PANTIP.COM : B4722167 +++ไทยประกัน ...โทรมาเรียกไปสัมภาษณ์ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้สมัครไป+++ [งานและทรัพยากรบุคคล]

ความคิดเห็นที่ 9

เราก็เคยโดนเขาหลอกประมาณ 4 เดือนที่แล้ว ที่สาขาศาลาแดง ข้างๆดุสิตธานีเนี่ยล่ะค่ะ

เรื่องมันยาวอยู่ เพราะเราไปสัมภาษณ์ แล้วก็อบรมกับเขาเบ็ดเสร็จเกือบ 3อาทิตย์!!! ยังไงจะพยายามเล่าแบบย่อหน่อยละกัน แล้วก็ขอโทษล่วงหน้าถ้าเราจะใช้ที่ตรงนี้ระบายความเจ็บใจของเราบ้างเล็กน้อย

เขาไปได้รายชื่อมาจากทางเวบสมัครงานหลายๆที่ และจากสำนักจัดหางานของกรมแรงงาน (ของเราไปขึ้นทะเบียนหรณีว่างงานทดแทนไว้) แล้วคนที่โทรมาก็จะใช้ตำแหน่งหน.ศูนย์ หรืองานทางด้านบริหาร งานบุคคลพวกนี้มาล่อคนไปสัมภาษณ์ค่ะ เราก็ถามแล้วถามอีกว่าไม่ใช่งานขายประกันนะ? เขาก็จะยืนยันว่าไม่ใช่ๆ จนเราไปอบรมอาทิตย์ที่ 2 ถึงได้รู้แจ้ง....(เขาจะบอกว่าตำแหน่งนี้จะต้องอบรมกับบริษัทก่อน จะได้มีความรู้เกี่ยวกับสินค้าของบริษัท และนำไปใช้แนะนำตัวแทนได้)

อาจเป็นเพราะเราเป็นคนหัวอ่อน เชื่อคนง่ายด้วย เพราะบางคนเขาก็รู้ ตั้งแต่ไปอบรม 1-2 วันแรก ส่วนคนที่ยังอยู่ต่อเป็นไงรู้ไหม? (อันนี้เราถามมาจากคนที่เขาเข้ามาก่อนเราอีกทีนะ) เขาก็ต้องหาลูกค้ามาซึ้อประกัน เพื่อเลื่อนตำแหน่งจากตัวแทน เป็นหัวหน้าหน่วย หัวหน้าศูนย์ และผู้จัดการขึ้นไปเรื่อยๆ ซึ่งจะต้องมีการทำยอด เพื่อให้ได้คอมมิชชั่น และรักษาตำแหน่งไว้ ทั้งนี้ถ้าไม่ขายเองก็ต้องสร้างทีมงานมาขายไปเรื่อยๆ เพื่อให้ยอดรวมของสาย ได้ตามเป้าหมายนั่นแหล่ะ แล้วทีนี้พวกที่ได้ขึ้นตำแหน่งก็จะโทรหาทีมงานต่อๆไป อย่างที่เราเจอเนี่ยล่ะ

เราเซ็งจริงๆนะ ไม่ใช่เพราะโดนหลอก แต่เพราะเรารู้สึกว่าระบบที่เขาใช้มันห่วยแตก และทำลายชื่อเสียงบริษัทเขาเองด้วย ในส่วนนี้เราไม่แน่ใจว่าเป็นระบบของแต่ละสายงาน หรือเป็นระบบของบริษัทเขา?

เราก็เลยไปคุยกับญาติเราที่เป็นตัวแทนของ เอ.ไอ.เอ. เขาบอกว่าระบบในเมืองไทยก็เป็นแบบนี้เกือบทุกบริษัทเพราะถ้าชวนคนมาทำงานประกันตรงๆก็ไม่มีใครอยากมาทำ เพราะคนไทยยังไม่เห็นความสำคัญของการทำประกันชีวิต ไม่เหมือนปท.ที่เจริญแล้วอย่างญี่ปุ่น กับอเมริกา ที่ทุกคนเขาทำประกันกันคนละ 2-3 ฉบับ เห็นด้วยอย่างเราไหมว่าก็เพราะการขายที่ประเทศไทยของเรามันไม่โปร่งใสกันตั้งแต่เริ่มต้น แล้วก็วกวนไปมาอย่างนี้ไงล่ะ คนส่วนมากเขาเลยกลัวคนขายประกัน แล้วพลอยไม่อยากทำประกันชีวิตกันด้วย เราก็ไม่รู้หรอกนะว่าระบบการขายที่ตปท.เขาทำกันยังไง?

ก่อนจบขอชี้แจงว่าเราไม่ได้เกลียดประกันนะ ตรงกันข้ามด้วยซ้ำ จากที่เราได้ไปเสียเวลาไปอบรมเกี่ยวกับประกันที่บริษัทนี้มา อย่างน้อยก็ไม่ใช่ว่าเราจะไม่ได้อะไรเลยซะทีเดียว เราได้รู้เรื่องการทำประกันชีวิตมากขึ้น และเห็นว่าตัวประกันเองจริงๆเป็นสิ่งที่ดีมีประโยชน์ ใช้ไปลดหย่อนภาษีได้ด้วย เราก็เลยซื้อประกันให้ตัวเอง 1 ฉบับ ซื้อกับญาติเรานั่นแหล่ะ แป่ว........

สุดท้ายจริงๆ ก็ขอยืนยันว่าที่เล่าให้ฟังเป็นประสบการณ์จริงของเรา ที่อยากแชร์ให้คนอื่นๆได้รู้ ใครที่บริษัทประกันโทรมาตามไปสัมภาษณ์งานทั้งที่ไม่ได้สมัครไว้ ก้ฟันธงได้เลยว่าเป็นงานที่จะต้องขายด้วยแน่ๆ แล้วใครจะตัดสินใจซื้อประกัน ก็ให้ตัวแทนหรือพนง.ที่เคาน์เตอร์แบงก์ก็ตาม อธิบายประโยชน์ให้เราเข้าใจและเห็นคุณค่าของมันจริงๆ อย่าไปสนับสนุนพวกคนขาย ที่ใช้แต่ลูกตื๊อ หรือทำให้เราเกรงใจ อาศัยมาบ่อยๆ หรือเอาข้าวของ ขนมนมเนยมาฝากอะไรทำนองนั้น เพราะเราอาจจะไม่ได้ของที่มันเป็นประโยชน์กับเราจริงๆ แล้วพวกคนขายแบบนี้ก็จะไม่พัฒนากันเสียที ตูละหน่าย.............

จากคุณ : ติ๊ดตู่ - [ 19 ก.ย. 49 02:58:01 A:221.128.106.85 X: ]

ความคิดเห็นที่ 14

มันอาจยาวไปหน่อย ขออภัยนะคะ อัดอั้นกับความไม่รู้ของคนส่วนมากเหลือเกิน

อ่านแล้วจะหลังไมค์มาด่ากันก็ได้ไม่ว่ากัน แต่ด่าแล้วขอความกรุณาไปศึกษาเกี่ยวกับการประกันชีวิตสักนิด แล้วจะเห็นความสำคัญของมันมากมายทีเดียว

-----------------------------------------------

บริษัทนี้โทรมาหาเราตั้งแต่เริ่มเรียนจบใหม่ ๆ จนเวลาผ่านมา 6 เดือนก็ยังไม่มีงานทำ ....T_T

ล่าสุดก็โทรมาอีก เลยตัดสินใจไปสัมภาษณ์เพราะอยากรู้ว่ามันเป็นอะไรกันแน่....ตอนนี้การอบรมสัปดาห์แรกผ่านไป เราได้เรียนรู้อะไรอีกหลาย ๆ อย่าง ได้เห็นระบบงานที่สามารถขึ้นสู่ผู้บริหารระดับสูงได้โดยที่ไม่ต้องรอให้ลาออกหรือปลดเกษียณ .....อันนี้ชอบมาก ....

ถ้ามีงาน 2 ประเภทให้เลือก จะเลือกแบบไหน
1. เขาให้ทำอะไรก็ต้องทำ จะมากมายแค่ไหนก็ต้องทำ ได้เงินเท่าเดิม ไม่ว่างานจะมากแค่ไหนก็ตาม
2. งานที่ทำน้อยได้น้อย ทำมากได้มาก

ยอมรับว่าทุกอาชีพมีโอกาสก้าวหน้า แต่ความมากน้อยของโอกาสต่างกัน

รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าต้องขายเพื่อให้มีคอมมิชชั่นตามเป้าแล้วจะได้เลื่อนขึ้นเป็นหัวหน้าหน่วย ซึ่งต่อไปเราจะขายหรือไม่ขายก็ได้ แต่เราต้องบริหารคนที่เข้ามาใหม่ให้มีผลงาน ให้รู้จักวิธีการทำงาน ให้เขาได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น ซึ่งมันก็จะทำให้เรามีรายได้ โดยที่ไม่ต้องขายประกัน

แล้วรายได้ที่เราได้ มาจากไหน? ...คำตอบก็คือ รายได้ที่มาจากการบริหารคนที่เป็นทีมงานของเรา แล้วเราเป็นตัวแทนหรือเปล่า? คำตอบก็คือเปล่า เราเป็นผู้บริหารต่างหาก

ที่เขาบอกเราตอนโทรมา เขาก็ไม่ได้โกหก เราทำงานด้านบุคคลจริง ๆ เราขึ้นมาเป็นที่ปรึกษาจริง ๆ เราได้ขึ้นมาเป็นผู้บริหารจริง ๆ แต่คนที่จะเป็นผู้บริหารได้ จะต้องเรียนรู้กระบวนการการทำงานทั้งหมด ต้องมีประสบการณ์ จึงจะสามารถขึ้นมาเป็นผู้บริหารได้ จะขึ้นมาเป็นผู้บริหารโดยที่ไม่รู้อะไรเลยไม่ได้ เราเลยต้องเริ่มที่ตัวแทน เพื่อเรียนรู้การทำงาน มีพี่เลี้ยงให้คำปรึกษา นั่นคือการแชร์ประสบการณ์

มันอาจฟังดูแปลก ๆ ไม่เหมือนชาวบ้าน เพราะเรากำลังติดอยู่กับคำว่า "ใครๆ เขาก็ทำกัน" ทำเหมือนชีวิตมีสูตรสำเร็จ ใคร ๆ ก็เดินมาทางเดียวกันหมด แล้วก็เป็นเหมือนกันหมดทั้งประเทศ เพราะอะไรถึงไม่คิดให้ต่างออกไปบ้าง

ตอนนี้ตัดสินใจที่จะทำตรงนี้จริงจัง คนอื่นเขาทำได้ เราก็ทำได้เหมือนกัน ไม่ได้ถามใครว่าทำดีมั้ย เชื่อว่าคนร้อยคน ปฏิเสธงานนี้หมด แต่ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับตัวเรา ไม่ต้องถามคนอื่น เพราะคนอื่นไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรา ตัวเราเป็นคนได้รับข้อมูลมา ในขณะที่คนอื่นไม่ได้รับข้อมูลมา ตัวเราเท่านั้นที่ตัดสินใจได้ ถ้าจะผิดก็ผิดเพราะตัวเราเอง ไม่ต้องไปโทษใคร

บริษัทไทยประกันชีวิต เป็นบริษัทของคนไทย 100% เพียงบริษัทเดียวเท่านั้น ก่อตั้งเพื่อคนไทยโดยแท้

บริษัทไทยประกันชีวิต มีความมั่นคงทางการเงินเทียบเท่า ปตท. และ กฟผ.

บริษัทไทยประกันชีวิต ได้รับรางวัล The Internation Business Award ณ ประเทศอเมริกา

ได้รับเกียรติบัตร Superbrands จาก Superbrand Internation ของประเทศอังกฤษ โดยจัดอันดับให้ไทยประกันชีวิตเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งที่มีการตลาดแข็งแกร่ง มีการดำเนินงานที่โดดเด่น

ได้รับรางวัลสุดยอดบริษัทประกันชีวิตแห่งปี 2004 นับเป็นบริษัทประกันชีวิตเพียงแห่งเดียวที่ได้รับรางวัลนี้ จากบริษัทที่อยู่ในเกณฑ์การพิจารณากว่า 500 ประเทศทั่วโลก

....แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอที่จะสามารถยอมรับได้ว่า บริษัทไทยประกันชีวิต มีความน่าเชื่อถือ มีการบริหารงานที่ดี....
คนไทยอาจจะไม่ยอมรับแบรนด์ของคนไทยเอง แต่ต่างชาติกลับยอมรับแบรนด์ของคนไทย....มันก็น่าแปลกนะ

คนส่วนหนึ่งชอบอะไรที่เป็นญี่ปุ่น เทรนด์ยี่ปุ่นมาแรงตลอด เลียนแบบได้ตลอด แล้วรู้หรือเปล่าว่า คนญี่ปุ่นทำประกันชีวิตกัน 300 % นั่นหมายความว่า คน 1 คน มีกรรมธรรม์ 3 ฉบับ
เราเคยถามเพื่อนที่เป็นชาวญี่ปุ่นว่า เป็นอย่างนี้จริงหรือเปล่า เขาบอกว่าจริง เราเลยถามต่อว่าคิดอะไรถึงทำกันมากขนาดนี้ เขาบอกว่า "ก็ทำไว้ ถ้าไม่ตายก่อนก็รวย แต่ถ้าตายก่อน คนข้างหลังก็รวย"

คนไทยทำประกันชีวิต 18 % แล้วอีก 82 % ล่ะ ขนาดซื้อ ทีวี ตู้เย็น ไมโครเวฟ โทรศัพท์มือถือ เครื่องซักผ้า ........เรายังขอใบรับประกันเลย แล้วเพราะอะไร กับชีวิตที่เป็นของเราถึงไม่มีการรับประกันใด ๆ

จากคุณ : ประกายตา - [ 23 ก.ย. 49 01:14:06 ]