 แก้โลกร้อน
ตอนนี้มีข่าวเข้าไปยิงนักเรียน แล้วฆ่าตัวตายตามเป็นประจำ
ราวกับว่าจะเป็นข่าวสามัญประจำวัน โลกร้อนยังไม่พอ
ใจคนยิ่งร้อนรุ่มกว่า
หลังจากข่าวการบริจาค 3000 ล้านเหรียญสหรัฐ ริชาร์ด แบรนสัน
ยังคงดำเนินการต่อสู้โลกร้อนต่อเนื่อง
เขากระตุ้นให้สายการบินต้องเป็นสายการบินสีเขียว(Green Airline)
ในวันที่ 27 กันยายน ที่ผ่านมา
เขาได้เริ่มกิจกรรมต่อสู้โลกร้อนทันควัน ไม่มีความเชื่องช้า
ไม่ว่าในธุรกิจหรือกิจกรรมเพื่อสังคมจริงๆ
สำหรับคนที่เคยถูกสอนสั่งจากยายว่า เรามีชีวิตเดียว
ใช้ให้คุ้มค่านะหลาน
เขาเริ่มรณรงค์ด้วยการส่งสารถึงบรรดาผู้ผลิตเครื่องบิน
ผู้บริหารสายการบิน และผู้ดูแลกิจการในสนามบิน
เพื่อให้แต่งตั้งทีมงานเพื่อสู้ภาวะโลกร้อน
โดยได้อฺธิบายรายละเอียดในรายการ บีบีซี
ขณะที่คุณนั่งรอให้เครื่องขึ้นบินนั้น
จะเห็นว่านักบินจะติดเครื่อง 10 นาที ก่อนที่จะบินขึ้น
ข้อเสนออีกข้อหนึ่งคือ เมื่อเครื่องยังจอดที่สนามบิน
ควรต้องดับเครื่อง
ไม่เช่นนั้นจะพ่นคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาทำลายโลก
พร้อมกับเปิดโปงให้เราๆ ท่านๆ ได้รู้ว่า
อุตสาหกรรมการบินของโลกนั้น
ได้สร้างคาร์บอนไดออกไซด์ในกับโลกเราถึง 2 เปอร์เซ็นต์
ซึ่งเขาคาดหวังให้ลดลงมาที่ 1.5 เปอร์เซ็นต์
แล้วยังเรียกร้องให้กิจการยุโรปบินในยุโรปใช้การจราจรน่านฟ้าเดียวกัน
ซึ่งจะทำให้เกิดใช้น่านฟ้าที่เกิดเป็นประโยชน์สูงสุด
การแสดงวิสัยทัศน์เหล่านี้เป็นโครงการนำร่องที่เขาเสนอ
ออกมาเป็นแนวทางปฏิบัติร่วมกันเบื้องต้น
แล้วถ้าได้รับการยอมรับและตอบรับเป็นอย่างดี
เขาจะแถลงไอเดียต่ออีกในนิวยอร์ก
....งบประมาณ 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ
จะถูกนำมาใช้ในการต่อสู้กับโลกร้อนในอีก 10 ปีข้างหน้า
และลงมือปฏิบัติทันที โดยไม่ต้องรอให้โลกต้องร้อนไปกว่านี้
เริ่มที่ธุรกิจ Virgin Fuels ซึ่งลงทุนไปแล้ว 400 ล้านเหรียญ
เป็นการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
โดยถือเป็นโครงการนำร่องอีกโครงการหนึ่งในการจะช่วยโลกร้อน
และจะมีการนำงบประมาณนั้นมาใช้ในเรื่องการวิจัย การพัฒนา การผลิต
และการจัดจำหน่ายไบโอฟูเอล
เขา ยังบอกว่า แต่ก่อนโลกเราพึ่งพิงพลังงานจากถ่านหิน
และจากฟอสซิลมากเกินไป
คนรุ่นเราต้องรู้ว่ายังมีแหล่งอื่นที่ทดแทนได้เท่าเทียมกัน
การบริจาคคราวนี้ ยังทำให้ บิล คลินตัน กล่าวชื่นชม ริชาร์ด
ว่า เป็นการบริจาคในระดับ groundbreaking
และเป็นปรากฏการณ์ที่ดีทั้งสิ้น ไม่ว่าจะต่อโลกของเรา
ต่อตัวเขาเอง และธุรกิจของเวอร์จิ้น
ภาพ ริชาร์ด จับมือกับ อัล กอร์ ต่อหน้า คลินตัน
ให้ความรู้สึกว่า
เขาคล้ายเป็นประธานาธิบดีคนหนึ่งของประเทศแห่งหนึ่ง ที่ชื่อ
เวอร์จิ้น ไม่ใช่ อังกฤษ เพราะไม่มีที่ทางเจาะจงชัดเจน
แต่อยู่ทั้งบนฟากฟ้าอวกาศ กลางใจผู้คน ไม่ต้องใช้กำลังบังคับ และ
ไม่มีการล่าอาณานิคม
ถือเป็นภาวะผู้นำของเขาในฐานะผู้ประกอบการครั้งยิ่งใหญ่
ซึ่งใช้ทั้งวิธีการจูงใจ โน้มน้าวให้คนที่เกี่ยวข้องฟังแล้วตาม
คิดได้ เห็นชอบและปฏิบัติ โดยมองเห็นส่วนรวมเสมอ
และจะสำเร็จได้ย่อมต้องมีความสามัคคี
เพราะธุรกิจของเขานั้น คนอื่นๆ
ทั้งที่เกี่ยวและไม่เกี่ยวกับสายการบิน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า
ล้วนมีผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมทั้งสิ้น
โดยเฉพาะการทำให้อุณหภูมิของโลกเพิ่มขึ้นทุกนาที ทุกวินาที
และตอนนี้ในอวกาศก็เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่คนเรากำลังจะไปสร้างมลพิษ
...ปัญหาโลกร้อนได้รับความสนใจขึ้นมา
จากการที่คนในต่างประเทศร้อนถึงขนาดเสียชีวิตได้
แต่หวังว่าโลกคงไม่อันตรายเกินไปกว่านี้!!!
|