คิดเชิงบวก พอหรือไม่ ในยุคนี้
คอลัมน์ การบริหารงานและการจัดการ
โดย มิชิตา จำปาเทศ รอดวิสุทธิ์
เดี๋ยวนี้เราจะเห็นคนพูดถึง การคิดเชิงบวกหรือ positive thinking กันมาก เป็นแนวคิดที่ช่วยให้เรามีความสุขได้ง่ายๆ แม้อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่น่าภิรมย์นัก เพราะเราสามารถหาด้านบวก หรือเรื่องดีๆ จากเหตุการณ์ร้ายเหล่านั้นได้ การมองโลกในแง่บวกยังเป็นวิธีที่ทำให้เรามองส่วนดีของผู้อื่นด้วย ไม่ใช่เห็นแต่จุดด้อยของผู้อื่น ทำให้เราเข้าใจคนอื่นได้รอบด้านยิ่งขึ้น และไม่รู้สึกอคติเกินไปกับคนคนนั้น ผู้เขียนเคยให้ภาพกว้างๆ กับที่หนึ่งในการจะคิดเชิงบวกให้สำเร็จ มีองค์ประกอบ คือ 1.ความเข้าใจว่าอะไรคือการคิดบวก 2.ความชำนาญในการเตือนตัวเองให้คิดบวก 3.พฤติกรรมที่น่าจะเป็นของคนคิดบวก 4.สภาพทั่วไปที่เอื้อต่อการคิดบวก
1.ความเข้าใจว่าอะไรคือการคิดบวก ถ้าจะบอกว่าคิดบวกก็คือ "คิดไม่ลบ" ก็ดูจะเป็นกำปั้นทุบดินเหมือนกัน แต่โดยความเห็นของผู้เขียนคิดว่าครบถ้วนกระบวนความเลยล่ะค่ะ คิดไม่ลบนี่รวมทั้งคิดเรื่องทางบวก และการคิดเรื่องกลางๆ หรือตามสภาวะความเป็นจริง จะเรียกคิดศูนย์ (ตรงกลางระหว่างบวกและลบ ตามหลักคณิตศาสตร์) คงฟังแปลกๆ ที่น่าจะรวมส่วนของความเป็นกลางนี้ คือเนื่องจากเป็นเนื้อหาตามความเป็นจริง กลางๆ จึงไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ทั้งตัวเราเองและผู้อื่น เลยถือว่าน่าจะเป็นแบบที่เหมาะสมที่จะคิดด้วย ไม่ใช่คิดแต่แง่บวก เรื่องไม่บวกก็พยายามกลบเกลื่อนไปรับแต่เรื่องบวก อันนี้ก็น่าจะกลายเป็นอันตรายได้ภายหลังถ้าไม่รู้จักรับสถานการณ์จริง
2.ความชำนาญในการเตือนตัวเองให้คิดบวก เรื่องนี้ถ้าพูดให้สั้นๆ ก็เรียกว่า มีสติทันหรือไม่ในการระงับตัวเองในการคิดลบ หลายคนทีเดียวเข้าใจเป็นอย่างดีถึงโทษของการคิดลบ และรู้ชัดว่าคิดบวกดีอย่างไร แต่พอเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริงๆ ไม่ทันซะแล้ว เผลออีกแล้ว พอพูดถึงความชำนาญ นี้ก็หนีไม่พ้นการฝึก ฝึกค่ะ มากเข้าว่า ทำบ่อยๆ พลาดบ้างก็ช่างมัน (ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวมาโกรธตัวเอง คิดลบอีก) แค่ตั้งใจว่าฉันจะพยายามคิดบวกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วเริ่มเลย ไปเรื่อยๆ ใครสามารถปลีกเวลาไปนั่งสมาธิวิปัสสนาได้ยิ่งดี เพราะนั่นเป็นศาสตร์ที่ศึกษาค้นคว้ามาเป็นอย่างดีแล้วในเรื่องการมีสติ เลือกคอร์สที่ใช้หลักการสติปัฏฐาน 4 ก็จะตรงยิ่งขึ้น ถ้าไม่มีโอกาสก็แค่พยายามทักตัวเองให้ทันเท่านั้นเอง
3.พฤติกรรมที่น่าจะเป็นของคนคิดบวก นี่ก็เกิดจากสิ่งที่ประสบตรงอีก คือบางท่านก็ว่าท่านคิดบวก แต่ไฉนพูดลบ ทำลบล่ะคะ คิดบวกแล้วจะบอกว่า "ก็ฉันคิดบวกนะ แต่เป็นคนตรง คิดอะไรก็พูดอย่างนั้น เลยอาจไม่ถูกหูหน่อย" ก็ดูยังไงยังไงอยู่ คิดบวกแล้วพูดบวกด้วยซิคะ พูดตรงกับใจนั้นดีแล้ว เพียงแต่ดูให้ชัดขึ้น ถ้าใจเราละเอียดพอที่จะระวังไม่ให้คนฟังช้ำใจแล้วล่ะก็ คำพูดก็จะนุ่มนวลไม่ทำร้ายใครเช่นกัน คนก็จะเห็นว่าเราคิดบวก มิเช่นนั้น มีแต่ความคิด คำพูดและการกระทำดูไม่บวก ก็ไม่รู้จะไปบอกเขาให้เชื่อได้อย่างไรว่าท่านคิดบวก แล้วพอเราคิดบวกพูดบวก สิ่งที่ย้อนกลับมาหาเราอีกทีก็เป็นเรื่องบวกๆ
4.สภาพทั่วไปที่เอื้อต่อการคิดบวก ในขณะที่เราเองก็ยังไม่แข็งแรงที่จะคิดบวกกันได้ตลอดเวลา การเลือกสภาวะที่อยู่ใกล้ตัวก็มีส่วนช่วย บางท่านจึงปลีกวิเวก หรือหลบไปอยู่กับวัดบ้าง ธรรมชาติบ้างบางครั้ง ก็เป็นการช่วยพักใจ พักกาย ได้ดีระดับหนึ่ง สภาพประจำวันก็สำคัญ บ้าน ที่ทำงาน กลุ่มเพื่อน บางคนอยู่ในคนรอบข้างที่คิดลบ ก็พาจะให้เราเผลอคิดลบไปด้วย ถ้ารู้และระวังทันก็ดี คนเก่งๆ ก็จะสามารถอยู่ท่ามกลางสภาพไหนก็ได้ เธอก็สามารถคิดบวกได้อยู่ดี อย่างนี้เรียกว่าภูมิคุ้มกันดีแล้ว ถ้าเรายังไม่ได้ขนาดนั้น คงจำเป็นต้องเลือกที่อยู่พอสมควร ใครที่เราน่าจะใช้เวลาด้วยมากหน่อย ใครน้อยหน่อย เลือกไม่ได้ก็ถือเป็นแบบฝึกหัดให้เราฝึกคิดบวกให้ทันในขณะที่สิ่งแวดล้อมไม่อำนวย
แต่สถานการณ์ตอนนี้มันวุ่นวายสับสนเหลือเกิน...
การมองโลกในแง่บวกอย่างเดียวตอนนี้อาจจะไม่เพียงพอเสียแล้ว โดยเฉพาะเมื่อเราอยู่ในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงรอบด้านอย่างปัจจุบันนี้ ไม่ว่าจะวิเคราะห์แบบการวิเคราะห์สิ่งแวดล้อมในการบริหารทั่วไป หรือ PEST ก็จะเห็นได้ชัดว่า P-Political หรือการเมืองไทยตอนนี้นั้น สถานการณ์ก็ร้อนวูบร้อนวาบ มีกระแสต่างๆ ให้ประชาชนลุ้นได้อยู่เรื่อยๆ น่าตื่นเต้นอยู่ไม่ใช่น้อย E-Economics หรือเศรษฐกิจ นี้เริ่มเห็นชัดมากขึ้น มากขึ้น ว่าวิกฤตแล้วจ้า นอกจากน้ำมันจะราคาน่ากลัวอย่างที่เห็น เป็นปัจจัยต้นทุนที่สูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หลายองค์กรที่ผู้เขียนได้เข้าไปช่วยสอนบ้างปรึกษาบ้างตอบกันเป็นเสียงประสานเลยว่า "อาจารย์ !! ไม่ใช่" จะ "วิกฤตนะ เริ่มแล้ว" หลายองค์กรโดยเฉพาะภาคธุรกิจถูกดึงเช็คให้จ่ายช้าลงบ้าง ฯลฯ
อีก E-Environment หรือสิ่งแวดล้อม ก็น่าสะพรึงกลัวไม่แพ้กัน เดี๋ยวนี้ถ้าใครรับข่าวทางมือถือ sms คงจะเห็นเหมือนที่ผู้เขียนเห็นคือ จะมีข่าวน้ำท่วม แผ่นดินไหว สึนามิ ไข้หวัดนก เวียนกันขึ้นมาให้เปิดอ่านได้แทบทุกวัน ถ้าดูแค่ในประเทศไทยในพื้นที่อันน้อยนิดของ sms หนึ่งข้อความยังมีที่น้ำท่วมให้ระวังภัยตั้งแต่เหนือ กลาง ตะวันตก ยันใต้ ภายในข้อความเดียวกัน อ่านเสร็จแล้วรู้สึก โอ้โห นี่อะไรจะท่วมกันทั่วไปขนาดนี้ S-Social หรือสังคม เป็นอย่างไรกันบ้าง ไหนจะเรื่อง T-Technology เทคโนโลยีที่หมุนเร็วจี๋
สถานการณ์แบบนี้ถ้ามัวแต่ทำใจอย่างเดียวไม่ออกแอ็กชั่นอะไรท่าทางอาจจะเกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยสมัยเมื่อวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 การคิดเชิงบวกที่พวกเราเป็นนั่นจะเป็นภูมิคุ้มกันในใจที่ดี ทำให้เรารู้จัก "ทำใจ" หรือจัดการกับจิตใจเราได้เป็นอย่างดี แต่ต้องนำมาใช้ต่อเพื่อให้พร้อมรบ หรือพร้อมที่จะมาวางแผนเตรียมรับมือกับวิกฤตที่กำลังก่อตัวอยู่นี้ ก่อนที่เราจะสายเกินไปเหมือนเรื่อง "กบในหม้อต้มน้ำ"
เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อเรานำกบเป็นๆ ไปไว้ในหม้อน้ำแล้วตั้งบนไฟที่ค่อยๆ เพิ่มอุณหภูมิ กบ ซึ่งมีลักษณะพิเศษในการปรับตัวได้ดีกับสิ่งแวดล้อมก็จะพยายามปรับอุณหภูมิตัวเองให้เข้ากับน้ำที่อุ่นขึ้นเล็กน้อย เพื่อจะได้อยู่ได้อย่างสบาย พอเราเพิ่มอุณหภูมิให้ร้อนขึ้นอีกหน่อย กบก็จะปรับอุณหภูมิอีก ทำอย่างนี้ซ้ำไปเรื่อยๆ จนอุณหภูมิน้ำต้มนั้นสูงมาก มากจนร่างกายของกบเองนั้นก็ค่อยๆ สุก จนขยับตัวไปไหนอีกไม่ได้แล้ว แม้จะเพิ่งนึกได้ว่าน่าจะกระโดดออกจากหม้อนะ...แต่สายไปเสียแล้ว
ฉะนั้นเมื่อเราเริ่มตระหนักถึงอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงไป หรือวิกฤตที่เริ่มก่อตัวแล้วก็อย่ามัวแต่ทำใจปรับตัวทีละเล็กทีละน้อยเพื่อให้ผ่านไปวันๆ แต่มาคิดมาวางแผนหนีภัย หรือเตรียมการล่วงหน้าว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แย่ที่สุดน่าจะเป็นอย่างไร เราจะรับมืออย่างไร เป็นการดำเนินตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเรื่องความรอบคอบระมัดระวัง คือเตรียมการวางแผนล่วงหน้าก่อน มิใช่รอให้เกิดเหตุแล้วค่อยมาคิด เพราะถ้าเกิดวิกฤตเต็มๆ จริง เราอาจไม่มีสติหรือกำลังพอที่จะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ เหมือนกบในหม้อต้มน้ำ
ลองหาสมดุลในจิตใจที่คิดดีคิดบวกคิดตามเหตุการณ์จริง ไม่คิดอุปทานเกินเลยไปไกล และมีความนิ่งพอที่จะวางแผนเตรียมการล่วงหน้าได้อย่างสุขุมรอบคอบ คนไทยทั้งหลายลองแสดงความสามารถให้โลกรู้ซิคะ ว่าเราเรียนรู้มากแล้ว เราผ่านวิกฤตมาแล้ว คราวนี้เราทำได้ดีกว่าเดิม แม้สถานการณ์จะดูหนักหน่วงกว่าเดิมก็ตามที ขออวยพรให้ทุกท่านสามารถคิดหาวิธีเตรียมการได้อย่างมีคุณภาพ และสามารถรักษาจิตใจของตนเองและคนรอบข้างให้มีสติสงบเย็นในยามนี้ได้ สวัสดี
จากคุณ :
LiTa Long Time Can't See
- [
27 ต.ค. 49 12:53:11
]