CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    มนุษย์เงินเดือนมืออาชีพ – จงอ่านคู่มือสำหรับผู้สัมภาษณ์

    มนุษย์เงินเดือนมืออาชีพ – จงอ่านคู่มือสำหรับผู้สัมภาษณ์




    เมื่อผ่านด่านของการคัดเลือกใบสมัครไปเรียบร้อยแล้ว  ด่านต่อไปก็คือ “การสัมภาษณ์”  ซึ่งถือว่าเป็นด่านการทดสอบความสามารถที่แท้จริงของเราครั้งแรกว่า สิ่งที่เรามี  กับสิ่งที่องค์กรต้องการนั้น ตรงกันหรือไม่อย่างไร




    ถ้าตรงกันแล้ว  เราจะได้เปรียบกว่าผู้สมัครรายอื่นหรือไม่  ถือเป็นโอกาสระทึกใจของผู้สมัครงานหน้าใหม่ๆ โดยเฉพาะน้องๆ ที่เพิ่งจบจากการศึกษามาจากรั้ววิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัย




    ผู้เขียนเคยให้คำปรึกษากับน้องๆ ที่เพิ่งจะจบการศึกษามาใหม่ๆ หลายครั้งเรื่องจะเตรียมตัวสัมภาษณ์งานอย่างไร  บางคนเกิดอาการเกร็ง  กังวล  กลัว  และอีกหลายอาการ  เพราะมักจะคิดว่า การสัมภาษณ์แต่ละครั้ง คือการตัดสินว่า เราจะได้งานหรือไม่ได้งาน




    ถ้าไม่ได้งาน  หมายความว่าชีวิตการทำงานยังหาจุดเริ่มต้นไม่ได้  ซึ่งแตกต่างจากคนที่กำลังทำงานอยู่แล้วไปสัมภาษณ์




    ความเกร็งและความกลัว  อาจจะมีน้อยกว่าคนที่จบการศึกษามาใหม่ๆ เนื่องจากน้องๆ ที่จบการศึกษามาใหม่ๆ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้เจอกับความผิดหวัง  มองโลกในแง่ดี  




    พอสัมภาษณ์งานที่แรกไม่ได้  ก็เริ่มขาดความมั่นใจในตนเอง  ยิ่งสัมภาษณ์มากเท่าไหร่  และไม่ผ่านการสัมภาษณ์หลายๆ ครั้ง  ความมั่นใจก็ยิ่งหายไป  จุดนี้จึงเป็นจุดที่ควรระมัดระวังและต้องทำใจไว้ล่วงหน้า




    สิ่งที่อยากแนะนำเพื่อให้ผู้สมัครเตรียมตัวสำหรับการเข้ารับการสัมภาษณ์มีดังนี้




    อ่านคู่มือสำหรับผู้สัมภาษณ์




    จุดบอดอย่างหนึ่งจากที่ผู้เขียนเคยเห็นจากผู้สมัคร โดยเฉพาะคนที่เพิ่งจบจากการศึกษามาใหม่ๆ คือ มักจะยึดติดกับรูปแบบ  แนวทาง  แม้กระทั่งคำพูดในการสัมภาษณ์มาจากหนังสือหรือคู่มือการเตรียมตัวสัมภาษณ์สำหรับผู้สมัคร  ซึ่งไม่ต่างอะไรจากการที่หลายคนลอกรูปแบบและคำพูดในการเขียนใบสมัครและประวัติย่อมาจากตัวอย่างในหนังสือ  ซึ่งในความเป็นจริง  ถ้าไม่ตอบตามหนังสือ  แต่ตอบตามความคิดเห็นและความรู้สึกที่แท้จริงของเราในขณะนั้น  อาจจะดูดีเสียกว่า




    สำหรับคลื่นลูกใหม่ในวงการมนุษย์เงินเดือน  ขอแนะนำว่านอกจากจะอ่านหนังสือคู่มือสัมภาษณ์งานอย่างไรให้ได้งานแล้ว  ยังจะต้องไปหาคู่มือสำหรับผู้สัมภาษณ์มาอ่านด้วย  เพราะจะได้รู้ว่า  ผู้สัมภาษณ์เขาคิดและจะถามกันอย่างไร และคำถามแต่ละคำถาม เขาจะวัดอะไรจากเรา




    คิดเสียว่าการสัมภาษณ์คือการพูดคุยกันกับรุ่นพี่ที่เรียบจบ
    มาจากสถาบันเดียวกับเรา





    เวลาเข้าไปสัมภาษณ์ เรามักจะเกร็ง  เพราะรู้สึกว่าถูกซักถาม  กำลังถูกจับผิด  ที่คิดเช่นนี้  ก็เพราะมีจุดเริ่มจากการที่เราคิดว่า คณะกรรมการสัมภาษณ์คือคนแปลกหน้า  คณะกรรมการสัมภาษณ์คือตำรวจสืบสวนสอบสวน




    วิธีแก้ปัญหาแบบง่ายๆ คือ  การเปลี่ยนความรู้สึกที่มีต่อผู้สัมภาษณ์  โดยให้คิดเสียว่า  กรรมการที่สัมภาษณ์เราเรียนจบมาจากสถาบันเดียวกับเรา  จะทำให้เรารู้สึกอบอุ่นมากขึ้น




    เพราะเปรียบเสมือนเรากำลังนั่งคุยอยู่กับรุ่นพี่  หรือไม่ก็คิดว่า  เรากำลังคุยอยู่กับอาจารย์แนะแนว หรือใครก็ตามที่เราคิดแล้ว จะช่วยให้เรารู้สึกอบอุ่นขึ้น และลดความเกร็งลงได้




    การซ้อมสัมภาษณ์




    ไม่ว่าทักษะอะไรก็ตาม ย่อมเกิดจากการฝึกฝน  การฝึกซ้อม  การเข้ารับการสัมภาษณ์ก็เช่นเดียวกัน  ควรจะมีการฝึกซ้อมสัมภาษณ์ให้รู้สึกว่า ไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่ในชีวิต




    ส่วนจะซ้อมได้อย่างไรนั้น  ก็ขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละคน  เช่นบางคนก็ซ้อมพูดเองที่บ้าน (หน้ากระจก)  บางคนก็ให้เพื่อนตัวเป็นกรรมการสัมภาษณ์  บางคนก็ลองไปสมัครงานในบริษัทเล็กๆ เพื่อซ้อมสัมภาษณ์  




    จริงๆ แล้ว  ไม่ต้องการทำงานกับบริษัทนั้นหรอก  แต่ต้องการซ้อมสัมภาษณ์ที่เหมือนจริงเท่านั้น  




    หรือบางคนอาจจะไปลองสัมภาษณ์เพื่อการศึกษาต่อ  ทั้งหมดนี้ก็เพื่อฝึกซ้อมทักษะการเข้ารับการสัมภาษณ์  และเพื่อให้เกิดความคุ้นเคยกับเวทีแห่งการสัมภาษณ์ให้มากยิ่งขึ้นเท่านั้น  ก่อนที่จะไปลงเวทีที่เราต้องการจริงๆ ต่อไป




    สร้างความคุ้นเคยกับสถานที่สัมภาษณ์




    เนื่องจากสถานที่ที่เราจะไปสัมภาษณ์ส่วนใหญ่ ไม่ใช่สถานที่ที่เราคุ้นเคยมาก่อน  ดังนั้นในการไปไหนครั้งแรก มักจะทำให้เราทำอะไรเปิ่นๆ ไปบ้าง  เช่นกดลิฟต์ไม่เป็น  หาห้องน้ำไม่เจอ  เดินชนประตูที่เป็นกระจกใส ฯลฯ




    ถ้าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในวันที่เราจะไปสัมภาษณ์งาน  และเกิดขึ้นก่อนการสัมภาษณ์เพียงเล็กน้อย  รับรองได้ว่า ระดับความมั่นใจในตัวเองของเราจะลดลงไปมากพอสมควร  




    สิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้  อาจจะทำให้เราขาดความมั่นใจในการเข้าไปสัมภาษณ์งาน




    ดังนั้น เพื่อป้องกันการตกต่ำของความมั่นใจในตนเอง  กรุณาไปเดินเล่นยังที่ที่เราจะไปสัมภาษณ์ล่วงหน้าก่อนสักวันสองวัน  และทำทีเดินไปถึงบริษัทที่เรียกเราสัมภาษณ์  ถ้าเดินไปถึงพนักงานต้อนรับที่เคาเตอร์ของบริษัทได้ก็ยิ่งดี  




    อาจจะบอกกับเจ้าหน้าที่เขาตรงๆ ไปเลยว่า เราจะมาดูสถานที่สัมภาษณ์ก่อนล่วงหน้า  เผื่อว่าวันจริงจะได้มาตรงเวลานัดหมาย ไม่ต้องกลัวขายหน้าเจ้าหน้าที่ต้อนรับของบริษัท




    ถ้าใครต้องการรักษาภาพพจน์ของตนเองให้ดูดีหน่อย  ก็อาจจะแกล้งถามเรื่องการสมัครงานก็ได้  เช่นตอนนี้บริษัทมีเปิดสมัครงานหรือเปล่าคะ/ครับ  และถ้าให้ดีกว่านั้น  ก็ใช้โอกาสนี้สร้างความสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่ต้อนรับไว้ก่อนเลย  อย่างน้อยถ้าเขาจำหน้าเราได้  ถึงวันที่เรามาสัมภาษณ์จริงก็อาจจะมีคนรู้จักในบริษัทนี้แล้ว 1 คน




    เมื่อมาถึงก็จะได้มีโอกาสพูดคุยกับเขาได้ดีขึ้น  เพราะเราเคยพบเขามาก่อนแล้วครั้งหนึ่ง




    การที่เราไปยังสถานที่สัมภาษณ์ล่วงหน้า  ถ้ามีอะไรผิดพลาดหรือทำอะไรเปิ่นๆ ไปบ้างก็ไม่เป็นไร  เพราะเรายังมีเวลากลับไปทำใจหรือแก้ไขความรู้สึกที่ผิดพลาดไปได้  และเมื่อถึงวันที่มาสัมภาษณ์จริงจะได้มั่นใจว่า ไม่มีอะไรผิดพลาดจนทำให้ขาดความมั่นใจได้  (เพราะเคยพลาดไปเรียบร้อยแล้ว)




    คิดว่าเราไม่ต้องการทำงานกับบริษัทนั้น




    สังเกตดูว่า ถ้าบริษัทไหนเราอยากเข้าไปร่วมงานกับเขามาก  เราจะเกร็งมากเป็นพิเศษ  และโอกาสตอบผิดตอบถูกก็จะมีมากขึ้น  ซึ่งก็เป็นเพราะเราหวังมากจึงเกร็งมาก  และมีโอกาสตกม้าตายมาก




    ดังนั้นวิธีแก้ไขก็คือ  บริษัทไหนที่เราอยากได้มาก  ให้ลองคิดหาเหตุผลมาสนับสนุนว่าเราไม่อยากได้งานที่บริษัทนี้สักเท่าไหร่  เช่น  อยู่ไกลบ้าน  หรือโอกาสที่เขารับเราคงมีน้อย ฯลฯ  




    ทั้งนี้เพื่อลดระดับความคาดหวังลงมาบ้าง  เมื่อระดับความคาดหวังลดลง  (จริงๆ คือความอยากได้งานนั่นเอง) ความประหม่า  ความตื่นเต้น  และความเกร็งก็จะลดลงตามมาเอง




    สรุป  การเตรียมตัวสัมภาษณ์งานไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย  ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอะไร  เป็นเพียงโอกาสที่เราจะได้ไปพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนที่เขาทำงานอยู่ในองค์กรนั้นๆ มาก่อนแล้วเท่านั้น  




    และจงจำไว้เสมอว่า  ยิ่งอยากได้มาก  ยิ่งมีโอกาสพลาดมาก  ดังนั้น จงหวังผลจากการสัมภาษณ์จากแต่ละที่ให้เท่าๆ กัน  และจงให้ความสำคัญกับการเตรียมตัวให้มากขึ้น  




    ถ้าเราเตรียมตัวดีแล้ว  ผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็ไม่เป็นไร  เพราะการที่เขาไม่รับเราเข้าทำงานก็ไม่ได้หมายความว่า  เราจะไม่มีความสามารถ  แต่ตำแหน่งที่เขากำลังรับนั้นมันไม่เหมาะกับคุณสมบัติที่เรามีแค่นั้นเอง





    ************************************************************************************




    รู้เขา  รู้เรา  เขามีสิทธิ์เลือกเรา  ขณะเดียวกัน  เราก็มีสิทธิ์เลือกเขา.......สัมภาษณ์กี่ครั้ง  ก็น่าจะมีโอกาสได้ทุกครั้ง




    ************************************************************************************




    ตอนต่อไป  :  “ข้อคิดสำหรับชีวิตการเป็นลูกจ้างมืออาชีพ”




    จาก “มนุษย์เงินเดือนมืออาชีพ” โดย  ณรงค์วิทย์  แสนทอง




    ลุงแอ็ด
    ประธานคลับนักขาย




    amorntvm@anet.net.th




    http://lungadd.pantown.com/

    จากคุณ : ลุงแอ็ด - [ 31 ต.ค. 49 10:00:51 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com