ความคิดเห็นที่ 1 ไม่สร้างสรรค์น่ะ จขกท. การจัดลำดับที่คุณถาม เป็นแค่ความรู้สึกของคนที่ตอบเท่านั้น ไม่ได้ใช้ข้อมูลที่เป็นรูปธรรมอะไรเลย มีแต่จะพาลให้คนเข้ามาตอบทะเลาะกันป่าว ๆ (ขนาดมีการจัดแบบเป็นทางการ ยังมีคนไม่ยอมรับกันเยอะเลย) จากคุณ : ttecond - [ 13 พ.ย. 49 10:04:49 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นที่ 1 ครับไม่ได้ตั้งใจให้เกิดอย่างนั้นน่ะครับ ผมแค่คิดว่า ถ้าคนๆนึงมีเงินอยู่ก้อนนึงสองถึงสามแสนซึ่งก็ไม่น้อย จะเลือกสินค้าซักอย่างนึงควรจะเลือกซื้ออันไหนดีที่จะให้ประโยชน์กับเค้าได้ต่อไปในอนาคตครับ พูดง่ายๆคือคุ้มค่านะครับ เอาว่าแสดงความเห็นกันแบบกว้างๆน่ะครับ จากคุณ : ^ZzZ^ - [ 13 พ.ย. 49 13:32:11 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้างบประมาณสองถึงสามแสนบาท ก็ให้ตัด AIT กับ SASIN ออกไปเถอะ เพราะมันล้านกว่า น่ะครับ จะเอามาเปรียบเทียบก็เห็นว่าจะเอาเปรียบที่อื่นที่เก็บค่าเทอมถูกกว่าเยอะ ซึ่งแน่นอนว่าคุณภาพหลาย ๆ อย่างก็คงต้องรอง ๆ ลงมา ถ้าเปรียบเทียบของอัตราคนเข้าแข่งขันสูงสุด ก็น่าจะเป็น MBA ของธรรมศาสตร์ หลักสูตรค่อนข้างโหด เรียนหน่วยกิตสูงกว่าที่อื่น (รู้สึกจะห้าสิบกว่าหน่วยกิต) เรียนนานตั้ง 3 ปี และหาที่จอดรถลำบาก ค่อนข้างไกลจากย่านธุรกิจ และมีเรียนแต่วันธรรมดาตอนเย็น ใกล้แหล่งความเจริญ สอบได้หลายครั้งต่อปี ก็คงจะเป็นจุฬา อยู่ตรงสามย่าน สะดวก ไปรถไฟฟ้าได้สบาย ชื่อเสียงสถาบันก็ได้รับการยอมรับอยู่แล้ว ก็เป็นตัวเลือกที่ดี มีหลายหลักสูตร ทั้งเรียนวันธรรมดา และเสาร์อาทิตย์ นิด้า มีชื่อเสียงด้าน MBA มานาน เครือข่ายศิษย์เก่าเยอะที่สร้างชื่อเสียง และความเป็นอิสระ ทำให้สามารถดึงดูดอาจารย์ที่เก่ง ๆ ไว้ได้ค่อนข้างมาก ค่อนข้างไกล แต่ดีที่มีเรียนเสาร์อาทิตย์ (ซึ่งเป็นหลักสูตรที่เด่น ที่คนสอบค่อนข้างเยอะ) ส่วนที่อื่น ๆ ก็ค่อนข้างจะใหม่ อย่างมหิดล ก็มีดีตรงเรียนในเมือง หลักสูตรดูจะทันสมัยดี ข้อเสีย คือ อาจารย์ประจำน้อย ส่วนใหญ่เป็นอ.พิเศษ ทำให้ความผูกพันของอ. ต่อสถาบันค่อนข้างน้อย (อันนี้ฟังเค้าพูดมาอีกที หากผิดก็ขออภัย) ABAC ก็ถือว่า MBA ดีที่สุดในม.ของเอกชน เพราะติดอันดับของ MBA ที่ดีของ Asia แห่งหนึ่ง ข้อดีคือ สอบติดง่าย แต่ต้องไปเรียนปรับพื้นฐานหากสอบไม่ผ่านบางวิชา ทำให้อาจต้องใช้เวลาเรียนมากกว่าสองปี ส่วนรัฐบาลอีกแห่งหนึ่ง ที่ปัจจุบันเร่งโปรโมตหลักสูตร MBA โดยมีการปรับลดราคาค่าเล่าเรียนต่ำกว่าที่อื่นเกือบครึ่ง แต่เน้นรับนักศึกษาเยอะ ทำให้เป็นเป้าหมายของคนที่สอบที่อื่นไม่ติด หรือมีงบประมาณจำกัดมาเรียนต่อค่อนข้างมาก ซึ่งหากจขกท. ไม่ติดปัญหาเรื่องงบประมาณ ก็ควรหลีกเลี่ยง เพราะกลุ่มนักศึกษามีความหลากหลายมาก (ตั้งแต่เก่งแบบอัจฉริยะ ไปจนถึงนักศึกษาที่มี IQ ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยก็มี) ทำให้การบรรยายของอาจารย์ต้องค่อนข้างกว้าง ๆ และง่าย ๆ เพื่อให้แน่ใจว่านักศึกษาทุกคนเข้าใจไปพร้อม ๆ กันได้  อย่างไรก็ตาม ข้อดีของที่นี่ ก็คือเปิดโอกาสให้ทุกคนมีโอกาสได้เรียน แต่ก็มาพร้อมๆ กับข้อเสียที่พบได้คล้าย ๆ กับบางสถาบันที่ต้องเร่งเปิดรับนักศึกษามากเกินไป ทำให้คุณภาพลดลงไปอย่างน่าเสียดาย แก้ไขเมื่อ 13 พ.ย. 49 14:04:45 จากคุณ : ttecond - [ 13 พ.ย. 49 13:59:53 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ความเชื่อในสถาบัน อาจจะทำให้ต้องจ่ายแพงเกินไป ไม่มีที่ไหนดีที่สุด เพราะมันขึ้นกับตัวคุณเอง ความรู้ ที่เรียนกัน ในห้องเรียนนั้นไม่เพียงพอ ไม่ว่าอาจารย์ที่สอนจะเก่งเพียงไหน เพราะมันขึ้นกับตัวเอง สำคัญที่สุดคือตนเอง ว่าจะตั้งใจแค่ไหน ฝึกฝนมากแค่ไหน มีเพื่อนดี และดีกับเพื่อนแค่ไหน วิชาการเป็นของสากล ที่มีจุดกำเนิดนอกประเทศทั้งนั้น อย่ายึดติดจนเกินไป เพราะเราเป็นผู้ใหญ่แล้ว มาเรียน ป.โท ก็ต้องจบ ป.ตรีมาแล้ว ต้องคิด และคิดให้เป็น และตอบคำถามเอง จากคุณ : deemak - [ 13 พ.ย. 49 14:26:36 A:10.20.72.31 X:203.149.16.45 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เหมือน คห. 3 ค่ะ จากคุณ : แอม - [ 13 พ.ย. 49 16:50:20 A:210.1.22.23 X: TicketID:124750 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ม. ราม ประมาณ 1.8 แสนบาท เรียนยากและหนักค่ะ จากคุณ : ข้าว - [ 13 พ.ย. 49 17:15:15 A:61.47.23.194 X: TicketID:088530 ]

ความคิดเห็นที่ 7 1.8 แสนเหรอคะ  แต่เห็นที่รามมีหลายหลักสูตร และค่าใช้จ่ายต่างกันนะ  แต่เห็น 1.5แสนซะส่วนใหญ๋ จากคุณ : [GODdiva] - [ 13 พ.ย. 49 21:07:36 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ม.รัฐอันสุดท้ายที่ คห 3 บอก นี่คือที่ไหนอ่ะ ม.แถวหัวหมากป่ะ ถ้าเป็นที่นั่นราคาก็ไม่ถูกมากนะ ก็พอๆ กับที่อื่นประมาณ150000 แล้วถ้าเป็นอย่างที่บอกจริง คนที่เป็นอัจฉริยะที่มีปัญหาเรื่องงบประมาณ คงสอบติด TU หรือ นิด้าไปแล้วล่ะ เพราะสองที่นี้ เคี่ยวจริงๆ -MBA มธ  เรียน 2 ปี ไม่ใช่หรอเห็นว่าเพิ่งปรับหลักสูตร แล้วการหาที่จอดลำบากนี่มันเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ ไม่เข้าใจ อยากได้อะไรมาง่ายๆก็เรียนแถวบ้านสิ ไม่ต้องฝ่ารถติด เสียเวลาไปเรียนไกลๆ หาที่จอดง่ายๆ ...ซะงั้น... -จบที่ไหนก็เหมือนกันนั่นแหละ เรียน MBA น่ะ อาจารย์ก็มีไม่กี่ชุดหรอก ขึ้นอยู่กับตัวเองทั้งนั้น แต่ถ้าจะเรียนเพื่อเอา connection ก็ SASIN เลย จากคุณ : หน้าอ่อนใส่แว่น - [ 13 พ.ย. 49 22:22:59 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เอาเป้นว่าไม่ได้มาบอกว่าเรียนที่ไหนดีนะคะ มาบอกเรื่องค่าเล่าเรียนแทนล่ะกันนะคะ เอาที่รู้ก้อคือถ้าเรียนมหิดลหลักสูตรการจัดการ (เค้าไม่ได้เรียกว่า MBA อ่ะคะ เรียกว่า management เลยอ่ะคะ ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วย) จะมี 2 ระดับค่ะคือ แบบ y = young คือเรียนจบตรีแล้วต่อโทเลย กับ x = executive คือทำงานมาแล้วไม่ต่ำกว่า 7-8 ปีค่ะ หลักสูตร x เนียค่าใช้จ่ายการเรียนจนจบอยู่ที่ประมาณ 5 แสนบาทอ่ะคะ ถ้ามีงบ 3 แสนอาจจะข้ามตรงนี้ไปแทน หรือถ้าจะเรียนตรงนี้ก้อต้องเตรียมเงินเพิ่มนะคะ เรียนวันอาทิตย์วันเดียวเช้าจรดเย็น แต่การบ้านหนักมาก ๆ ค่ะ เพราะเน้นศึกษาด้วยตนเองด้วยอ่ะคะ (ขออภัยอีกครั้งหากอธิบายอะไรคลาดเคลื่อนไปนะคะ) หวังว่าข้อมูลนี้คงพอเป็นประโยชน์บ้างนะคะ จากคุณ : K.pretty - [ 13 พ.ย. 49 22:29:55 ]

ความคิดเห็นที่ 10 หลายๆท่านบอกว่าจบที่ไหนก็เหมือนกันอยู่ที่ว่าเราได้นำความรู้ที่ได้ไปใช้ต่อ คิดเอง ศึกษาหาความรู้เอง ตั้งใจแค่ไหนข้อนี้ยอมรับเลยว่าจริงเลยครับเพราะการศึกษาในด้านนี้ผมว่ามันไม่ตายตัวอยู่แล้วมันต้องมีการปรับไปใช้ในโลกของการทำงานจริงซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมอยู่ตลอด อาจารย์น่าจะเป็นคนดูเกมห่างๆตีกรอบให้เดินแบบหลวมโดยมีเพื่อนๆร่วมคลาสช่วยกันแชร์ความคิด นำเสนอมุมมองของตนเองเพราะฉะนั้นสภาพแวดล้อมพวกนี้น่าจะเป็นตัวเสริมในการพัฒนาที่ดี ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นนะครับ จากคุณ : ^ZzZ^ - [ 14 พ.ย. 49 00:18:36 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขออภัยข้อมูล มธ. ตอนนี้ปรับเป็นสองปีแล้ว ส่วนการแสดงความเห็น ก็บอกกว้าง ๆ ถ้าคุณว่าไม่เกี่ยวก็ไม่ต้องมาเสนอความเห็นก็ได้ บอกข้อมูลไว้ เพราะบางครั้งคนเราจะตัดสินใจเลือกอะไรได้ ก็เพราะเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แหละ "จบที่ไหนก็เหมือนกันนั่นแหละ เรียน MBA น่ะ อาจารย์ก็มีไม่กี่ชุดหรอก ขึ้นอยู่กับตัวเองทั้งนั้น" แน่จริงก็บอกมาซิ มีอาจารย์อะไรบ้าง สอนที่ไหน ที่บอกมีไม่กี่ชุดน่ะ รู้ดีเหลือเกิน... ไม่เห็นด้วยก็ไม่ได้ว่า แต่แสดงความเห็นช่วยให้สุภาพกว่านี้หน่อย เห็นป่ะ พอให้ความเห็น ก็จะมีคนประเภทนี้อยู่จริง ๆ จากคุณ : ttecond - [ 14 พ.ย. 49 10:09:25 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ให้ข้อมูลในฐานะที่เคยสอบเรียนต่อปริญญาโท เผื่อจะเป็นข้อมูลกับจขกท ที่จุฬา จะมี ศศินทร์ เป็นการร่วมมือกับ Kellog การเรียนการสอน ก็ได้รับการโหวตจากต่างประเทศมาแล้ว(แต่จำไม่ได้ว่า ใครจัดโหวตนะ) ความคาดหวังถ้าจบจากที่นี่คือ ได้ connection ที่ดี วิชาการดี ค่าเล่าเรียนประมาณ 1 ล้าน บวกลบ(น่าจะหนักไปทางบวก) จุฬาจะมี MBA อีกต่างหากที่มีทั้งภาคไทยและอินเตอร์ ลองเข้าไปดูในเว็บ อันนี้ไม่ค่อยรู้เพราะไม่ได้สอบ ตัดมาที่ธรรมศาสตร์ MBA ธรรมศาสตร์ อันนี้อัตราการเข้าแข่งขันสูงมาก ขั้นตอนการสอบมีหลายอย่าง เพราะว่าใช้ระบบสะสมแต้ม ดังนั้นคะแนนที่เราว่าดีแล้วก็ควรต้องสอบอีก เช่น TU-Get Smart II ความคาดหวังคือว่า ได้วิชาการที่ดี connection ทั้งศิษย์เก่าและปัจจุบัน ค่าเล่าเรียนยังไม่ได้โดดขึ้นไปมาก น่าจะอยู่ประมาณ 3-4 แสน(ไม่น่าจะเกิน 5) อีกหลักสูตรที่กำลังติดตลาดและเป็นที่สนใจของหลายๆคน MIM การจัดการการตลาด อินเตอร์ ซึ่งจะเน้นด้านการตลาดไปเลย ถ้าใครสนใจการตลาดเน้นๆ โดยมีอาจารย์ทั้งไทยและเชิญจากต่างประเทศ อันนี้ก็น่าสน เรื่องการสอบนั้น ใช้คะแนน TU GET กับคะแนนสอบคำนวณการใช้เหตุผลของคณะ ซึ่งไม่ได้ยากนัก ที่ยากคือการสัมภาษณ์ การเรียนนั้นโหดและเคี่ยวเพราะว่า เรียนไม่เหมือนหลักสูตรป.โททั่วๆไป รายละเอียดกว่านี้คงต้องให้ MIM มาตอบกันต่อไป ค่าใช้จ่ายตามโบรชัวร์มากกว่า 5 แสนบาทแน่นอน ความคาดหวังคือ คุณจะเป็นกูรูทางด้านการตลาด โฟกัสด้านนี้เลย อันต่อมาเป็นการจัดการมหิดลอินเตอร์ หรือ CMMU ที่นี่วุฒิคือการจัดการไม่ใช่ MBA มีหลายสาขาวิชาให้เลือก ที่ขึ้นชื่อคือการจัดการของผู้ประกอบการ ก็มีมาหลายรุ่นแล้ว และก็การจัดการทางด้านไอที เช่น Innovation Management, New Venture Management นอกนั้นก็มี General Management Marketing Management(Double degree) การสอบเข้าไม่ได้ยากจนเกินไป มีสอบภาษาอังกฤษ สอบเหมือน Toefl กับสอบคำนวณ ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 4 แสนบาท สำหรับดีกรีเดียว ความคาดหวังคือที่นี่ โปรไฟล์เด็กจะเป็น young executive ไม่ค่อยมี senior executive เท่าไหร่ สำหรับ ABAC ตัวเองไม่ได้สอบ แต่ว่าเท่าที่เห็นน้องๆที่เค้าเรียนกันก็รู้สึกว่าทางด้านวิชาการดี อาจารย์ก็ดี การเรียนการสอนก็ยากทีเดียว มีหลายสาขาให้เลือก สำหรับรามเท่าที่สังเกตุและเคยคิดจะสอบ เพราะพี่ที่ทำงานด้วย เค้าจบรามมาทำงานเก่ง แต่ปัจจัยนึงที่ทำให้เปลี่ยนใจ ก็คือเห็นมีการเปิดรับนักศึกษาทั้งปี(มีนักศึกษาเยอะมากนั่นแหละ) การเข้าถึงสิ่งที่เราต้องการอาจจะติดขัดได้ ความคาดหวังคือที่นี่ Connection ที่ดีเพราะว่าหลากหลายมาก ค่าใช้จ่ายยังไม่แพงมากนักเมื่อเทียบกับราคาที่อื่น ที่อื่นๆที่น่าสนใจก็มี เกษตร แต่เงียบๆไปแล้ว ขอนแก่น ที่นี่ก็ได้รับโหวตเหมือนกัน บูรพา ลองหาข้อมูลดู ในมุมมองผมส่วนนึงที่น่าให้ความสำคัญคือเรื่อง connection หมายความว่าให้ดูๆด้านนี้ประกอบการตัดสินใจด้วย เพราะเราไปเรียนๆกัน 2-3 ปีเนี่ยมันควรจะได้มากกว่าความรู้ครับ จากคุณ : High Bridge - [ 14 พ.ย. 49 11:21:19 ]

ความคิดเห็นที่ 13 คุณ ttecond จายเยงๆ เราพูดไม่สุภาพตรงไหน ก็ไม่เห็นด้วยไง(ครับ) เพราะข้อมูลที่คุณพูดมาหลายๆ อย่าง  มันไม่ค่อยถูก(หรือผิดนั่นเอง) --- แบบนี้ใช่ป่ะ คือสุภาพ เราก็มาแก้ให้ กลัว จขกท จะรู้ไปแบบไม่ค่อยถูกเท่าไร(ผิด)  เพราะในเมื่อ จขกท เขาต้องการสินค้าที่ดีที่สุด จะมาพูดแบบกว้างๆ(มั่วๆ) ได้ไง ปีที่เรียนนี่สำคัญนะ 3 ปี กับ 2 ปี เป็นใครก็เลือกเรียน 2 ปีทั้งนั้นแหละ เพราะที่นายบอกมาว่า 3 ปี มันเป็นความรู้กว้างยังไงหรอ? มันเป็น fact นะ  ไม่ใช่ opinion คนที่จะสมัครเรียนส่วนใหญ่ไม่อยากเรียนกันนานๆหรอก แล้วมันเป็นปัจจัยแรกๆเลย ที่เขาจะดูกันตอนสมัครเรียน เรื่องอาจารย์น่ะ จุดประสงค์คืออยากจะบอกว่า เรียนไหนก็เหมือนกัน อยู่กับตัวคนเรียน เนื้อหามันไม่ต่างไรกันมากหรอก แต่คนที่เสียตังค์ไปเรียนแพงๆ อย่าง sasin AIT  เขาไปเอา connection กันมากกว่า เพราะ MBA   ไม่เหมือนสาขาอื่นๆ อย่างสาขา IT ที่บางสถาบันจะแข็ง-อ่อนต่างกัน อย่างเห็นได้ชัดเป็นรูปธรรมมากกว่า MBA สรุปคือ เรียนไหนก็เรียนไปเหอะ   - - แต่ถ้าอยากได้สินค้าแบรนเนมอย่าง tu nida ku  ก็ต้องพยายามมากหน่อย ต้องฝ่าด่านหลายด่าน ทั้งสอบ ทั้งสัมภาษณ์ แล้วผมไม่ได้บอกว่าตัวเองแน่จริง แค่อยากให้ข้อมูลที่ดีที่สุด สำหรับ จขกท   อันไหนไม่ค่อยจะถูก(ผิด)ก็บอกว่าไม่ค่อยจะถูก(ผิด) มีอีกหลายประโยค ที่ผมไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะเรื่อง IQ อะไรนั่น แต่เอาเหอะ ไม่อยากเป็นประเด็น   ว่าแต่.. เป็นไรมากป่าวเนี่ย...  - - แก้ไขเมื่อ 14 พ.ย. 49 14:07:18 จากคุณ : หน้าอ่อนใส่แว่น - [ 14 พ.ย. 49 13:59:14 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ไม่เป็นไร สบายดี ม่ายต้องห่วง... ที่ผิดก็แค่ไม่ได้ update ข้อมูลของ TU เท่านั้น ว่า เค้าเปลี่ยนเป็นสองปีแล้ว เพราะเมื่อปีที่แล้วเข้าไปดูก็ยังสามปีอยู่ ส่วนอื่นผมว่าผมก็ comment ถูกน่ะ ไม่ได้มั่ว เหมือนที่คุณกล่าวหาสักหน่อย... โอเคป่าว ส่วนเรื่อง IQ เนี่ย แค่เปรียบเปรย ว่ามันมีตั้งแต่คนเก่ง ถึงคนไม่ค่อยเก่งเรียน อาจารย์ก็เลยต้องสอนแบบกว้าง ๆ เท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่น ถ้าอ่านอย่างละเอียดก็น่าจะเข้าใจน่ะ เพราะดูแสดงความเห็นออกจะฉลาดซะงั้น ส่วนที่บอกว่าอาจารย์ชุดเดียวกันน่ะ ช่วยบอกหน่อยดิ่ ว่าอาจารย์อะไร สอนที่ไหนบ้าง เพราะถ้าชุดเดียวกันอย่างที่คุณบอกน่ะ หมายความว่า ไม่ว่าเรียนวิชานี้กับที่ไหน อาจารย์ก็คนเดียวกันนี่แหละ แต่ถ้ารับสอนข้างนอกแค่ไม่กี่คน และไม่กี่ที่เนี้ย คงไม่ถือว่าเหมือนกันมั้ง... เพราะผมก็ไม่เห็นด้วยกับคุณหลายประโยคเหมือนกัน แต่ขี้เกียจเป็นประเด็น กับคนเฉลียวอย่างคุณเหมือนกัน... แก้ไขเมื่อ 14 พ.ย. 49 17:35:19 จากคุณ : ttecond - [ 14 พ.ย. 49 17:32:13 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ความเห็นผมจากงบประมาณที่บอกมีอยู่ไม่กี่แห่ง จุฬา ธรรมศาสตร์ นิด้า เกษตร ขอนแก่น บูรพา รามคำแหง ที่อื่น ๆ น่าจะเกินงบคุณ เรื่องจัดอันดับ ไม่กล้าฟันธง น่าจะพอฟัดพอเหวี่ยงกัน ถ้าเข้ายากน่าจะเป็น อันดับต้น ๆ ที่บอกไว้แล้ว หมายเหตุ มหิดลไม่น่าจะมี MBA (ไม่ยืนยันนะ) จากคุณ : พหลโยธิน - [ 14 พ.ย. 49 21:42:53 A:125.24.10.118 X: TicketID:131394 ]

ความคิดเห็นที่ 16 แล้วถ้า MBA ABAC กับ MBA ม.กรุงเทพ อินเตอร์ หล่ะครับ ผมด้อมๆ มองๆ สองที่นี้อยู่ วิจารณ์หน่อย จากคุณ : ruxyom - [ 16 พ.ย. 49 06:54:21 ]

ความคิดเห็นที่ 17 น่าจะพิจารณาจาก ผู้สอน และ ศิษย์เก่าด้วยค่ะ ลองดูจากประวัติการทำงานและการศึกษาของอาจารย์ดู ส่วนศิษย์เก่าก็ดูว่า เรียนจบแล้ว มีหน้าที่การงานเป็นอย่างไร ที่สำคัญเราสามารถสร้าง network จากการเรียนได้รึเปล่า นี่คือปัจจัยที่อยากเสนอให้พิจารณาค่ะ จากคุณ : Minor Planet (Minor Planet) - [ 19 พ.ย. 49 16:17:21 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เลือกที่เหมาะกับ เวลา สถานที่ งบประมาณ และเป้าหมายของคุณ MBAของ ม.แม่ฟ้าหลวง ก็มี นะ ครับ www.mfu.ac.th www.iis.ru.ac.th SEA จากคุณ : SEA - [ 19 พ.ย. 49 23:44:41 A:124.120.70.161 X: TicketID:107202 ]

ความคิดเห็นที่ 19 อืม.. confirmเรื่องที่จอดรถหายากในมธ.ค่ะ อันนี้ก็เป็นปัจจัยนึงนะคะ  ไม่เจอกับตัวไม่รู้ค่ะ ว่ายากแค่ไหน  เอิ๊กๆ จากคุณ : #^_^# นู๋อายยย - [ 2 ธ.ค. 49 06:28:42 ]