เราทำงานบริษัทนี้มานาน ตั้งแต่บริษัทเปิดตอนแรกทำกับนาย 2 คน งานหนักมากทำได้สัก 1 ปี บริษัทเริ่มขยาย ก็มีงานรับคนเพิ่ม เราก็รับน้องผู้หญิงเข้ามาคนนึง ทำงานเป็นเซลล์โค เทรนงานทำงานหนักด้วยกันมาอีกเป็นปีกว่าๆ ก็รับหัวหน้าเซลล์เป็นพี่ผู้ชายอายุมากกว่า เข้ามาทำงาน และก็รับคนอื่นเข้ามาอีกเรื่อยๆ จนปัจจุบัน ก็ร่วม 10 คน
การทำงานในตอนแรก 2-3 ปีแรก ดีมากเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน งานหนักแต่ทุกคนร่วมมือกันอย่างดี โดยเฉพาะพี่ที่เป็นหัวหน้าเซลล์ เค้าขยัน และ ทำงานเข้าขากับเรา และทุกคนดีมาก ก็ไว้ใจกันมาก มีปัญหาอะไรในออฟฟิสก็ปรึกษาพี่เค้าตลอด บางครั้งปัญหาเรื่องส่วนตัวเงินทองก็ช่วยเหลือกัน เพราะ เราทำงานเป็นหัวหน้าฝ่ายออฟฟิส พี่เค้าเป็นฝ่ายเซลล์ บอกตรงๆ ตอนนั้น เราและพี่เค้าเป็นกลางจริงๆ ไม่เคยนินทาใครให้ฟังปรึกษากันแต่ประเด็นเรื่องงานระดับบริหาร และเราก็ไม่เคยเกินเลยกว่าเพื่อนร่วมงาน
ต่อมามันมาถึงจุดเปลี่ยน นายที่เคยบุกเบิกตั้งแต่บริษัทเปิดมาเกิดป่วยกลับประเทศ และเราผิดเอง ช่วงนั้น เรามีปัญหาทางบ้าน +การปรับตัวกะนายใหม่ เราเลยทำงานแบบเลื่อนลอยไม่ตั้งใจทำงาน เอาแต่เล่นเน็ตเล่นเกมส์ เหมือนมีโลกส่วนตัว ไม่สนใจใคร แต่เราก็ไม่ได้เอางานเราไปให้ใครทำนะ....ช่วงจังหวะนั้นเองมันก็เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น
บรรยายกาศในออฟฟิสเปลี่ยนไป นายใหม่ที่มาเป็นคนที่เผด็จการนิสัยตรงข้ามกับนายเก่า ที่เป็นทีรักของทุกคน และค่อนข้างเขม่นทุกคนที่รักนายเก่า....เราเครียดมาก เพราะ เราโดนผลกระทบเต็มๆ เรื่องนายก็ว่าแย่แล้ว แต่เรื่องเพื่อนร่วมงานก็แย่ยิ่งกว่า อยู่ดีๆ ออฟฟิสก็มีการเมืองเกิดขึ้น โดยที่เราไม่เข้าใจ ที่เห็นได้ชัดคือ พี่หัวหน้าฝ่ายเซลล์ที่เราคิดว่าเป็นกลาง เป็นที่ปรึกษากับเรามาตลอด เริ่มมีปฏิกริยาเหมือนไม่ชอบเรา กระแทกกระทั้น โดยที่เราไม่เข้าใจ ...... น้องฝ่ายการเงิน เริ่มกระด้างกระเดื่องกับเรา เราสั่งงานอะไรเริ่มกระแทกกระทั้น ซ้ำร้าย มาการมาแกล้งทำเป็นร้องไห้ร้องห่มว่าเราแกล้วต่อหน้าทุกคน ทั้งที่ตัวเองทำงานผิดเองแท้ๆ ..............แต่เราเป็นคนไม่สนใจเรื่องหยุมหยิม เพราะ อยู่บริษัทเก่า มันก็มีนินทาการเมืองแบบนี้อยู่แล้ว เราก็ใช้ความนิ่ง เฉยไม่นินทาใครกลับ ต่อมามีน้องอีกคนเข้ามาเป็นผู้ช่วยเรา เราก็ต้องดีลงานกับน้องคนนี้บ่อยก็สนิทกัน
เหตุการ์ณก็ผ่านไปทุกวัน เรื่อยๆ เรารู้อยู่ลึกๆ ว่า มีหลายคนในออฟฟิสอิจฉาเรา ที่เราได้ทำงานใกล้ชิดนายเนื่องจาก เราพูดภาษาที่สามได้ และพยายามจะนินทาว่าร้ายตลอดทีมีโอกาส แต่บอกตรงๆ แม้เราจะใกล้ชิดนายใหญ่ แต่เราเป็นคนเชื่อในบาปกรรม เราไม่เคยใช้ความใกล้ชิด ทำร้ายคนอื่นเลยทั้งที่มีโอกาส บางทีนายเราบอกเราเลย เราคิดว่าคนไหนทำงานไม่ดีให้บอก จะเอาออก (ซึ่งพวกที่ชอบทำร้ายเรา มีบางคนทำงานห่วยมาก โง่ ไม่มีไหวพริบ ทำงานผิดพลาดประจำ จนนายเห็นเองจะไล่ออก เราก็ขอร้องไว้) แต่เราก็เฉยๆ ไม่อยากทำลายใคร
ส่วนเราเรื่องที่เราเล่นเน็ตเล่นเกมส์ ตอนหลังนายจับได้ เราก็โดนซะน่วม เราก็ปรับปรุงตัว เล่นน้อยลงมาก นอกจากจะว่างงานจริงๆ ( อย่างกระทู้วันนี้ก็พิมพ์ทิ้งไว้ที่บ้านแล้วมาแปะทีเดียว)ปรับปรุงตัวใหม่ จนดีขึ้น นายก็จากที่ไม่ชอบเราก็ดีกับเราขึ้นมาก .....แต่แม้เราจะปรับปรุงตัวเท่าไร แต่ การเมืองในออฟฟิสก็ดำเนินต่อไป
เมื่อก่อนเพื่อนร่วมงานกลุ่มที่เกลียดเราจะเล่นเราเรื่องเล่นเน็ต ทั้งที่ทุกคนเล่นเหมือนกันแต่ จ้องเล่นงานเราคนเดียว เราพอรู้ว่า เพราะเราเงินเดือนสูงสุดในสายงานออฟฟิส (ไม่รวมเซลล์นะ) แต่เราทำมาตั้งแต่บริษัทเปิด ลำบากต่อสู้กับนายมาตั้งนายและเราได้ ภาษาที่ 3 อีกทั้งเราทำงานได้ทุกอย่างในออฟฟิส รู้ทุกเรื่อง เรียกได้ว่า ใครออกไปเราทำแทนได้หมด แต่เราออกไปไม่มีใครทำแทนเราได้ เราได้แค่ 2 หมื่นต้น (สำหรับเราเราคิดว่าไม่ได้มากมายอะไรเลย เพราะคนอื่นที่มีความสามารถแบบเรา แล้วได้ภาษาที่ 3 ได้กันมากกว่านี้เยอะ)
แต่พอเปลี่ยนนาย นายใหม่กับเรา เข้ามกันไม่ได้ ประกอบกับนายใหม่ ไม่สนใจงานออฟฟิส สนใจแต่งานเซลล์ ก็เลยทำให้พี่หัวหน้าเซลล์ได้เป็นใหญ่ในออฟฟิส เพราะ นายใหม่จะพูดกับเค้าคนเดียวไม่พูดกับคนอื่นจะสั่งอะไรกับใครก็ผ่านเค้าคนเดียว กลายเป็นว่าพี่หัวหน้าเซลล์ใหญ่คับบริษัท แต่เราก็ไม่ว่าเพราะพี่เค้าก็วางตัวดีไม่ได้เบ่งอะไร แล้วก็ดูเหมือนจะเป็นกลางแต่.....
การจ้องทำลายมีมาเรื่อยๆ เราล้มไม่ได้แม้แต่นิดเดียว โดนนินทาตลอด แต่อย่างว่า เราเข้มแข็งพอคิดว่าการนินทาเป็นเรื่องปกติ แต่มีน้องคนนึงในออฟฟิสที่เราเคยช่วยเหลือ เป็นผู้ชาย ชอบแอบมาเตือนเราเสมอว่า ให้เราระวัง น้องเค้าบอกว่า พูดมากไม่ได้ แต่บอกกลายๆว่า มันไม่ใช่แค่การนินทา มันมากกว่า นั้น แต่น้องเค้าบอกว่า ถ้าเค้าจะลาออก หรือ เราลาออกจากที่นี่จะบอกเรา
จนวันที่เรา ลาออกก็มาถึง เราได้งานใหม่ แต่เหตุผลที่เราลาออกเพราะ บริษัทยอดตกนายใหม่บริหารงานแย่มาก เราไม่มีงานทำและทุกคนในออฟฟิสก็ว่าง นั่งว่างๆๆ ขนาดเล่นเน็ตจนเบื่อไม่อยากเล่นแล้ว....แล้วงานใหม่ก็ท้าทายเลยไป
แล้วน้องคนนั้นก็ทำตามสัญญา...............เค้าเฉลยเรื่องนึงมาทำให้เราแอบช็อค คือ พี่หัวหน้าเซลล์ กับน้องผู้หญิงที่เราจ้างมาตั้งแต่เริ่มเปิดบริษัทที่เป็นเซลล์โค แอบคบเป็นแฟนกับพี่หัวหน้าเซลล์มาเป็นปีๆ แล้ว โดยมีคนรู้ไม่กี่คนที่รู้ (จิงคงไม่กล้าเปิดเผยกลัวเสียการปกครอง +นายเคยเปรยๆว่า ห้ามเป็นแฟนกันในออฟฟิสด้วย)โอๆๆๆ พอน้องคนนั้นเฉลย เราก็ถึงบางอ้อ เหมือนดูหนังทั้งหมดแล้วเฉลยมาอึ้งงงงงงงงงงงงงงง
มิน่า ในออฟฟิสถึงมีการเมือง ทำไมน้องเซลล์โคคนนี้ถึงกล้ากร่างในออฟฟิส ขนาดเอาเงินเดือนคนอืนมากระแนะกระแหน ทำไมเด็กเดินเอกสารจบแค่ม.6 ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทน้องคนนึ้ ถึงกล้ากระด้างกระเดืองกับเรา และหลายๆคน แต่กับนอบน้อมกับน้องคนนี้ ราวกับเป็นบุพการีคนนึง
เจ็บจนจุก .....พี่หัวหน้าเซลล์ที่ควรจะเป็นกลาง เป็นที่ปรึกษาให้ทุกคนในออฟฟิสกลับบ้าตัณหาทำตัวเช่นนี้ เรานึกย้อนเหตุการ์ณไป เพราะเราไม่รู้บางทีเราก็เอาเรื่องที่ว่า น้องคนนี้มีท่าทีกระด้างกระเดื่องไปปรึกษาพี่เค้า ว่าทำไง ไปปรึกษาเรื่องต่างๆ ในออฟฟิสกับพี่เค้า รวมทั้งเรื่องขึ้นเงินเดือน ของแต่ละคน และทีสำคัญน้องคนนี้ก็รายงานทุกความเคลื่อนไหวในออฟฟิสในแฟนเค้าฟังตลอด ยุแหย่สารพัด จนเกิดการแตกแยก........
เรื่องการเล่นการเมืองในออฟฟิสเรารับได้ แต่นี่เอาการมุ้งมาผสมด้วยเรายอมแพ้ แพ้จิงๆ ......ขอบอก เหมือนโดนตบหน้าอย่างแรง
ดีนะที่เราลาออกมาแล้ว แต่ยังมีน้องที่เราสนิทเป็นผู้ช่วยเราอีกคนยังอยู่ที่นี่ และไม่รู้ว่า....มีการเมืองระบบแฟนฉันแฝงอยู่....ใครไม่อยู่พวกแฟนฉันก็เตรียมตัวเหอะ......และน้องคนนี้ก็เป็นเป้าอยู่เพราะจะได้ขึ้นตำแหน่งมาแทนเรา
มีใครเคยเจอแบบนี้บ้าง แล้วฝ่าฟันยังไงมาได้
แก้ไขเมื่อ 15 มี.ค. 50 10:35:35
แก้ไขเมื่อ 15 มี.ค. 50 10:01:53
จากคุณ :
ตาลด่าง
- [
15 มี.ค. 50 09:52:30
]