PANTIP.COM : B4988941 ไม่ได้จบ Engineer แต่ต้องเป็น Engineer เราถึงทางตันแล้ว...... [งานและทรัพยากรบุคคล]

ความคิดเห็นที่ 6

ทำความเข้าใจกับชีวิตเสียหน่อยนะครับ
"อย่าตั้งกำแพงความคิด เพื่อปิดล้อมการเรียนรู้"

คำว่า Engineer เนี่ย มันดูสวยหรูเกินไปในความคิดคุณนะครับ...�
เมื่อคุณไปคิดว่าวิศวะ ต้องสุดยอด... มันก็เกินจะเอื้อมล่ะครับ

มาดูความจริงกันก่อน... วิศวะก็เรียนกันแค่ 4 ปี
สมมติว่าเรากำลังมอง วิศวคอมพิวเตอร์
สิ่งที่เรียน ก็ใช่ว่าจะมีแต่วิชาทางคอมพิวเตอร์อะไรนะครับ
แต่มีทั้งวิชาทางด้านภาษา สังคม ฯลฯ�
ทว่าแน่นอนว่า เขา "สัมผัส" และอยู่ใน "สภาพแวดล้อม" ที่เต็มไปด้วยงานทางด้านนั้น

สิ่งที่คุณเรียนมาก็มีคาบเกี่ยวกับกลุ่มทางนี้ไม่ใช่น้อย�
คนที่จบวิศวมา ใช่ว่าทุกคนจะเก่งไปหมด มันไม่ใช่...
เกือบร้อยทั้งร้อย ไปเร่ิมต้นที่การทำงานในบริษัททั้งสิ้น ต้องไปเรียนรู้กันใหม่ นอกจากว่าจะไปเป็นอาจารย์หรืองานกลุ่มที่ต้องอาศัยทฤษฏีเยอะๆอย่าง งานวิจัยหรือเรียนต่อเพื่อเป็น specialist ทางด้านใดด้านหนึ่ง

คล้ายเภสัชกรที่สั่งยาได้แทบไม่แพ้แพทย์ คือวินิจฉัยโรคได้ระดับหนึ่ง
แต่จะให้ไปนั่งผ่าตัด อันนี้ไม่เชี่ยวชาญเท่าแพทย์ เพราะแพทย์ได้รับการฝึกฝนการปฏิบัติมาด้วย แล้วเผอิญมันเกี่ยวกับชีวิต จึงต้องเป็นอะไรที่พิเศษสักนิด

กลับมาที่วิศวะ สิ่งที่วิศวกร เหนือกว่าสายงานอื่นในด้านนี้คือ "สภาพแวดล้อมที่เอื้อ" ต่อการสร้าง สัญชาตญาณในการแก้ปัญหาครับ
อาจารย์ที่สอน ก็มักจะเล่าประสบการณ์ให้ฟังบ้าง หรือได้ฝึกฝนการตัดสินใจเกี่ยวกับงานด้านนี้มาบ้าง
โจทย์ที่ต้องสอบ หรือสิ่งที่ได้เรียน ก็ฝึกให้ตัดสินใจ
จะเรียกว่าเป็น sense ก็ได้ ประมาณนั้นเลย
การเข้าสังคม ก็จะเป็นอีกแบบ กินเหล้าเมายาได้ (ส่วนใหญ่)
แต่ลองให้มานั่งดูตัวเลข ให้ไปนั่งขายสินค้าคอมพิวเตอร์ อันนี้หลายๆคน ใบ้รับประทาน
มันเป็นจุดเด่น และจุดด้อยของแต่ละบุคคล

คุณไม่ได้ด้อยไปกว่าวิศวเลยครับ เชื่อผมสิ
สิ่งที่คุณได้จากการทำงาน มันเหนือกว่าสิ่งที่วิศวกรเรียนกัน 4 ปีเสียอีก ดังนั้น อย่าคิดว่าตัวเองด้อย หรือสู้ไม่ได้
ประสบการณ์หลายๆอย่าง ทดแทนความรู้ในตำราได้
แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะอย่างที่ผมบอก เราไม่ได้เรียนมาโดยตรง�

เรื่องการวิเคราะห์ปัญหา บางเรื่องต้องอาศัยทฤษฎี อันนี้ต้องอาศัยการศึกษาเพิ่มเติมครับ
ในขณะเดียวกัน หลายๆเรื่อง ซึ่งเป็นส่วนใหญ่ จะใช้ประสบการณ์มาช่วยในการตัดสินใจเสียมากกว่าด้วยซ้ำไป
หากงานที่คุณทำอยู่ เป็นเรื่องที่ต้องใช้ทฤษฏี มากกว่าประสบการณ์ คงลำบากแน่นอน
แบบนี้ต้องหางานที่เหมาะกับตัวเองมากกว่านี้

เรื่อง career path ที่ว่าจะตันนั้น ผมมองว่าไม่ใช่หรอก...
การเติบโตในทุกสายงาน จะใช้ประสบการณ์มากกว่าทฤษฎีนะครับ ดังนั้นคุณยังเติบโตได้แน่ๆ แต่ต้องไปให้ถูกทาง
จะคาดหวังว่าจะกลายไปเป็น สุดยอด technician คงยากสักนิด (เพราะมันต้องมีทั้งทฤษฎีและประสบการณ์)
แต่ทางของคุณอาจกลายไปเป็นหัวหน้าที่เก่งทั้งบริหาร จัดการ และคุมลูกน้องวิศวกร อันนี้ไม่แน่�
อยู่ที่ว่า คุณชอบทางที่จะเป็นไปหรือเปล่า

ผมชอบประโยคที่คุณบอกว่า คุณค้นพบตัวเอง
เมื่อมั่นใจว่าเจอแล้ว ก็ต้องแยกไปทางที่เชื่อมั่นนั้นล่ะครับ
อาจต้องลองหางานที่ได้ทำอย่างที่ว่า จะเริ่มจากการไปเป็นเซลล์ก็ได้
หากประสบการณ์ทำงานหลายปีพอควร จะลองไปสมัครตำแหน่งผู้จัดการของบริษัทเกี่ยวกับงานคอมพ์ก็น่าลองดู
ไม่แปลกที่จะไปเร่ิมงานผู้จัดการที่บริษัทเล็กๆ อีกสัก 2-3 ปี เพื่อกลับมาเป็นผู้จัดการในบริษัทใหญ่ๆต่อไป

อย่าคิดว่าผิด field เลยนะครับ เรื่องแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องผิดพลาดแต่อย่างใด จุดเร่ิมต้นมันแต่ต่างกัน
แต่ปลายทางอาจเป็นอย่างเดียวกันก็ได้

คนจบวิศวะ เติบโตไปเป็นผู้บริหารก็มากโขอยู่�
จบการเงิน ดันไปเป็นผู้จัดการฝ่ายผลิต
ทำงาน HR แต่กลายไปเป็นหัวหน้าการเงิน
เร่ิมงานจากฝ่ายบริการลูกค้า กลายไปเป็นหัวหน้าเซลล์
มีให้เห็นเยอะครับ...�

ขออภัยที่ตอบไม่ตรงคำถามที่ว่า "จะทำอย่างไรกับอาชีพการงานของตัวเองดี?" เพราะผมไม่รู้จะตอบอย่างไร
มาให้กำลังใจแทนละกันครับ
อย่ายอมแพ้นะครับ โชคดี

จากคุณ : kmin - [ 24 ธ.ค. 49 11:08:06 ]