ความคิดเห็นที่ 1 ผมเองเริ่มเรียนภาษาใหม่ อีกครั้งเมื่ออายุ 17 เรียนจากหนังสือ เรียนพูด 96 ชั่วโมงด้วยตัวเอง ของอาจารย์ Frank เรียนก่อนไปเมืองนอก ไปตอน 18 วันนี้ย่าง ๆ นึ่ง ๆ 36 ครับผม เกือบ 19 ปีที่คลุกคลีมา ผมยังรู้สึกเลยว่า ถ้าได้คุ้นเคยกับภาษาตอนเด็ก ๆ หรือมีคนมาบอก มาแนะ ผมคงดีกว่านี้ ดังนั้นวันนี้ ผมมีโอกาส ผมจึงอยากมาแนะนำกับน้อง ๆ เพื่อน ๆ ผมจึงเชื่อว่าเรียนผ่านประโยคสำเร็จรูป พร้อมอธิบายไปเรื่อย ๆ + คุณไปหาเรียนเพิ่มเกี่ยวกับการออกเสียงภาษาอังกฤษ ผมว่า work กว่า อย่างน้อย ทำอะไรได้ จะทำครับ @@ จากคุณ : tonmelb - [ 3 มี.ค. 50 22:09:05 A:203.209.121.195 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ผมเป็นกำลังใจให้นะครับ คนกลุ่มใหญ่ของประเทศ ยังติดกับดักการสอบต่าง ๆ เพื่อเข้าเรียนในระดับต่าง ๆ จนไม่ต้องทำอะไรในชีวิตแล้ว ( ขอให้น้อง ๆแบ่งเวลามาเรียนภาษาเพื่อการสื่อสาร เพื่อไว้สัมภาษณ์งาน ไว้ศึกษาต่อ etc) สำหรับคนวัยทำงานนั้นงานที่ตัวเองทำ ภาษาพอพูดได้ เข้าใจได้สื่อสารก็ใช้ได้แล้ว เพราะผมเชื่อว่า เจ้านายคุณสนใจ--- เนื้อหาของงาน, ความสำเร็จของงานมากกว่าความลึกซึ้งของภาษาคุณ— และอยากให้เป็นเช่นนั้น ผมเอาใจช่วยทั้งตัวคุณ และตัวผมด้วยครับ คอลัมน์เก่าครับ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K4868455/K4868455.html (ท่านที่รู้เเล้ว อย่าเพิ่งเบื่อนะครับ เผื่อคนอื่นยังไม่ได้อ่าน กระทู้นี้อยู่ยาวมาก ต้องใช้เวลาอ่าน เเละเขาเก็บไว้ห้องนี้นานเเล้วเหมือนกัน ไม่รู้ว่าจะลบเวลาไหน รีบเข้ามานะครับ) พบกันครับ P.S. 1. นอกจากจะเป็นเรื่องภาษา ผมเองก็หวังว่าการนำประสบการณ์การทำงาน ความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องทั่ว ๆ ไป ฯลฯ มา share กัน น่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย 2. ส่งคำติ แนะนำมาได้ครับ ผมเองไม่อาจจะออกตัวได้ว่า เป็นเซียนภาษาอังกฤษ แค่ I love English. เท่านั้น และอยากให้น้อง ๆ คนรุ่นใหม่เก่งภาษากัน พูดดี เขียนเก่ง ฟังออก อ่านไม่มีปัญหา หวังเช่นนี้มาตลอด จะ post ข้อมูลความรู้เนื้อหาเพิ่มเติม ขอเชิญเลยนะครับ จากคุณ : tonmelb - [ 3 มี.ค. 50 22:09:46 A:203.209.121.195 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อยากเก่งภาษามากๆเลยค่ะ ณ เวลานี้ ตอนนี้บริษัทชื่อดังแห่งหนึ่งได้ตกลงรับเราเข้าทำงานแล้ว ซึ่งจะเริ่มงานในวันอังคารนี้น่ะ เริ่มกังวลใจแล้วสิว่าจะทำให้คนที่รับเราเข้าทำงานผิดหวัง(เราไม่ได้ใช้เส้นสายอะไรเลยนะ) เพราะตำแหน่งที่เราได้ทำนั้นต้องเข้าใจภาษาอังกฤษเป็นอย่างดี เราเองก้อบอกเค้าแล้วนะว่าเราไม่สามารถในเรื่องภาษา เค้าก้อบอกว่าเรื่องนี้พอจะฝึกกันได้ แต่เราเก่งในเรื่องการประสานงาน และเค้าก้อบอกว่าเราบุคลิกดีมาก ดูเป็นสาวมั่นอะไรประมาณนี้ ช่วยบอกวิธีหน่อยนะคะว่าจะทำอย่างไรให้เก่งภาษาภายใน 1 เดือน ทุ่มสุดตัวเลยงานนี้ เพราะมันจะได้กับตัวเองด้วย แนะนำด้วยนะคะ จากคุณ : ice_icecool - [ 3 มี.ค. 50 22:49:56 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เก่งภาษาภายใน 1 เดือน คงทำไม่ได้ แต่ถ้าให้ดีขึ้น ทำได้ค่ะ ^_^ เป็นกำลังใจให้นะค่ะ ก็เพราะภาษาอังกฤษนี่แหละ ถึงต้องตัดใจคิดถึงพ่อกับแม่ มาอยู่เมืองนอก อีกสองปีก็จะจบแล้วค่ะ จากคุณ : wansugar - [ 4 มี.ค. 50 02:10:31 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เห็นด้วยกับ คห.3 ครับ อยากรู้วิธีด้วยเช่นกัน จากคุณ : แสบสนิทศิษย์สามย่าน - [ 4 มี.ค. 50 02:14:05 ]

ความคิดเห็นที่ 6 คุณtonmelb มี email หรือเปล่าคะ คือว่า อยากจะคุยเกี่ยวกับภาษาอังกฤษหน่อยค่ะ จากคุณ : มีน - [ 4 มี.ค. 50 02:49:45 A:202.57.169.178 X: ]

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณมากครับ ที่เอาประสบการณ์มาแบ่งปันกัน โดยที่ไม่มีเจตนาธุรกิจแอบแฝงเหมือนกระทู้อื่นๆ จากคุณ : พรุ่งนี้จะดี (พรุ่งนี้จะดี) - [ 4 มี.ค. 50 07:48:52 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ตอนเย็นจะมาตอบครับ คุณice_icecool ไปสอนหนังสือก่อน 1 เดือน + เทคนิค คำเเนะนำ + ความมุ่งมั่นในการฝึกฝนที่ถูกทางเเละสม่ำเสมอ จากคุณ : tonmelb - [ 4 มี.ค. 50 11:24:39 A:203.209.123.21 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ตอนเย็นจะมาตอบครับ คุณice_icecool ไปสอนหนังสือก่อน 1 เดือน + เทคนิค คำเเนะนำ + ความมุ่งมั่นในการฝึกฝนที่ถูกทางเเละสม่ำเสมอ = จะดีขึ้น เเต่... เเต่... ตามนั่นที่คุณ wansugar บอกไว้ เพราะ1 เดือน คุณก้ได้ประสบการณ์ทางภาษา 1 เดือน ประสบการณ์ทางภาษา( ผมเรียกว่า ชั่วโมงบินทางภาษา) มันช่วยให้คุณมี Commom Sense ที่จะตัดสินว่า คำ, สำนวนที่คุณใช้ ดี ถุกต้องตามที่ฝรั่งเขาพูดไหม ต่อให้คุณพูดภาษาอังกฤากับเพื่อน โดยไม่พูดไทยเลย มันาจจะดีขึ้น เเต่เมื่อเวลาผ่านไป ------ การต่อยอดทางภาษาไม่เกิด------- เพราะที่คุณฝึก ก้ได้เเต่ฝึก เเตคุฯเเละเพื่อนก้ไม่รู้หรอกว่าที่ใช้ไป ผิดหรือถูก ถ้ารังเเต่จะคิดว่า เดี๋ยวจะรู้ไปเอง มันก็ถูกอีก เเต่ถ้าปราศจาก--- คำเเนะนำจากรุ่นพี่ ( mentor) มันกินเวลามากครับ จากคุณ : tonmelb - [ 4 มี.ค. 50 11:25:31 A:203.209.123.21 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 10 คุณ wansugar เป็นอีก 1 ตัวอย่างที่สามารถเป็นกระบอกเสียงสิ่งที่ผมเขียนได้ เพราะกำลังเรียนอยู่ต่างประเทศ ได้รับประสบการณ์จริง ผมพยายามจะสื่อสารเรื่องนี้ว่า อะไรคืออะไร จะเก่งภาษาอย่างไร คือนำความจริงมาเขียน ผมเองเรียนเเละทำงานที่ Melborne มา 14 ปีกว่าเเล้ว ผมรู้ดีเหมือนคุณ wansugar ว่า... ภาษาที่เรียนในมืองไทย ใช้ไม่ได้ อะไรก้ไม่รู้ เเต่ผมถามคุณหน่อย มีกี่คนที่มีปัญหาเมื่อไปเรียนที่ต่างประเทศ จะมาเเบ่งปัน มาเขียนที่นี่ หรือ คนที่มีประสบการณ์จริง ๆ จะมาเปลืองตัวเขียนในเนท หรือกี่คนที่ไม่รู้ จะเข้ามาอ่านที่เวป pantip สังคมไทย ไม่ค่อยให้คนมีโอกาสบอกว่า ------ หนู/ผมก็มีปัญหา 6 ปีกว่าที่ผมพยายามมามาก เวปคุณครูเคท ผมก็พยายามจะเเนะ เเต่เป็นเวปเดียวที่ผมโกรธสที่สุด ทั้งๆที่เป็นเวปที่ผมห่วงที่สุด เพราะเห็นใจคนอยากเก่ง เวปมีสมาชิกเกือบ 5 พัน เเต่วนไปวนมา เเต่การฝึก ไม่ใช่การฝึกผิด เเต่สมาชิกหลายคนไม่ฟัง ความจริงอีกด้านเลย จากคุณ : tonmelb - [ 4 มี.ค. 50 11:30:07 A:203.209.123.21 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เป็นการตอบเเทนกับสังคมเเละคนในห้องนี้ เล็ก ๆน้อย ๆ ผมเเอบอ่านกระทู้ต่าง ๆ ในห้องนี้มาหลายเดือน ปกติประจำที่---- ห้องรวมพลนักเเปล--- ได้ไปอ่านกระทู้เก่า ๆ หรือยังครับ เยอะนะครับ กระทู้หายไปจาก pantip ก็เยอะ เพราะเขียนมาได้ 6 ปีกว่าเเล้ว สะบักสะบอมมาเยอะ ผมถึงต้องเขียนว่า ต้องให้กำลังใจตัวเองด้วย เพราะช่วงหลัง ๆ นี้ ทัศนคติต่อคนในเนท ต่อคนไทย( ว่ามีหลายขี้ + หมั่นไส้) เริ่มทำให้ผมเบื่อ ๆอยาก ๆ อยากหายเข้ากลีบเมฆ เป็นพลังเงียบ หากินไปวัน ๆ Update เเต่ละครั้งใช้เวลามาก เเล้วยังมีคนมาหมั่นไส้อีก รักเธอประเทศไทยเลย ไม่รู้จะต้องพิสูจน์ตัวเองอีกกี่ปี เเล้วเริ่มถามตัวเองเป็นภาษาพ่อขุน ku ต้องสนใจไหมว่ะเนี่ย ไป make money เหมือนชาวบ้านชาวช่อง ดีไหม ใครจะเก่ง ไม่เก่ง พวกนี้ญาติ ku หรือว่ะ ช่วงหลังอารมณ์นี้จริง ๆครับ เบื่อน่ะ คือผมเป็นคนปากกับใจตรงกันนะ อารมณ์อาจจะร้อน เเต่จริงใจ คือผมพยายามจะเบิกเนตรคนเรียนที่เมืองไทยให้กว้างขึ้น เผื่อได้มีโอกาสได้ใช้ภาษาจริง ๆ ไม่ว่าจะไทยหรือต่างประเทศ จะได้เก่งจริง ๆ ไม่เช่นนั้นผมจะมานั่งบื้อ นั่งหลังขดหลังเเข็ง post ทำไม ผมไม่ได้อะไรเลยนะที่เป็นเงินหรือความดัง ----------------------- และก็ไม่อยากได้----------- เพราะงานนอกเต็มแล้ว 6 วันครึ่ง จากคุณ : tonmelb - [ 4 มี.ค. 50 11:37:21 A:203.209.123.21 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ไม่เถียงว่า บางครั้งผมเเรง เพราะเป็นคนเป็นตัวของตัวเอง เชื่อมั่น เเละถือตัวหรือหยิ่งในระดับหนึ่ง เเละเป็นคนน้อยใจ มือวางระดับต้น ๆ ผมเขียน เพราะความปรารถนาดีต่อคนในชาติเดียวกันเท่านั้น ขอให้อ่านคอลัมน์เก่า ๆ เเล้วคุณตัดสินใจเองว่า ผมเป็นคนอย่างไร บางทีอีกไม่นาน งานนอกผมเยอะขึ้น + ผมคิดว่า ไร้ประโยชน์ที่จะมา post เเบ่งปันไปทำไม สังคมไทย คนที่เเกร่งกว่า อยู่รอดอยู่เเล้ว ผมอาจจะไป (แน่นอนผมก็วางใจได้ว่า คนอื่นจะเข้ามาเขียนแทน) จากคุณ : tonmelb - [ 4 มี.ค. 50 11:46:18 A:203.209.123.21 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 13 คอลัมน์เก่า ๆ บางส่วนครับ 1. http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K4868455/K4868455.html 2. http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2006/07/K4518615/K4518615.html 3. http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/K3893728/K3893728.html ( ความคิดเห็นจากเซียน) 4. http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/K3443747/K3443747.html จะ Save/print เก็บไว้ เชิญครับ ฟรีครับ อยากให้อ่านนะครับ เพราะตั้งใจ บรรจงเขียน ไม่อ่านวันนี้ ก็ Save/Print เก็บไว้ เเละผมการันตีเรื่องความถูกต้อง ผมเปิดทางให้เลยว่า ถ้าเซียนท่านใด อ่านเเล้ว ช่วงใด เห็นว่าผิด ว่าต้องคุย Post เข้ามาเลยครับ ผมจะยินดีเป็นที่สุด เพราะผมต้องการให้---------สิ่งที่ดีที่สุดต่อผู้อ่าน----- เพราะบางครั้ง ผมเหนื่อยมากกว่าจะนั่ง Update ก้เกือบสี่/ห้าทุ่มเเล้ว มึนเป็นเหมือนกัน เเต่ขอร้อง อย่าด่า อย่าเเขวะ เรามาร่วมมือกันดีกว่า มาทำให้คนไทยเก่งภาษากันดีกว่า คุณจะเห็นว่า ความตั้งใจสูงนะ นี่ขนาดฟรี ๆ นะ (ฮา) ๒๒๒๒ บางคั้งตอบช้า/ไม่ได้ตอบบางข้อ ขอโทษมา ณ ที่นี้ก่อนเลยนะครับ บางครั้งยุ่งมาก ขอบคุณครับ เฮ้ยจะเที่ยงเเล้วหรือเนี่ย สอนบ่าย 2 ด้วย Good buyครับ ฮา ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : tonmelb - [ 4 มี.ค. 50 11:47:49 A:203.209.123.21 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขออนุญาตนอกเรื่องนิดหนึ่ง.... โดยทั่วไปมักจะเห็นคนพูด หรือ เขียนว่า..... ถ้า.......ตั้งแต่เด็ก ตอนนี้ก็คงไม่ต้อง.....แล้ว อยากบอกว่า คนส่วนใหญ่อาจจะรู้ แต่ก็ไม่ตระหนักถึง จนกระทั่ง "วัยล่วงเลยไปแล้ว" กลับมาสู่เรื่องตามกระทู้.... ขอสนับสนุน และเป็นกำลังใจให้คุณ tonmelb อยากให้คนไทยพูดภาษาอังกฤษได้เป็นส่วนใหญ่ เพื่อประโยชน์ในหลาย ๆ ด้าน ส่วนเรื่องการเขียน และการอ่าน ผมว่า สำหรับคนไทย (ที่ได้เรียนภาษาอังกฤษ) ไม่ด้อยกว่าชาติอื่นนะ จากคุณ : ชาวบ้านไทย - [ 4 มี.ค. 50 12:55:11 A:202.133.135.98 X: TicketID:125394 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ให้กำลังใจคุณ tonmelb ค่ะ คุณกำลังทำสิ่งที่มีประโยชน์และอาจจะช่วยเปลี่ยนชีวิตคนอีกหลายๆ คน ช่วยเขียนต่อไปนะคะ จากคุณ : Without me - [ 4 มี.ค. 50 17:26:24 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณ คุณ tonmelb มากเลยครับ ที่นำสิ่งดีๆมาให้อีกครั้ง จากคุณ : เจ้าลาน้อย (boonsiriPOWER) - [ 4 มี.ค. 50 17:56:21 ]

ความคิดเห็นที่ 17 -------------------------------ขอบคุณทุกคนครับ เป็นกำลังใจซึ่งกันเเละกัน---------- คุณ Without me กระเเสของทุกอย่างเป็นเงิน มือใครยาวสาวได้สาวเอา หมั่นไส้เหลือเกินคนนี้ เป็นเสมือนกระเเสน้ำที่ไหลเชี่ยวกราก ผมเกรงว่า อีกไม่นาน ผมจะหมดเเรงจมน้ำตายก่อน ที่ว่ายทวนกระเเส Update ที นี่ 5 ทุ่มกว่าเเล้วหรือ ยังโชคดีนะที่พรุ่งนี้หยุด เเต่ผมยินดีทำให้ ถ้ารู้ว่าคุณ ๆ ได้ประโยชน์ครับ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ กว่าจะเรียบเรียง โห 5 ทุ่มกว่าแล้วหรือเนี่ย โอมเพี้ยง ขอให้คนที่มาอ่าน เจริญ ๆ รวย ๆ สุขภาพแข็งแรง แฟนสวย แฟนหล่อ + นิสัยดี ขอแนะคุณ ice_icecool ( ผู้อื่นนำไปใช้ได้นะครับ) ฝึกกันได้ครับ สำหรับ ๑ เดือนจากนี้ 5 Mar. – 4 Apr. 2007 tonmelb ขอให้ช่วงเวลานี้เป็นการจุดประกายคุณและทุกคนนะครับ ----------------------------- ทุกอย่างต้องเริ่มจากก้าวแรกก่อน ขอให้จำไว้ว่า กว่า tonmelb จะมาถึงตรงนี้ ก็มีก้าวแรก คุณพร้อมหรือยังล่ะ--------- หลังจากวันที่ 4 April คุณก็ต้องมุมานะต่อไปนะ จากคุณ : tonmelb - [ 4 มี.ค. 50 23:23:21 A:203.107.196.110 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอเล่าประสบการณ์ส่วนตัวนะครับ ผมเองก็มีจุดเริ่มต้นเหมือนหรือคล้าย ๆ คุณice_icecool ณ วันนั้นใกล้คล้ายวันเกิดครบ 17 ปี (2531) เป็นคนเก่งภาษาอังกฤษ แต่พูดไม่ค่อยได้เลย แต่จำได้ว่า ชอบพูด เห็นฝรั่งที่ไหนที่ต้องการความช่วยเหลือ จะตรงดิ่งเข้าไปเลย ช่วงนั้นตัดสินซื้อตำราพูดภาษาอังกฤษ 96 ชั่วโมงมาฝึก ------------------------ เพราะอึดอัด พูดไม่คล่อง ไม่มีประโยคที่จะไว้พูด---------------------- -------------------------- ซื้อมา แล้วนำไปฝึกกับฝรั่งที่วัดพระแก้ว ครับผม--------------- ------------------------ เวลานั้นไม่ได้เรียนในโรงเรียน เตรียมไป Melbourne ครับ แต่ใส่ชุดนักเรียนไปวัดพระแก้ว ไปฝึกภาษาอังกฤษ 3-4 วันทุกอาทิตย์--------------- ---------------บ้านเมืองสมัยนั้น Meeting point ของฝรั่ง (ดีๆ) ยังอยู่ที่วัดพระแก้ว และ ณ เวลานั้นฝรั่งไว้ใจคนไทยมากกว่าสมัยนี้นะ ผมคุยกับฝรั่งหลายชาติ 1-2 ชั่วโมงทุกวัน เย็น ๆ เดินไปขึ้นรถที่ปากคลองตลาด เพื่อขึ้นสาย 12 กลับบ้าน-------------- --------------------------- กลับบ้านมาก็ทบทวน ต้องบอกว่า เวลานั้นก็พูดงู ๆ ปลา ๆ ไม่รู้จัก English Phonics, word/sentence stress, intonation/pitch etc ไม่รู้อะไรเลยครับ ----------------- (English Phonics เนี่ยเขาสอนตั้งแต่ประถม 1 ที่โรงเรียนนานาชาติ หรือโรงเรียนดี ๆ โรงเรียนผมก็สอนแล้ว) ---------------------------ฝึกอยู่ประมาณ 3 เดือนกว่า พูดคล่องขึ้น ฟังออกมากขึ้น แต่ต้องเป็นคำศัพท์ง่าย ๆนะ พื้นฐาน ๆ --------------------------- -------------------------- ผู้อ่านอาจถามว่า แล้วฟังเพลง ดูหนังไหม? ----------------- --------------------- ไม่ครับ ไม่มีคนแนะนำตอนนั้น ไม่รู้ว่า ถ้าฝึกไปร่วมกัน จะเป็นอย่างไร?------------- ไว้ติดตามตอนต่อไป จากคุณ : tonmelb - [ 4 มี.ค. 50 23:24:29 A:203.107.196.110 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ กรุงเทพฯ ๒๕๕๐ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ คุณ ice_icecool และทุกคนมีพร้อมกว่าผมแล้วนะครับ 1. internet 2. CD ฝึกภาษา 3. สื่อต่าง ๆ เช่น หนังสือ ฯลฯ 4. ความตื่นตัวของการเรียนภาษาในบ้านเรา อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน คุณ ice_icecool และผู้อ่าน tonmelb ขอแนะดังนี้ 1 เดือนจากนี้ 1. ถ้าติด UBC ได้ ขอให้ติดครับ แล้วเปิดดู CNN, BBC, CNBC, หนังและละครทุกวัน วันละ 1-3 ชั่วโมง ภารกิจของคุณไม่ใช่ฟังเอาความ ภารกิจของคุณคือ: มีหน้าที่ฟังก็ฟัง ไม่รู้เรื่องก็ฟัง ฟังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ฟังอย่างเดียว อยากให้ลงทุนตรงนี้นะครับ 2. ซื้อหนังสือคู่มือสนทนาภาษาอังกฤษทั้งไทย-เทศมาอ่าน ที่ผมมีอยู่ เช่น English for Hotel Staff, An English Conversation Guide for Thai Office Staff, English Communication, Conversation In Business, ภาษาอังกฤษ สำหรับคนหางาน English for job interview, In Company ของ Simon Clark ( British English), American Hotline ของ Tom Hutchinson etc ลองไปหาซื้อนะครับ ร้านหนังสือจุฬา 3. ไว้ฝึก Phonics เล่มนี้ Up and Away In Phonics Level 1-6 ( American English) + เทป ไว้ฟังทุกทุกวัน จะตอนเช้าหรือก่อนนอนก็ได้ครับ คุณจะได้เรียนรู้การออกเสียง A-Z , short and long vowels, blenders( consonant blend) เช่น bl, br, cl, cr, str etc 4. ฝึกสำเนียง Clear Speech by Judy B. Gilbert, Third Edition ไว้ฟังทุกทุกวัน จะตอนเช้าหรือก่อนนอนก็ได้ครับ เกี่ยวกับ word stress, sentence stress, intonation/pitch ( Music of English) มี Audio CD ด้วยนะครับ ใน1 เดือนนี้คุณพยายามหาโอกาสพูดกับฝรั่ง หรือพูดตามเทป CD ทุกวัน พยายามเลียนเสียงตามเขาให้เหมือนก่อน และอย่าลืมฟังทุกวัน มีสมุดไว้จด short note เช่นเมื่อฟังจากเทป – CD ก็ดีครับ --------------------------- คุณต้องทำตาม Plan นะครับ ---------------- แนะว่าการพูดให้ชัด ต้อง Open your mouth when you speak English. คือปากไปด้วย กล้ามเนื้อบริเวณหน้าและอวัยวะภายในปากต้องไปหมดนะครับ และถ้าเป็นไปได้ คุณ ice_icecool มา post บอกผมได้ไหม ทุกวันศุกร์หรือเสาร์ก็ได้ ว่าเป็นอย่างไร พื้นฐานภาษาคุณ ice_icecool เป็นอย่างไรบ้างครับ? และชอบภาษาไหม? คุณเป็นคนมุ่งมั่น/ใส่ใจ/ตั้งใจแค่ไหน? คุณเป็นคนชอบสังเกตไหม? ไม่รู้ก็ถามหรือปล่อยไป , เป็นคนเชื่อมั่นไหม? และก่อนที่จะได้งานนี้ คุณได้มีโอกาสได้ใช้ภาษาในชีวิตประจำวันหรือเปล่าครับ? ----------------------- เพราะทั้งหมดนี้ก็เป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องว่า 1 เดือนที่ฝึกคุณจะพัฒนาได้มากน้อยเท่าไหนครับ และอนาคตของการเรียนภาษาอังกฤษคุณด้วย -------------------------- ขยันมุ่งมั่น ไม่ยอมแพ้ ขวนขวายหาความรู้ ช่างสังเกต ฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ อดทน จากคุณ : tonmelb - [ 4 มี.ค. 50 23:25:13 A:203.107.196.110 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 20 @@ Note: ในแต่ละอาทิตย์ ผมอาจจะไม่ได้มาเขียนมาตอบทุกวันนะครับ ผมมักจะ Post ในวัน Thurs. - Sun. นะครับ และกว่าจะได้ Post ประมาณนี้ 4-5 ทุ่ม ผมฝากข้อเขียนการออกเสียงที่ผมเขียนไว้นานไว้ให้ฝึกนะครับ @@ Pronunciation เสียง L ๑ ให้ฉีกปาก(ยิ้ม) นะครับ ฉีกให้กว้างเป็นรูปวงรีขนาดกลาง(คล้ายๆรูปวงรีขนาดกลางครับ) ถ้าคุณๆน้องๆทำถูก เเผงฟันเเถวล่างจะยื่นออกมามากกว่าเเผงฟันบน พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ ที่เป็นเช่นนี้เพราะคางยื่นออกไปมากกว่าริมฝีปากบน จึงทำให้ เเผงฟันเเถวล่างจะยื่นออกมามากกว่าเเผงฟันบนครับ ๒ คุณๆน้องๆกระดกปลายลิ้นให้ชนกับเพดานปากบน --เพดานปากบน ( บริเวณหลังเเผงฟันหน้านะครับ) ๓ เเล้วก็คิดถึงศัพท์ที่ขึ้นต้นด้วย L เช่น leg, like, love etc ลองมาออกเสียง Like คุณๆน้องๆกระดกปลายลิ้นให้ชนกับเพดานปากบน ---เพดานปากบน ( บริเวณหลังเเผงฟันหน้านะครับ) เเล้วออกเสียง Like -----ไล้+เคอะเบาๆ ตรงนี้สำคัญ ในขณะที่ ออกเสียง Like เวลาเดียวกันลิ้นจะต้องกระดกกลับลงมาข้างล่างครับ เเต่ปากจะเป็นรูปวงรีขนาดกลางเเบบหยาบๆ ในตอนจบ ( เเผงฟันหน้าค่อนข้างห่างกับเเผงฟันล่าง เเละตรงที่ห่างจะก่อเป็นรูปวงรีขนาดกลางเเบบหยาบๆ) R & L ความเเตกต่างมีดังนี้ (ขอให้ดูฉบับที่ ๘ เสียง R ประกอบด้วยนะครับ) เริ่มต้น เสียง R จะเริ่มที่ทำปากจู๋ หรือปากขนมจีบ ก่อน ต่อจากนั้น เวลาออกเสียงคำที่ขึ้นด้วย R คุณๆน้องๆจะต้องดันลมออกมาจากคอหอยเเล้วออกมาทางปากเลย ในขณะที่ การออกเสียง L จะเริ่มที่ฉีกปากกว้างเป็นวงรีขนาดกลางเเบบหยาบๆ เเละใช้ลมไม่มากเท่า เสียง R นะครับ ตอนจบ จะเหมือนกับการออกเสียง L เพียงเเต่ เสียง R เวลาจบ ปากจะเกร็งในรูปวงรีขนาดกลางเเบบหยาบๆ (เกร็งกว่าตอนออกเสียง L นิดหน่อยครับ) ลองฝึกฝนหลายๆเที่ยวนะครับ ช่วงเเรกๆขอให้ดู(จำ) รายละเอียดก่อน ต่อๆไป จะดีขึ้นครับ @@ จากคุณ : tonmelb - [ 4 มี.ค. 50 23:27:00 A:203.107.196.110 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 21 การออกเสียงภาษาอังกฤษ เสียง B and P เสียง B and P ไม่เหมือนเสียง บ เเละ พ ในไทยนะครับ เสียง B ๑ เม้มริมฝีปากบน-ล่าง เม้มหนักๆ(ง่ายๆ เม้มปาก) ๒ เเล้วออกเสียง เบอะๆๆๆๆๆ ( การที่จะได้เสียง เบอะๆๆๆๆๆ ที่ หนักหน่วงกว่า บ ไทยเรา คุณๆน้องๆต้องใช้ลมดันออกมาจากข้างใน ขึ้นมาชนกับกำเเพงกั้น------ กำเเพงที่ว่านี่คือ ริมฝีปากที่เราปิดอยู่------ ) ใช้ลมประทะริมฝีปากที่เราปิดอยู่อย่างเเรง ๓ พอชนเเล้ว ริมฝีปากที่เราปิดอยู่ จะเปิด (ริมฝีปากบน-ล่างจะดีดออกจากกัน) เสียงที่ได้คือ เบอะๆๆๆๆๆ เเบบหนักหน่วงกว่า บ ไทยเราครับ ถ้างง ลองออกเสียง บึ้ม ถ้าเป็นการออกเสียงเเบบ บ ไทย ปากจะเม้มเบาๆเท่านั้น เเต่ถ้าเป็น บ อังกฤษ ปากจะเม้มหนักมาก ดังนั้นเสียง เบอะ ที่ออกมา จะได้เสียงที่หนักกว่า บ ไทยเราครับ เสียง P ๑ เม้มริมฝีปากบน-ล่าง เม้มหนักๆ (ง่ายๆ เม้มปากนะครับ) ๒ ออกเสียง เพอะๆๆๆๆ ออกมาเบาๆ เเต่ลมที่ออกมาต้องหนัก + เหมือนเล่นเป่ากบครับ ถ้าหนังยางที่ใหญ่ (มันจะเคลื่อนไหวไปข้างหน้าได้ยากถ้าเราเป่าลมออกมาเบาเกินไป ในการที่จะให้หนังยางลอยละลิ่วไป ก็ต้องเป่าลมออกมาเเรงๆ) เหมือนกับออกเสียงตัว P ต้องเป่าลมออกมาเเรงๆ เต็มกำลัง เต็มปอด จากคุณ : tonmelb - [ 4 มี.ค. 50 23:27:58 A:203.107.196.110 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 22 การออกเสียง J ๑ ให้เตรียมห่อปาก( ริมฝีปากบนจะเผยอขึ้น เเก้มจะ ตอบ เพราะคุณสูดอากาศเข้าไป) ๒ เเล้วหาคำศัพท์ที่ขึ้นต้นด้วย J เช่น job, joy ฯ เเล้วออก เสียง J เจอะ ๆๆๆ ๓ ตอนออกเสียง J เจอะ ๆๆๆ สิ่งที่จะเกิดคือ ๔ ริมฝีปากล่างจะลดต่ำลง ๕ ริมฝีปากบนที่เผยอจะงุ้มต่ำลง ๖ สุดท้าย ริมฝีปากบน-ล่าง จะจบที่ท่าฉีกยิ้มครับ ++เสียง ด กับ D เเละ ท กับ T ไม่เหมือนกันนะครับ จากคุณ : tonmelb - [ 4 มี.ค. 50 23:28:53 A:203.107.196.110 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 23 การทำเสียง D เเละ T ๑ D ม้วนลิ้นขึ้น ให้ลิ้นดันเพดานปากด้านบน (เพดานปากด้านบนก็ตรงที่***งฟันบน ๒ ซี่มาข้างใน ไง ครับ) ๒ ตอนนี้ ลิ้นดันเพดานปากด้านบน ๓ ออกเสียง เดอะๆๆๆๆ ให้สนั่นไปเลยครับ เสียง T ทำเหมือนกัน เพียงเเต่คุณออกเสียง เถอะๆๆๆๆๆๆๆๆ รับรองว่าชัดครับ ๑๑ เสียง F ๑ ฟันหน้าตรงกลาง ๒ ซี่ ประกบไปที่ริมฝีปากล่างไม่ ต้องกดหนักมาก ธรรมดาพอ ๒ เเล้วทำเสียง ฟู่ๆๆๆๆๆๆๆ ก่อน ( ตอนนี้ฟันหน้าตรง กลาง ๒ ซี่ ประกบไปที่ริมฝีปากล่างอยู่) ๓ เเล้วออกเสียงเฟอะ (ตอนนี้ริมฝีปากล่างผละจากฟัน หน้าตรงกลาง ๒ ซี่-ไม่ประกบอีกต่อไป) จากคุณ : tonmelb - [ 4 มี.ค. 50 23:29:47 A:203.107.196.110 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เสียง S ๑ ฉีกยิ้ม ให้เห็นฟันบน+ล่าง ๒ ประกบฟันบน+ล่าง ประกบไม่ต้องหนักมากนะครับ ฟันโยกผมไม่รับผิดชอบนะ อิ อิ (ลิ้นอยู่หลังฟันนะครับ) ๓ พ่นเสียง(ลม)ออกมาครับ ผ่านกําเเพงฟันบน+ล่างที่คุณประกบไว้ เสียงที่ได้คือ มันจะซ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ คล้ายเสียงเเก็สรั่วหรือล้อยางรั่ว จะเป็น ซซซซซซซ เสียงสมํ่าเสมอครับ ออกเสียง ซซซซซ ผ่านกําเเพงฟันบน+ล่างที่คุณประกบไว้ ประมาณ ๒-๔ วินาทีครับ จากคุณ : tonmelb - [ 4 มี.ค. 50 23:30:53 A:203.107.196.110 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เสียง V ๑ ใช้ฟันหน้าทั้ง ๒ ประกบไปที่ริมฝีปากล่าง(ประกบตรงกลางของริมฝีปากล่าง) ๒ จะสังเกตได้ว่าในตอนนี้ ริมฝีปากด้านบนจะม้วนขึ้นไปเกือบเเตะรูจมูก ๓ พ่นลมออกมา ในขณะที่ ฟันหน้าทั้ง ๒ ยังประกบไปที่ริมฝีปากล่างอยู่ (ประกบ ตรงกลางของริมฝีปากล่างนะครับ) เสียงจะออกฝู่ๆๆๆๆๆ ออกให้ต่อเนื่องประมาณ 2-3 วินาที ๔ ต่อจากนี้ ให้ออกเสียง V หรือที่มีสะกด เช่น Van, victory ทันทีทีคุณๆร้องๆออก เสียง V หรือที่มีสะกด เช่น Van, victory ริมฝีปากล่างจะดีดออกจากฟันหน้าทั้ง ๒ เเละริมฝีปากด้านบนจะม้วนลงมา เเละพอสิ้นคำ ริมฝีปากด้านบนจะลงมาอยู่ในตำเเหน่งเดิมครับ จากคุณ : tonmelb - [ 4 มี.ค. 50 23:31:38 A:203.107.196.110 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 26 @เสียง K/ C ค----เสียง ค นี้ในภาษาอังกฤษ จะหนักกว่า ค ในภาษาไทย 1-2 เท่าครับ ๑ ให้ฉีกยิ้มกว้าง โดยคุณๆน้องๆต้องให้ฟันเเผงหน้า***งกับฟันเเผงล่าง ช่องที่***ง นั้นให้***งพอที่คุณสามารถเห็นเเผ่นลิ้นครับ ( ให้ฉีกยิ้มค้างๆไว้ จะว่าฉีกยิ้ม ก็ไม่เชิงเเต่ไม่อยากเขียนว่าอ้าปาก ก็กว้างไป เเละรูปปากจะได้เป็นรูปกลม ซึ่งไม่ใช่ในสิ่งที่ผมต้องการ เป็นว่าอ้าปากเล็กๆให้ รูปปากเป็นรูปวงรี ก็คล้ายๆฉีกยิ้มนะครับ เพียงเเต่ฉีกยิ้มจะเเคบ จะไม่เห็นเเผ่นลิ้นครับ ๒ ออกเสียง เคอะๆๆๆๆๆ ให้เต็มที่นะครับ ให้คุณๆน้องๆฝึกที่กระจกระหว่างที่ ออกเสียง เคอะๆๆๆๆๆ เเผ่นลิ้นของคุณจะกระดกเหมือนคลื่นเล็กๆครับ ทั้งนี้เพราะว่าระหว่างที่ ออกเสียง เคอะๆๆๆๆๆ ลมมันดันลิ้นนะครับ ๓ ลองฝึกกับศัพท์ภาษาอังกฤษที่นำด้วย K like key, kind C like cat, can -------------------------------------------------- เสียง M ๑ เม้มปากหนักๆไว้ ( ถ้าคุณทำถูก ริมฝีปากด้านล่างจะหลบหายเข้าไปข้างในปากเกือบหมด ๒ ใน ๓ ประมาณเเบบคร่าวๆ ส่วนริมฝีปากจะหายไปเกือบหมดเช่นกัน เหลือเเต่รอยหยักที่อยู่ตรงกลางนิดหน่อยครับ) ๒ ออกเสียง เหมอะๆๆๆๆๆๆ ออกมา ( เหมือนตัว B คุณต้องใช้ลมดัน เวลาออกเสียงตัว M) ๓ ในเวลาเดียวกัน ทันทีทีคุณออกเสียง เหมอะๆๆๆๆๆๆ ออกมาริมฝีปากบน-ล่างจะดีดออกจากกันในกระจกคุณๆน้องๆจะเห็นว่าพอออกเสียง เหมอะ หมด รูปริมฝีปากบน-ล่างจะดีดออกจากกัน-----จะเป็นรูปคล้ายๆวงรี จากคุณ : tonmelb - [ 4 มี.ค. 50 23:32:46 A:203.107.196.110 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณมากๆเลยนะคะ คุณ tonmelb เรามีความตั้งใจในเรื่องภาษามานานแล้วล่ะค่ะ ตอนจบ ม.3 ใหม่ๆก้อไปเรียนต่อโรงเรียนนานาชาติได้ 1 ปี แต่มีเหตุต้องออกเนื่องจากต้องย้ายที่อยู่ไปจังหวัดอื่น หลังจากนั้นก้อพักไปอีก 1 ปี เรียนต่ออนุปริญญาก้อยังสนใจเรื่องภาษา จึงไปเรียนต่อธุรกิจการท่องเที่ยว(ใจอยากลงปริญญาตรีเลย แต่เค้าไม่เปิดในเทอมนั้น) พออนุฯจบแล้วก้ออยากจะต่ออีกแต่ปีนั้นเค้ายกเลิกธุรกิจท่องเที่ยว 2 ปีหลังซะนี่ ถ้าจะเรียนก้อต้องไปเรียน 4 ปีใหม่แล้วเทียบวิชาที่เรียนมาแล้วเอา แล้วบังเอิญจังหวะนั้นได้งานใหม่ด้วย(ก่อนหน้านี้ทำงานโรงแรม ตำแหน่ง Font Office) งานใหม่ก้อเกี่ยวกับศูนย์การค้า ก้อเลย เดี๋ยวมาต่อใหม่นะ จากคุณ : ice_icecool - [ 5 มี.ค. 50 23:26:43 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เสียง V ๑ ใช้ฟันหน้าทั้ง ๒ ประกบไปที่ริมฝีปากล่าง(ประกบตรงกลางของริมฝีปากล่าง) ๒ จะสังเกตได้ว่าในตอนนี้ ริมฝีปากด้านบนจะม้วนขึ้นไปเกือบเเตะรูจมูก ๓ พ่นลมออกมา ในขณะที่ ฟันหน้าทั้ง ๒ ยังประกบไปที่ริมฝีปากล่างอยู่ (ประกบ ตรงกลางของริมฝีปากล่างนะครับ) เสียงจะออกฝู่ๆๆๆๆๆ ออกให้ต่อเนื่องประมาณ 2-3 วินาที ๔ ต่อจากนี้ ให้ออกเสียง V หรือที่มีสะกด เช่น Van, victory ทันทีทีคุณๆร้องๆออก เสียง V หรือที่มีสะกด เช่น Van, victory ริมฝีปากล่างจะดีดออกจากฟันหน้าทั้ง ๒ เเละริมฝีปากด้านบนจะม้วนลงมา เเละพอสิ้นคำ ริมฝีปากด้านบนจะลงมาอยู่ในตำเเหน่งเดิมครับ @เสียง K/ C ค----เสียง ค นี้ในภาษาอังกฤษ จะหนักกว่า ค ในภาษาไทย 1-2 เท่าครับ ๑ ให้ฉีกยิ้มกว้าง โดยคุณๆน้องๆต้องให้ฟันเเผงหน้า***งกับฟันเเผงล่าง ช่องที่***ง นั้นให้***งพอที่คุณสามารถเห็นเเผ่นลิ้นครับ ( ให้ฉีกยิ้มค้างๆไว้ จะว่าฉีกยิ้ม ก็ไม่เชิงเเต่ไม่อยากเขียนว่าอ้าปาก ก็กว้างไป เเละรูปปากจะได้เป็นรูปกลม ซึ่งไม่ใช่ในสิ่งที่ผมต้องการ เป็นว่าอ้าปากเล็กๆให้ รูปปากเป็นรูปวงรี ก็คล้ายๆฉีกยิ้มนะครับ เพียงเเต่ฉีกยิ้มจะเเคบ จะไม่เห็นเเผ่นลิ้นครับ ๒ ออกเสียง เคอะๆๆๆๆๆ ให้เต็มที่นะครับ ให้คุณๆน้องๆฝึกที่กระจกระหว่างที่ ออกเสียง เคอะๆๆๆๆๆ เเผ่นลิ้นของคุณจะกระดกเหมือนคลื่นเล็กๆครับ ทั้งนี้เพราะว่าระหว่างที่ ออกเสียง เคอะๆๆๆๆๆ ลมมันดันลิ้นนะครับ ๓ ลองฝึกกับศัพท์ภาษาอังกฤษที่นำด้วย K like key, kind C like cat, can -------------------------------------------------- เสียง M ๑ เม้มปากหนักๆไว้ ( ถ้าคุณทำถูก ริมฝีปากด้านล่างจะหลบหายเข้าไปข้างในปากเกือบหมด ๒ ใน ๓ ประมาณเเบบคร่าวๆ ส่วนริมฝีปากจะหายไปเกือบหมดเช่นกัน เหลือเเต่รอยหยักที่อยู่ตรงกลางนิดหน่อยครับ) ๒ ออกเสียง เหมอะๆๆๆๆๆๆ ออกมา ( เหมือนตัว B คุณต้องใช้ลมดัน เวลาออกเสียงตัว M) ๓ ในเวลาเดียวกัน ทันทีทีคุณออกเสียง เหมอะๆๆๆๆๆๆ ออกมาริมฝีปากบน-ล่างจะดีดออกจากกันในกระจกคุณๆน้องๆจะเห็นว่าพอออกเสียง เหมอะ หมด รูปริมฝีปากบน-ล่างจะดีดออกจากกัน-----จะเป็นรูปคล้ายๆวงรี March 10, 2007 สวัสดีครับ ผู้อ่านฝึกภาษาไปถึงไหนแล้ว คุณ Ice ไปถึงไหนแล้วเอ่ย ผมเขียนด้วยความหวัง เขียนด้วยความเป็นห่วงและจริงใจ ว่าเราจะฝ่าฝันไปได้ด้วยดีกับการเรียนภาษา ขอแนะคุณ ๆที่เพิ่งจะกลับมาปูพื้นฐาน/ทบทวน-เรียนใหม่ และตัวเองก็ 1. เป็นคนทำงานแล้ว ทั้งที่เพิ่งเริ่มต้นและทำมานานแล้ว 2. จะเรียน(พูด) ไปสัมภาษณ์งาน / ไปสอบ ไปศึกษาต่อ ---------------------- ถึงเวลาคุณไม่ค่อยจะมีที่จะทุ่มเท แต่ต้องทุ่มเท และทำใจกับข้อจำกัดที่เป็นอยู่ นอกจากทำใจแล้ว ต้องพยายามทำความเข้าใจและพยายามแก้ไข ทำให้ดีที่สุด---------- -------บ่อยครั้งที่ผมต้องให้กำลังใจให้กับนักเรียนที่เป็นผู้ใหญ่ เรื่องความรู้สึกที่เกิดท้อขึ้นมา เกิดง่ายมากครับ- คุณพร้อมสู้หรือเปล่าล่ะ? คุณต้องตอบตัวเองก่อนว่า คุณต้องการมันจริง ๆ หรือเปล่า? ทำไมคุณถึงต้องมานั่งเรียนใหม่ตอนเย็นหลังเลิกงาน ทั้งเสียเงินเอง หรือบริษัทจ่ายให้ก็ตาม? เพราะคุณมีข้อเลือกที่จะหยุดเรียนได้ทันที มิใช่หรือ? ถ้าไม่อยากเรียนมัน ทรมานและเสียเวลานะครับ และต้องเข้าใจให้ตรงกันเลยว่า มันมีความแตกต่างระหว่าง เวลาไม่ค่อยจะมีที่จะทุ่มเทกับเวลามีไม่มี แต่ไม่เคย[ทุ่มเท] เลย ผมอยากให้คุณทำใจว่า ถ้ามันจำเป็นต้องใช้ คุณต้องพยายามให้ถึงที่สุด ( ถ้าคุณชอบภาษาอยู่เป็นทุนแล้ว ข้อนี้ผมไม่เป็นห่วง เพรายังไงคุณก็ต้องมีพยายามในระดับหนึ่งอยู่) คุณมาเรียนตอนโต เวลามีน้อยอยู่นี้ เหนื่อยจากทำงานอยู่แล้ว ไฟอาจจะมอดในเรื่องเรียนภาษา --------- ถ้าไม่ตั้งใจ จะได้อะไรล่ะครับ------------ จากคุณ : tonmelb - [ 10 มี.ค. 50 19:49:00 A:203.209.121.200 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 29 @@ การเขียนที่ผ่านมา ผมมันส์มากเลย ผมอธิบายแบบลง(ค่อนข้าง)ลึก เช่น ยกมา ๑ ประโยค ผมก็อธิบายเลยว่าทำไม่ ประโยคนี้สวยอย่างไร เนียนอย่างไร ดีอย่างไร ทำไมผู้เขียนถึงใช้ศัพท์นี้ etc ------------------------------ผลคือ: คนไม่อ่าน ไม่ตรงความต้องการ ------------------ คอลัมน์นี้จะต่างกับข้อเขียนที่ผ่าน ๆมา มันเป็นการพัฒนาขึ้นไปอีก หรือ ปรับเปลี่ยน tonmelb ต้องการให้---เข้าถึง--- คนหมู่มากมากขึ้น เข้าถึงคนที่ภาษาไม่ค่อยแข็งแรงมากขึ้น ข้อเขียนมันจะได้เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านจริง ๆ สมดังที่ตั้งใจไว้ เพราะการ update แต่ละครั้ง มันใช้เวลามาก @@ จากคุณ : tonmelb - [ 10 มี.ค. 50 19:50:07 A:203.209.121.200 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 30 จึงตั้งใจว่า 1. ประโยคสำเร็จรูปที่ tonmelb เลือกมาลง มาเล่น ให้นำไปใช้พูดได้เลย รับรองว่าสวย ว่ามันดีนะ ประโยคที่ดี ไม่จำเป็นต้องเป็นประโยคเว่อร์นะ ไม่ใช่ประโยคแบบภาษาหนังสือ ประโยตธรรมดาเนี่ยแหละ ที่เรา ๆคนไทยไม่เคยเจอ ( ถ้าไม่ได้เป็นคนอ่านหนังสือ) ประโยคดี ๆ จะทำให้การพูดคุณเป็นธรรมชาติ(เป็นประโยคที่ฝรั่งเขาใช้กัน ในสถารณการณ์นั้น/นี้) ไม่ใช่แต่งขึ้นมาเอง 2. ให้อย่างเดียว แต่จะไม่อธิบายมาก จะไม่อธิบายลึกมาก ชิลด์ ๆ ไว้ ( โห tonmelb ไม่เข้ากับนิสัยใจคอเลย ชิลด์ ๆ ) 3. มาเขียนบอกแบบ----- บอกเล่าสู่กันฟัง----- คำแนะนำในการเรียนภาษาจะมีทุกครั้ง 4. แบ่งปันประสบการณ์การทำงาน ข้อคิด ยิ่งเทอมหน้านี้ tonmelb คงได้ลงเต็มตัว คงมีอะไรมาเขียนเล่าสู่กันฟังครับ จากคุณ : tonmelb - [ 10 มี.ค. 50 19:50:53 A:203.209.121.200 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ขอแนะเรื่องการออกเสียงสักนิดนะครับ พูดภาษาอังกฤษต้องคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้(ในมุมมองของผม และวิธีที่ผมใช้และยึดถืออยู่) 1. ความหมายในระดับคำและสำนวนต้องใช้ให้ถูกต้องความหมาย ชัดเจน 2. คำ, สำนวนและประโยคที่พูดต้องชัดเจน 3. นอกจากต้องออกเสียงให้ชัดถ้อยชัดคำแล้ว เมโลดี้ต้องแพทเทรินเดียวกับ(มาตรฐาน)ที่ฝรั่งเขาใช้กัน เขาเข้าใจกัน คนไทยเราขาดข้อ 2และ 3 มากในเรื่องการพูดนะครับ เรื่องประโยคสำเร็จรูปที่ผมจะให้ ( ผมมีแนวโน้มที่จะคัดลอกประโยคเหล่านี้จากหนังสือต่างประเทศที่ผมอ่านนะครับ หนังสือไทยก็มีบ้าง แต่จะน้อย เพราะคุณสามารถหาซื้อ หาอ่านได้) + คุณได้จากคนใจดีท่านอื่น ๆ + หาซื้อหนังสือมาอ่าน ----------------- ประโยคเหล่านี้ต้องมาพร้อมกับการออกเสียงที่สุดยอดที่คุณจะพยายามให้ดีที่สุด นี่คือสิ่งที่ผมจะให้คุณ---------------------------- ผมถึงเน้น----------- การออกเสียงมาก ๆ นะครับ---------- But, no! English grammar is not to blame. จากคุณ : tonmelb - [ 10 มี.ค. 50 19:51:48 A:203.209.121.200 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 32 @@ ถ้าคุณต้องการสื่อสารให้ฝรั่งเข้าใจต้องทำความเข้าใจดังนี้ 1. Don’t rush things. ไม่ใช่พบฝรั่งครั้งใด พูด ๆๆๆๆๆ พูดเร็วมาก แบบพูดให้มันจบ ๆไป อาย เขิน ไม่มั่นใจ ฯลฯ tonmelb อยากให้คุณละเมียดละไม พิถีพิถันกับการพูดคุยกับมนุษย์บนโลกที่เราเรียกเขาว่า “ ฝรั่ง” ครับ ( จริงอยู่ จะละเมียดละไมยังไงก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าออกเสียงไม่ถูก ครับ ข้อนี้คุณเรียนได้จากข้อเขียนผม+ท่านอื่น ๆ ได้ แต่ที่ผมกล่าวถึงเนี่ย ผมจี้ไปที่ “ นิสัย” ของคนไทยส่วนมาก คือมีความพิถีพิถันและตั้งใจกับสิ่งที่ทำอยู่น้อยลง) ----------- ให้คิดว่า ฝรั่งที่อยู่ตรงหน้า คือญาติสนิทมิตรสหาย (ไม่ใช่ยักษ์)ที่ไม่ได้พบเจอะเจอกันมาแรมเดือน แรมปี เมื่อพบกัน ก็ต้องคุยกันนาน ๆ ------------- 2. ภาษาพูดเขามีท่วงทำนอง music of English, the rhythm, intonation ( rise and fall in the pitch of the voice) and stress pattern etc ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณต้องให้เวลา ต้องใส่ใจศึกษาไว้ เพราะมันจำเป็นต่อการออกเสียง---------- tonmelb พูดตรง ๆเลยนะครับ คนไทยหลาย ๆคนที่ตกม้าตาย เรื่องนี้ ไม่ต้องไปหาเหตุผลอื่นไกล มีเรื่องเดียง คือความไม่เอาใจใส่ น่าเศร้าแต่เรื่องจริง ภาษาไทยของเราเอง ก็ไม่ใส่ใจอยู่แล้ว แต่โทษที ภาษาอังกฤษมันไม่ปล่อยให้คุณ ๆทำกับมันแบบภาษาไทยได้ คุณไม่ใส่ใจ ปัญหาของการออกเสียงก็จะเกิดแบบนี้ และอาจจะทำให้คุณไม่ได้งาน ไม่ได้เลื่อนชั้น etc การพูดภาษาอังกฤษทั้งในระดับคำ/สำนวนและประโยค สำคัญมากที่คุณต้องเรียนรู้เรื่อง Stress and intonation, focus จากคุณ : tonmelb - [ 10 มี.ค. 50 19:52:23 A:203.209.121.200 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 33 @@ เสียงสูง-ต่ำ เน้นไม่เน้น สำคัญมาก คำที่เน้น มีดังนี้ คำนาม, คำกริยาแท้, adjectives, adverbs, negatives (e.g. can’t), wh-Question words and demonstratives ไม่เน้น /พูดครึ่งเสียง ไม่หนัก มีดังนี้ Articles, conjunctions, pronouns, prepositions, helping verbs, and contractions ทุกครั้งที่คุณพูด ให้คิดว่า จังหวะการพูดมี 3 จังหวะ มี 1. 2. และ 3 เบา--- ไม่เบา--- ดังชัด คุณจะทำเป็น 3 จุด หรือตัวเลขก็ได้ หรือถ้าไม่แบ่งเป็น 3 ช่า ก็แบ่งเป็น 2 ค่ายใหญ่ ๆ คือ ค่าย Strong Stress กับ ค่าย Weak Stress เช่น on (2) the (1) desk (3) = On the DESK ครับ เสียง the ต้องเบา/ต้องออกครึ่งเสียงเหมือนจะหายไปเลย เสียง on ที่ไม่ต้องเน้นมากเพราะมันอยู่ในกฏที่ไม่ต้องเน้น (มันเป็น prep. แต่อาจจะมีคนถามว่า the ก็อยู่ในกลุ่มเดียวกับ Prep. เหมือนกัน ทำไมเสียงถึงไม่หายไป หรือเสียงควรอยู่ในระดับเดียวกัน จากคุณ : tonmelb - [ 10 มี.ค. 50 19:53:04 A:203.209.121.200 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 34 @@ อธิบายว่า ในวลีหรือประโยค ผู้พูดจะตามกฎแบบนั้นถึง 100% ไม่ได้ครับ on the desk นั้น ผู้พูดต้องเน้น DESK เพราะเป็นคำนามก็จริง เพราะเป็นความหมายหลัก แต่ในขณะเดียวกัน คุณจะให้เสียงก่อน on the เป็นเสียงเดียวกัน ไม่ได้ ต้องให้เสียง on หนักกว่า the นิดนึง เน้นกว่านิดนึง เพื่อให้เกิดจังหวะจะโคน ท่วงทำนองด้วย นั่นคือจังหวะ 3 ช่าที่ผมให้ เพราะเทคนิคที่ผมให้ ( จากการสังเคราะห์ข้อมูลจากหนังสือ) 1 กับ 2 นั้น ไม่ต่างกันมากนัก ไม่ดังกว่ากันมากนัก ทั้ง 1 and 2 อยู่ในกลุ่ม medium / weak stress -------------------------------- tonmelb ถึงได้เขียนไงว่า ถ้าคุณไม่ใช้ 3 ช่า ใช้ 2 ค่ายใหญ่ก็ได้ครับ --- จากคุณ : tonmelb - [ 10 มี.ค. 50 19:53:39 A:203.209.121.200 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 35 @@ คุณลองฝึกดูครับ on the table/desk/wall, under the lamp, at the airport/door It’s (1) on (2) ( ซอน) the (1) DESK(3). = On (2) the (1) DESK (3) TONMELB (3) / She (1) TEACH (3) (c) chES (1) ENG (3) (g) lish (1) I (2) can (1) go (3) to (1) MOR (3) row. (1) เสียงที่ออกมาจะไม่ใช่ราบเรียบเท่ากันหมด แต่จะมีสูง/ต่ำ หนัก/เบา/ กระซิบกระซาบ ฟุดฟิดโฟไฟ อย่างแท้จริงครับ -------------------------------------------- และฟัง/ดูหนัง Sitcom ข่าวเยอะ ๆ ใช้สิ่งที่คุณฟังนี้เปรียบเทียบกับเสียงคุณที่คุณใช้เทคนิคนี้ ผมเรียกว่า เทคนิค 3 ช่า ทำบ่อย ๆ ---------------- ---------------- ผมใช้วิธีนี้ และตอนนี้คุณเชื่อไหม? ผมเปิดวิทยุฟังรายการไทย( แต่เสียงต้องเปิดไม่ดังนัก) พร้อมกับฟังข่าวจาก CNN and CNBC etc (แต่เสียงต้องเปิดไม่ดังนัก) ตรงนี้อาจจะเป็นการฝึกที่แอดวานท และคุณต้องมีชั่วโมงฝึกภาษาอยู่พอสมควร ผมไม่แน่ใจ แต่ผมพบว่า สนุกดีในการแยกเสียงทั้ง 2 เสียงในเวลาเดียวกันครับ---------------------------- จากคุณ : tonmelb - [ 10 มี.ค. 50 19:54:22 A:203.209.121.200 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 36 @@ ต้องรู้จัก Thought groups (T G คือ คำสุดท้ายของประโยคที่อาจจะเป็นวลี, อนุประโยคหรือประโยคหลัก เสียงของมันต้องลงต่ำ และลาก (เพื่อให้เวลากับประโยคที่ 2 ที่จะตามมาต่อ) a slight drop and a brief pause (Pausing) -------------------- นี่เป็นลักษณะเฉพาะของสำเนียงอเมริกันครับ ถ้าเป็นอังกฤษจ๋า End of a thought group จะมี pitch ที่สูงเด่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัดครับ --------------------- Slight drop and a brief pause จะทำให้ภาษาพูดคุณเป็นธรรมชาติมากขึ้น เพราะนั่นคือสิ่งที่คุณต้องเรียน ต้องทำให้ได้ ถ้าอยากพูดภาษาให้เขาเข้าใจนะครับ มันจะเหมือนห้องดนตรี เช่น Many girls/ want to have/ tonmelb’s pics. Ton leaves for work/at six a.m./every morning. ( ช่องว่างระหว่าง Ton กับ leaves อาจจะไม่ถึงพูดติดกันนะครับ) I would like/to send/these cards/ to Melbourne. ควรรู้จัก Blending (ผมเรียกว่า การควบกล้ำ ภาษาไทยเรามี) จากคุณ : tonmelb - [ 10 มี.ค. 50 19:55:19 A:203.209.121.200 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 37 @@ 1. To succeed in work and life, you need both intelligence and effort. (or needs ) คุณต้องมี/คุณต้องใช้สมองและความพยายาม ผมชอบประโยคนี้นะ เพราะดี ได้ใจความดี 2. I know that we can count on your unfailing co-operation and support. เราเชื่อมั่นว่า เราสามารถพึ่ง/ไว้ใจได้ว่าเราคุณจะให้ความร่วมมือและแรงสนับสนุน(ที่มีให้เสมอมา) ผมไม่แปลตรงตัวมากนักนะครับ expressions เช่นนี้ ความหายในภาษาไทยถ้าเรียงคำ อาจจะไม่ใช่ในสิ่งที่ผมเขียน แต่ผมจะเน้นถึงความหมายว่า ที่ฝรั่งเขาพูดกับคุณอย่างนี้ เขาหมายถึงอะไรเมื่อจะเข้าใจเป็นไทย เมื่อต้องแปลความให้เพื่อน ฯลฯ 3. How do I best communicate? ถ้าคุณเป็นอาจารย์หรือ presenter หรือคนที่ต้องสื่อความ คุณต้องถามตัวเองประโยคนี้ 4. What important skills and knowledge do you have? ถ้าถูกถามเช่นนี้ ต้องเตรียมคำตอบนะครับ 5. Who are the children experiencing difficulties? เด็กคนไหนที่มีปัญหา(การเรียน etc) จากคุณ : tonmelb - [ 10 มี.ค. 50 20:00:31 A:203.209.121.243 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 38 6. I have an intense interest in English. I have an intense dislike for careless work. ผมชอบ/สนใจภาษามาก ๆ /ชอบอย่างยิ่ง , ผมไม่ชอบเป็นอย่างมากต่องานแย่ ๆ 7. I have a deep love of something. 8. You are valued as a person. มีคนให้ค่ากับคุณเป็นคน / เห็นคนเป็นคน มีความรู้สึก และสมควรได้รับความเคารพ เกียรติ ฯลฯ 9. You will make a hit with good manners. คุณจะเป็นที่ชื่นชอบของคนอื่นด้วยมรรยาทที่ดีของคุณเอง 10. I care for you. ผมเป็นห่วงคุณนะครับ 11. Rabbit burrow ถ้ำหรือรังกระต่ายที่อยู่ใต้ดิน 12. English deserves your attention and respect. ตรงนี้สำคัญนะครับ เรียนภาษาแบบงั้น ๆ แบบซังกะตาย แบบคนตายไปแล้วครึ่งตัว หรือมีความรู้สึกว่าถูกบังคับ ต้องใส่ใจ ต้องตั้งใจ ต้องมุ่งมั่น ต้องอ่อนน้อม ต้องฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ ต้องขวนขวาย @@ จากคุณ : tonmelb - [ 10 มี.ค. 50 20:01:18 A:203.209.121.243 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้นะครับ เมื่อคืน tonmelb ดูรายการ The Business of Innovation ทาง CNBC พูดถึง สตีฟ จ๊อบส tonmelb ชอบมากอยู่แล้ว สุดยอดคน ๆนี้ The Suzi Orman Show ทาง CNBC ก็น่าติดตามครับ เป็นเรื่องคำแนะนำเกี่ยวกับเงิน ๆทอง ๆ และในระหว่างที่ Update ผมดู CNN เขารายงานว่า Demand for expensive brands in China is booming จนผู้สื่อข่าวเขาให้คำจำกัดความว่า ณ ปัจจุบัน ในเมืองจีนต้องเนี่ยเลย The Bing Dynasty B stand for brands คุณได้อะไรอีกมากนอกจากภาษาจาก CNN, BBC and CNBC ที่ Australia มี CNN, BCC, NBC = CNBC และ CBS ฟรีครับ คุณมีนครับและท่านอื่น ๆ ที่ขอเมล์ไว้ เมล์ใหม่ tonmelb@yahoo.co.th แต่อย่าพึ่งเคืองกันนะครับ บางครั้งบางคราว ผมอาจจะไม่มีเวลาตอบได้ทุกครั้ง หรือตอบอย่างละเอียด @@ และขอจบการ Update ด้วยความหวังสิ่งที่ผมเขียน จะทำให้คุณลุกขึ้นมาสู้ มาขยัน เปลี่ยนแปลงตัวเอง มีพลังต่อสู้กับมัน ผมอ้างถึง AF หรือ The Star เสมอ เพราะผมได้เห็นว่า คนรุ่นใหม่มีพลังแค่ไหน ในการต่อสู้เพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองใฝ่ฝัน คือการเข้าวงการบันเทิง บวกภาษาอังกฤษ ไปอีก ๑ ได้ไหม? ความรู้ภาษาอังกฤษมันมีประโยชน์หมดล่ะครับ กับทุกเพศทุกวัย ใช่ อาจจะไม่กับทุกคน นี่คือชีวิตคุณ เลือกว่าจะเรียนภาษาหรือไม่นั้น สุดแล้วแต่คุณ แต่ I want you to go for it จากคุณ : tonmelb - [ 10 มี.ค. 50 20:02:35 A:203.209.121.243 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 40 หวาดดี tonmelb มาเป็นกำลังจายห้าย สู้!สู้! ผมจำได้ว่าเคยเห็นพี่ เมื่อปีที่แล้วนะ(ถ้าจำไม่ผิด) ช่วงนั้นปิดเทอม ผมเข้ามาบ่อยเหมือนกันจำได้ว่าเคยเจอชื่อนี้นะ และก็ไม่ค่อยได้เห็นพี่มานานมากแล้วนะ ดีใจที่กลับมาอีกครั้ง หุหุ ขอ request อะไรหน่อยนะครับ ถ้าทำได้ก็จะดีมากเลยครับ คืออ่านข้อความด้านบน แล้วเห็นพี่มีการอธิบาย ว่าตัวไหนออกเสียงอย่างไร อันนี้ชอบมากเลยครับ แต่ถ้าจะให้ดี พี่น่าจะมีรูปให้ดูด้วย อ่ะครับ เขียนอธิบายอย่างเดียวบางทีไม่เห็นภาพอะครับ อีกอันนึงเห็นพี่เขียน ไว้ว่า อยากเก่งอังกฤษ ต้องเรียนให้ถูกวิธี อยากให้พี่ขยายความคำนี้หน่อยอ่ะครับ ว่า ถูกวิธี ของพี่เป็นแบบไหน อ่ะครับ   ------> ขอบคุณครับ สุดท้าย อยากให้พี่สู้ต่อไปนะครับ ใครจะด่า ว่า ก็อย่าไปสนจายมานนัก โลกใบนี้ยังมีสีดำกะสีขาว แล้วจะประสาอะไรกับคน มันก็ต้องมีทั้งคนชอบและคนไม่ชอบ ฉะนั้นถ้าครายว่าอะไรพี่ พี่ก็ลองดูตัวเองก่อนว่าพี่ผิดจริงอย่างที่เค้าว่าหรือเปล่า ถ้าไม่ผิด ก็ไม่เห็นจะต้องไปใส่ใจเลย คนชื่นชมพี่มีอีกเยอะ ดูแต่คำชมไว้ก็พอ จะได้มีกำลังใจเขียนงาน ให้ความรู้กับคนที่โง่ๆ ภาษาอังกฤษ อย่างผมต่อไป "สู้ต่อไปไอ้มดแดง".... จากคุณ : ixohoxi (ixohoxi) - [ 12 มี.ค. 50 17:37:52 ]

ความคิดเห็นที่ 41 วันนี้มาเขียนต่อครับ วันนี้เซ็งมากๆๆ เข้าใจแล้วว่าเวลาคุณเจอใครแขวะใส่ มันเป็นยังไงเซ็งๆมากๆๆครับ   เข้าเรื่องดีกว่า ผมอยากให้พี่เอาเรื่องที่พี่เขียนไว้มาลงให้เยอะๆหน่อยอ่ะครับ พี่น่าจะรวบรวมไว้แล้วwriteใส่แผ่นหรือไม่ก็ส่งต่อทางเมล์ไปเรื่อยๆเป็นทอดๆสำหรับคนที่สนใจอ่ะครับ จากคุณ : ixohoxi (ixohoxi) - [ 13 มี.ค. 50 16:52:56 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ผมไม่ได้งานที่สมัครก็เพราะว่าผมทำข้อสอบ ภาษาอังกฎษของเค้าไม่ได้ครับ ตอนนี้ผมตกงานมา6เดือนเต็มแล้วครับก็เพราะว่าพูดภาษาอังกฎษไม่ได้นั้นเอง จากคุณ : okb - [ 14 มี.ค. 50 12:22:48 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ขอเซฟไว้ก่อน แล้วค่อยอ่านทีหลัง ขอบคุณมากครับ ขอให้กำลังใจเป็นไอ้มดแดงด้วยอีกคน จากคุณ : NickyNick - [ 16 มี.ค. 50 16:34:14 ]

ความคิดเห็นที่ 44 มาให้กำลังใจค่ะ   จะเซฟไว้ก่อนแล้วค่อยอ่าน เหมือน คคห.43 ค่ะ สู้ ๆ !!! นะคะ  คุณ tonmelb                               จากคุณ : นายแสนแมวดำอิจฉาหมูตุ๋นหมาขาว - [ 19 มี.ค. 50 13:18:19 ]

ความคิดเห็นที่ 45 สู้ๆ เราต้องพูดภาษาอังกฤษให้ได้ จากคุณ : Bobe (Bobe) - [ 20 มี.ค. 50 17:38:53 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ตกลงคุณ Tonmelb จะโพสที่ห้องไหนครับเนี่ย งง แล้ว จะอยู่สีลม ห้องสมุด หรือที่ไหนครับจะได้ตามได้ถูก เนี่ยจุดเริ่มมาจากหว้ากอตามลิ้งค์มาเรื่อยๆ ชักเริ่มงง บางข้อความที่คุณโพสก็เหมือนจะตอบคำถามใครจากที่อื่น แต่ผมไม่เห็นคำถามเลยอ่านคำตอบไม่รู้เรื่องในบางอัน คือเลยงงว่าคำถามอยู่ไหน เหมือนกับว่าคุณ Tonmelb ก๊อปมาจากเว็บของคุณต้นเองหรือเว็บบอร์ดที่คุณเคยไปโพสไว้ คือตามอ่านแล้ว งง อะครับ ขอแจมด้วยนิดหน่อยละกัน คือผมอยากบอกว่าการออกเสียง pronunciation ให้ถูกนั้นสำคัญมาก และการเน้นเสียงคำในประโยคก็สำคัญ ทำไมนะหรือ ก็เพราะว่า ประโยคที่เขียนเหมือนกันเป๊ะทุกตัวอักษร เวลาพูดถ้าเน้นเสียงที่คำต่างกัน ก็จะเปลี่ยนความหมายของผู้พูดได้ ผมไม่เก่งเรื่องยกตัวอย่าง รอคุณ Tonmelb มายกตัวอย่างให้ดูละกันนะครับ มีคำอีกประเภทนึงที่ออกเสียงต่างกันจะทำให้ความหมายเปลี่ยน เช่นคำว่า white house เวลาพูด จะรู้ได้ไงว่าหมายถึงบ้านสีขาว หรือไวท์เฮ้าที่ทำงานของประธานนาธิบดีอเมริกา บางคนอาจบอกว่าดูจาก context ก็ช่วยได้ แต่อีกอันคือ เวลาพูดนั้น สองคำนี้ออกเสียงต่างกันครับ เช่น บ้านสีขาว เสียงจะเน้นที่คำว่า house เป็นwhite HOUSE (ไหว่เฮ้าส) แต่ถ้าเป็นทำเนียบขาว จะเน้นเสียงที่คำว่า white คือออกเสียงเป็น WHITE house (ไว้ท์เห่าส) ขอโทษที่พยายามจะเขียนเสียงภาษาอังกฤษเป็นไทยให้ใกล้เคียงที่สุด แต่ยากแฮะ ไม่รู้ว่าจะเข้าใจกันรึป่าว ทำนองเดียวกันกับ green house บ้านสีเขียว กับ green house effects คำว่า green house ในสองคำนี้ออกเสียงไม่เหมือนกัน คือตัว green house effects. จะเน้นเสียงที่ตัวแรกคือ GREEN house แต่บ้านสีเขียวจะเน้นเสียงที่ House เป็น green HOUSE เอ้อ เยอะจังแฮะ อีกอย่างนึง การออกสำเนียงอเมริกัน ตัว t ในคำมีการออกเสียงได้สามแบบแล้วแต่คำ คือสามารถออกเสียงเป็นเสียง t, d, หรือ n (กรณีออกเสียงเป็น น มันมีตัวกำหนดอยู่ว่าพยางค์ก่อนตัวt ต้องเป็นพยางค์ที่ออกเสียง n มาก่อน) เช่น better คนอเมริกันจะออกเสียงเป็น เบดเด่อร์ เค้าจะไม่เน้น t เป็น เบดเท่อร์ ชัดๆ interface คนอเมริกันออกเสียงเป็น อินเนอเฟดส ไม่ใช่ อินเทอเฟดส advantage คนอเมริกันออกเสียงเป็น แอ๊ดแวนเนดจ ไม่ใช่ แอ๊ดแวนเถดจ twenty คนอเมริกันออกเสียงเป็น ทะเว้นหนี่ ไม่ใช่ ทะเว้นที่ (เค้าไม่ได้เน้นเสียง t ชัดมาก) แต่ต้องพูดเร็วๆนะ ถ้าพูดช้าๆ แล้วออกเสียงแบบนี้เค้าอาจจะงง ที่ยกตัวอย่างมานี้ ถ้าคุณไม่ได้จะฝึกเอาสำเนียงอเมริกัน แต่อย่างน้อยคุณก็จะรู้ว่าคนอเมริกันออกเสียงแบบนี้ พอคุณได้ยินจะได้ไม่สับสนคิดว่าเป็นคำอื่น เช่น แอ๊ดแวนเนดจ หรือ อินเนอเฟดส ถ้าไม่รู้อาจจะคิดว่าเป็นศัพท์คำใหม่ที่ไม่รู้ แต่ที่ยกตัวอย่างมา ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอเมริกันทุกคนจะออกเสียงแบบนี้นะ แต่ส่วนใหญ่จะออกเสียงแบบนี้ คือในอเมริกามีคนหลายเชื้อชาติเหลือเกิน สำเนียงแต่ละเชื้อชาติก็ต่างกัน ทำให้ยากหน่อยที่จะเรียนสำเนียงอเมริกันจากชีวิตประจำวัน เพราะคนที่คุยด้วยอาจเป็นพวก คนเชื้อสายเม็กซิกัน หรือคนเชื้อชาติอื่น พวกยุโรปก็เยอะ ตอนนี้เมื่อยแล้วครับ หวังว่าคงมีประโยชน์บ้างนะครับ จากคุณ : ไทเกอร์ อู๊ด - [ 31 มี.ค. 50 03:17:04 A:128.118.16.18 X: TicketID:064569 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ขอบคุณครับ อย่าลืมติดตามไปอีก link นะครับ จากคุณ : tonmelb - [ 1 เม.ย. 50 23:21:39 A:203.107.196.37 X: TicketID:054700 ]