 ไมค์ โอลด์ฟิลด์ ศิลปินคนแรก
คงได้เห็นกันแล้วว่า ริชาร์ด แบรนสัน
แสดงภาวะผู้นำแรกสุดของเขาคือการตัดสินใจลาออกจากโรงเรียน
เพื่อมุ่งมั่นทำหนังสือ เป็นชีวิตที่ไร้ตำรากำกับ
แต่เขาปล่อยให้ปัญหาต่างๆ เป็นห้องเรียน เป็นมหาวิทยาลัย
และแม้จะประสบปัญหาต่างๆ มากมายเพียงใด เขามีคนรอบข้างที่ดีเสมอ
นอกจากครอบครัวอบอุ่นอันเป็นรากฐาน
สิ่งหนึ่งที่ยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติ คือ ข้อเจ็ด Dont lead
sheep, herd cats ในบรรดาเคล็ดลับจากการประมวลของ เดส เดียร์เลิฟ
ที่ได้กล่าวถึงมาเกือบครบ 10 ข้อแล้ว
ริชาร์ด ภาคภูมิใจมากจวบจนทุกวันนี้ แนวทางของเขาชัดเจน
พนักงานของเวอร์จิน
ไม่ใช่แค่พนักงานซึ่งปฏิบัติตนเป็นผู้ตามที่ดี
แล้วคอยรอรับเงินเดือน แต่มีอำนาจในการตัดสินใจ
ราวกับเขาเหล่านั้นเป็นเจ้าของเวอร์จินคนหนึ่ง
ในวันนั้นที่เวอร์จินเริ่มต้น
เขาก็รู้จักเลือกสรรคนที่เข้ามาแบ่งเบาภาระ ถ้าเปรียบ นิค
เพาเวลล์ เป็นเครื่องคิดเลข เป็นสมองในส่วนคำนวณ ไซมอน ดราเปอร์
คงเป็นทั้งหู และรสนิยมในการฟังเพลงของ เวอร์จิน
ส่วน ทอม นิวแมน และคนอื่นๆ ก็คือช่างประจำบ้าน
ที่รักงานเทคนิคและเสียงดนตรีเป็นชีวิตจิตใจ
ไม่มีใครเสียความเป็นตัวตน จนกลายเป็น แกะ
หากแต่ทุกคนคือ แมว ที่มีสัญชาตญาณ ในการกระโจนควบเคลื่อน
และการจู่โจมอันฉับไว
เพราะมันไม่ใช่แค่ความเจริญรุ่งเรืองของตัวเองเท่านั้น
แต่มันคือย่างก้าวที่มั่นคงขององค์กร ชื่อเวอร์จิน
ที่พนักงานสำคัญกว่าลูกค้า (ซึ่งถูกจัดความสำคัญอยู่อันดับ 2)
และ ผู้ถือหุ้น มีความสำคัญอยู่ลำดับ 3 เท่านั้น
ตามลักษณะผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง (Transformational
Leadership) นั้นคุณสมบัติในข้อ Individualized consideration
หรือ การเลือกใช้คนให้เหมาะนั้น ริชาร์ดมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม
แต่การทำธุรกิจนั้น ริชาร์ด พูดเสมอว่า
"มันต้องมาพร้อม Luck หรือ โชค ด้วย"
ส่วนอีกคุณสมบัติหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ อำนาจบารมี
(Charisma) ที่มีลักษณะอันประกอบไปด้วย ความสามารถพิเศษ พรสวรรค์
หรือมนต์สวรรค์ ตลอดจนการมีวิสัยทัศน์
เขาทุ่มเทชีวิตลงไปในการทำงานและเป็นศูนย์รวมจิตใจ
เมื่อมี ไซมอน ดราเปอร์ หนุ่มเวอร์จิน หูทอง ซ้ายจัด
เขาเป็นทั้งด้านบวกและลบ ไซมอนมีความสามารถในการเลือกแผ่น
มีความสามารถอย่างที่ ริชาร์ด แบรนสัน ไม่ว่างพอจะมี
เพราะริชาร์ดไม่เคยมีเวลาได้นั่งฟังแผ่นใดและไม่มีความสามารถในการเปรียบเทียบศิลปินอย่าง
ไซมอนซึ่งรู้จักผลงานดนตรีอมตะที่เลิศล้ำหาตัวจับยาก
แต่ด้านลบนั้นคือ ถ้าศิลปินผลงานดี แต่ถ้าแผ่นไม่ขาย
ย่อมส่งผลกระทบในภายหลัง
เพราะเป้าหมายของค่ายหรือร้านขายแผ่นเสียง
คงต้องการให้คนเข้ามาหยิบแล้วจ่ายเงิน
ไม่ใช่เพียงเข้ามาแล้วปิดทองกราบไหว้แผ่นเป็นแน่
ภูมิหลังของ ไซมอน ดราเปอร์เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องกับ แบรนสัน
หลังจบจากมหาวิทยาลัยในแอฟริกาใต้แล้วต้องการหลบเลี่ยงการเป็นทหาร
จึงเดินทางมาอังกฤษและมาของานทำจากเวอร์จิน
และ ไซมอน ก็มีส่วนในจุดเปลี่ยนสำคัญของ เวอร์จิน
เมื่อพี่น้องนักดนตรี คู่หนึ่ง ไมค์ โอลด์ฟิลด์ โคจรมาพบกับ
เวอร์จิน ในวันหนึ่งที่ ไมค์
กำลังประสบปัญหาไม่มีใครต้องการเซ็นเขาเข้าสังกัด
ด้วยความลุ่มลึกทางดนตรี ที่ล้ำหน้าเกินกว่าชาวประชาจะรับทัน
แต่ ริชาร์ด แบรนสัน และ ไซมอน ดราเปอร์
เมื่อได้ฟังผลงานหลุดโลก(เพลงบรรเลงยาว 45 นาที)
กลับต้อนรับอย่างดี ด้วยการให้ไปอัดที่สตูดิโอ เดอะ แมนเนอร์
ซึ่งถือเป็นห้องอัดอย่างดีในตอนนั้น
ไมค์ คือคนที่ ไซมอน ต้องการให้เป็นศิลปินคนแรก ของ
ค่ายเวอร์จิน จึงจัดการเซ็นสัญญากับ ไมค์ โอลด์ฟิลด์ ในปี 1972
และไปพักบันทึกเสียงกันข้ามปี ด้วยเทคนิคการอัดทับซ้ำไปซ้ำมากว่า
2,300 ครั้ง ซึ่งช่วงเวลาแห่งการรอคอยนั้น ริชาร์ด ยอมรับว่า
พวกเขามีความสุขกันมาก ในการรอฟังเพลงจาก ไมค์ โอลด์ฟิลด์
ในแต่ละวัน
จนอัลบั้มแรก Tubular bells ออกวางขายในเดือนพฤษภาคม ปี 1973
ถือเป็นอัลบั้มประวัติศาสตร์ในการทำยอดขายได้กว่าสิบล้านแผ่นทั่วโลก
และยังขายดีมาจนจวบทุกวันนี้
นี่แหละคือ ศิลปินคนแรก ที่มาพร้อม โชค อย่างที่ ริชาร์ด
แบรนสัน กล่าวไว้จริง ๆ จึงทำให้มีเงินไหลเข้าเป็นระลอก เวอร์จิน
มีเงินหมุนเวียนสะดวกขึ้น อย่างที่ไม่ใครคาดคิดมาก่อน!!!
|