เทคนิคการหางานทำ ก่อนจบการสัมภาษณ์....
มี 2 อย่างที่ควรทำเพื่อประโยชน์ของคุณเองในอนาคต
หลายคนมองว่าไม่เหมาะนักที่จะทำ แต่ฉันขอยืนยัน
มัน
คือสิทธิ์ของคุณ และไม่มีอะไรเสียหาย
อย่างแรก
ถามผู้สัมภาษณ์ว่าวันนี้คุณเป็นอย่างไรบ้างใน
สายตาของเขา ฉันหมายถึงการสัมภาษณ์งานนะ ไม่เกี่ยว
กับหน้าตา การแต่งตัว ให้เขาประเมินให้ฟังว่าคุณมีข้อดี
อะไรที่ควรคงไว้ มีข้อบกพร่องตรงไหนที่คุณจะนำไปปรับ
ปรุงให้ดีขึ้นในการสัมภาษณ์งานครั้งต่อๆ ไปบ้าง
ผู้สัมภาษณ์เท่านั้นที่จะเห็นว่าคุณเป็นอย่างไรในสนามการ
สัมภาษณ์งานจริง เขาอยู่กับคุณตลอดเวลา แม้คุณกลับไป
เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดในห้องสัมภาษณ์ให้เพื่อนหรือพ่อแม่
ที่บ้านฟัง เพื่อให้เขาวิจารณ์ ฉันรับรองได้ เขาไม่สามารถ
บอกคุณได้หมดหรือบางทีอาจวิจารณ์ผิดๆ ถูกๆ ซะด้วยซ้ำ
ครูที่ดีที่สุดคือคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามคุณในห้องสัมภาษณ์นั่น
แหละ เขาจะบอกคุณได้ และไม่มีวันโกหกคุณเด็ดขาด
อย่ากลัวที่จะถาม มันไม่ใช่เรื่องแปลกหรือหนักหนาอะไร
ข้อมูลที่คุณอยากรู้ทั้งหมดอยู่ในกระดาษตรงหน้าเขาอยู่
แล้ว เพียงเปลี่ยนจากลายมือในใบประเมินมาถ่ายทอดเป็น
คำพูดให้คุณฟังเท่านั้น ดีไม่ดีเขาอาจยื่นใบประเมินนั้นให้
คุณดูเองเลยก็ได้ ซึ่งนับเป็นโอกาสดีที่สุด ที่คุณได้รู้เกรด
ทันทีที่สอบเสร็จ แถมยังมีอาจารย์มาบอกอีกด้วยว่าคุณทำ
ผิดข้อนี้เพราะอะไร น้อยคนนะที่รู้ว่าเกรด D ที่ได้มานั้นไป
พลาดตรงจุดไหน ที่สำคัญอาจารย์มหาวิทยาลัยนี้ใจดีกัน
ทุกคน
เชื่อสิ
อย่างที่ 2
ถามผู้สัมภาษณ์ว่าคุณจะโทรมาสอบถามผล
การสัมภาษณ์วันนี้ได้หรือไม่ และเมื่อไหร่ อ่านถึงตรงนี้ คง
มีหลายคนแอบค้านในใจ ใครจะไปกล้าถามแบบนั้นได้ แค่
เขาเรียกมาสัมภาษณ์ก็เป็นบุญคุณพอแล้ว นั่นแสดงว่าคุณ
ลืมที่ฉันเคยบอกไปก่อนหน้านี้
คุณมีสิทธ์เลือกงานนะ ไม่
ใช่งานจะเลือกคุณได้ฝ่ายเดียวซะเมื่อไหร่
ดังนั้น อย่าให้
ตัวเองเป็นฝ่ายตั้งรับเสมอไป ลองเปลี่ยนบทบาทมาเป็น
ฝ่ายรุกบ้าง ไม่เสียหายหรอก ดีเสียอีก ปัจจุบันบริษัทส่วน
ใหญ่ต้องการคนแบบ Proactive หรือหัวก้าวหน้ามาร่วม
งานกันทั้งนั้น ไม่ต้องมานั่งสั่งทุกอย่าง คนแบบนี้สามารถ
คิดเอง ทำเองได้ แถมไอเดียบรรเจิดอีกต่างหาก
คำถามนี้ทำให้คุณรู้ว่าต้องใช้เวลารอผลนานเท่าไหร่ ถ้ามี
สัมภาษณ์กับบริษัทอื่นแล้วจำเป็นต้องตัดสินใจเลือก คุณก็
สามารถตัดสินใจรับงานที่อื่นได้เลยถ้าบริษัทนี้ยังไม่
ตอบกลับมาภายในเวลาที่แจ้งไว้ ถ้ายังไม่ถึงเวลาที่แจ้ง
คุณก็สามารถกะเวลารอตัดสินใจได้ หรือถ้าอยากรู้ผลการ
สัมภาษณ์ ก็โทรไปถามได้อย่างไม่น่าเกลียดเมื่อถึงเวลาที่
บริษัทแจ้งไว้
การรู้เวลารอผลสัมภาษณ์นี้ทำให้คุณสามารถจัดการกับ
ชีวิตของตัวเองได้ ถ้าบริษัทไม่ตอบกลับมา คุณจะได้ตั้งใจ
หางานใหม่อย่างเต็มที่ ไม่ต้องกังวลว่าจะได้หรือไม่ได้งาน
นี้
เพื่อประโยชน์สูงสุดในสนามการหางาน คุณจึงไม่ควรลังเล
ใจที่จะทำทั้งสองอย่างก่อนเดินออกจากห้องสัมภาษณ์
เพราะ
มันคือสิทธิ์อันชอบธรรมของคุณ
สัมภาษณ์นานแล้ว ไม่ตอบกลับมาสักที
ปกติแล้วกระบวนการตัดสินใจเลือกผู้เข้าสัมภาษณ์งานใน
แต่ละรอบของบริษัทส่วนใหญ่อยู่ที่ 1 ถึง 2 สัปดาห์ ขอ
ย้อนไปก่อนหน้านี้ที่ฉันแนะนำให้ถามผู้สัมภาษณ์ก่อนออก
จากห้องว่า
คุณสามารถโทรเข้ามาสอบถามผลการ
สัมภาษณ์ได้เมื่อไหร่
คำตอบที่ได้รับจะทำให้คุณไม่ต้องกังวลใจกับการโทรเข้า
ไปถามผล หลายคนที่ไม่ถามคำถามนี้ก่อน มักเกิดอาการ
ไม่มั่นใจ กลัวที่ต้องโทรไปถามผลการสัมภาษณ์ เพราะไม่
รู้ว่าถามเร็วเกินไปหรือเปล่า บริษัทตัดสินใจแล้วหรือยัง
คล้ายกับไม่รู้ว่าจะก้าวไปข้างหน้าหรือถอยหลังดี ไม่แน่ใจ
เพื่อลดอาการดังกล่าว ขอแนะนำว่า
ห้ามลืมถามเด็ดขาด
ถ้าคุณอยากเป็นผู้หางานอย่างชาญฉลาด
ถ้าโทรไปถามตามเวลาที่บริษัทแจ้งไว้ แล้วได้รับคำตอบ
ว่า ยังอยู่ในกระบวนการพิจารณา ขอให้สรุปไว้ 2
ประเด็น คือ ยังอยู่ในกระบวนการจริงๆ และ คุณไม่ใช่คนที่
เขาเลือก หลายบริษัทมักไม่บอกผลกับผู้ที่ไม่ผ่านการคัด
เลือก อาจเพราะไม่อยากทำให้ใครเสียใจด้วยคำพูด แต่
เลือกใช้เวลาที่ผ่านไปเรื่อยๆ เป็นตัวเฉลยคำตอบให้ผู้
สมัครคนนั้นรู้ได้เองโดยนัยยะดีกว่า
หากคุณคิดว่ายังอยู่ในกระบวนการพิจารณาจริงๆ ขอให้
ถามบริษัทว่าคุณสามารถโทรเข้าไปถามผลได้อีกครั้งเมื่อ
ไหร่ แล้วโทรไปตามนั้น ถ้าคำตอบที่ได้ยังเป็นเหมือนเดิม
99.99% ขอให้ทำใจยอมรับเถอะ คุณพลาดงานนั้นแล้วแน่
นอน
แต่คุณจะไม่มีทางพลาดงานอื่นๆ ได้อีก ถ้ามีความกล้าเพิ่ม
อีกนิด ลองถามบริษัทดู คุณไม่เหมาะสมกับตำแหน่งนั้น
อย่างไร มีจุดใดบ้างที่ต้องปรับปรุงแก้ไข ไม่ต้องกลัวที่จะ
ถาม มันจะทำให้คุณไม่เสียความมั่นใจและสบายใจมากขึ้น
กับคำปฏิเสธที่เพิ่งได้รับมา
เชื่อสิ
บางครั้งการที่คุณพลาดงานบางงานไปไม่ได้เกิดจากความ
ไม่ดีของคุณ แต่อยู่บนฐานของความไม่เหมาะสมกับ
ตำแหน่งหรือองค์กรนั้นมากกว่า และความไม่เหมาะสมดัง
กล่าวก็ไม่ใช่ความผิดพลาดของคุณแต่อย่างใด ในเมื่อไม่
เหมาะกับงานนี้ ก็ต้องมีสักงานที่เหมาะรอคุณอยู่แน่นอน
แต่คุณยังไม่ได้พบมันก่อนเท่านั้น
นักศึกษาจบใหม่คนหนึ่งมาสัมภาษณ์งาน ด้วยคุณสมบัติที่
ดีทั้งความรู้ ทัศนคติ และบุคลิกภาพของเขา ทำให้ระหว่าง
การสัมภาษณ์ผู้สัมภาษณ์เผลอแสดงความพอใจออกไป
ให้เขาเห็น และยังมีการพูดเปรยๆ ถึงโอกาสของการได้
ร่วมงานกันที่มีสูง หลังการสัมภาษณ์วันนั้น เขาจึงค่อนข้าง
มั่นใจมากว่าจะผ่านการคัดเลือกเข้าทำงานในตำแหน่งนี้
แต่พอมารู้ตอนหลังว่าคนที่ถูกเลือกไม่ใช่เขา อาการสงสัย
จึงเกิดขึ้น เขากล้าถามกับฉัน เขาไม่เหมาะสมตรงไหน มี
อะไรที่เขาทำพลาดไปหรือเปล่า
ฉันบอกไป เขาเหมาะมากๆ กับงานนี้ และผู้สัมภาษณ์ก็เห็น
ว่าเขาจะสามารถทำงานนี้ได้อย่างดีและมีความสุข ถ้าไม่
บังเอิญไปสัมภาษณ์ผู้สมัครอีกคนต่อจากเขาในวันนั้น แล้ว
พบว่าคุณสมบัติของทั้งสองคนคล้ายกันมาก ต่างกันเพียง
คนหลังมีประสบการณ์เกี่ยวกับงานนี้มาก่อนเกือบสองปี
เทียบกับเขาซึ่งยังไม่เคยผ่านการทำงานมาเลย บวกกับ
งานที่ต้องการคนมาสานต่ออย่างรวดเร็ว ไม่มีเวลาเพียง
พอสำหรับการเรียนรู้งานของผู้ที่จบใหม่
ไม่มีอะไรที่เขาพลาด ไม่มีอะไรที่เขาผิด แต่งานนี้ยังไม่
เหมาะกับเขาต่างหาก ฉันโล่งใจที่ได้บอกความจริงกับผู้
สมัครที่ไม่ได้รับเลือกเข้าทำงานคนหนึ่ง เขาเองก็คงโล่งใจ
ที่อย่างน้อยเขาไม่ได้มีอะไรบกพร่อง ความมั่นใจยังคงมี
อยู่เต็มเปี่ยมเหมือนเดิม แถมบางทีอาจมากกว่าเดิมซะด้วย
ซ้ำ ด้วยการเรียนรู้จากประสบการณ์ในการหางานที่เพิ่ม
ขึ้น ฉันเชื่อ วันหนึ่งเขาต้องพบและทำความรู้จักสนิทสนม
กับงานที่เหมาะสมกับเขาด้วยประการทั้งปวงได้อย่างแน่
นอน
อย่าท้อ อย่าโทษตัวเอง ถ้าคุณไม่ใช่คนที่บริษัทเลือก แต่
จงเก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่างๆ ที่ได้รับ แล้วนำมาแปรเป็น
พลังและกำลังใจ เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับการเดินทาง
ครั้งใหม่ที่ดีที่สุดของตัวคุณเอง.......
**********************************************
ตอนต่อไป : เมื่อคุณคือคนที่บริษัทเลือก.....
***********************************************
จาก....กลยุทธ์เด็ด คว้างานดี ชีวิตนี้ไม่มีเตะฝุ่น โดย
ปนัฎดา สังข์แก้ว
amorntvm@anet.net.th
http://lungadd.pantown.com/
จากคุณ :
ลุงแอ็ด 
- [
25 ม.ค. 50 20:56:21
]
เทคนิคการหางานทำ ก่อนจบการสัมภาษณ์....
