Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    เทคนิคการหางานทำ – คุณวางแผนจะเรียนต่อปริญญาโทหรือเปล่า?

    เทคนิคการหางานทำ –  คุณวางแผนจะเรียนต่อปริญญาโท

    หรือเปล่า?





    เหมือนเป็นเรื่องไม่สำคัญ แต่รู้ไหม ฉันต้องตอบคำถามนี้

    ให้กับบรรดาลูกค้าที่มาขอคำปรึกษาบ่อยที่สุดคำถามหนึ่ง

    ไม่รู้เหมือนกันว่าคำถามนี้เริ่มฮิตใช้กันตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอน

    ฉันหางานไม่ค่อยได้เจอบ่อยนัก อาจเพราะปัจจุบันการ

    เรียนจบแค่ปริญญาตรีไม่เพียงพอแล้วก็ได้  บัณฑิตแทบ

    เหยียบเท้ากันตายในตลาดงาน สู้กัดฟันเรียนต่ออีกนิดเป็น

    มหาบัณฑิต คงพอแข่งขันกับคนอื่นได้มากขึ้น และฉันคิด

    ว่าในอนาคตอันใกล้นี้แค่มหาบัณฑิตก็คงไม่พอ




    หลายมหาวิทยาลัยแข่งกันเปิดหลักสูตรปริญญาโทมาก

    มาย จนทุกวันนี้เดินชนกันไปชนกันมาในมหาวิทยาลัยวัน

    ละหลายรอบอยู่เหมือนกัน สงสัยต่อไปต้องเปลี่ยนคำถาม

    เป็น “คุณวางแผนจะเรียนต่อปริญญาเอกหรือเปล่า?”

    ก็ได้ ใครจะไปรู้




    ผู้สัมภาษณ์ถามคำถามนี้เพื่อจะได้ทราบว่าคุณวางแผน

    เกี่ยวกับการเรียนต่อในอนาคตหรือไม่
    บางตำแหน่งจำเป็น

    ต้องให้เวลากับงานมากเป็นพิเศษ การที่คุณต้องใช้เวลา

    งานไปเรียนบ้างเป็นบางคราวจึงมีผลกระทบกับงานอย่าง

    แน่นอน หรือบางตำแหน่งต้องการความรู้ความสามารถใน

    ระดับปริญญาโทมาสนับสนุนให้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ในอนาคต การที่คุณวางแผนเรียนต่อนับเป็นเรื่องดีของ

    บริษัท ไม่ต้องหาคนใหม่มาแทนคุณ เพราะเวลานี้

    คุณสมบัติของคุณเข้าตาบริษัทแล้ว




    หลายคนกลัวคำถามนี้ ด้วยคิดว่าบริษัทไม่มีนโยบายสนับ

    สนุนการเรียนต่อของพนักงาน กลัวจะไม่ได้งานถ้าตอบไป

    ว่ามีแผนเรียนต่อ
    ฉันขอให้คุณตอบตามความจริงดีกว่า

    ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต อย่างน้อยก็มีการ

    ซักถามเรื่องนี้กันก่อนในห้องสัมภาษณ์ คุณจะได้ทราบว่า

    จริงๆ แล้วบริษัทมีนโยบายให้พนักงานเรียนต่อหรือไม่ ถ้า

    มี ขอบเขตอยู่ตรงไหน มีข้อจำกัดอะไรบ้าง คุณจะได้นำมา

    เป็นข้อมูลในการตัดสินใจต่อไป




    ถ้าคุณกำลังจะเรียนต่อ หรือกำลังเรียนอยู่ ขอให้แจ้งผู้

    สัมภาษณ์ก่อน ถ้าบริษัทไม่มีนโยบายให้เรียนต่อ คุณก็ทำ

    งานนั้นไม่ได้ เว้นเสียแต่คุณสมบัติอันโดดเด่นคับแก้วของ

    คุณจะทำให้บริษัทยอมเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง เพื่อให้

    ได้คุณมาร่วมงานด้วย กรณีนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่เห็นไม่

    บ่อยนัก




    บริษัทส่วนใหญ่มักสนับสนุนการเรียนต่อของพนักงาน แต่

    มีข้อแม้ต่างกันอยู่ว่า คุณต้องใช้เวลางานไปเรียนหรือไม่

    มากน้อยแค่ไหน ถ้าเวลาเรียนไม่คาบเกี่ยวกับเวลางาน มัก

    ไม่มีปัญหา แต่ถ้าต้องใช้เวลางานไปเรียนด้วย อันนี้ต้องมา

    ตกลงกันเป็นรายๆ ไปว่าจะหาทางออกกันอย่างไร เพื่อ

    ประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย
    ถ้าหาทางออกไม่ได้ ไม่

    ต้องเสียดายที่ไม่ได้งานนี้ อาจมีบริษัทอื่นกำลังรอสนับ

    สนุนให้คุณได้เรียนควบคู่ไปกับการทำงานอยู่ข้างหน้าก็ได้




    ถ้าคุณยังไม่มีแผนสำหรับการเรียนต่อ หรือมีแล้ว แต่ยังไม่

    มีกำหนดเวลาที่ชัดเจน ฉันขอให้คุณตอบกลับไปว่า “ดิฉัน

    มีแผนจะเรียนต่อ แต่ยังไม่ทราบว่าด้านไหน ตอนนี้ยังไม่รู้

    ว่าตัวเองชอบอะไรอย่างชัดเจน ขอทำงานหาประสบการณ์

    ก่อน  แล้วค่อยตัดสินใจอีกที”





    คำตอบนี้เป็นกลางที่สุดสำหรับคนที่ยังไม่มีแผน หรือมี

    แผนแล้ว แต่ยังมองไม่เห็นเวลา มันทำให้คุณดูเป็นคนรัก

    ความก้าวหน้า มีการวางแผนชีวิตของตัวเอง ไม่ใช่เลื่อน

    ลอยไร้จุดหมาย และยังเป็นคนใช้ชีวิตอย่างรอบคอบอีก

    ด้วย ไม่ผลีผลามเรียนตามกระแส ขอเรียนตามความชอบ

    และสามารถนำมาใช้งานได้ในอนาคต เอาเป็นว่าคำตอบนี้

    ช่วยชีวิตคุณได้มากๆ แน่นอนในห้องสัมภาษณ์งาน อย่า

    ลืมจำไปใช้นะ ไม่อย่างนั้นคุณอาจถูกมองว่าเป็นคนไร้

    อนาคตไปเลยก็ได้ เดี๋ยวจะหาว่าฉันไม่ยอมบอกวิธีเอาตัว

    รอด…




    เกณฑ์การพิจารณาที่น่าสนใจในการสัมภาษณ์งาน




    นอกจากคำแนะนำทั้งหมดที่บอกไปแล้ว ฉันยังมีเกณฑ์ใน

    การพิจารณาผู้เข้าสัมภาษณ์งานของบริษัทโทรคมนาคม

    ยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งมาฝากกันอีกด้วย เขาจะแบ่งการ

    พิจารณาออกเป็นสองส่วน ดังนี้





    •สิ่งที่สามารถสังเกตเห็นได้




    - สุขภาพสมบูรณ์

    - มีผลการเรียนดี

    - มีไหวพริบในการตอบคำถาม

    - แสดงออกอย่างมีสัมมาคารวะ

    - มีความสามารถในการสื่อความ

    - บุคลิกภาพ การแสดงออก แต่งกายดี

    - แสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล

    - ควบคุมอารมณ์ได้ดี




    • สิ่งที่ไม่สามารถสังเกตเห็นได้




    - การปรับตัวเข้ากับสังคม สภาพแวดล้อม

    - มองโลกในแง่ดี

    - ความซื่อสัตย์สุจริต กตัญญู

    - กระตือรือร้นในการเรียนรู้งาน

    - ความคล่องตัวในการทำงาน

    - หนักเอาเบาสู้  เท้าติดดิน




    เมื่ออ่านจบตรงนี้แล้ว คุณคงพอเข้าใจสิ่งต่างๆ ที่ฉันได้

    บอกมาทั้งหมดมากขึ้น เกณฑ์ที่ยกมาให้เห็นเป็นเกณฑ์

    มาตรฐานทั่วไปที่บริษัทส่วนใหญ่ใช้ในการประเมินผู้เข้า

    สัมภาษณ์งาน อาจแตกต่างกันบ้างเล็กน้อยขึ้นอยู่กับ

    ลักษณะงานและวัฒนธรรมขององค์กร อย่างเช่น ความ

    กตัญญูและสัมมาคารวะจะมีความสำคัญในองค์กรไทย

    มากกว่าองค์กรข้ามชาติ




    ลองอ่านช้าๆ ทีละข้อ แล้วมองกลับมาที่ตัวเอง คุณมีครบ

    ทุกข้อแล้วหรือไม่ ถ้ามีครบ ฉันมองไม่เห็นภาพการว่างงาน

    ของคุณเลย แต่ถ้าไม่ครบ ลองดูสิ ยังขาดข้อไหนอีกบ้าง

    รีบเติมให้ครบก่อนเข้าห้องสัมภาษณ์ หรือถ้าไม่ทันจะเติม

    ให้มั่นใจอีกครั้งในห้องสัมภาษณ์ก็ได้ โดยเฉพาะ “สิ่งที่ไม่

    สามารถสังเกตเห็นได้”
    ซึ่งขึ้นอยู่กับการตอบคำถามและ

    การถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ ให้ผู้สัมภาษณ์ได้รับรู้ว่าคุณมี

    คุณสมบัติตามเกณฑ์ดังกล่าวหรือไม่ มันคือความสามารถ

    ส่วนตัวของคุณแล้วล่ะ แต่ถ้าได้ทำการบ้านมาก่อนบ้าง

    รับรองว่า…คุณเป็นคนที่เขาเลือกแน่นอน




    **********************************************




    ตอนต่อไป  :    เมื่อต้องสัมภาษณ์รอบที่ 2  รอบที่ 3.....




    ***********************************************




    จาก....กลยุทธ์เด็ด คว้างานดี  ชีวิตนี้ไม่มีเตะฝุ่น  โดย

    ปนัฎดา  สังข์แก้ว





    amorntvm@anet.net.th




    http://lungadd.pantown.com/

    จากคุณ : ลุงแอ็ด - [ 23 ม.ค. 50 19:12:46 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom