ความคิดเห็นที่ 1 อีกหนึ่งปีมันมีอะไรพลิกผันได้อีกเยอะ    ที่ผมเคยเจอมันเป็นยิ่งกว่าคุณอีก....... คุณรู้มั้ย  เวลาผมดูว่ากิจการนี้ไปได้ดีแค่ไหน  ผมไม่เคยดูเลยว่าเค้ามีทุนเท่าไหร่ มีหนี้เยอะแค่ไหน  ขาดทุนในปัจจุบันเท่าไหร่   ผมดูรูปแบบการบริหารของเจ้าของกิจการ   ดูว่าเจ้าของกิจการเป็นคนมุ่งมั่นแค่ไหน   ดูว่าเขาสามารถพลิกแพลงได้ตามสถานการณ์หรือเปล่า   ดูว่าเขาสามารถคุมลูกน้องได้ดีแค่ไหน ผลกำไรขาดทุน ณ ปัจจุบัน   เป็นอันดับท้ายๆ ที่ผมจะดูครับ   ว่ากิจการนี้จะไปได้แค่ไหน ดังนั้น  ผมตอบไม่ได้ครับ ว่ากิจการคุณจะรุ่งหรือร่วง  เพราะผมไม่เห็นกิจการคุณ ผมไม่รู้จักคุณ แล้วผมก็ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าธุรกิจที่คุณทำอยู่คืออะไร  แล้วผมจะไปรู้แนวโน้มได้ไงล่ะ????? อีกตั้งปี  มันยังบอกไม่ได้หรอกครับ  ว่าจะรุ่งหรือร่วง จากคุณ : สิงห์เหนือ...เสือสำอาง - [ 14 ก.ย. 49 21:53:18 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เรื่องราคา  ถ้าสินค้าต่อชิ้น ขนาดนี้คุรก็เสียเปรียบเขาโขอยู่อ่ะ  เป็นผมเหรอ..... 1. เปลี่ยนซัพพลายเออร์ได้ไหม?????  แต่คงเปลี่ยนไม่ได้หรือว่าเปลี่ยนได้คงไม่ได้สินค้าคุณภาพนี้หรอกนะ....ไม่งั้นคุณก็คงเปลี่ยนไปหาเจ้าอื่นที่ถูกกว่าแล้ว    ดังนั้น ข้ามไป 2. เอาเงินก้นถุงที่มี   ลองย่นเงื่อนไขซัพพลายเออร์ไปว่าซื้อสดดู   แล้วก็ขอลดราคาลงไปให้เท่ากับเจ้าใหญ่     ทุกวันนี้คุณซื้อเครดิตอยู่แง๋ๆ เลยอ่ะ   3. ถ้าทำสองวิธีแรกไม่ได้   ก็ลดราคาขายแม่....ง มันเหอะ   เพราะว่าของมีแต่ในสต๊อก ดีแต่ตั้งราคาขายไว้แต่ขายไม่ได้ก็ไม่มีค่า   สู้ลดราคาขาย ทำงานเหนื่อยขึ้น  แต่ได้เงินมาหมุนมากขึ้นดีกว่า หน้าใหม่เพิ่งเข้าตลาด แล้วไปเสนอราคาเท่าเจ้าใหญ่   คงขายแข่งเขายากอ่ะ   ขายจนติดตลาดก่อนแล้วค่อยขึ้นราคาก็ยังได้ เอ้อ  ผมว่าปัญหาใหญ่คุณไม่ได้มาจากราคาต้นทุนที่แพงนะ  แต่ผมว่ามาจากฝีมือทางการตลาดของคุณมากกว่าอ่ะ   บอกกันงี้อย่าโกรธกันนะ จากคุณ : สิงห์เหนือ...เสือสำอาง - [ 14 ก.ย. 49 22:01:03 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณคุณสิงห์ฯมากครับ ไม่โกรธครับ จะพูดแรง หรืออะไรก็ได้ ผมต้องการแง่มุมที่เป็นประโยชน์ ไม่ต้องการคำปลอบใจครับ -------- เรื่องราคา ถ้าสินค้าต่อชิ้น ขนาดนี้คุรก็เสียเปรียบเขาโขอยู่อ่ะ เป็นผมเหรอ..... 1. เปลี่ยนซัพพลายเออร์ได้ไหม????? แต่คงเปลี่ยนไม่ได้หรือว่าเปลี่ยนได้คงไม่ได้สินค้าคุณภาพนี้หรอกนะ....ไม่งั้นคุณก็คงเปลี่ยนไปหาเจ้าอื่นที่ถูกกว่าแล้ว ดังนั้น ข้ามไป ----- คุณเดาเหตุการณ์ได้แม่นยำครับ ผมคิดว่า ผมต้องการเน้นคุณภาพ ผมต้องการความเชื่อถือระยะยาวครับ ละครเรื่องนี้เพิ่งเริ่ม ยังอยากอยู่ไปจนจบครับ ยอมกล้ำกลืนน้ำตา ทนทุกข์ระทม คุณคิดว่า ผมคิดถูกไหมครับเนี่ย 2. เอาเงินก้นถุงที่มี ลองย่นเงื่อนไขซัพพลายเออร์ไปว่าซื้อสดดู แล้วก็ขอลดราคาลงไปให้เท่ากับเจ้าใหญ่ ทุกวันนี้คุณซื้อเครดิตอยู่แง๋ๆ เลยอ่ะ ----- อ้อ อันนี้คุณคาดผิดครับ ฮี่ๆๆๆ ผมซื้อสดอยู่ครับ แต่ว่ายักษ์ใหญ่เขาซื้อเครดิตครับ !!! เพราะว่าเขาอยู่มานานเกือบ 20 ปีแล้ว 3. ถ้าทำสองวิธีแรกไม่ได้ ก็ลดราคาขายแม่....ง มันเหอะ เพราะว่าของมีแต่ในสต๊อก ดีแต่ตั้งราคาขายไว้แต่ขายไม่ได้ก็ไม่มีค่า สู้ลดราคาขาย ทำงานเหนื่อยขึ้น แต่ได้เงินมาหมุนมากขึ้นดีกว่า ----- นั่นแหละครับ ผมคิดงี้อยู่เลย แต่อยากจะรู้ว่ามีคนคิดเหมือนกันไหม แต่ก็หวั่นๆกลัวเจอยักษ์ตอบโต้ คืองี้ครับ ผมจะไม่ไปบ้าแข่งราคา แต่จะเน้นบริการจากก้นบึ้งของหัวใจ มีสินค้าและบริการแม้จะไม่หลากหลายเท่า แต่พร้อมจะมีพร้อมให้ลูกค้าเสมอ นั่นหมายถึงต้นทุนและความเสี่ยงที่ต้องแบกเพิ่มขึ้น ผมคิดถูกไหมครับ หน้าใหม่เพิ่งเข้าตลาด แล้วไปเสนอราคาเท่าเจ้าใหญ่ คงขายแข่งเขายากอ่ะ ขายจนติดตลาดก่อนแล้วค่อยขึ้นราคาก็ยังได้ ----- ขอบคุณมากครับ เอ้อ ผมว่าปัญหาใหญ่คุณไม่ได้มาจากราคาต้นทุนที่แพงนะ แต่ผมว่ามาจากฝีมือทางการตลาดของคุณมากกว่าอ่ะ บอกกันงี้อย่าโกรธกันนะ ----- ไม่โกรธครับ รู้สึกขอบคุณ พูดแรงกว่านี้ก็ไม่เป็นไร ตราบใดที่ เป็นอดีตมนุษย์เงินเดือนหมาดๆครับ เทียบกระดูกแล้วคนละเบอร์กับยักษ์ใหญ่แน่นอน แต่ขอลองสักตั้งหนึ่ง จากคุณ : โชว์ จน ห่วย - [ 14 ก.ย. 49 22:20:26 A:125.25.151.108 X: TicketID:064373 ]

ความคิดเห็นที่ 4 โหยยย คุณคนแรกนะเนี่ย ที่ฟังคำพูดผมแล้วไม่ของขึ้น   เอ่อ   นี่ก็ใกล้เวลาคุยกะกิ๊กแล้ว   จะบอกเรื่องที่คุณกลัวเค้าทุ่มตลาดกันให้ฟังก่อน ถ้าเค้าจะทุ่มตลาดเหยียบคุณนะ  เค้าทุ่มไปนานแล้วครับ   ให้คุณตายตั้งแต่แรกไง   แต่เท่าที่ดู สินค้าตัวนี้มาร์จิ้นมันดีพอควรนะ  มีช่องว่างให้ทุ่มได้อีกตั้งเยอะ   แต่ที่เค้าไม่ทุ่ม แสดงว่าเค้าคิดในใจว่า  "ไม่นานคุณก็เจ๊งไปเอง" และคาดว่าน่าจะมีคนพยายามทำแบบเค้าหลายเจ้าแล้ว  และก็น่าจะเจ๊งไปหลายเจ้าแล้ว    เขาถึงไม่ลดราคามาเหยียบคุณไง เค้าไม่เห็นคุณในสายตาไงครับ   โอกาสของคุณแล้วนา  แต่ผมก็ไม่รู้ว่าคุณขายอะไร  แต่ก็นะ......คุณลองไปจับกลุ่มลูกค้าที่เค้าไม่จับสิ   แล้วก็เสนอราคาต่ำกว่าเค้า    จะได้ไม่ไปกระทบฐานลูกค้าเค้าไง   อือ ซัพพลายเออร์ขายของให้เค้าขนาดนี้เลยเหรอ?????  แสดงว่าเค้าเป็นเจ้าใหญ่เจ้าเดียวแน่ๆ ซัพพลายเออร์ถึงได้(คำหยาบที่ถูกนำมาใช้อย่างไร้สามัญสำนึก)กาจู๋เค้าขนาดนี้   อ้าวถ้าแบบนี้ก็โอกาสสิคุณ    นี่แสดงว่าช่องว่างทางการตลาดมันยังเหลืออีกโข  ไปดูให้ดีสิครับ ว่าลูกค้ากลุ่มไหนที่มันหลุดเจ้าใหญ่เจ้านี้ แล้วคุณก็ไปเจาะซะ จากคุณ : สิงห์เหนือ...เสือสำอาง - [ 14 ก.ย. 49 22:30:17 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ทุกวันนี้ที่ผมยอมสู้ ก็เพราะ 1. พ่อแม่ และครอบครัว คงเหมือนหลายๆคนน่ะครับ 2. ก็เห็นยังมีคนดิ้นรนอยู่เสมอ สายป่านน้อยกว่าเราอีกแถมต้องกู้เงิน แต่เขาก็สู้ เราซึ่งได้เปรียบกว่าก็น่าจะมีเปอร์เซ็นต์ไปรอด 3. เคยดูรายการสู้แล้วรวย จำคำพูดแขกร่วมรายการคนหนึ่งเคยบอกว่า "เมื่อคุณเริ่ม มันเหมือนกระสวยอวกาศที่มันเพิ่งปล่อยขึ้น มันช้า หนักเหลือเกิน เพราะต้องยกตัวออกจากฐาน แต่ก็ต้องพยายามดันขึ้นไป ยกตัวไปแล้วมันอาจพุ่งหัวทิ่มลงพื้นก็ได้ แต่ถ้าผ่านขั้นนั้นไปได้ มันจะพุ่งทะยานไปบนฟ้า" (คำพูดของคุณคนนี้จริงไหมครับ) จากคุณ : โชว์ จน ห่วย - [ 14 ก.ย. 49 22:31:08 A:125.25.151.108 X: TicketID:064373 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เ-ลี-ย-ก-า-จู๋ เนี่ยนะ ไร้สามัญสำนึก จากคุณ : สิงห์เหนือ...เสือสำอาง - [ 14 ก.ย. 49 22:32:27 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เอ่อ ถึงผมจะดูรายการสู้แล้วรวย แต่ก็ไม่หวังรวยนะครับ ขอแค่สู้เพื่อรอดในขั้นแรกไปก่อนครับ จากคุณ : โชว์ จน ห่วย - [ 14 ก.ย. 49 22:34:56 A:125.25.151.108 X: TicketID:064373 ]

ความคิดเห็นที่ 8 3. เคยดูรายการสู้แล้วรวย จำคำพูดแขกร่วมรายการคนหนึ่งเคยบอกว่า "เมื่อคุณเริ่ม มันเหมือนกระสวยอวกาศที่มันเพิ่งปล่อยขึ้น มันช้า หนักเหลือเกิน เพราะต้องยกตัวออกจากฐาน แต่ก็ต้องพยายามดันขึ้นไป ยกตัวไปแล้วมันอาจพุ่งหัวทิ่มลงพื้นก็ได้ แต่ถ้าผ่านขั้นนั้นไปได้ มันจะพุ่งทะยานไปบนฟ้า" (คำพูดของคุณคนนี้จริงไหมครับ) ไม่อ่ะ   ทำธุรกิจมันเหมือนกระสวยอวกาศที่กำลังทะยานหนีแรงดึงดูดอยู่ตลอดเวลา     ไอ้ติดลมบน  ดันขึ้นไม่ต้องใช้แรงอาจจะมีบ้าง  แต่มีไม่ตลอดหรอกครับ   เศรษฐีที่รวยแล้วเจ๊งมีเยอะแยะนา    เพราะไปประมาถว่าตัวติดลมบนนี่แหละ วิถีของเจ้าของ   ถ้าอยากรวยไปข้างหน้าเรื่อยๆ  มันต้องใช้แรงที่มากกว่าแรง G อยู่ตลอดเวลาอ่ะ วิถีของเจ้าของ  ไม่ใช่วิถีของคนสบายครับ จากคุณ : สิงห์เหนือ...เสือสำอาง - [ 14 ก.ย. 49 22:36:19 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณครับ จากคุณ : โชว์ จน ห่วย - [ 14 ก.ย. 49 22:38:50 A:125.25.151.108 X: TicketID:064373 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอแจมด้วยคนค่ะ ที่ร้านของพี่ชาย ประสบปัญหาเหมือน จขกท.เลยค่ะ เราเป็นร้านเล็ก แต่เราก็พยายามหาของที่มันแตกต่างจากร้านใหญ่ค่ะ และอาศัยให้ความรู้กับผู้รับเหมา ซึ่งร้านใหญ่ส่วนใหญ่จะขายอย่างเดียว ด้านเทคนิคเค้าจะให้คำแนะนำได้ไม่เท่าเราค่ะ ตอนนี้ยอดขายก็ยังไม่ดีนัก แต่ก็เรียกได้ว่าดีขึ้นเรื่อย ๆ ค่ะ  ผู้รับเหมาส่วนใหญ่เค้าต้องการของถูกคุณภาพ ok. เราอาศัยความซื่อสัตย์ จริงใจกับลูกค้าค่ะ ขอให้ จขกท.ประสบความสำเร็จในกิจการค่ะ จากคุณ : หมู (ตัว) อ้วน - [ 14 ก.ย. 49 23:08:48 ]

ความคิดเห็นที่ 11 -Differentiation -อย่าไปสู้ด้วยการตัดราคา ในกรณีที่สินค้าเหมือนกัน ลูกค้าจะได้ผลประโยชน์ เราจะตาย -ขยายตลาดต้องใช้คน จะมาทำคนเดียว แบบนี้นานกว่าจะโต ถ้าจะมองระยะยาว -deep pocket money เพื่อการต่อสู้ระยะยาว -ดูจากยอดขาย และ กำลังแล้ว ไม่น่าจะแข่งกับเค้าโดยตรง ควรจับคนละตลาดมากกว่า -มองลูกค้าอย่างเข้าใจว่าต้องการอะไร -มอง โลกให้กว้างขึ้น ว่าตอนนี้แนวโน้วเป็นอย่างไร External Environment -ถ้ารู้ว่าสินค้าเป็นอะไรคงตอบได้มากกว่านี้นะ จากคุณ : boyboy72 - [ 14 ก.ย. 49 23:56:57 ]

ความคิดเห็นที่ 12 Red Ocean กันจังเลย ลองหาหนังสือ Blue Ocean Strategy มาลองอ่านดูซิครับ ถ้าไม่ได้คำตอบก็ยังได้ความรู้ดี จากคุณ : กำลังอ่านอยู่ (Maruman1) - [ 14 ก.ย. 49 23:57:04 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ^ ทฤษฏีดีค่ะ แค่ปฏิบัติน่ะ หืดขึ้นคอแน่ๆ ยังอ่านหนังสือไม่จบง่ะ ไว้เดี๋ยวมาคุยต่อ จากคุณ : PoUpeE - [ 15 ก.ย. 49 09:27:15 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เห็นความตั้งใจแล้ว ผมมาให้กำลังใจครับ จากคุณ : Dustin Road - [ 15 ก.ย. 49 10:23:33 ]

ความคิดเห็นที่ 15 - ไม่แนะนำเรื่องการขายตัดราคา (สุด ๆ ) ยิ่งถ้าของมาจากเดียวกันแล้ว ทำไปคุณไม่รอด - เจ้าใหญ่ที่ขายก่อนคุณเขาไม่ทุบคุณตอนนี้เพราะเขาเห็นว่าคุณไม่ได้ทำให้ตลาดเสียหายอะไร (ในทางธุรกิจ) ยังแข่งกันที่บริการ หรืออื่น ๆ ที่ไม่ใช่เรื่องราคา เขาจะไปทำคุณทำไม - แต่เมื่อไหร่ที่คุณลดราคา เขาจะลงมาเล่นกับคุณทันที และจะเป็นคุณที่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เพราะเขามีฐานดีกว่าคุณมาก ทั้งลูกค้า เงินทุน เครดิต และอื่น ๆ - หากนึกภาพไม่ออก ดูจากตลาดชาเขียวในบ้านเรา ตอนแนกมี โออิชิ เจ้าเดียวขาย 25 บาท ต่อมามีคู่แข่ง ตัดราคา สุดท้ายตอนนี้เป็นยังไง เจ้าใหม่ที่ตัดราคาเจริญรุ่งเรืองไหม - ผมสันบสนุนให้เจาะฐานลูกค้าใหม่ครับ คนที่ยังไม่ซื้อ หรือรู้จักเจ้าเก่า ผมว่ายังน่าจะมีอีกเยอะ ยังน่าจะเปิดตลาดได้เพิ่มอีก (ไม่งั้นคุณคงไม่มาทำ ถ้าคิดว่าตลาดมันแคบแล้ว) เมื่อเจาะได้แล้ว ใช้ความสามารถของคุณในการดูแลลูกค้าตรงนี้ให้เป็นลูกค้าประจำของคุณ แล้วก็ขยายหาลูกค้าใหม่ต่อไปเรื่อย ๆ ธุรกิจของคุณก็จะยืนหยัดอยู่ได้ - อย่าไปคิดว่าเจ้าเก่าเป้นคู่แข่งที่ต้องกำจัด บางทีไม่แน่ว่าวันข้างหน้า คุณกับเขาอาจจะได้เป้น Partner ทางธุรกิจกันก็ได้ จะใหญ่ไปด้วยกันครับ จากคุณ : GTO@Dummy - [ 15 ก.ย. 49 10:28:42 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เจ้าใหญ่  มีจุดอ่อนครับผม(เท่าที่ผมวิเคราะห์) จุดอ่อนแรก  คือ  การที่เจ้าของให้คนไปวิ่ง  ซึ่งเซล(คนวิ่ง)ยังไงก็บริการดีสู้ตัวเจ้าของเองไม่ได้ จุดอ่อน 2  คือ  บางทีไม่สนใจลูกค้าเท่าที่ควร  ทำนองว่าขายแล้วขายเลย  พอลูกค้ามีปัญหา  ก็ไม่สนใจ ด้วยจุดอ่อน 2 ข้อนี้  สามารถทำให้ลูกค้าประจำ  หลุดได้ง่ายๆเลย ฉะนั้น  จงสู้ด้วยการบริการที่ดีกว่า(อาจจะต้องเหนื่อยขึ้นนิดนึง) แก้ไขเมื่อ 15 ก.ย. 49 12:41:41 จากคุณ : นางสเตนเลส - [ 15 ก.ย. 49 12:40:47 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขายอะไรครับ พอจะบอกได้ไหม หรือว่าไม่สะดวกหลังไมค์ได้นะครับ ผมสนับสนุนการหาลูกค้าใหม่ ๆ ด้วยเหมือนกัน จากคุณ : wonderboy (wonderboy) - [ 15 ก.ย. 49 12:41:09 ]

ความคิดเห็นที่ 18 - ราคาต้องไม่แพงกว่าเจ้าใหญ่ค่ะ - บริการดีสุดใจขาดดิ้น ราคาเท่ากัน บริการดีกว่า จะซื้อใจลูกค้าได้ - กล้าๆ ตัดของล็อตใหญ่จากซัพพลายเออร์ เพื่อให้ได้ต้นทุนถูกลง เอามาจัดโปรโมชั่น ดึงลูกค้าเข้าร้าน ทำเฉพาะบางรายการ ที่มองว่า น่าจะขายดี ซึ่งชุดโปรโมชั่นคุณอาจจะกำไรน้อยมาก แต่เมื่อลูกค้าเข้ามา คุณสามารถชวนลูกค้าซื้อสินค้าตัวอื่นๆ ที่คุณมีกำไรได้ค่ะ นอกจากนั้น เมื่อลูกค้าที่ไม่เคยเข้ามา ได้ลองใช้บริการ (ที่ดีมากๆ) ของคุณ ก็จะติดใจและกลายเป็นลูกค้าประจำ พร้อมทั้งแนะนำลูกค้าใหม่ๆ มาด้วยค่ะ - เริ่มต้นคุณต้องลงไปขลุก พูดคุยกับลูกค้าให้มากๆ สร้างความคุ้นเคย สนิทสนม ให้ความสำคัญกับลูกค้า เราถึงกับจดลักษณะ นิสัย ความสนใจ อาชีพ เรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับลูกค้าแต่ละคนไว้ คราวหน้า เมื่อเขามาอีก เราทักเขา เขาจะรู้สึกประทับใจที่เราจำเขาได้ เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งค่ะ - ของแถม ก็เป็นกลยุทธ์ที่ได้ผลค่ะ อะไรที่คุณมีต้นทุนต่ำ เอามาแถมได้ ลองดูนะคะ เช่น ถ้าซื้อสินค้าตัวนี้ (ซึ่งคุณพอมีกำไร) แถมตัวนี้ (ซึ่งต้นทุนคุณต่ำ) หรือ ถ้าซื้อสินค้าตัวนี้ สามารถซื้อสินค้าอีกตัวนึงได้ครึ่งราคา ฯลฯ - เรามักจะปัดเศษทิ้ง ให้ลูกค้า ลดให้นิดๆหน่อยๆ ลูกค้าชอบค่ะ รู้สึกว่าเราเป็นกันเอง สถานการณ์ของคุณเหมือนเราตอนเริ่มกิจการใหม่ๆ เปี๊ยบ ตอนนี้เราเข้าปีที่สองแล้ว ลูกค้าติดมากขึ้น มาเรื่อยๆ ซึมๆ แนะนำกันมาปากต่อปาก เจ้าใหญ่ก็ไม่ค่อยรู้สึกตัว เพราะวิธีของเราไม่กระโตกกระตาก ตอนนี้ดึงลูกค้าจากเจ้าใหญ่ได้พอสมควร ลูกค้าใหม่ๆ นอกพื้นที่ก็มาก เพราะเค้าแนะนำกันมา ต้นทุนสินค้าก็ถูกลงเรื่อยๆ เพราะสั่งของครั้งละมากๆ ได้ ของบางอย่างปรับราคาขึ้นมาบ้าง ลูกค้าก็ไม่ว่าอะไร เพราะติดใจบริการซะแล้ว จากคุณ : ณัฏฐา - [ 15 ก.ย. 49 13:38:35 ]

ความคิดเห็นที่ 19 สนับสนุน ความคิดเห็นที่ 15 "ธุรกิจ" ไม่มีมิตรแท้และศรัตรูถาวร ถ้าเราจะสู้ต้องสู้แบบกลยุทธิ์ทางธุรกิจจริงๆ อย่าทำให้ตลาดเสีย ถ้าคุณเล่นกับตลาด แล้วทำให้ฐานตลาดส่วนใหญ่เขาเสีย ถ้าคุณรุ่งหรือกำลังรุ่ง เขาจะรวมตัวกันต่อต้านคุณ หรือดันคุณออกตลาดนั้นๆ ผมมองว่าคุณน่าจะจับตลาดระดับล้างก่อน เพราะบริษัทใหญ่ๆ เขาคงไม่จับตลาดระดับล้าง (ลูกค้าที่มีเงินน้อย) แล้วค่อยๆ ขยับตัวขึ้นตามความเจริญเติบโตของคุณ สินค้าคุณภาพเท่ากัน ราคาไม่ต่างกัน แต่ถ้าเราเหนือเรื่องการบริการ ผมว่าผมยอมจ่ายครับ ขอให้โชคดีครับ และประสบผลสำเร็จในธุรกิจครับ จากคุณ : แกะแดง - [ 15 ก.ย. 49 15:29:28 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เห็นด้วยกับ คห.16 นะครับ ว่าของทุกอย่างก็มีข้อดีข้อเสีย ได้เปรียบเสียเปรียบตลอด บริษัทใหญ่ รายใหญ่ หน้าเก่าเขาก็มีข้อได้เปรียบเราบางเรื่องแต่บางเรื่องก็สู้เราไม่ได้ ช้างยังแพ้มด ในบางเรื่อง ราชสีห์ยังแพ้หนู ในบางโอกาส ครับ สถานการณ์ หรือสภาพแวดล้อมจะเป็นตัวกำหนดความได้เปรียบเสียเปรียบครับ แต่ปกติแล้ว เจ้าใหญ่ เขาจะเป็นผู้ควบคุมตลาด สภาพแวดล้อมเสียเอง เราจึงรู้สึกว่าเสียเปรียบตลอด เราก็อย่าไปเล่นในสภาพแวดล้อมเดิมๆ ที่เขาสร้างขึ้นมาซีครับ เราต้องหาสถานการณ์ใหม่ๆ อื่นๆ มาเล่นให้เขานึกไม่ถึง หรือรู้สึกไม่น่าสนใจ กว่าจะรู้ตัว เราก็ครอบครองใจตลาดไปแล้วครับ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราเปิดร้านขายของชำ จะให้ชนะเซเว่น ร้านข้างๆ ต้องทำอย่างไร เช่น - ขายของด้วยบรรยาการเป็นกันเอง ยิ้มแย้มคุยกันเหมือนญาติมิตร - รับสั่งจองสินค้าได้ สำหรับสินค้าบางตัวที่เซเว่นไม่มี - บริการส่งสินค้าให้ถึงบ้าน พร้อมให้เครดิตด้วยวงเงินที่จำกัด - รับสั่งของทางโทรศัพท์ ลดราคาให้ตามจำนวนที่ลูกค้าซื้อ - รับคืนสินค้าที่เสื่อมคุณภาพ หรือลูกค้าซื้อผิดชนิดไป โดยคงสภาพเดิมได้ แค่นี้ เซเว่นก็เสร็จเราครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 15 ก.ย. 49 16:52:13 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณทุกท่านครับ เข้ามาบอกว่า ก็แวะมาอ่านบ่อยๆครับ จากคุณ : โชว์ จน ห่วย - [ 16 ก.ย. 49 08:59:39 A:125.25.157.137 X: TicketID:064373 ]

ความคิดเห็นที่ 22 อืมมมมมม  ผมยังยืนยันการลดราคาในช่วงแนะนำสินค้านะ    เพราะคุณเป็นเจ้าใหม่แล้วไปวางระดับสินค้าเดียวกับเจ้าเก่าเนี่ย   ผมว่าคุณก็เสียเปรียบทางตลาดแล้ว   เพราะคุณเองก็มีปัญหาด้านยอดขายด้วยไม่ใช่เหรอครับ??? อันที่จริง  ของจะขายในตลาดได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นสินค้าที่คุณภาพดีที่สุด   คุณอาจจะวางตำแหน่งสินค้าคุณในระดับที่ต่ำลงมา  และราคาก็อยู่ในระดับสมเหตุสมผล จุดขายของคุณ อาจจะไม่ใช่สินค้าที่ดีที่สุดในตลาด (ที่มีราคาสูง) แต่อาจจะเป็นสินค้าที่ไม่ใช่คุณภาพดีเลิศ แต่ได้มาตรฐาน และราคาสมเหตุสมผล (ที่ต่ำกว่าเขา) การสร้างคุณภาพสินค้ามีหลายวิธีครับ   แต่แบ่งได้ใหญ่ๆ อยู่สองแบบ คือ 1. การเพิ่มคุณภาพโดยใช้วัตถุดิบคุณภาพสูง   วัตถุดิบชั้นดี   ซึ่งการจะได้วัตถุดิบชั้นดีก็มาจากการจ่ายเงินซื้อวัตถุดิบชั้นเลิศ  ในราคาสูง 2. การเพิ่มคุณภาพสินค้า  โดยใช้การผลิตที่ละเอียด   มาจากทักษะการผลิตที่ดี  ซึ่งผลงานตรงนี้ จะมาจากฝีมือการคุมงานของคุณ  คุณจะสามารถเพิ่มคุณภาพสินค้าได้โดยไม่ต้องเพิ่มเงินสักบาท   แต่สิ่งที่คุณต้องมีคือการทุ่มเทในการควบคุมการผลิต   และการใฝ่หาวิธีการเพิ่มคุณภาพโดยใช้ทักษะการผลิตอยู่อย่างไม่หยุดนิ่ง ที่ผมแนะนำคือ   การเพิ่มคุณภาพในวิธีที่สอง ที่คุณอาจจะเบียดเจ้าเก่าได้   คุณอาจจะไปหาซัพพลายเออร์เจ้าใหม่  ที่คุณภาพของวัตถุดิบ อาจจะไม่ดีเลิศเท่าซัพพลายเออร์เจ้าเก่าที่คุณใช้อยู่ทุกวันนี้   สินค้าของคุณคุณภาพอาจจะไม่ดีเท่าเจ้าเก่า  แต่ก็ไม่ได้คุณภาพต่ำจนเป็นขยะ  เพราะคุณใช้จุดขาย "คุณภาพสมราคา"   ใช้ราคาที่ต่ำกว่า  ใช้ระดับสินค้าที่อยู่คนละจุดกับเจ้าเก่า  กินพื้นที่ส่วนแบ่งตลาดที่เจ้าเก่าไม่ครอบคลุมถึงครับ ที่ผมแนะนำให้ลดราคาสินค้า ไม่ได้ให้ไปตัดราคาแย่งลูกค้าจากเจ้าเก่าครับ   แต่ผมดูแล้วคุณไม่สามารถตั้งระดับสินค้าไว้ ณ จุดเดียวกับเจ้าเก่าได้  เพราะเท่ากับว่าคุณลงสนามรบไปพันตูกับทัพที่มีทั้งประสบการณ์และความสามารถเหนือกว่าคุณหลายขุมครับ   โอกาสชนะน้อย  โอกาสแพ้มาก สุดท้าย  คุณทำถูกแล้วครับที่ไม่เปิดเผยรายละเอียดของธุรกิจคุณเองให้คนอื่นฟัง  การเก็บความลับทางธุรกิจเป็นจุดสำคัญอย่างหนึ่งครับ จากคุณ : สิงห์เหนือ...เสือสำอาง - [ 16 ก.ย. 49 10:50:02 ]

ความคิดเห็นที่ 23 บางคนอาจจะบอกว่าเจ้าเก่ามีจุดอ่อน   แต่ผมแนะนำว่า ให้เลี่ยงอย่าไปแย่งตลาดเดียวกับเจ้าเก่าครับ เจ้าเก่ามีประสบการณ์การทำธุรกิจมายี่สิบปี  ความรอบรู้ในการผลิต คอนเนคชั่นกับคู่ค้าทั้งลูกค้า  ซัพพลายเออร์  ตลอดจนชื่อเสียงที่มีมายาวนาน   และที่สำคัญ  ผมเชื่อว่าระบบงานของเจ้าเก่าเข้มแข็ง ไม่เช่นนั้นไม่สามารถอยู่ได้ 20 ปีหรอกครับ   เทียบกับเค้าแล้ว  ถึงไม่เอาเงินทุนมาเป็นตัวเปรียบ  คุณก็คือไก่อ่อนในสายตาเค้าเท่านั้นครับ เล่นคนละตลาดกับเค้า ดีที่สุดครับ   ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไร  ดูอีกครั้งครับผม จากคุณ : สิงห์เหนือ...เสือสำอาง - [ 16 ก.ย. 49 11:00:02 ]

ความคิดเห็นที่ 24 หลบตึกไม่เป็นเหรอ จากคุณ : แมว มหาภัย - [ 16 ก.ย. 49 13:43:38 ]

ความคิดเห็นที่ 25 การหลีกเลี้ยงสงครามมีแต่จะทำให้ศัตรูเข้มแข็งขึ้น และ เราอ่อนแอลง     จริงอยู่  แต่เราเลือก  สงครามที่มันชนะง่ายๆ หรือ มีโอกาสชนะมากกว่านี้  คุณก็จะเหนื่อยน้อยกว่านี้     ผมไม่รู้ว่าคุณมีความจำเป็นอะไรที่ต้องลงสู้ในธุรกิจที่มีเจ้าใหญ่ยืนคุมเชิงอยู่แล้ว จากคุณ : แมว มหาภัย - [ 16 ก.ย. 49 13:52:09 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เพราะไม่รู้ว่าขายอะไร เลยวิเคราะห์ฐานลูกค้าและลักษณะนิสัยของลูกค้าไม่ได้ (ไม่ต้องบอกหรอกครับ แบบนี้แหละดีแล้ว) ผมไม่ได้มองที่ราคาขายของคุณเลย เพราะปัญหาคุณมันอยู่ที่ต้นทุนต่างหาก 1. ทำยังไงต้นทุนถึงจะห่างกันน้อยกว่านี้ ตอนนี้ต่างกันยี่สิบบาทกว่า (สิบกว่า%) มันเกินจะแข่งขันกันแล้ว 2. เพิ่มฐานลูกค้า ?? วิเคราะห์เอาจากลักษณะของสินค้าคุณเอง ผมม่ายรู้ ถ้าบอกว่าสายป่านยาวพอจะขาดทุนได้อีกเป็นปี ลองกัดฟันสู้ ด้วยการเอาเงินทุนที่มี มาต่อรอง supplier เพื่อต้นทุนวัตถุดิบที่ต่ำลง (ซื้อ big lot หรือ ทำสัญญาซื้อระยะยาว) อาจได้ต้นทุนต่ำลงจนแข่งขันได้ถนัด หรืออาจจมทุนตาย แต่ก็ดีกว่า ขาดทุนครบปี แล้วก็เลิกกิจการนะ อย่างน้อยยังเหลือสินค้าไว้ถล่มตลาดเล่นๆ (เอามันส์) ถ้าต้องมีการนำวัตถุดิบมาแปรรูป ลองหากรรมวิธีที่ลดต้นทุนได้มากที่สุด ผลิตได้เร็วที่สุด คุณภาพสูงที่สุด ถ้าคุณถือครองเทคโนโลยีที่ว่าได้ คุณจะถล่มตลาดเล่นแค่ไหน ก็ไม่มีใครต้านได้ เพราะด้วย margin ที่เท่ากัน คุณขายราคาต่ำกว่าได้ (อย่าคิดว่าไม่มีทาง เพราะถ้าคิดแบบนั้น ทุกอย่างก็จบ) เมื่อต้นทุนอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน กิจการที่เล็กกว่าจะได้เปรียบ เพราะมี fix cost ที่ต่ำกว่า และมีความคล่องตัวในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์มากกว่า ขอให้โชคดีเด้อ... จากคุณ : Jiang wei - [ 16 ก.ย. 49 18:50:02 ]

ความคิดเห็นที่ 27 - ก่อนตอบ ขอบอก จขกท ว่า อ่านแต่ คห อื่นๆ ยกเว้น ของ คุณ สิงห์ เถอะ ไม่รู้ชื่อเสีย. ของเขาบ้างหรือไง - เนื่องจากไม่รู้ธุรกิจคุณ จึงไม่ฟันธงนะ แต่ จะเอากรณีของตัวเองมาบอกให้อ่านเล่นคือ * เราขายของโดยมาทีหลัง รายใหญ่ทุนหนาหลายราย และต้นทุนเราก็แพงกว่าอย่างไม่มีทางเลือกด้วย แต่ในเมื่อมันเป็นอย่างนี้ สิ่งที่เราทำคือ มุ่งไปที่ลูกค้าคนละกลุ่ม ซึ่งอาจมีบางส่วนทับซ้อนกันบ้าง แต่เราปล่อยให้เขาขายไปที่ "คนเน้นของถูก คุณภาพไม่ดี ความสะดวกต่ำ ความไว้วางใจต่ำ" ส่วนเรา จับไปที่ "คนพร้อมจ่าย ไม่เกี่ยงค่าบริการ และค่าสินค้า เน้นความสะดวกและคุณภาพสินค้าเป็นหลัก" นอกจากนั้น เราจะไม่ลดราคาโดยใช้อารมณ์ส่วนตัว แต่จะเน้นความเสมอภาคไม่ให้ลูกค้าคนไหนมารู้ทีหลังแล้วรู้สึกไม่ดี *แต่การค้าเรามันอาจจะเล็กกว่า จขกท ขายนะ ยังไงถ้ามันไม่มีประโยชน์อะไร ก็ขอเป็นกำลังใจให้นะจ๊ะ จากคุณ : วัตถุดิบดี - [ 16 ก.ย. 49 19:58:41 A:203.113.36.8 X: TicketID:113054 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ว้าว คคห.เรามีอิธิพลขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย อื้อ   ถึงจขกท.นะฮับ  เรื่องที่ซัพพลายเออร์ให้ราคาวัตถุดิบสูงกว่าเจ้าเก่า  ก็เพราะคุณมีอำนาจต่อรองน้อย   คุณจะสร้างอำนาจต่อรองได้ก็ต่อเมื่อ  คุณมียอดซื้อจำนวนมาก   และการที่คุณจะมียอดซื้อจำนวนมากได้  ไม่ได้เกิดมาแค่ล็อตซื้อแค่ล็อตเดียว  แต่คุณต้องมียอดซื้อที่สม่ำเสมอ   จนถึงขนาดที่ว่า  ซัพพลายเออร์ต้องง้อคุณ นั่คือประการแรก  และคุณต้องรู้จักต่อรองกับซัพพลายเออร์ให้เป็นด้วย ไม่รู้แฮะ   เพราะว่าเรื่องที่คุณเป็น ผมเคยเจอมาแล้วอ่ะ  และผมก็ใช้วิธีที่ผมเล่าให้คุณฟังนี่แหละ   ลดราคาลง เพื่อเพิ่มยอดขาย  เมื่อมียอดขายที่สูงสม่ำเสมอ  ตอนนั้นเราก็มีอำนาจต่อรองกับซัพพลายเออร์ได้  ถึงเวลาเขามายื่นข้อเสนอลดราคาให้โดยที่ผมไม่ต้องพูดด้วยซ้ำ  ทำยังไงน่ะเหรอ   ก็แค่หันไปสั่งเจ้าอื่นที่คุณภาพต่ำกว่าซักเดือนสองเดือน  ซัพพลายเออร์ที่ขายของแพงก็แจ้นมาหาแล้ว  แต่ตอนนั้น  ยอดขายผมมีจำนวนมากด้วยนะ เรื่องคุณภาพสินค้าผมไม่กลัวครับ   เพราะผมมั่นใจฝีมือการคุมงานของผมน่ะ.....การเพิ่มคุณภาพ ไม่ได้มาจากการใช้วัตถุดิบราคาแพงอย่างเดียว ในความเห็นผม  เพิ่มยอดขายให้ได้ก่อนครับ แล้วอะไรๆมันจะง่ายขึ้นเอง   ถึงคุณมีต้นทุนเท่ากับเจ้าใหญ่  แต่คุณขายของไม่ได้ คุณก็มีมาร์จิ้นมาหลอกตัวเองกับสต๊อกจมร้านไว้เฉยๆ นี่คือความเห็นผมเท่านั้นนะ  จะเลือกเชื่ออะไรก็แล้วแต่คุณจะเลือก   ผมก็ได้แค่บอกตามประสบการณ์ที่ผมเจอมาเท่านั้น     ลองเก็บไปพิจารณาดู  หลักธุรกิจต้องพลิกแพลงตามสถาณการณ์  ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว   จริงๆ รายละเอียดทางธุรกิจคุณอาจจะไม่เอื้อกับวิธีการที่ผมแนะนำก็ได้   คุณรู้ดีเองที่สุดว่าควรจะทำอย่างไร ลองไปดูนะครับ   อย่าลืมว่าถึงเวลาเจ๊ง  คุณเจ๊งคนเดียวไม่มีคนแนะนำคนไหนไปช่วยเจ๊งกับคุณด้วย จากคุณ : สิงห์เหนือ...เสือสำอาง - [ 17 ก.ย. 49 02:02:55 ]

ความคิดเห็นที่ 29 :) คุณสิงห์ครับ วิธีของคุณก็เป็นวิธีที่ดีอย่างหนึ่ง แต่เพราะเป็นเรื่องของตลาด และเรา (ทุกๆคนที่ตอบกระทู้นี้) ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสินค้าของคุณ จขกท. เป็นอะไร ผมเลยจำเป็นต้องเสนอแต่วิธีจัดการภายใน ส่วนภายนอกไม่อยากคาดเดาให้เสียเวลา อย่างที่บอกว่าต้องอ่านให้ขาดว่า behavior ของลูกค้าเป็นอย่างไร เราจะเอาวิธีของการขาย กาแฟสด ไปใช้กับ การขายอะไหล่รถ คงไม่ได้ คงคุยได้แต่เรื่องคร่าวๆ ไปฟันธงคงไม่ไหว สินค้าของผมบางอย่าง ทั้งที่ผมเป็นเจ้าใหม่ แต่ขายแพงกว่าชาวบ้านเกือบเท่าตัว เพราะมั่นใจในคุณภาพ และวิเคราะห์ปัญหาของการใช้งานเดิมมาเป็นอย่างดี ก็อย่างที่ว่า ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวจริงๆ :) กระทู้นี้ดีจริงๆ ได้ข้อคิดมากมาย คงเพราะคุณสิงห์ฯพูดจารู้เรื่องแล้วมั๊ง 555 (แซวเล่นนา) โชคดีทุกท่านครับ (ขออภัย พิมพ์ผิดบ่อย) แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 49 16:50:43 แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 49 16:49:41 จากคุณ : Jiang wei - [ 17 ก.ย. 49 16:49:04 ]

ความคิดเห็นที่ 30 สุดท้ายคุณ จขกท. ต้องเลือกเองครับ---- อย่างที่ทุกคนบอก ผลสุดท้านคุณคือผู้ตัดสินชีวิตของตนเอง ขอฝากนิดครับ 1.กล้า---อย่างฉานฉลาด 2.อดทน---อย่างมีสติ 3.ปล่อยวาง---อย่างสง่างาม อย่างที่ทุกๆ คนพูดครับ "ธุรกิจ" ไม่มีสูตรสำเร็จ พลิกแพลงไปตามสถานการณ์และตามวิสัยทัศของผู้บริหาร ขอให้คุณประสบความสำเร็จในธุรกิจครับ จากคุณ : แกะแดง - [ 18 ก.ย. 49 11:50:23 ]

ความคิดเห็นที่ 31 -"จุดอ่อนแรก  คือ  การที่เจ้าของให้คนไปวิ่ง  ซึ่งเซล(คนวิ่ง)ยังไงก็บริการดีสู้ตัวเจ้าของเองไม่ได้" บ.อื่นๆ เจ้าของก็ไม่ได้วิ่งเอง เราต้องรู้จักใช้คนถ้าคิดจะโต อย่าทำอะไรด้วยตัวเองทั้งหมด -"เพราะบริษัทใหญ่ๆ เขาคงไม่จับตลาดระดับล้าง" แล้ว McDonald's  นี่ตลาดล่างป่าว NokAir, SouthWest Airline, Ibis hotel ที่พูดๆมา Lowcost ทั้งนั้น มันก็ทำกำไรกันไม่รู้เท่าไหร่แล้ว อย่ามองว่าของราคาต่ำ ตลาดล่างจะทำกำไรไม่ได้ครับ -มันขึ้นอยู่กับว่าสินค้านั้นคืออะไร มากกว่า ถึงจะมาตอบกันได้จริงๆ เพราะenvironment แต่ละสินค้าต่างกัน สินค้าแบบเดียวกันแต่ละclass ยังใช้กลยุทธ์ ต่างกันเลย อยากได้ความเห็นจริงจัง ต้องบอกรายละเอียดครับ จากคุณ : boyboy72 - [ 19 ก.ย. 49 17:13:53 ]