากการที่เราเสียเปรียบทางด้านเงินทุนหรือเทคโนโลยีครับ  แต่สาเหตุประการสำคัญจริงๆนั้น   เพราะภาคเอกชนของไทย อ่อนแอ เองต่างหาก จากคุณ : สิงห์เหนือ...เสือสำอาง - [ 12 ก.ย. 49 21:56:01 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ผมจะเล่าเรื่องที่เป็นเหตุการณ์จริงให้ฟัง ตอนนี้ถ้าผมบอกว่า  ทุกวันนี้ตลาดสิ่งทอส่งออกของไทยยังมีทางไป   หลายๆ คนอาจจะหัวเราะผมว่า  ผมไม่รู้อะไรเลย ตอนนี้จีนตีตลาดสิ่งทอไทยหมดแล้ว  เพราะความได้เปรียบด้านราคา แต่ถ้าผมบอกว่า ผมมีคนรู้จักเปิดโรงงานผลิตเสื้อผ้าส่งออกที่ร้อยเอ็ด  พนักงานมีเป็นพันคน  ทุกๆ วันนี้ยังผลิตสินค้าไม่ทัน  โอทีทำกันจนถึงเที่ยงคืนกันทุกๆวัน คนที่บอกว่าเราสู้จีนไม่ได้  เพราะสินค้าจีนถูกกว่า   ผมก็บอกว่าเราสู้จีนได้  ถ้าเราทำสินค้าได้มีคุณภาพมากกว่าเขา  เราสามารถควบคุมต้นทุนได้   เราสามารถมีแรงงานทำงานให้เราได้   ทำไมมันจะสู้เขาไม่ได้ ถ้าเราสามารถส่งสินค้าที่มีคุณภาพสมราคา อาจจะมีคนแย้งมาว่า  คู่แข่งที่มีความพร้อมทางด้านเงินทุนและเทคโนโลยี  เขาสามารถผลิตสินค้าที่ควบคุมต้นทุนถูกกว่าเราได้ และพร้อมที่จะทุ่มตลาดได้ ผมขอบอกว่ามันไม่จำเป็นเสมอไป   ว่าในทางธุรกิจเงินเป็นตัวแก้ปัญหาได้ทุกเรื่อง   การสร้างสินค้าหรือบริการที่ต้นทุนต่ำ แต่คุณภาพสูง (นั่นแปลว่าการทำงานในองค์กรของคุณมีประสิทธิภาพ)  ไม่ได้มาจากเงินอย่างเดียว   และประสิทธิภาพที่สูงขององค์กร  ล้วนมาจากความมุ่งมั่นและฝีมือของผู้บริหารเสียส่วนใหญ่  ไม่ใช่ด้วยเงิน คนที่กำลังกลุ้มอกกลุ้มใจ  ปวดหัวกับการแข่งขันของธุรกิจใหญ่ที่เข้ามา  ผมขอร้องให้ยอ้นคิดดูใหม่ว่า  ภัยคุกคามทางธุรกิจของคุณ  มันมาจากไหนกันแน่??? มาจากรัฐบาลที่ไม่เอาใจใส่คุณ.... มาจากนักการเมืองโกงกินที่คิดแต่ผลประโยชน์ มาจากธุรกิจข้ามชาติยักษ์มารที่เข้ามาเอาเปรียบ หรือว่า....มันมาจากความอ่อนแอของเจ้าของธุรกิจเองกันแน่ จากคุณ : สิงห์เหนือ...เสือสำอาง - [ 12 ก.ย. 49 22:07:31 ]

ความคิดเห็นที่ 34 คุณรู้อะไรมั้ย.... ณ ตอนนี้  ประเทศที่ร่ำรวยส่วนใหญ่  โดยเฉพาะ อเมริกาและจีน กำลังใช้ปรากฏการณ์ที่เรียกว่า โลกาภิวัฒน์   เข้ามาเอาผลประโยชน์ และเอาเปรียบประเทศที่อ่อนแอกว่า ผมบอกทุกคนไว้เลย   ว่าเราคนไทยทุกคน หนีไม่พ้นข้อตกลงการค้าที่เราจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบประเทศยักษ์ใหญ่เหล่านั้น   ไม่มีวันหนีพ้นด้วย.... ดังนั้น ไม่มีประโยชน์ครับ ที่จะไปร้องแรกแหกกระเฌอว่าเราเสียเปรียบฝรั่ง เสียเปรียบจีน แทนที่จะเอาเวลามาคิดโทษรัฐบาล  มาบ่นคนอื่น  เอาเวลามาสร้างความเข้มแข็งให้กับตัวเองไม่ดีกว่าเหรอครับ???? ใช่ เราเสียเปรียบ   แต่ไม่ใช่เราสู้ไม่ได้ ภาคเอกชนที่สู้ไม่ได้ และไม่ไม่ไหวกับสภาวะแบบนี้  คือภาคเอกชนที่อ่อนแอเองครับ อย่าไปโทษใครเลย จากคุณ : สิงห์เหนือ...เสือสำอาง - [ 12 ก.ย. 49 22:12:56 ]

ความคิดเห็นที่ 35 มันเป็นธรรมชาติของ ทุนนิยม อยู่แล้ว จากคุณ : tgih - [ 12 ก.ย. 49 23:07:31 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ไม่ใช่แค่เฉพาะพวกโลตัส หรือห้างใหญ่ๆ หรอกค่ะ ร้านค้าทุกวันนี้ หรือคนที่เพิ่งเริ่มทำธุรกิจใหม่ ก็มีแต่คิดจะนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศทั้งนั้น ทั้งๆที่สินค้าบางอย่างคนไทยเราก็ทำได้ แต่อาจจะมีต้นทุนในการทำสูงกว่าของจีนนิดหน่อย อย่างพวกกระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า ลองไปดูตามจตุจักร ประตูน้ำ มีแต่ของจีนของฮ่องกงทั้งนั้น น่าเสียดาย จนทำให้แรงงานฝีมือคนไทย สู้กระแสของนำเข้าไม่ไหว ก็ต้องหยุดไปโดยปริยาย ทั้งหมดมันก็เป็นเพราะนิสัยของคนไทยเราส่วนใหญ่ชอบความสะดวกสบาย มักง่าย แล้วไม่คิดถึงผลที่จะตามมาระยะยาว จากคุณ : คิดเหมือนกัน - [ 13 ก.ย. 49 00:44:37 A:124.120.1.164 X: TicketID:090577 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ประเทศใดไม่สามารถป้องกันตัวเองได้  ก็ต้องตกเป็นเมืองขึ้นโดยปริยาย   ประเทศที่ชาตินิยมเท่านั้นที่จะเจริญรุดหน้า   สังเกตุได้แค่ในเอเชีย ก็ญี่ปุ่น,เกาหลี(ที่นี่เขาแรงจริงๆยอมฆ่าตัวตายเพื่อต้านกระแส,จีน,ไต้หวัน,มาเล(นี่เค้าแซงตอนไหนก็ไม่รู้)        ถ้าเป็นประเทศอื่นเขาจะช่วยเหลือกัน  ให้คนในชาติเข้มแข็ง   แต่ว่าเมืองไทยกลับซ้ำเติมกัน   ก็พวกเอ็งไม่พัฒนาตัวเองนี่หว่า  สมควรแล้ว   นี่ล่ะครับ  ประเทศไทย      ไม่แปลกหรอครับ  ที่ปัจจุบันประเทศเรายังไม่มีรถยนต์ของตัวเอง   แม้แต่ปืนเรายังทำเองไม่ได้เลย  ต้องซื้อทุกกระบอก    ขนาดฟิลิปินเค้ายังทำเองเลย    พอแล้วเหนื่อยใจ จากคุณ : เถ้าแก่น้อย - [ 13 ก.ย. 49 01:15:30 ]

ความคิดเห็นที่ 38 วิธีสู้กับต่างชาติ ง่ายมาก แค่ผลิต คนไทยอย่าง วิรุฬห์ (สิงห์เหนือ เสือสำอาง) เข้าไปทำงานกับบริษัทต่างชาติ แค่นี้ ก็เจ๊งระนาวแล้ว ... .... พวกพูดดี ดีแต่พูด .... ทำงานจริงก็ไม่ได้เรื่องสักอย่าง ทำงานก็ทุจริต ต่อหน้าที่จนต้องถูกไล่ออกจากงาน .... จากคุณ : ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร - [ 13 ก.ย. 49 07:35:38 A:124.120.235.242 X: TicketID:126044 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ส่วนหนึ่งของปัญหา  อาจมาจากพื้นฐานด้านสังคมวิทยาของชนชาตินั้นๆ  ที่ทำให้ประเทศต่างๆนั้นแตกต่างกัน  แต่ไม่ได้หมายถึงว่าแก้ไขไม่ได้นะ  มันก็เหมือนกับคน หลายคน วิธีคิด ไม่เหมือนกัน  ก็เพราะปัจจัยเกี่ยวกับการเลี้ยงดู  และประสบการณ์ วิธีคิดของคนอเมริกัน  ซึ่งสร้างประเทศขึ้นมาจากคนด้อยโอกาสในประเทศของตน  จึงอพยพไปสร้างเนื้อสร้างตัวในดินแดนใหม่  วิธีคิดของคนญี่ปุ่น  ซึ่งภูมิใจและคิดว่าตนเป็นชาติที่ดีที่สุดในโลก  เกิดมาเฉพาะ  จนเป็นความเชื่อว่าเป็นลูกของพระอาทิตย์  ประเทศจีน  ผมไม่แน่ใจว่าเพราะอะไร จึงค้าขายเก่งมาแต่ไหนแต่ไร  สิงคโปร์  ถูกกดดันจากการเอาตัวรอด  เพราะมีทรัพยากรณ์น้อย  และมีคนจีนเป็นหัวหอกของการพัฒนาด้วย ส่วนคนไทย  ผมคิดว่าค่อนข้างเสียเปรียบในด้านนี้  เพราะเป็นประเทศเกษตรกรรมมาก่อน  และมีพื้นฐานจากระบบนิยมข้าราชการ  ทำให้การขับเคลื่อนค่อนข้างช้า  และความรักชาติรุนแรงก็น้อย  ผมคิดว่าพอจะอ้างได้ว่า(ดูจากสถิติน่าจะได้)  คนที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยจริงๆ  มักจะเป็นคนไทยเชื้อสายจีนเป็นส่วนใหญ่  เพราะผ่านการทำธุรกิจการค้า  มาแล้วหลายรุ่น(3 หรือ 4 รุ่นแล้วเป็นอย่างน้อย  ไม่นับสมัยอยุธยาโน่น)   ในขณะที่คนไทยแท้ๆ  เพิ่งจะเริ่มทำธุรกิจเพียงรุ่นเดียวหรือสองรุ่นเท่านั้น แต่ในเมื่อเราไม่สามารถต้านทานระบบทุนนิยม  ซึ่งเป็นระบบที่มีพลัง  และต้องเข้ามาแน่นอน  เพราะเป็นระบบสากลของโลกไปแล้ว   ผมจึงคิดว่าวิธีแก้ปัญหา  เราจึงควรแก้ปัญหาในเรื่อง"คน"ก่อนเป็นอันดับแรก  แก้ที่วิธีคิดของคน  ซึ่งจะเป็นโครงการระยะยาว  ถ้าเราสร้างคนที่เป็นนักสู้ได้เยอะๆ  คนที่มีนิสัยไม่หยุดนิ่ง  สร้างคนที่หัวการค้าได้เยอะๆ  แม้จะไม่มีสินทรัพย์เลย  ผมก็คิดว่าเราก็สามารถสร้างตัวขึ้นมาได้ และแข่งขันได้  แต่ในทางกลับกัน  หากให้เงินก้อนหนึ่ง  กับคนที่ไม่มีหัวการค้า  หรือไม่มีพื้นฐานที่ดีเสียก่อน  เพื่อไปลงทุนเชิงการค้า  เงินนั้นก็อาจหมดไปง่ายๆ ผมจึงสนับสนุนการเอาเงินไปสร้างคน  มากกว่าการเอาเงินไปแจก  แต่โครงการนี้  มันต้องการการปูพื้นฐานของประเทศในระยะยาว  ต้องกล้าลงทุนและอดทน  เพราะมันไม่สามารถตอบสนองผลได้ในทันที  นักการเมืองจึงไม่ชอบ  เพราะชาวบ้านก็ไม่เข้าใจ  ทำไปแล้วคนไม่เลือกเข้ามา  เพราะชีวิตไม่ดีขึ้นทันที  ก็เลยไม่รู้จะลงทุนไปทำไม  ไม่มีใครกล้าทำ  ทั้งๆที่ผมเห็นว่ามันน่าจะดีกว่าในระยะยาว ผมขอมองในมุม  สังคมวิทยาดังนี้นะครับ  เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมสนใจศึกษาและมองมันเป็นพิเศษครับ  ใครจะเห็นแย้งก็ได้นะครับ   เพราะเป็นความเห็นส่วนตัวเฉยๆ แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 49 10:10:38 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 49 09:54:28 จากคุณ : Jimmy Walker - [ 13 ก.ย. 49 09:39:36 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ผมชอบคำพูดนี้นะ .โดนดีจริงๆ ไม่รู้ว่า ที่บอกๆกันมาเนี่ย มีใครเปิดโชว์ห่วยหรือเปล่า หรือว่าเป็นแค่คนนอกมอกเข้ามา บ้านผมก็เป็นโชว์ห่วยฝั่งนึง ไม่เห็นจะเป็นไรเลย จากคุณ : ผมอยู่เงียบๆดีกว่า (=[ชงเข้ม]=) - [ 13 ก.ย. 49 10:06:21 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ประเทศไหนๆ เขาก็ปกป้องตลาดในประเทศของตัวเองทั้ง นั้น ไม่มีรัฐบาลประเทศเจริญแล้วประเทศไหน ที่จะยอมให้ ต่างชาติ หรือแม้แต่ชาติเดียวกันเอง ทุ่มตลาด หรือทุ่มทุน ขยายสาขา เบียดบังอาชีพของประชาชนที่ไม่สามารถสู้กับ ทุนและเทคโนโลยีของบริษัทใหญ่ ๆ ได้ ในส่วนของการพัฒนาศักยภาพของคนไทย ให้สู้กับต่างชาติ เราก็ต้องทำไป ในส่วนของภาครัฐ ก็ต้องปกป้องเพื่อให้เราไป ต่อสู้กับเขา ได้  เราต้องยอมรับว่าความรู้ของเรา ในการจัดการธุรกิจ ขนาดเล็ก ๆ ได้ถูกละเลยมานานมาก เพิ่งมาตื่นตัวกันเอาก็ ตอนปี 40   เก้าปี เราคงเป็นเด็กสามขวบสำหรับองค์ความรู้ แต่อีกสัก 10 ปี องค์ความรู้ของเราน่าจะเป็นวัยรุ่น ที่ช่าง คิด ช่างฝัน  อีกสักสิบปีเราจะโตเต็มวัย สามารถงัดข้อกับ ต่างชาติตัวใหญ่ ๆได้ จากคุณ : นักเลงขี้รำคาญ - [ 13 ก.ย. 49 10:08:04 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ผมเห็นด้วยกับการเอาเหตุผลหลายๆอย่างมาประกอบกันครับ ไม่โต้แย้งว่า เกิดจากตัวเราเองไม่พัฒนา เพราะผมเห็นว่าต่อให้เราพัฒนาตัวเอง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะสู้เงินทุนจากต่างชาติได้ ผมเห็นด้วยที่ว่า ภาครัฐต้องเข้ามาคุ้มครอง จะบอกว่าให้เปิดเสรี มันก็ต้องมีขอบเขตครับ ไม่งั้นผมก็เชื่อว่าคนที่พูดประโยคนี้ออกมา เอาแต่อ่านตามตำรา ไม่มองความเป้นจริง ในขณะเดียวกันผมก็เห็นด้วยว่า นอกจากรัฐจะคุ้มครองแล้ว ตัวเราเองก็ต้องพยายามพัฒนาให้สู้ต่างชาติด้วย ดังนั้นกระทู้นี้ผมไม่เห็นด้วยกับความคิดที่ยึดหลักข้อเดียวครับ จริงๆแล้ว กฏหมายไทยมีข้อห้ามอาชีพที่สงวนเฉพาะคนไทยไว้ ผมว่าน่าจะแก้ไขส่วนนี้ได้แล้วนะ พวกโลตัสหรืออะไรเนี่ย ก็ควรจะโดนจำกัดได้แล้ว ต่อให้เขาไม่มาเปิดในไทย เราก็ไม่มีอะไรกระทบมิใช่หรือ? จะบอกว่าคนตกงานเหรอ อย่าอ้างข้อนี้ครับ ผมว่าคุณๆรู้คำตอบกันอยู่น่า ผมว่าน่าจะสงวนอาชีพทุกอย่างที่คนไทยสามารถทำเองได้ดีอยู่แล้วนะครับ ให้ทำเฉพาะของที่เราต้องเอาเข้าจากนอกก็พอ เช่นพวกคอมพ์พิวเตอร์ พวกรถยนต์ อาวุธ เพราะเราจะได้เรียนรู้เทคโนโลยี่พวกนี้ได้ด้วย จากคุณ : ย - [ 13 ก.ย. 49 11:32:51 A:124.120.102.120 X: TicketID:118563 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ขอมองต่างมุมซักกะติ๊ด หลังจากอ่านกระทู้นี้ เมื่อวานเลยไป lotus express มา ไอ้สาขาที่เปิดกลางชุมชนนั่นแหละ เดินวน 2 รอบ ซื้อน้ำมาขวดนึง กลับขึ้นรถ ก็คิดได้ดังนี้ 1. สาขาที่เปิดแต่ละสาขา ก่อให้เกิดการสร้างงานมากมาย เช่น stock สินค้าอุปโภค,บริโภคของไทยทั้งนั้น ทำให้โรงงานผลิตสินค้า สามารถทำงานได้เต็มที่ คิดดูถึงปริมาณการจ้างงานในสาขาการผลิต ที่เกิดขึ้นจากการนี้ 2. อุปกรณ์ตบแต่งในสาขา + ค่าก่อสร้าง + พนักงาน ทั้งหมดจ้างงานจากคนไทย ok. หลายคนมองว่าไม่อยากมีนายฝรั่ง ขายประเทศบ้างล่ะ แต่ถามว่า ประเทศเรามีใครมีศักยภาพขนาดนี้บ้าง (เอาล่ะ CP 1 เจ้า) 3. ผลกระทบต่อร้านโชว์ห่วย??? ในชุมชนนึงจะมีร้านโชว์ห่วยกี่ราย ถ้าเทียบกับ ร้านขายอาหาร ขายของสด ร้านขายสินค้าอื่นๆ นับร้อยๆร้าน ที่ไม่ได้ผลกระทบเลย แต่กลับมีของถูกมาให้ซื้อถึงที่ซะอีก 4. สินค้าหลายๆอย่างไม่ได้ "ถูก" จริงครับ คิดว่าถ้า โชว์ห่วยรายย่อยตีโจทย์นี้ออก สามารถเปิดคู่กันได้สบาย 5. สิ่งที่จำเป็นต้องทำจริงๆ คือควบคุมการ "ทุ่มตลาด" เท่านั้น บางอย่าง ถ้าคุมมันไม่ได้ ก็ต้องใช้ประโยชน์จากมัน คิดว่านะ จากคุณ : Jiang wei - [ 13 ก.ย. 49 12:22:53 ]

ความคิดเห็นที่ 44 เป็นกระทู้ที่ดีนะครับ แต่มันจะดีกว่าโดยไม่ใช่แค่พูด แต่ต้องช่วยกัน วันนี้คุณช่วยชาติแล้วหรือยัง จากคุณ : คนบ้านฉาง - [ 13 ก.ย. 49 13:51:55 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ในความคิดผม ผมไม่กลัวคู่แข่งนะ อยากให้คนมาเปิดธุรกิจแถวบ้านผมเยอะๆ การค้าจะได้เฟื่องฟู จะเป็นใครก็ได้ มาเถอะครับ จะมาค้าขายแบบเดียวกับผมก็ได้ ทุนจะใหญ่แค่ไหนก็ได้ ผมไม่เคยกลัว และไม่เคยคิดด้วยว่า เค้าจะสู้ผมได้หรือเปล่า ผมคิดอยู่อย่างเดียว ทำยังไงให้กิจการผมกำไรเยอะๆ ขายได้เยอะๆ และโตไปข้างหน้า คู่แข่งจะขายดี หรือขายไม่ดีแค่ไหน ผมไม่สนใจหรอก ผมสนใจแต่ว่า ผมต้องรวยขึ้นเรื่อยๆ ในทางมหภาคก็เช่นเดียวกัน ผมสงสัยกันจังว่า ทำไมถึงกลัวกันนัก เพื่อนบ้านแซงหน้าเราเนี่ย????? กลัวเวียดนามแซง กลัวมาเลเซียแซง ผมว่าให้เขาเจริญไปเท่าไหร่น่ะยิ่งดี ยิ่งเขารวยขึ้น ยิ่งเขาเก่งขึ้น ก็แสดงว่าอำนาจซื้อเขาต้องมากขึ้น แล้วเราก็จะได้ขายของไปขายให้ประเทศเค้ามากขึ้น แต่สิ่งที่ต้องกลัว ไม่ว่าจะเป็นระดับเถ้าแก่ หรือระดับประเทศ คือกลัวตนเองไม่พัฒนาดีกว่าครับ อย่ากลัวเลย คนอื่นใหญ่ คนอื่นเก่ง คนอื่นรวย กลัวตัวเอง ไม่ใหญ่ ไม่เก่ง ไม่รวย ดีกว่าครับ จากคุณ : lb'sN (สิงห์เหนือ...เสือสำอาง) - [ 13 ก.ย. 49 17:10:38 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ถ้าโชห่วย ค้าปลีกท้องถิ่นต้องตายไปจริงๆ เพราะต่อสู้กับต่างชาติไม่ไหว ทีนี้แหละคนไทยก็ต้องซื้อจากค้าปลีกต่างชาติอย่างเดียว อะไรจะเกิดขึ้น เราควรให้เกิดการแข่งขันดีกว่าอย่าให้โชห่วยตายไปเลย ต่างชาติก็คือต่างชาติที่ก็ส่งกำไรออกนอกประเทศ การผลิต สต๊อกสินค้าไม่ได้เพิ่มหรอก เพียงแต่ย้ายไปอยู่ที่ห้างต่างชาตินั่นเอง ห้างพวกนี้ได้เปรียบมาก เวลาขายก็ขายเงินสด ไม่มีหนี้สูญ แต่เวลาซื้อนะเครดิต3เดือน เงินลงทุนสินค้าแทบไม่ต้องเลย คนที่ขายของเข้าห้างพวกนี้จะรู้ซึ้งเลย ถ้าจะให้รวยก็ให้คนไทยรวยดีกว่าอย่าให้ต่างชาติมาโกยเงินออกนอกประเทศเลย จากคุณ : nila1 (nila1) - [ 13 ก.ย. 49 17:59:58 ]

ความคิดเห็นที่ 47 http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/B4699476/B4699476.html#9 จากคุณ : pinestand - [ 13 ก.ย. 49 18:34:17 ]

ความคิดเห็นที่ 48 โหวตให้จขกท. และผู้ที่รักชาติทุกท่านค่ะ ถูกใจคคห.ที่ 20, 21 กะคุณเถ้าแก่น้อยจัง จากคุณ : ลิลลี่คิดถึงแม่ (นางมารน้อยลิลลี่) - [ 13 ก.ย. 49 21:23:01 ]

ความคิดเห็นที่ 49 รักชาติต้องพัฒนาตัวเอง ถ้ามองแต่ผลอย่างเดียวดูเหมือนห้างพวกนี้สบาย แต่ก่อนที่จะสบายก็ต้องลงทุนสูงที่เดียวถ้าอยากแข่งต้องรวมตัวให้ได้ ลองศึกษาการตลาดแนวใหม่ๆดูบ้างอย่าติดรูปแบบเดิมๆ จากคุณ : EDM - [ 14 ก.ย. 49 07:41:55 ]

ความคิดเห็นที่ 50 โหวตให้เจ้าของกระทู้ค่ะ จากคุณ : ซันเตา - [ 14 ก.ย. 49 17:21:12 ]

ความคิดเห็นที่ 51 อืมม ไม่ขอออกความเห็นเรื่องทุนนิยม ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ความเอารัดเอาเปรียบของโชว์ห่วย หรือการไม่ช่วยเหลือตัวเองของร้านโชว์ห่วยแล้วกันนะคะ เพราะต่างความเห็นพูดไปแล้วจะยาว แต่เราเห็นด้วยกับจขกท.ในแง่ที่ว่า รัฐต้องเข้ามาควบคุมโซนนิ่งที่จะให้เปิดดิสเคาท์สโตร์ขนาดใหญ่ เพราะไม่งั้นกิจการเล็กๆของคนไทยจะต้องเลิกไปทีละร้านสองร้านแน่  เรื่องที่ห้างใหญ่ๆก่อให้เกิดการจ้างงานมันก็ดีแล้วค่ะ   แต่กำลังมองมุมกลับว่าร้านโชว์ห่วยเล็กๆเหล่านี้มักจะเปิดดำเนินการโดยกลุ่มผู้สูงอายุซะส่วนมาก  หรือไม่ก็ทำกันเป็นกิจการครอบครัวเล็กๆ  เรายังอยากเห็นผู้สูงอายุมีรายได้เป็นของตนเอง ไม่ต้องพึ่งพาลูกที่บางทีพึ่งได้บ้างไม่ได้บ้าง  ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่อยู่กันอย่างเป็นครอบครัวภรรยาช่วยสามีดูร้านพร้อมมีเวลาดูลูกไปพลางๆ   แม่เราเองยังอยากเปิดร้านเล็กๆเลย เพราะกลัวแก่ๆแล้วไม่มีอะไรทำ ที่พูดมาคืออยากให้มีการจัดเป็นโซนๆไป จะได้ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบกันมาก หากต้องการซื้อของเยอะๆ ก็ไปห้าง  พอจะซื้อของเล็กๆน้อยก็ไม่ต้องไปไหนไกลยังมีร้านโชว์ห่วยแถวบ้านให้ซื้ออย่างสะดวก แพงนิดไม่ว่า ถือซะว่าเป็นค่ารถไปห้าง อย่างเราปีที่แล้วเราซื้อกะทะไฟฟ้าจากร้าน 2 ตายายตรงข้ามคาร์ฟูร์ ตอนนี้ร้านนั้นไม่อยู่แล้ว ก็ไม่รู้ว่าตายาย 2 คนจะไปทำอะไรกันต่อไป กลายเป็นว่าการเกิดของห้างกลับสร้างภาระทางสังคมให้เกิดขึ้นรึเปล่า??? คนหนุ่มสาวเค้าไม่กระเทือนกันหรอก ไม่มีห้างนี้เค้ายังมีแรงทำงานอื่นกันได้อยู่นิ จากคุณ : หมูหยี+หมูอ้วน - [ 15 ก.ย. 49 01:24:22 ]

ความคิดเห็นที่ 52 สินค้าในห้างพวกนี้ไม่ได้ถูกเสมอไปทุกอย่างค่ะ จะมีถูกก็แค่บางอย่าง เป็นตัวล่อให้ลูกค้าหลงกล แล้วก็หยิบจับไอ้ตัวแพงๆไปด้วย (ฮา) เราว่าโชว์ห่วยจะดูเสียเปรียบตรงนี้แหละ ที่ราคาสินค้าตลาดๆบางอย่าง ต้นทุนสูงกว่าสินค้าในห้างมาก ทำให้ต้องขายปลีกแพงกว่า ทั้งๆที่ได้กำไรพอๆกับห้าง หรือน้อยกว่าอีก เพราะห้างจะบีบให้ทางผู้ผลิตน่ะ ขายให้ในราคาถูกกว่าที่ส่งโชว์ห่วย ผู้จัดการร้านที่เราเคยทำงานด้วย เค้าด่าเซลล์ไปทีนึง เรื่องต้นทุนสินค้า ราคาส่ง 77 แต่ห้างขาย 79มีของแถมให้ด้วย แล้วเซลล์ก็บอกว่า ห้างได้ต้นทุนถูกกว่ามากๆ พี่เค้าเลยด่ากลับไปอีกว่า ต่อไปไม่ต้องมาขายร้านแล้วนะ บริษัทคุณขายให้แต่ห้างก็พอ (555) ประเด็นนี้เราว่าสำคัญค่ะ เพราะรัฐบาลไม่ได้ให้ความช่วยเหลือตรงนี้จริงจัง... แล้วเหตุผลที่ว่า ร้านค้าปลีกขายแพงกว่า คนขายหน้างอบ้าง อากาศร้อนบ้าง เดินตามจิกบ้าง เราว่าไม่จริงนะคะ เพราะเราก็เปิดโชว์ห่วยเล็กๆฝั่งหนึ่งของร้านค่ะ ไม่ได้หน้างอแต่อย่างใดค่ะ ไม่ได้ตามจิก แล้วก็อากาศไม่ร้อนด้วยค่ะ ออกจะง้อลูกค้า : ) แต่.....ที่ลูกค้าหายไปส่วนหนึ่งเพราะบางคนคิดว่า ไปห้างได้ของครบกว่าไปร้านค้าหลายๆร้าน เพราะมีทั้งตลาดสด+เสื้อผ้า+โชว์ห่วย+เครื่องใช้ไฟฟ้าในตัวด้วย ไม่ต้องเสียเวลาแวะหลายที่ค่ะ จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ - [ 15 ก.ย. 49 02:04:13 ]

ความคิดเห็นที่ 53 กลับกัน กับอีกลูกค้าบางประเภท ที่ชอบซื้อสินค้าจากร้านค้าปลีกเล็กๆ หลายๆร้านมากกว่าค่ะ มีเราคนหนึ่งค่ะที่เป็นคนประเภทนี้ สาเหตุในความคิดของเรานะคะ -บริการ บางที เราก็ให้ร้านค้าช่วยสั่งสินค้าแปลกๆให้เรา ซึ่งในห้างพวกนี้น่ะ จะมีสินค้าไม่ครบหรอกค่ะ อย่างถ้าชอบทำเค้ก ในห้างก็จะมีอุปกรณ์แค่ของพื้นๆ ไม่ครบชนิด แล้วจุดแข็งของร้านค้าปลีก ก็ตรงบริการเวลามีปัญหาค่ะ อย่างคิดเงินผิด ของเสีย ก็เปลี่ยนง่ายกว่าในห้างเยอะ ไม่ต้องเสียเวลาด้วย -ความเป็นมิตรของเจ้าของร้าน ซื้อของกับเพื่อน สนุกกว่าซื้อของกับหุ่นยนต์ในห้างค่ะ 555 อันนี้เรื่องจริง อย่างถ้าไปลองเสื้อผ้าในห้าง กับไปลองเสื้อผ้าในร้าน ถึงแพงกว่าอีกนิด แต่ว่าเจ้าของร้านใจดี ให้คำแนะนำดี คุยสนุก ยังไงๆ เราก็ยืนยันว่าจะขอซื้อที่ร้านต่อไปแหละค่ะ เครื่องใช้ไฟฟ้าก็เหมือนกัน เรื่องบริการหลังการขายเนี่ย เพื่อนเราเคยเอาเตารีดไปซ่อมในห้าง เพราะอยู่ในช่วงรับประกัน เสียเวลาสุดๆ สุดท้ายซื้อใหม่เลย เนื่องจากขี้เกียจรอ -เวลาไปซื้อตามร้าน ก็เหมือนได้เที่ยวในตัวด้วย ได้เจอเพื่อนด้วย เราสังเกตุหลายทีละว่าลูกค้าที่ร้านเราบางทีก็มาเจอๆกัน แล้วเม้าท์แตกในร้านเป็นชม. ต้องยกเก้าอี้ ให้พวกป้าๆทั้งหลายมานั่งจิบน้ำชาคุยกัน กลายเป็นุจุดนัดพบกันไปซะ ตรงนี้เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่พวกห้างทั้งหลายไม่มีนะคะ   แต่อย่างว่าแหละ บางคน ก็คิดแค่ว่า ไปห้างมันง่าย ครบ ถูก ลางเนื้อชอบลางยา สำหรับเรานะคะ ถ้าโชว์ห่วยกะร้านเล็กๆพวกนี้เจ๊งไปหมด ต้องไปซื้อในห้างอย่างเดียว เราคงเซ็งชีวิตค่ะ ปล.มินิมาร์ทท้องถิ่นที่เราอยู่ เจ๊งไป 1 รายแล้วค่ะ (จากทั้งหมด 3 ที่นะ) อีกสองที่ ไม่รู้จะอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่ หลังจากมีโลตุ๊ดเข้ามา แต่เซเว่นน่ะ เยอะอยู่แล้ว มี 5 สาขา ร้านเล็กๆ เห็นในตลาดก็ยังอยู่กันดี แต่ถามๆก็บ่นว่ารายรับลดลงหลังจากมีโลตุ๊ดเข้ามา ส่วนเรา เปิดใหม่ 555 กำลังรอดูว่าอยู่หรือไปค่ะ จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ - [ 15 ก.ย. 49 02:20:23 ]

ความคิดเห็นที่ 54 หลายๆท่านแสดงความคิดเห็นไว้อย่างน่าสนใจครับ http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php? t่า สะดวกกว่า คุ้นเคยมากกว่า ส่วนบางร้านที่ไม่ยอมปรับปรุงตัวเอง เอาเปรียบเห็นๆ พูดจาห่วยๆ สินค้าหมดอายุ ย้อมแมว พวกนี้ก็สมควรจะสูญพันธ์และเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นที่ดีกว่าจะดีกว่า ถ้ารัฐบาลยังอุ้มพวกนี้โดยบีบผู้บริโภคทางอ้อม ผมว่า มันก็ไม่เป็นธรรมกับผู้บริโภค ที่จริงผู้บริโภคโดนร้านพวกนี้เอาเปรียบมานานแล้วโดยไม่มีทางเลือก เพราะจะเลือกร้านอื่นๆก็ห่วยสมชื่อพอๆกัน ครั้นมีคนมาเสนอทางที่ดีกว่ารัฐก็ยังจะออกกฎโน่นกฎนี่มาข่มเหงกันอีก ผมว่าก็เกินไปหน่อย ผู้บริโภคเป็นพลเมืองชั้นสองหรืออย่างไร จากคุณ : academician - [ 15 ก.ย. 49 04:18:12 A:130.18.158.42 X: TicketID:075095 ]

ความคิดเห็นที่ 55 เมื่อมีผู้ได้ผลประโยชน์ ก็ต้องมีผู้เสียผลประโยชน์ กำไรของโชห่วยก็มาจากการขาดทุนของลูกค้าผู้บริโภค การย้ายโมเดิร์นเทรดออกไปอยู่นอกเมืองไกลๆสิบห้ากิโล ลูกค้าที่มีรถขับไปได้ก็ยังตามไปซื้อ แต่ก็เสียประโยชน์เรื่องค่าน้ำมันรถ แต่ถ้าดูแล้วคุ้มเขาก็ไป อันนี้แปลว่าคนรวยเอาตัวรอดได้ แต่ลูกค้าคนจนๆที่ไม่มีรถ เขาก็ไปไม่ได้ เขาก็ต้องซื้อโชห่วยใกล้บ้าน และเขาก็ต้องอุ้มชูโชห่วยนี้ต่อไปอย่างไม่มีทางเลี่ยง เขาอาจจะคิดว่า จนก็จนยังต้องมาซวยอีก ต้องมาอุ้มโชห่วยที่แสนห่วยแล้วก็ยังรวยกว่าเขาเสียด้วย จะเรียกว่า คนจนอุ้มคนรวยก็คงไม่ผิดมั้งครับ จากคุณ : academician - [ 15 ก.ย. 49 04:19:36 A:130.18.158.42 X: TicketID:075095 ]

ความคิดเห็นที่ 56 โชว์ห่วยบางแห่งก็ต่อสู้จนเอาตัวรอดได้ ได้ปรับปรุงร้านตัวเองหลายๆอย่างในเรื่องการดูแลลูกค้า จัดร้านดีขึ้น พูดจาดีขึ้น สินค้าก็มีคุณภาพมากขึ้นแข่งกันลดราคาลงก็เยอะ จนอยู่รอดได้ ลูกค้าอย่างผมก็ยินดีช่วยอีกแรงหนึ่ง บางอย่างแม้จะแพงกว่านิดๆก็ยังซื้อเพราะทำเลอยู่ใกล้กว่า ง่ายกว่า สะดวกกว่า คุ้นเคยมากกว่า ส่วนบางร้านที่ไม่ยอมปรับปรุงตัวเอง เอาเปรียบเห็นๆ พูดจาห่วยๆ สินค้าหมดอายุ ย้อมแมว พวกนี้ก็สมควรจะสูญพันธ์และเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นที่ดีกว่าจะดีกว่า ถ้ารัฐบาลยังอุ้มพวกนี้โดยบีบผู้บริโภคทางอ้อม ผมว่า มันก็ไม่เป็นธรรมกับผู้บริโภค ที่จริงผู้บริโภคโดนร้านพวกนี้เอาเปรียบมานานแล้วโดยไม่มีทางเลือก เพราะจะเลือกร้านอื่นๆก็ห่วยสมชื่อพอๆกัน ครั้นมีคนมาเสนอทางที่ดีกว่ารัฐก็ยังจะออกกฎโน่นกฎนี่มาข่มเหงกันอีก ผมว่าก็เกินไปหน่อย ผู้บริโภคเป็นพลเมืองชั้นสองหรืออย่างไร จากคุณ : academician - [ 15 ก.ย. 49 04:20:20 A:130.18.158.42 X: TicketID:075095 ]

ความคิดเห็นที่ 57 นายกสมาคมค้าส่ง เคยให้สัมภาษณ์เมื่อนานมาแล้วว่า จริงๆ แล้ว ร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-11 นั่นแหละ ที่เป็นตัวกระทบต่อร้านโชห่วย ไม่ใช่พวกซูเปอร์เซ็นเตอร์ เพราะร้านโชห่วยเป็นร้านสะดวกซื้อ ที่ต้องอาศัยจุดเด่นในเชิงแนวคิด คือ ขายความสะดวกที่ใกล้กลุ่มเป้าหมาย นอกจากนั้น จริงๆ แล้ว ร้านโชห่วยและพวกค้าส่งในพื้นที่ ต่างเป็นลูกค้าของพวกซูเปอร์เซ็นเตอร์ (รวมถึงแมคโครด้วย) ที่มาซื้อเอาของไปขายต่ออีกที เนื่องจากได้ราคาต่ำกว่าซื้อจากซัพพลายเออร์เอง โดยพวกโชห่วยซื้อของที่ลดราคามากๆ ไปจากหน้าร้าน ส่วนพวกค้าส่งจะซื้อจากหลังร้าน (ของซูเปอร์เซ็นเตอร์) ที่ได้ราคาดีกว่าราคาส่งปกติมาก ดังนั้น จริงๆ กลับเป็นการเกือกูลพวกโชห่วยให้สู้กับ 7-11 ได้ดีขึ้น เนื่องจากมีต้นทุนต่ำลงในหลายรายการที่ต้องมีการแข่งขันราคากัน ทำให้ได้เปรียบในการแข่งขันส่วนนี้กับ 7-11 ที่ไม่ได้เน้นเรื่องราคาต่ำ นายกสมาคมค้าส่ง ออกโรงว่า ปัญหาที่ต้องการจริงๆ ไม่ใช่คุมการเติบโตของพวกซูเปอร์เซ็นเตอร์ เพราะเข้าใจกระแสความต้องการของผู้บริโภค หากแต่ต้องการให้การแข่งขันเป็นธรรมมากขึ้น โดยไม่ไปบิดเบือนราคาที่ต่ำเกินต้นทุน พูดง่ายๆ คือ ไม่ต้องการให้พวกซูเปอร์เซ็นเตอร์ใช้กลยุทธ์การตั้งราคาสินค้าบางรายการต่ำเกินกว่าต้นทุน เพียงเพื่อดึงลูกค้ามา แล้วอ้างว่าจำกัดจำนวนขาย หรือมีขายเพียงจำนวนน้อยเท่านั้น ซึ่งเป็นการใช้การตลาดมาบิดเบือนราคามากไป จึงต้องการผลักดัน "กฎหมายการค้าที่เป็นธรรม" ให้เกิดขึ้นโดยเร็ว พวกที่ห่วงการโตของซูเปอร์เเซ็นเตอร์มากหน่อย คือ ซัพพลายเออร์รายใหญ่ เพราะกลัวการที่ถูกบีบเงื่อนไขการค้าในรูปแบบต่าง ๆ ทีทำให้สภาพการทำกำไรลดลงฮวบ ยิ่งซูเปอร์เซ็นเตอร์ขยายตัวมาก ยิ่งถูกบีบ และทางรอดน้อยลง เพราะช่องทางการขายอื่นมีสัดส่วนน้อยลงเรื่อยๆ ขณะเดียวกัน ก็กลัวการเกิดสินค้า House Brand ที่ทำให้สินค้าหลักของตนมีโอกาสถูกเขี่ยออกจากตลาดได้ในเวลาไม่นานนัก เพราะไม่ผลิตให้ ก็ถูกขู่ว่าจะจ้างโรงงานอื่นให้ได้เกิด ผลิตให้ ก็เท่ากับแข่งขันกับสินค้าหลักของตน จากคุณ : academician - [ 15 ก.ย. 49 04:23:06 A:130.18.158.42 X: TicketID:075095 ]

ความคิดเห็นที่ 58 กฎของชาร์ล ดาร์วิน -----> natural sellection กฏของธุรกิจ ------> customer sellection เป็นกฎธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่และสมเหตสมผลในตัวมันเอง ถึงอยู่มาได้นานแสนนานและจะอยู่ต่อไปอีกนานแสนนาน การเข้าไปขัดขวางกฎธรรมชาติมักจะเป็นการทำลายมากกว่าการสร้างสรรค์ ส่วนที่สร้างสรรค์ก็คงมี แต่น้อยกว่าเยอะ และสุดท้ายก็มักจะต้านกฎธรรมชาติไม่อยู่ การปรับตัวให้ตรงกับความเป็นจริงและกฎธรรมชาติย่อมดีกว่าการฝืนธรรมชาติด้วยเหตุผลอันเป็นเท็จ โชว์ห่วยอาจจะเจ๊ง แต่ทุกปัญหาก็ย่อมมีทางออก การไม่ดิ้นรนหาทางออกแล้วจะขอขี่คอผู้อื่นอยู่ร่ำไปเป็นความยุติธรรมแล้วหรือ โชว์ห่วยเป็นกลุ่มคนขนาดเล็กๆไม่ถึง 1%ของประชากรไทยทั้งหมด แต่ที่เหลือ 99% เป็นผู้บริโภค จะเอา 1% เป็นตัวตั้งโดยไม่สนใจ 99%อย่างนั้นหรือ ทำไมผู้บริโภคอย่างผมต้องซื้อของจากโชว์ห่วยที่ของราคาก็แพงกว่า เก่าเก็บกว่า บริการแย่กว่า ปากจัดกว่า สินค้าคุณภาพต่ำกว่า และอีกสารพัดปัญหาที่แย่ๆ โชว์ห่วยที่แย่ก็ต้องสูญพันธ์ตามกฎธรรมชาติ โชว์ห่วยที่ดีผู้บริโภคก็ย่อมจะเลือกให้อยู่รอด ซึ่งก็เริ่มพบเห็นได้มากขึ้นเรื่อยๆ ก็เป็นไปตามกฎ customer sellection จากคุณ : academician - [ 15 ก.ย. 49 04:26:05 A:130.18.158.42 X: TicketID:075095 ]

ความคิดเห็นที่ 59 เมื่อเราโตขึ้น เราก็ใส่เสื้อตัวเก่าไม่ได้ เมื่อความต้องการเราเพิ่มขึ้น มากขึ้น แล้วเสื้อตัวเก่ามันไม่สามารถรองรับการขยายตัวของร่างกายได้ ทำยังไงครับ จากคุณ : miller31 - [ 15 ก.ย. 49 10:50:35 ]

ความคิดเห็นที่ 60 คำนิยามว่า"โชว์ห่วย" มันดูแคบไปนะ ฟังเหมือนแค่พวกร้านขายของชำเท่านั้น จริงๆห้างเหล่านี้ เขาไม่ได้ขายแค่ของชำ เขาขายเกือบทุกอย่าง เท่าที่พอจะเอามาขายได้ อย่างที่เราเห็นกันอยู่ คำว่าชุมชน ความหมายมันดีนะครับ ไม่ว่าชุมชนเล็ก ชุมชนใหญ่ เรามีของ มีสินค้ามาซื้อ-ขาย แลกเปลี่ยนกัน ใครอยากค้าขายอะไรก็ลงทุนได้ สมมุติระดับอำเภอ ก็ค้าขายกันเป็นพันๆคน ที่ซื้อ-ขาย ต่างคนต่างมีรายได้จับจ่ายกัน ไม่ว่าเด็ก หนุ่ม-สาว หรือคนแก่ก็ยัง"ทำมา-ค้าขาย"กันได้ แต่ถ้าวันนึง ทุกคนไม่ซื้อขายกัน ทุกคนต้องเอาเงินเข้าไปซื้อในห้างใหญ่ๆเพียง3-4แห่ง วิถีชุมชนหมดสิ้นไป คนไทยที่ไม่มีโอกาสค้าขาย ก็ปล่อยให้อดตายไปเองงั้นหรือครับ จริงอยู่วิถีไทย ที่ดูแล้วอาจจะไม่หรูหร่า ไม่มีแอร์เย็นๆ แต่ทำให้คนไทยเราอยู่แบบพึ่งพากันมายาวนาน ต้องล้มสะลายไปหรือ ที่จริงควรสร้างห้างพวกนี้ ออกจากตัวเมืองซัก10-15 กม. เพื่อรักษาระบบการค้าแต่ละจว.ไว้ ไม่ใช้มาทำลายกันแบบนี้ คนที่อยู่ในการค้าแบบไทยๆนี้เยอะมากนะ ไม่ใช่แค่โชว์ห่วยที่พูดถึงกัน กฎของโลก ถ้าเป็นสมัยก่อนประใดอ่อนแอ พวกที่แข็งแรงเขาทำสงครามยึดเอา สมัยนี้ทำสงครามไม่ได้และไม่คุ้ม มหาอำนาจเขาใช้"ทุน"เข้ามายึดแทน เราต้องรู้จักทั้งรับและรุก การค้าภายในถือเป็นเส้นเลือดของประเทศ ทุกคนต้องกินต้องใช้ หรือจะให้สูบเลือดคนไทยทิ้งให้หมด แล้วใส่เลือดนายทุนฝรั่งแทนดีล่ะ จากคุณ : จขกท. - [ 15 ก.ย. 49 11:32:48 A:124.157.177.184 X: TicketID:123635 ]

ความคิดเห็นที่ 61 เข้ามาดูครับ จากคุณ : แกะแดง - [ 15 ก.ย. 49 15:51:18 ]

ความคิดเห็นที่ 62 (ขอเอาข้อความเก่าที่เคยตอบในกระทู้เก่าๆมาโพสอีกครั้งนะ) โชว์ห่วยไทยไม่ได้เกิดหรอกครับ เพราะผมไม่ชอบซื้อร้านโชว์ห่วยของคนไทย ส่วนมากแม่ค้าพูดจาไม่สุภาพครับ โดนด่าเป็นของแถมอีก เข็ดมากๆเลย ร้านโชว์ห่วย - ถ้าเราเดินๆดู แล้วไม่ซื้อนี่โดนด่า (ด่ากันจัง) - เราเลือกของช้าก็ทำท่าหงุดหงิด - ผมเคยเจอแม่ค้าว่า "จะซื้อไม่ซื้อ คนจะรีบไปขี้" ทั้งๆที่ผมเข้าร้านได้แค่ 5 วินาทีเอง ร้านโลตัส - นี่แหละแหล่งช๊อปของถูก(ไม่ทุกอย่างนะ) ยามเงินเดือนออกต้องไปซื้อของกินของใช้มาตุน - เข้าไปแล้ว ไม่ซื้อ ก็ไม่โดนด่า ร้าน 7-11 - นี่แหละสะดวกสบายและรวดเร็วในเวลาที่ต้องการกินไรง่ายๆ - เข้าไปแล้ว ไม่ซื้อ ก็ไม่โดนด่า ไม่ได้เหยียบย่ำร้านโชว์ห่วยไทยนะ เพราะพ่อแม่ผมก็เปิดร้านโชว์ห่วยมากว่า 25 ปี ตอนนี้มีแฟมิลี่มาร์ท มี 7-11 มาเปิดข้างๆได้ 5-6ปีแล้ว ก็ไม่กระทบเท่าไหร่ เพราะ - พ่อแม่ผมไม่เคยด่าลูกค้า มาเลือกของแล้วไม่ซื้อก็ไม่เคยว่าไร - ลูกค้าชอบที่จะมานั่งจิบเครื่องดื่มในตู้เย็นและพูดคุยกับพ่อแม่ผม นั่งคุยไปไม่นานก็เลือกซื้อนั่นซื้อนี่ - ส่วนมากจะเป็นลูกค้าขาประจำในพื้นที่ หรือลูกค้าที่ประทับใจในร้านรกๆ แต่พ่อค้าแม่ค้า อัธยาศัยดี ก็เลยต้องกลับมาซื้ออีก ดังนั้นจึงมันใจว่าต่อให้7-11เข้ามาเปิดแข่งกี่ร้านก็ไม่กลัว จากคุณ : Raptor22 - [ 15 ก.ย. 49 16:16:46 ]

ความคิดเห็นที่ 63 กาลครั้งหนึ่งนานมา ณ ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีสมาชิกราว 200หลังคาเรือน ต่างก็ต้องใช้บริการของร้านขายของชำที่มีอยู่ในหมู่บ้าน ประมาณ 2-3 ร้าน ทุกๆครั้ง ที่ผ่าน  ก็ต้องแวะไปอุดหนุน เป็นประจำ อุดหนุนมานาน จนเจ้าของร้านร่ำรวยขึ้นทุกวัน ร่ำรวยจากการขายของให้คนในหมู่บ้าน รำรวยจน สามารถออกรถป้ายแดง  ส่งลูกเรียนเมืองนอก ในขณะที่คนในหมู่บ้านส่วนใหญ่ ฐานะไม่ได้ดีขึ้นกว่าเดิมมากนัก ซ้ำร้ายบางคนยังยากจนลง ตกงาน  มีปัญหาครอบครัว จน เครียด และกินเหล้า จนขึ้น เครียดขึ้น แต่ดันทะลึ่งกินเหล้ามากขึ้น ทุกวัน เหล้าที่ซื้อก็ซื้อจากร้านขายของชำในหมู่บ้านนั่นแหล่ะ อยู่มาวันหนึ่ง มีร้านเซเว่นมาเปิด ผู้คนในหมู่บ้านก็ดีใจ ที่สามารถหาซื้ออะไรในยามวิกาล หรือเวลาไหนก็ได้ แถมเวลาเสียค่าไฟ ค่าน้ำก็ไม่ต้องนั่งรถเมล์ออกไปในเมือง ดึกๆที่เคยเปลี่ยว ก็สว่างจากแสงไฟในร้าน โจร ขโมยก็ลดลง ไม่นานร้านเซเว่นร้านที่สอง ก็ผุดขึ้นที่ท้ายหมู่บ้าน เจ้าของร้านชำ เริ่มทำตาปริบๆ แต่รายได้ ไม่ได้ลดลงมาก เพราะขายสินค้าที่ถูกกว่าเซเว่น เป็นสินค้าที่ซื้อมาจากห้างโลตัส ผ่านไปหลายสิบปี เมื่อเดือนที่แล้วมีร้านโลตัสเอ็กซเพรสมาเปิดที่กลางหมู่บ้าน คนในหมู่บ้านพากันดีใจที่มีทางเลือกใหม่ เป็นทีของผู้บริโภคในหมู่บ้านนี้จะได้เป็นฝ่ายเลือกบ้าง ว่าจะเข้าไปซื้อร้านของชำร้านเดิม  หรือเซเว่น หรือจะเข้าโลตะส เอ็กซเพรสดีนะ ระหว่างการปรับปรุงร้าน ร้านขายวัสดุก่อสร้างที่ปากทางเข้าหมู่บ้านก็ขายวัสดุได้มากขึ้น คนงานตกแต่งร้านบางส่วน มาจากคนในหมู่บ้าน แต่ไม่ยั่งยืนเท่า คนหลายสิบคนในหมู่บ้าน ที่ตกงานมานาน ได้สมัครเข้ามาทำงานเป็นพนักงานในร้านโลตัส เอ็กซเพรส ทั้งแม่บ้านในร้าน รปภ. แคชเชียร์ พนักงานสต็อก ผู้จัดการร้าน ดีใจที่ได้ทำงานในหมู่บ้าน ถึงเงินเดือนไม่เยอะ แต่ก็ไม่เสียค่ารถ มีเวลาให้กับลูก กับครอบครัวได้มากขึ้น ไม่เหมือนร้านโชห่วย ที่ใช้พม่ามาทำงานหน้าร้าน ของในร้านโลตัส เอ็กซเพรส ก็ราคาใกล้เคียงกับเซเว่น ไม่ได้ถูก เหมือนในห้างอย่างที่เข้าใจ แต่สะดวกตรงที่มีของมากมาย ที่ขายตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ต้องมาเคาะประตูซื้อ จนเจ้าของร้านต้องงัวเงียมาเปิดร้านด้วยความโมโห เหมือนเมื่อก่อน ทุกวันนี้ร้านขายของชำ โชห่วย ยอดขายก็ตกไปตามระเบียบ แต่ก็หาใช่ว่าจะขายไม่ได้เลย เลยต้องงัดเรื่องราคามาสู้ คนในหมู่บ้านก็โชคดีที่มีของขายในราคาถูกขึ้น ส่วนเจ้าของร้านโชห่วย จากเคยเป็นคนหยิ่งจองหอง จากร้านที่เคยเป็นร้านไฟต์บังคับที่คนในหมู่บ้านต้องมาซื้อ ต้องเอาเงินมาประเคนให้ถึงที่ กลับกลายเป็นคนพูดจาอ่อนหวานขึ้น เพื่อดึงลูกค้ากลับมา คนในหมู่บ้านก็รู้สึกยินดี ก่อนจบนิทานเรื่องนี้ มีคำถามอยู่ 3 ข้อ ข้อแรก หลังจากมีร้านเซเว่น กับโลตัสเอ็กซพรสมาเปิด ทำให้คนจนลง 2 ครอบครัว  แต่คนมีเงินมากขึ้นหลายครอบครัว มันแย่จนเราต้องหันมาอุ้มโชห่วย เพื่อให้คนรวยไม่ให้รวยลดลงหรือ ข้อสอง โลตัส มาลงทุนในเมืองไทย  อย่างฉาบฉวย หรือระยะยาว  เป็นพวดเฮดฟันส์ มาฉกฉวยเงินบาทออกนอกประเทศอย่างนั้นหรือ ข้อสาม สองวันก่อนซีอีโอเทสโก้ เซอร์เทอรี่ บินตรงจากอังกฤษ มารับเครื่องราชอิริยาภรณ์ ระดับ 2  จากการช่วยพัฒนาประเทศไทย  หากเทสโก้เป็นผู้ร้าย อย่างที่บางคนกำลังวาดให้เป็น เขียนเสือให้วัวกลัว แล้วทำไมถึงได้เครื่องราช ตอบให้ชื่นใจหน่อยนะครับ จากคุณ : yaigoal - [ 15 ก.ย. 49 18:11:32 ]

ความคิดเห็นที่ 64 Vote จากคุณ : ein. - [ 16 ก.ย. 49 05:51:58 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ต่อจากความเห็นที่ 63 เป็นนิทานภาค 2 ก็แล้วกัน ...หลังจากที่ในหมู่บ้านมีร้านสะดวกซื้อเกิดขึ้นมาหลายร้าน หมู่บ้านก็ดูพัฒนาขึ้น เจริญขึ้นผิดหูผิดตา เวลามีคนในหมู่บ้านต้องการขายบ้านต่อ ก็ขายออกได้ง่าย เพราะคนซื้อบ้านเห็นว่าหมู่บ้านมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน กลับมาดูร้านโชห่วยทั้งสองร้าน ร้านแรก  ลูกชายจบเอ็มบีเอเห็นควรจะพัฒนาร้านให้มีรูปแบบที่ทันสมัยขึ้น นอกจากจะออกแบบตกแต่งร้านให้น่าเข้า ยังเพิ่มบริการรับฝากขายบ้านที่ดินในหมู่บ้าน ใครอยากขาย อยากซื้อบ้านในหมู่บ้านนี้ ก็ต้องมาแวะที่ร้านนี้ แวะแล้ว ก็ต้องสั่งน้ำ สั่งขนมมากิน นอกจากนี้ ยังติดต่อเอเย่นต์สายส่งนสพ.และนิตยสาร ให้มาลงในร้าน เป็นมุมหนังสือนิตยสาร สะดวกแก่คนในหมู่บ้านอย่างยิ่ง ร้านนี้ก็อยู่ได้อย่างสบาย ส่วนร้านทีสอง.. ลูกสาวเรียนจบวิศว.. เห็นแม่อายุเยอะ ไม่อยากให้แม่ต้องลำบาก มานั่งเฝ้าขายของเหมือนก่อน ก็เลยปิดกิจการของร้าน แต่ให้เช่าพื้นที่ทำร้านเสริมสวยแทน มีรายได้จากค่าเช่า โดยแม่ไม่ต้องเหนื่อยเหมือนก่อน ส่วนตึกแถวข้างๆร้านสะดวกซื้อทั้งหลาย ก็ได้อานิสงค์จากคนที่มาแวะเข้าร้านเซเว่น,โลตัสเอ็กซเพรส กันคึกคัก ก็พลอยได้ประโยชน์ ด้วยการเปิดร้านซักรีด  ร้านตัดผม และร้านไปรษณีย์เอกชน ส่งผลให้ผู้คนในหมู่บ้านมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จากเคยเป็นมนุษย์เงินเดือน  ที่ตกงาน ก็ไม่ต้องตะลอนหางานในเมือง ให้เปลืองค่ารถ ก็มีงานทำในหมู่บ้าน เป็นธุรกิจเล็กๆ แบบเอสเอ็มอี ลืมกล่าวถึงเศรษฐีใหม่อีก 7 คน เป็น 7 คนที่เป็นเจ้าของตึกแถว เป็นตึกแถวที่ให้เช่าทำร้านเซเว่น 2 ร้าน และให้เช่าทำร้านโลตัส เอ็กซเพรสอีกหนึ่งร้าน นิทานเรื่องนี้ เป็นนิทานนะครับ แต่ดัดแปลงจากเค้าโครงเรื่องจริง เป็นเรื่องจริงในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในฝั่งธนบุรี บอกใบ้ว่าอยู่บนแถวถนนเพชรเกษม ก็เลือกเอา.. จะเอาแบบแต่ก่อน ที่เป็นหมู่บ้านหงอยๆ ที่คนในหมู่บ้านเอาแต่ จน เครียด กินเหล้า มีปัญหาสังคมจากความจน จากการตกงาน หรือจะเอาแบบที่ 2 ที่สังคมมีความยั่งยืน สังคมในหมู่บ้านมีความแข็งแรง ผู้คนมีงานทำมากขึ้นมีเงินในกระเป๋ามากขึ้น แต่อาจจะทำให้คนรวย 2 ครอบครัว รวยน้อยลงบ้าง แต่ไม่ใช่ปัญหา ลูกๆเขาสามารถแก้ไขได้ ด้วยสติปัญญา เลือกเอาเองว่าจะอุ้มคนส่วนน้อยให้รวยยิ่งขึ้น หรือเลือกที่จะกระจายรายได้ให้คนส่วนใหญ่ในสังคมนะครับ สวัสดี จบบริบูรณ์ จากคุณ : yaigoal - [ 16 ก.ย. 49 07:28:41 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ใช่ครับที่ คุณ yaigoal ว่ามา แต่ว่ามีข้อดีก็ย่อมมีข้อเสีย (มันคงไม่ได้มีแต่ข้อดีอย่างเดียวหรอกนะจิงไหม) ผมกลัวว่าถ้าปล่อยให้มีโลตัสบิ๊กซีมากเกินไปจะทำให้ห้างเหล่านี้มีอิทธิพลกำหนดราคาสินค้าของเมืองไทยนะครับ(และก็คงไม่สามารถพึ่งรัฐบาลมาแก้ได้) ของที่โลตัสบิ๊กซีนำมาขาย จะรับซื้อจากผู้ผลิตที่เป็นคนไทยโดยกดราคามากๆ ตัวอย่างเช่น นมในอาเจนติน่าขายไม่ได้ราคาจนต้องเอามาเททิ้งประท้วง แต่อย่างว่าแหละข้อดีมันก็ทำให้เราๆที่เป็นผู้บริโภคไม่ได้เป็นผู้ผลิตได้ซื้อของกินในราคาถูก ข้อดีอื่นๆก็ตามที่ คุณ yaigoal ว่าไว้ จากคุณ : Raptor22 - [ 16 ก.ย. 49 20:24:26 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ความคิดเห็นดีๆ และมุมมองที่หลากหลายจากนักลงทุน http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=19593&postdays=0&postorder=asc&start=0 จากคุณ : shine-rise - [ 18 ก.ย. 49 21:21:59 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ผมว่าเป็นกระทู้ที่โต้ตอบกันได้สาระมากครับ วิเคราะห์กันทั้งทางการตลาด การเมือง เศรษฐกิจและสังคม ผมเห็นด้วยกับหลายๆอย่างความเห็นนะครับ ไม่มีใครถูกหมดแล้วก็ไม่มีใครผิดหมด อย่างว่าละครับ คนไทยเคยชินกับที่มีรัฐให้ความช่วยเหลือ หลายๆคนเข้าใจผิดคิดว่ารัฐต้องทำให้ มันไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ รัฐเป็นผู้ซัพพอร์ตกับผู้เปิดทางเดินให้ต่างหาก จะทำหรือไม่นั้นอยู่ที่คนๆนั้นเอง ตนไม่เป็นที่เพิ่งแห่งตนแล้วจะเพิ่งใครละครับ แต่ผมก็เห็นด้วยนะครับว่าหลายๆอย่างเราเพิ่งต่างชาติมากเกินไป ผมยังเคยเลยนะครับว่าจะเปิดบริษัททำรถยนต์ ยี่ห้อคนไทย ทำกันเอง ขายกันเอง กะจะสู้กับญี่ปุ่นซะหน่อย (จะเอาอย่างอินเดีย) ไอเดียมีเพียบ คิดว่าเวอร์กด้วย คิดชื่อยี่ห้อ ชื่อรุ่นรถ สมรรถนะ ลูกค้า การบริการ สารพัด คิดไว้หมดแล้ว เอาไปว่า พลังกายพลังใจมีแต่อุปสรรคเพียบ ก็ต้องฝันต่อไปละครับ จากคุณ : Freedom and Justice - [ 19 ก.ย. 49 10:14:05 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ถ้ามีทางออกสำหรับร้านเล็ก ๆ ด้วยจะดีมากเลยครับ เผื่อใครมีไอเดียหรือแนวทางในการทำให้ร้านโชว์ห่วย ของชำทั้งหลายเป็นไปในทางที่ดีขึ้นเพื่อที่จะได้อยู่รอดในยุคนี้ เผื่อเจ้าของร้านเล็ก ๆ เข้ามาอ่านจะได้แนวทางในการปรับปรุงกิจการให้ดียิ่งขึ้นครับ เพราะไอเดียคนในบอร์ดนี้แต่ละคนก็ดีกันทั้งนั้นเลย ถือว่าเป็นการเริ่มจุดประกายกันในบอร์ดนี้ก็ดีนะครับ จากคุณ : อยากให้เมืองไทยน่าอยู่ (ออสระโอ) - [ 19 ก.ย. 49 10:21:45 ]

ความคิดเห็นที่ 70 เห็นด้วยกับ #54 #56 #62 ร้านโชว์ห่วยเล้กๆแต่เจ้าของอารมณ์ดี ร้านสะอาดสะอ้าน ไม่ต้องถึงขนาดติดแอร์ ผมก็ชอบที่จะสนับสนุนนะครับ แถวบ้านก็มีร้านนึง ป้าแกยิ้มทั้งวัน ^ ^ ถ้าเป็นแบบนี้ผมชอบมากกว่าไปเจอพนักงาน 7-11 ที่ดูเฉยๆ ไม่ยิ้ม แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรให้เสียความรู้สึก แต่ถ้าเป็นร้านแย่ๆ เจ้าของร้านปากจัด ตาเป้นรูป $_$ ของในร้านสกปรก ฝุ่นเพียบ หมดอายุป่าวก็ไม่รู้ ผมยอมเดินไป 7-11 ดีกว่า จิงๆเรื่องแค่นี้เอง น่าจะปรับปรุงกันได้ ไม่ต้องใช้ทฤษฎีสัมพันธภาพ กฏแรงโน้มถ่วงไรมากมาย แถมคนไทยด้วยกันก็พร้อมจะสนับสนุนอยู่แล้วด้วย จากคุณ : Purity - [ 19 ก.ย. 49 12:53:52 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ปติวัติหนักกว่าจะเอกไงกัน  อกความเห็นหน่อย จากคุณ : เดิน - [ 20 ก.ย. 49 05:04:30 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ไม่ได้อ่านข้างบนไม่รู้เขียนว่าไงกันบ้าง แต่ในมุมมองของผู้บริโภคอย่างผม   เพราะ ห้างยักษ์ใหญ่เหล่านี้แหละ ที่ ทำให้ ผม ได้ซื้อสินค้าราคาถูกกว่าปกติ ต่างจาก ร้านของชำ ข้างบ้าน ทีท ขาย กันตามราคาป้าย   วันดีคืนดี ฝนตก น้ำท่วม ก็ ขึ้นราคาซะงั้นแหละ   ยิ่ง ปฏิรูป ปฏิวัติแบบนี้ หาก เหตุการณ์รุนแรง  ไข่ไก่รับรองว่า พวก ขาย ฟอง ละ 5 บาทเฉย  ทั้งที่ซื้อมา ก่อน เกิดเหตุ ซะอีก ไมรับ ขนม ลูกอม ที่ ค้างอยู่นาน โดนแดด จน ละลาย ก็มี จากคุณ : MaeJung - [ 21 ก.ย. 49 09:30:56 ]

ความคิดเห็นที่ 73 เราคิดว่าควรจัดตั้งร้านสะดวกซื้อโดยเป็นของคนไทยและขายสินค้าทุกอย่างทุกรูปแบบเหมือนกับร้านสะดวกซื้อทุนต่างชาติและสร้างชาตินิยมให้เกิดขึ้นกับคนไทย โดยเฉพาะวัยรุ่น เราเชื่อว่าถ้าคนไทยรวมมือกันเราก็จะอยู่รอดได้ค่ะ ไม่ต้องเป็นปลาเล็กให้ปลาใหญ่คอยกินอยู่เรื่อยไป.......คนไทยสู้ๆ จากคุณ : aiumi_kiku - [ 21 ก.ย. 49 20:50:46 A:58.136.93.79 X: TicketID:128086 ]

ความคิดเห็นที่ 74 เขารู้นะว่าเขาจะต้องปรับตัว เพื่อความอยู่รอด แต่เขาจะปรับตัวยังไง ในเมื่อร้านโชว์ห่วยเล็กๆอย่างพวกเขา ไม่ได้มีความรู้เหมือนคุณๆในห้องนี้ เขาจะปรับตัวอย่างไร ในเมื่อ ค่าเทอมลูก ยังนึกไม่ออกเลยจะหาจากไหน เขาจะปรับตัวอย่างไร แค่เงินซื้ออาหารดีดีซักมื้อยังไม่มี ปอลอ อีกมากมายงปัญหา ทั้งทางด้านเงินทุน และ ความรู้ ถ้าเค้ายังมีกินมีใช้ พอดำรงค์ชีวิตอยู่ได้ เค้าคงไม่ออกมาหรอก พวกเค้าก็เสียภาษีนะครับ เค้าหาทางที่จะช่วยเหลือตัวเองได้แค่นั้นจริงๆ ภาครัฐ ไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลย ทั้งเรื่องอบรมพัฒนา การกั้นเงินทุนมันเป็นไปได้ไม่ได้อู่แล้ว แต่ โชว์ห่วยของเรา พร้อมหรือยัง เคยมาดูกันบ้างไหม เอาล่ะ แล้วผมจะมานำเสนอ supply chain ในอีกรูปแบบหนึ่งนะครับ หลังจากที่เราซื้อของจาก discount store จากคุณ : SkillFull - [ 23 ก.ย. 49 02:24:37 ]

ความคิดเห็นที่ 75 VOTE ให้ คคห. 5 k.Yaigoal นับถือๆ พูดได้โดนใจมากเลย...ยุคโลกาภิวัฒน์เปิดเสรีการค้าทั่วโลก พวกที่ต่อต้าน..น่าส่งไปกับ Time machine สู่ยุค...โบร๊าณโบราณ จากคุณ : gemmy_stone - [ 23 ก.ย. 49 07:14:33 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ค้าปลีกอย่าโฟกัสที่โชว์ห่วยเพียงอย่างเดียวครับ ร้านขายเสื้อผ้า ร้านผักผลไม้ ร้านอาหาร ร้านอุปกรณ์เกษตร ร้านเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้ามือถือ ร้านเครื่องเขียน ร้านหนังสือ .....ร้านขายจักรยาน อุปกรณ์ก่อสร้าง และค้าปลีกอีกหลายรูปแบบที่ได้รับผลกระทบ การค้าปลีกเป็นพื้นฐานทางเศรษฐกิจ เป็นSME เป็นจุดเริ่มต้นของเถ้าแก่ตัวเล็กๆแล้วไต่เต้าจนกลายเป็น บริษัท โรงงานใหญ่โต ถ้าถูกบอนไซแบบนี้ไปเรื่อยๆเราก็คงมีแต่มนุษย์เงินเดือนเต็มประเทศอย่างเดียว อย่าลืมนะครับว่ายังมีอีกหลายคนที่เขาเรียกว่า born to be เถ้าแก่ เจ้าของกิจการ ไม่ใช่ลูกจ้าง ข้าราชการ จากคุณ : ธนินทร์ - [ 23 ก.ย. 49 10:25:43 A:203.113.61.37 X: TicketID:100715 ]

ความคิดเห็นที่ 77 คคห.ที่5 ก็มีส่วนถูกครับ แต่อย่าลืมว่าสายป่านทางการเงินของบริษั่ทข้ามชาติพวกนี้มากกว่าร้านค้าท้องถิ่นเป็นกี่ร้อยเท่า กลยุทธ์ที่สำคัญคือ "ราคา"  ร้านค้าท้องถิ่นแบบนี้จะเอาอะไรไปต่อรองกับพวกเอเย่นต์หรือดิสทริบิวเตอร์หรือถึงจะซื้อโดยตรงก็เถอะ   ประเทศอื่นไม่มีที่ไหนหรอกครับที่ให้พวกดิสเค้าท์สโตร์มาเปิดในเมืองไม่ว่าประเทศที่เจริญแล้วอย่าง อังกฤษ อเมริการ ออสเตรเลีย ฯลฯ เค้าปกป้องคนของเค้า ส่วนร้านอาหารไทยที่สำเร็จในเมืองนอกก็มีลักษณะการแข่งขันไม่เหมือนกับร้านค้าปลีกในเมืองไทย เค้าทำได้เพราะค่าแรงถูก (จ้างแรงงานจากนักเรียนที่ไปศึกษาต่อ) ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจควรจะมองกว้างๆ ด้วยนะครับ เรื่องสายป่านการต่อรองนี่สำคัญมาก ถ้าเงินคุณไม่หนาพอนี่ลำบากครับ จากคุณ : ec (ec) - [ 23 ก.ย. 49 18:53:00 ]

ความคิดเห็นที่ 78 สรุป ต่อไปนี้ เปิดร้าน สารพัดโชห่วย ต้องอุ้มตลอด เพราะเดี๋ยวเจ๊ง ดังนั้น ใครอยากรวย ก็รีบเปิดโชห่วย เถอะ กฎหมายพานิชย์ ให้ติดฉลากราคา สินค้าทุกชนิด ไปบอกให้พวกเขา ลงทุนติดด้วย อย่าเอาเปรียบชาว บ้าน จากคุณ : ไม่ปรับตัวก็ตาย - [ 24 ก.ย. 49 14:10:48 A:218.214.44.237 X: TicketID:118272 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ยังงี้ต้องดู ทีวีแชมเปี้ยน ดูร้านค้าห้องแถวสู้คนอื่นได้อย่างไร  คุณภาพไงครับ  ความมีเอกลักษณ์ เหมือนสิ้นค้าโอท๊อปบ้านเรา สิ้นค้าแฮนด์เมด  ยังทึ่งกับการทำของเค้า หมดก็คือหมด  ไม่เร่งผลิตแบบชุ่ยๆโดยไม่รักษาคุณภาพ  เยี่ยมจริงๆ หากมีเวลาควรหาโอกาสดูนะครับ จากคุณ : ตระกูล - [ 25 ก.ย. 49 14:32:18 ]

ความคิดเห็นที่ 80 โหวตให้ จขกท. เรารู้ว่าทำการค้าต้องปรับตัว     ไม่ปรับตัวก็ตาย....ใช่มั๊ย       แต่ยังไงปลาเล็กก็สู้ปลาใหญ่ลำบาก รัฐควรออกนโยบายปกป้องกิจการของคนไทยกันบ้าง     ควบคู่ไปกับการทำให้เจ้าของกิจการมีความรู้ความสามารถที่จะพัฒนากิจการได้ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมให้ไทยใช้ของไทย     ซื้อสินค้าจากร้านของคนไทย จากคุณ : salamis - [ 26 ก.ย. 49 12:17:31 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ของงี้ต้องลองมาขายดูนะ ถึงจะรู้ซึ้งเข้าไปในหัวใจ ...จากลูกชายร้านโชห่วย จากคุณ : หนอ - [ 28 ก.ย. 49 14:32:01 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ชอบกระทู้นี้ตรงที่มีความแตกต่างทางความคิดดีครับ จากคุณ : zmen - [ 28 ก.ย. 49 15:28:30 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ประทับใจ คำตอบคุณyaigoal หลายปีมาแล้ว ตอนนั้น7-11 ยังไม่เยอะ ตั้งแต่จำความได้ มีร้านโชห่วยหัวมุมถนน ซื้ออะไรทีแทบจะกราบกัน ไม่อยากขายก็บอกสิ ขวดซีอิ๊ว แชมพู เก่าๆ ฝุ่นเกาะ พอ7-11มาเปิด ฝั่งตรงข้ามถนน ทุกคนพร้อมใจกันข้ามถนนไปซื้อ ถนนสีลมนะคะ ไม่ใช่ถนนเล็กๆ ไม่นานเลย ร้านโชห่วยปิดลง สมน้ำหน้า คำนี้ได้จากทุกคนที่รู้จัก หึหึหึ จากคุณ : lekumi - [ 28 ก.ย. 49 20:51:13 ]

ความคิดเห็นที่ 84 คนไทยขาดความเมตตาต่อกันอย่างรุนแรง จากคุณ : @-อมยิ้มแก้มตุ่ย-@ - [ 30 ก.ย. 49 03:26:09 ]

ความคิดเห็นที่ 85 เห็นด้วยกับคุณ yaigoal อย่างแรงครับ จากคุณ : palm boy - [ 1 ต.ค. 49 20:01:33 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ลองคิดดูว่าบรรพบุรุษคุณ เคยทำมาค้าขายเเล้วตกทอดมาถึงรุ่นคุณซึ่งไม่สามารถทำต่อได้เพราะห้างต่างชาติได้เข้ามา คุณจะรู้สึกอย่างไรทุกวันนี้แม่ค้าในตลาด ร้านโชว์ห่วย อยากเห็นหรอที่คนไทยจะไม่มีกิจการเป็นของตัวเอง ต้องรอเป็นลูกจ้างมันหรือ จากคุณ : pitman - [ 2 ต.ค. 49 08:24:36 A:58.147.101.133 X: ]

ความคิดเห็นที่ 87 ลองดูมุมผู้บริโภคที่เป็นประชากรส่วนใหญ่ เราซื้อของคุณภาพห่วยและราคาแพงมานานแค่ไหน โชว์ห่วยไม่เคยสนใจผู้บริโภคตราบใดที่เขายังขายได้กำไร จนกระทั่งมีธุรกิจค้าปลีกรุกคืบเข้ามา ตัวเองสู้ไม่ได้แทนที่จะปรับตัวเอง เปลี่ยนกลยุทธ ก็ไปร้องให้รัฐช่วย ดูเหมือนเราจะชอบให้กฎหมู่มาเปลี่ยนแปลงกฎหมายในทุกๆเรื่อง ส่วนความเห็นข้างบน ผมอยากบอกว่าบรรพบุรุษพวกนั้น ก็ขายของแพง กินส่วนต่างจนรวยมากี่รุ่นแล้วครับ พอต้องปรับให้ยุติธรรมสำหรับผู้บริโภค มันก็แข่งไม่เป็น จากคุณ : F=;N - [ 5 ต.ค. 49 14:50:34 A:61.47.94.217 X: ]