ความคิดเห็นที่ 1 เป็นเพื่อนๆ  จะเลืกเร็วแต่หลวม หรือช้าแต่ชัวร์อ่ะครับ ปล. บริษัทนี้ใหญ่มาก 1 นาที มีเงินเข้าเป็นล้าน จากคุณ : MiraSport - [ 20 มี.ค. 50 10:15:17 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ยังไม่ประกาศ ยังมีหวังนะ ถ้าได้ก็ยินดีด้วยนะคะ ถ้าไม่ได้ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ เอาไว้แก้ตัวใหม่ในครั้งหน้าเน๊าะ เป็นกำลังใจให้เสมอนะจ๊ะ จากคุณ : singty - [ 20 มี.ค. 50 10:30:28 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ทำงานหลวม แล้วไม่เสียหายอะไรมาก ก็ไม่เป็นไรนี่ครับ มาตามแก้ นอกเวลาเร่งด่วนได้ บางที่ทำงานแข่งกับเวลาจิงๆ งานรูที บางงานยกไปทำหลัง 5 โมงเย็นหมด.. จากคุณ : ตะวันรุ่งทุ่งรังสิต - [ 20 มี.ค. 50 10:35:26 ]

ความคิดเห็นที่ 4 การสัมภาษณ์งานเนี่ย  มันก็ขึ้นอยู่กับคนสัมภาษณ์มากกว่าครับ คนสัมภาษณ์มีเวลาแค่ 1-2 ชม.  บางบริษัท แค่ 20-30 นาที ต่อคน คนสัมภาษณ์จะจัดทำยังไงให้มีประสิทธิภาพ ไม่ใช่ตั้งคำถามมาตรฐานมาสัมภาษณ์ทุกคน ทีสมัคร แสดงว่าคนสัมภาษณ์ไม่ได้ทำการบ้านมาเลย คนถูกสัมภาษณ์ก็อึ้งกิมกี่ได้ครับ เวลามีน้อยคนสัมภาษณ์ต้องทำการบ้านมา อ่านประวัติคนสมัคร แล้วหาบททดสอบทดสอบศักย์ภาพผู้สมัครแต่ละคน     คนถูกสัมภาษณ์แค่ทำใจให้สบายครับ เตรียมคิดเงินเดือนว่าจะขอเท่าไหร่ ประสปการณ์มีอะไรบ้างที่จะเล่าให้เขาฟัง แล้วก็คำถามที่สงสัย ว่าเขาจะให้เราทำอะไร บริษัททำอะไร มีรถรับส่งใหมถ้าไม่มีจะไปมายังไง ทำงานกี่โมงถีงกี่โมง เอาไว้ให้ตัวเราเองตัดสินใจว่าจะเข้าทำงานใหม      ผมเคยเจอครับ ถามว่า "บนโต๊ะทำงานคุณจะวางอะไรไว้ บนโต๊ะ."  ตอบได้ 108 ละครับ แต่ที่ถูกคือไม่ควรวางอะไรไว้เลยตามหลัก 5 ส.   55555+  ผมว่ามันเป็นคำถามที่คนสัมภาษณ์ไม่ทำการบ้านมาเลยกะว่าใครตอบถูกเอาคนนั้นแหละ ถ้าเป็นผมสมัยนี้คงสวนกลับว่าแล้วตอนนี้คุณวางอะไรไว้บนโต๊ะ ผมก็วางอันนั้นแหละ... V..V แล้วจะถามว่าถามผมเพื่ออะไรกัน จากคุณ : BigMooHuHu - [ 20 มี.ค. 50 11:03:00 ]

ความคิดเห็นที่ 5 มายืนยัน   คุณมิร่า จีสปอต ไม่หัวโบราณแน่ ๆ พิสูจน์ได้จาก forward mail จากคุณ : ปอปลาตัวกลม - [ 20 มี.ค. 50 11:05:44 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ทำงานทันเวลาแต่ชัวร์ไม่มีเหรอครับ อิอิ จากคุณ : B.T.G.Z. - [ 20 มี.ค. 50 11:18:27 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ... แทบ ทุก ที่ ของ วง การ IT จะ ชอบ เร็ว นะ ไม่ งั้น Tool สุก เอา เผา กิน อย่าง Oracle-Form Developer, Oracle-Report Developer มัน จะ ดัง เหรอ ต้น ทุน ที่ แพง ที่ สุด ของ IT ไม่ ใช่ เงิน หรือ คน แต่ เป็น เวลา จำ ไว้ แบ่ร แบ่ร จากคุณ : ปลิงไทยก้าวไกลไประดับโลก - [ 20 มี.ค. 50 11:41:42 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ถ้าเค้าถามมางี้ก็คงต้องประเมินความเสี่ยงของงานแหล่ะ ว่าถ้างานนั้นเป็นงานที่มีข้อผิดพลาดไม่ได้ก็ต้องเลือกอย่างหลัง อย่างเช่นสร้างตึกอย่างที่คุณบอก แต่ถ้าเป็นงานพวกโปรแกรม ก็อย่างที่คนสัมภาษณ์คุณบอก ผมว่าต้องดูที่ตัวบริษัท แล้วก็งานที่ทำน่ะครับ ว่าเค้าเป็นงานประเภทไหน ^^ จากคุณ : ออสระโอ - [ 20 มี.ค. 50 11:44:16 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้าเป็นงาน โปรแกรมเมอร์ คงจะเป็นแนวนั้นครับ ต้องเสร็จทันเวลา ตามมาด้วย user ทดลองใช้เจอ bug แล้วค่อยแก้ไข ไปพร้อมๆกับให้ลูกค้าทดลองใช้ไปด้วย แต่...ถ้าเป็น Server ล่ะ อย่างผม Server แค่ไปซ่อม disk fail ถ้าเจอ code แปลกฟันธงไม่ใช่ disk เสียจริง ดันทำการเปลี่ยน disk โดยไม่ดาวน์เครื่องได้เพราะมีระบบ raid แต่ทำเร็วไว้ก่อนแก้ทีหลัง หากเจอแบบนี้ ไม่ชัวร์เห็น disk เสียดื้อๆ ดึงเปลี่ยนทันที มันไม่ใช่ disk แต่เป็น controller disk ไม่ต้องคิดว่าตามแก้ เครื่องลูกค้าล่มดาวน์ คุณแก้ไหวอ่ะป่าว คำขอโทษไม่เพียงพอ เพราะบางระบบล่ม หมายถึง Data ไม่กลับมาเหมือนเดิม ถึงอาจต้องมีแพะสักคนเลยก้อได้ จากคุณ : E20PBO - [ 20 มี.ค. 50 12:25:05 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อก่อนโน้น หลายปีมาแล้ว... ผมก็เคยทำงานแบบเอาเร็วไว้ก่อนกับ Program ของผม มีปัญหาค่อยตามแก้เพราะคิดเองว่า งานหลักๆ มันเสร็จแล้ว งานเก็บตกน่าจะไม่มีอะไร สุดท้าย ... เสียหายไป 9 ล้านกว่าบาท จากการคำนวณเงินผิด ... จากความทำงานเร็วๆ ใน ครั้งนั้น ... ตั้งแต่นั้นมาผมไม่เคยทำงานเร็วๆ แบบ หล่ะหลวมอีกเลย ... และไม่มีการประณีประนอมใดๆ ทั้งสิ้น ... อีก เพราะผลเสียหายมันอาจมากกว่าที่คุณคิด ... ผมจะทำงาน ชัวร์ไว้ก่อนเสมอ แต่จะต้องไม่ช้า ... พยายามเสาะหา Methodology ต่างๆ ที่เหมาะสมกับลักษณะงานที่พัฒนาระบบงาน ... เพราะถ้างานพัฒนาระบบล่าช้านั่นแสดงว่า Project นั้น Plan งานผิดพลาดแล้ว ... ทั้ง 2 คำใช้กับงาน พัฒนาระบบ ไม่ได้หรอกครับ ... ถ้าคุณไปรับจ้างพัฒนาระบบงานข้างนอก แล้ว มัวแต่ช้าแต่ชัวร์ ก็โดนค่าปรับหลังอาน ... ถึงแม้จะพัฒนากันเองภายในก็ตาม ถ้าระบบงาน delay มันก็เกิดความเสียหายต่อรายได้ของบริษัทก็เป็นได้... แต่ถ้าทำงานหล่ะหลวม .. งานนี้อาจจะเป็นงานสุดท้ายสำหรับคุณ ... ...ผมว่า คุณ จขกท. ทำดีที่สุดแล้วนะในการสัมภาษณ์ .... สรุปคือ คนสัมภาษณ์คุณไม่ได้เรื่อง ... แก้ไขเมื่อ 20 มี.ค. 50 13:03:15 จากคุณ : คนที่เคยไม่ได้เรื่องมาก่อน (fork) - [ 20 มี.ค. 50 12:58:34 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ฝากถึง จขกท นะครับ การแต่งตัว ผมว่า ไม่มีผล ต่อการได้งานหรือไม่หรอกนะครับ สำหรับงานบางประเภท จากคุณ : เด็กขงเบ้ง - [ 20 มี.ค. 50 13:24:50 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ผมว่ามันอยู่ที่ว่าเราเจอกับ คนประเภทไหนมากกว่า  คนสัมภาษณ์เค้า  ชอบ คนละแบบกับคุณ เท่านั้นเอง แต่คุณก็ทำดีที่สุดแล้ว นะ  ที่คุณตอบไปมันก็ มุม มองของคุณ จากคุณ : ballpnet - [ 20 มี.ค. 50 13:26:51 ]

ความคิดเห็นที่ 13 สงคราม ยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร จริงๆนะ เราเป็นตัวของตัวเองบ้างแหละดีแล้ว ถ้าเค๊าถูกชะตาหรือชอบคุณ ไม่ว่าคุณจะตอบอะไร เค๊าก็เลือกคุณ ขอให้โชคดีนะคะ จากคุณ : Ladycyber - [ 20 มี.ค. 50 13:58:19 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผมว่า ถ้าเป้นผมตอบน่ะ ไม่รู้จักคนที่สัมภาษณ์ ผมก็คงตอบแบบคุณเอกน่ะ แต่ถ้ารู้ ก็อาจจะตอบที่เค้าต้องการน่ะคับ ไม่เป็นไรหรอกคับ มีประสบการณ์เยอะ ๆ แล้วไปสัมภาษณ์ที่อื่นต่อน่ะคับ สู้ ๆ จากคุณ : pongreddevil - [ 20 มี.ค. 50 14:20:14 A:58.64.104.178 X: ]

ความคิดเห็นที่ 15 คำถาม : จะเลือกเร็วแต่หลวม หรือช้าแต่ชัวร์อ่ะ ------------------------------------------------------------------- ผมเลือกทั้ง 2 อย่างได้ป่าว ข้อดี-ข้อเสีย มันมีทั้งนั้น ต้องช่างน้ำหนักให้ดีๆ " คนโง่แต่ขยัน " ( แล้วต้องไปตามแก้เอา ทีหลัง นี่ก็ไม่ไหว อะน่ะ) จากคุณ : เสือกรู้ - [ 20 มี.ค. 50 18:28:41 A:61.90.250.17 X: TicketID:140353 ]

ความคิดเห็นที่ 16 มองด้านบวก ทำงานช้าแต่ชัวร์ก็ดีครับ ทำงานเร็วแต่หลวมในจุดที่ไม่สำคัญก็ถือว่าโอเค มองด้านลบ บางครั้งคนที่บอกว่าช้าแต่ชัวร์คือพวกจดๆจ้องๆ ไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักที เลยเอาความชัวร์เป็นข้ออ้าง ส่วนคนทำงานเร็วแล้วหละหลวม ถ้าหละหลวมในจุดสำคัญก็เสียหายมาก ที่เหมาะคือ ทำงานให้เร็ว และชัวร์ในจุดที่ควรชัวร์ จุดไหนที่ไม่สำคัญ ไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของงานมาก และหากล่าช้าจะทำให้เสียหายต่อบริษัทก็ไม่ควรทิ้งให้ล่าช้า ในทางธุรกิจ ช้าวันเดียวมีผลถึงทำให้สินค้าตัวนั้นๆดับได้ครับ เสียหายไม่ใช่แค่หลักล้านหรือสิบล้าน จากคุณ : 69 - [ 20 มี.ค. 50 19:43:08 A:58.64.125.219 X: TicketID:134802 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เค้าไม่ให้เราเลือกอย่างอื่นนอกจากสองอย่างที่ว่า งานที่ไปสัมภาษณ์บริษัท เป็นบริษัททางด้านโทรคมนาคม คิดเล่นๆ  ถ้า 1 นาที ระบบโทรศัพท์มือถือพัง จะสูญเสียเท่าไหร่ แต่คนแต่ละคนคิดคนละแบบ ในแง่มุมของโลก iT ผมคงช้าแต่ชัวร์ไม่ได้เสียแล้ว อย่างนึงที่ได้จากการสัมภาษณ์ในมุมมองของ ผจก.ท่านนี้ ท่านได้สอนผมไว้แล้วว่า คนเรามันต้องมีผิดพลาด หากแต่เรียนรู้ และพัฒนา มันจะไม่ผิดพลาดอีกเลย แล้วเราก็จะทำอะไรอย่างเร็วได้ ผมพลาดเองครับงานนี้ เฮ้อ... จากคุณ : MiraSport - [ 20 มี.ค. 50 20:16:46 ]

ความคิดเห็นที่ 18 แบบนี้ตอบยังไงก็ไม่ถูกใจหรอกครับ คุณไม่ได้พลาดหรอก มันขึ้นอยู่กับว่าเค้าคิดยังไงมากกว่า ส่วนตัวผมมองว่าตอบตามที่เราคิดถูกต้องที่สุดแล้ว เพราะถ้าเราคิดยังไงก็จะทำแบบนั้น ถ้าผมเป็นคนถามผมจะสนใจมากกว่าว่าคุณเลือกเร็วหรือช้าเพราะอะไร อย่าไปคิดมากครับ หนังยังไม่จบก็ต้องรอดูกันต่อไป จากคุณ : dmesg - [ 20 มี.ค. 50 21:45:07 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เอก "ลุงแอ็ด" ขออนุญาตอธิบายอะไรสักหน่อย ในฐานะที่โดน พาดพิง.....(ตามมาตราอะไร...จำไม่ได้แล้ว) 1.  เอกทำถูกแล้ว ที่วิเคราะห์สถานการณ์ทุกครั้ง หลังจาก การสัมภาษณ์  และยิ่งดีใหญ่ที่กล้าวิเคราะห์ตนเองอย่าง เปิดเผย  ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ หลายคนในห้อง สีลมที่กำลังหางานทำอยู่ 2. แต่การวิเคราะห์  เราจะต้องไม่ "ลำเอียง" หรือ Bias ไป ในทางตัวของเราหรือผู้สัมภาษณ์งาน  เพราะเขายังไม่ ประกาศว่าเราจะได้หรือตก  อาจจะมีการเรียกสัมภาษณ์ ครั้งที่ 2 ก็ได้  ใครจะรู้  ซึ่งถ้าเรา "จิตตก" เสียแล้ว  ก็ เหมือนเซลส์แมน ที่คิดว่าตัวเอง "ขาย" ไม่ได้แล้ว  ทั้งๆ ที่ ลูกค้ายังไม่ตัดสินใจซื้อของใคร  ทำให้เราไม่พยายามต่อ ไป  ไม่มีกำลังใจ  เซลส์แมนที่ดีจะต้องสู้จนกว่าจะรู้ว่าแพ้ หรือชนะกันไปเลย  ไม่มีการถอดใจเป็นอันขาด  เหมือน #13 ที่บอกว่า "สงคราม ยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร" 3. เอกต้องรู้ว่า  "ใครเป็นผู้มีอำนาจ" ในการ สัมภาษณ์ครั้งนี้   โดยปกติแล้ว  ผู้จัดการแผนก  ที่เขาต้องสัมภาษณ์คน   เพื่อเข้าไปทำงานกับเขา  ย่อมมีอำนาจมากกว่า HR ใน ฐานะเป็นเจ้าของเรื่อง......และเอกก็รู้อยู่แล้วว่า  "เขาชอบ อะไร...." แต่ความไขว้เขว  เพราะมัวไปนึกถึงอีกคนหนึ่ง คือ HR ว่า ถ้าเราตอบไปตามนั้น  เขาจะคิดอย่างไร  ทำให้ เอกตัดสินใจ "ตอบไปตามที่ตนเองคิดของตนเอง..." ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่า   เอกควรจะตอบให้ตรงกับความต้องการของ ผู้สัมภาษณ์  เอกพลาดตรงนี้เอง...... 4.  การที่ผู้จัดการแผนก เขาถามว่า "คุณมีอะไรจะถาม ไหม...."  แล้วเอกบอกว่า  "ไม่มี"   และ  การเขายังย้ำอีก ว่า  "ไม่ถามหน่อยหนึ่งหรือลักษณะงานเป็นอย่างไร...." แสดงว่า  ผู้จัดการคนนี้  เขาห่วงเรื่องงานของเขามาก  เขา ต้องการคนที่สนใจงานจริงๆ  ต้องการคนที่รับผิดชอบเรื่อง งาน เหนือสิ่งอื่นใด  แต่เอกกลับไปตอบว่า  "ซึ่งผมก็ตอบ ว่าผมยังไม่ทราบว่าท่านจะรับผมหรือเปล่า ....." มันทำให้เขาเซ็งไปเหมือนกัน  มันเหมือนกับเซลส์แมนที่ ตอบลูกค้า  "ผมไม่รู้ว่าคุณจะซื้อของผมหรือเปล่า  ถ้าคุณ ซื้อ  แล้วผมจึงจะเล่ารายละเอียดให้ฟัง...."  อะไร ประมาณนั้น   ซึ่งลุงคิดว่า  ข้อนี้  น่าจะเป็นข้อผิดพลาดยิ่ง กว่า คำตอบของเอกในครั้งแรก ถ้าเราถามถึงลักษณะงาน  ลุงคิดว่า  เขาก็จะเล่าเรื่องราย ละเอียดของงานให้เราฟัง  และก็จะมีการ Discuss กันถึง ลักษณะงาน  เอกก็สามารถเอาประสบการณ์ที่เคยทำงาน   มาพูดคุยแลกเปลี่ยนกับเขาได้  และเหตุการณ์อาจจะ เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงก็ได้ คำว่า "เร็วแต่หลวม หรือช้าแต่ชัวร์" ก็กลายเป็นเรื่องขี้ประ ติ๋วไป และเรื่องของ "คนหัวโบราณ"  ก็จะไม่มีในความคิด ของเขา 5. แต่ยังไม่เป็นไร  ....เพราะ "การที่เราตอบไปดังนั้น  เรา ก็มีเหตุผลของเรา  เราไม่ได้เสแสร้ง  เรามีเหตุผลของ เรา.."   สำหรับคำถามนี้  เอกควรทำท่าไตร่ตรองเล็กน้อย (แต่พองาม) แล้วตอบว่า   "ในความเห็นของผม  ผมคิดว่าเร็วแต่หลวม หรือช้าแต่ชัว ร์  ต่างก็มีข้อดีข้อเสียด้วยกันทั้งคู่....."  แล้วก็อธิบายข้อดีและข้อเสียไป   การที่เราไม่ฟันธงไปว่า  "อะไรคือคำตอบ...ก็เพราะเรา ไม่แน่ใจว่าคำตอบนั้น เมื่อเราตอบไปแล้ว  เขาจะพอใจข้อ ไหน....." เหมือนคำถามที่พนักงานขายโดนถามบ่อยๆ ว่า  "คุณคิดว่า รัฐบาลนี้หรือรัฐบาลที่แล้ว  ใครดีกว่ากัน"  เหมือนกันเดะ   ถ้าเอกบอกว่า  เร็วแต่หลวม.....เขาก็อาจจะบอกว่า  เอกนี่ เป็นคนอันตราย  เอามาทำงานด้วยไม่ได้....... เพราะการทำงานเร็ว แต่หลวมนั้น  มีข้อผิดพลาดเสียหลาย หลายสิบล้าน   คือเราตอบอะไรไปก็ผิดทั้งคู่  ถ้าเขาอยาก ให้ผิด   ข้อนี้ควรจะเป็นข้อเตือนใจผู้สัมภาษณ์งานทั้งหลาย  ว่ามี หลายปัญหาที่เป็นเสมือน "บ่อดักปลา"  ที่เขา ขุดล่อเอาไว้  ถ้าเราตอบแบบฟันธง  เราก็ตกหลุมของเขา เท่านั้น  ดังนั้น  ต้องควรระวังและคิดให้ดีก่อนที่จะตอบ ปัญหานั้นๆ ออกไป 6. เอกทำได้ดีมาก  ตอนที่ถามเขาตอนสุดท้ายว่า  "ผมมี จุดเด่นจุดด้อยอะไรบ้างในการสัมภาษณ์งานครั้งนี้........" ซึ่งทำให้เอกได้คำตอบมาว่า   "ผมพูดเก่ง ทนแรงกดดัน ได้ปานกลาง โรยัลตี้ต่อองค์กรดี แต่ คุณทัศนคติแบบหัว โบราณ ผมอยากได้เร็วๆ  ปัญหาตามมาค่อยแก้ไข......." ซึ่งเป็นคำตอบที่ดีเช่นกัน  ดังนั้น  ผู้สัมภาษณ์ผู้นี้  จึงเป็น คนที่เก่งเรื่องงานและเรื่องคนพอสมควร  และก็จะได้รู้นิสัย เขา ถ้าบังเอิญได้ไปทำงานกับเขา  เราก็ได้รู้ใจเจ้านายว่า เขาเป็นคนอย่างไร ยังมีไม้สุดท้ายอีก  ลองดู  ส่งจดหมายไปขอบคุณที่ให้ โอกาสสัมภาษณ์ดู  (พร้อมกันนี้  ได้ส่งตัวอย่างจดหมาย ไปทางเมล์แล้ว)  แต่ในจดหมาย  ควรดัดแปลงเล็ก น้อย     โดยเน้นให้เขารู้ถึงความตั้งใจจริงของเราที่จะทำ งานกับองค์กรนี้  เน้นที่ความรับผิดชอบที่แผนกเขาทำอยู่   ว่า  จากการสัมภาษณ์ในวันนั้น  ทำให้เราทราบว่า  เป็น งานที่ท้าทายความรู้และความสามารถของเราเป็นยิ่ง นัก  และหากเราได้ทำงานนี้  เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า  เราคงทำ ประโยชน์ให้แก่องค์กรของเขาอย่างดีที่สุด........... เน้นเข้าไปอีก......ย้ำความสำคัญให้แน่น  ไม่ต้องไปเอ่ย ถึงคำว่า "หัวโบราณ"  ซึ่งลุงแอ็ดคิดว่า  นั่นไม่ใช่ความคิด ของเขา......เขาต้องการคนที่ทำงาน  รับผิดชอบงาน  มี ความสามารถ  และสู้งาน......ซึ่งลุงแอ็ดคิดว่าเหมาะสมกับ เอกเป็นที่สุด เอกสู้ตาย  เอกไว้ลาย  เอกสู้สู้................................ ด้วยความปรารถนาดี จากคุณ : ลุงแอ็ด - [ 20 มี.ค. 50 22:04:33 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ผมว่าอย่าทำเลยองค์กรนี้... ขนาดหัวหน้ายังเป็นอย่างนี้ แล้วลูกน้องจะเป็นอย่างไร... คงต้องแก้ไขปัญหาไปวันๆ จนหัวสมองบวม... กว่าจะรู้สึกอีกที ก็แก่เกินแกงแล้วกระมัง... อิอิ... จากคุณ : wbj - [ 20 มี.ค. 50 22:12:27 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เมื่อกลางวันแว้บเข้ามาพิมพ์ตอบแล้วแต่ส่งไม่ไป แล้วต้องรีบออกไปธุระ เพิ่งมีเวลามาออนไลน์ จะให้กำลังใจคุณเอกนะ ความรู้สึกเราคิดว่าเรื่องช้าแต่ชัวร์อะไรเนี่ย ไม่น่าจะเป็นจุดตัดสินใจของเขา เขาน่าจะเพียงลองดูทัศนคติในการทำงานของคุณเอกมากกว่า เพราะเราคิดว่ามันไม่มีคำตอบไหนถูก มันแล้วแต่สถานการณ์ต่างหาก คำถามของคุณเอกใน คคห 1 ถ้าเป็นเรานะ เราจะบอกว่า งานที่มีผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินมากๆ งานที่พลาดแล้วกู้คืนไม่ได้ แบบนั้นต้องช้าแต่ชัวร์นะ อย่างงานสร้างตึกไง และงานพวกเนี้ยก็มักจะต้องมีใบอนุญาตกำกับด้วย แต่สำหรับทางด้านธุรกิจ ที่การเดินช้าไป 1 วัน อาจหมายถึงการสูญเสียลูกค้า หรือสูญเสียรายได้ไปเป็นจำนวนมาก ถ้าแบบนั้นละก็ต้องเร็วไว้ก่อน bug นิดๆ หน่อยๆ เดี๋ยวค่อยว่ากันน่ะ อย่าเพิ่งถอดใจเน้อ สู้ต่อไปนะคุณเอก ^_^V จากคุณ : สาวน้อยร้อยแปด - [ 20 มี.ค. 50 23:57:28 ]

ความคิดเห็นที่ 22 มีอุทาหรณ์ มาแชร์ แลกเปลี่ยน 2005   VP เป็นคนทำงาน เร็ว ลวก สั่งใดได้เดี๋ยวนั้น สไตล์ตัวเอง อยู่กับระบบ phaseงานเป็นแบบแผน ทำให้เกิดความฮึดฮัด กับอายุย่าง 27 เติบโตก้าวหน้าในภาคอินเตอรเนชัลแนล ไม่เก็บอารมณ์ ไม่เอาใจเจ้านาย ไม่เลียใคร และไม่ยอมให้ "เฒ่าหัวงูกลุ่ม Senior VP" โลมเลียม ถูกเนื้อต้องตัว  " ไม่มีโบนัสทางสตรีเพศ " นอกเหนือจากหน้าที่การงาน .  . .  เพียง 22 วัน ก็ต้องกระเด็นจาก AVP 2006 เจอหัวอินเตอร์เนชัลแนล สีสัญชาติ UK, Spain, Singapore, India แต่หัว จน หาง ลูกทุ่ง บ้านนอกแท้จริง แต่ในความท้องถิ่น ก็มีข้อดีในเรื่องนิสัยใจคอ แบบไทยๆ เพียงแต่ว่า ในแง่การทำงาน มันทำให้งานไม่เสร็จ ไม่จบ ได้ตามกำหนด cost ก็บานปลาย จนภายหลัง Financial Structure สั่นคลอน ทำให้ต้องปลด ระดับหัวหน้าออกหมด 2007 เจอ Family Business ที่เงินช้า จ่ายเพียง 30% ใช้ความสัมพันธ์ทางสถาบัน มาบังหน้า แต่ดาบนั้นคืนสนอง ติดตัวแดง เจ็ดหลัก ในการเงินบริษัท . . . จะเข้าไปเป็นของใคร ครั้งต่อไป เอ๊ย เป็นคนในระบบที่ไหน ต้องตรวจสอบ สืบประวัติ ขอหลักฐานการจ้างพร้อมลายเซ็นต์ มาการันตี อนาคต ค่าโอกาส ค่าเวลา ค่าสุขภาพจิต 2 ปีที่บินเดี่ยว เก็บเกี่ยวประสบการณ์ จากลูกค้าตัวต่อตัว มาใช้กับการต่อรองบริษัท เจอหลากหลายประเภท ลูกค้าชั้นดีก็มี ลูกค้าเจ้าเล่ห์ก็มาก แต่สังคมการทำงาน ไม่มีพี่ไม่มีน้อง หน้ากาก ผลประโยชน์ล้วน ล้วนนะ จะให้ดี เสียรู้ครั้งที่หนึ่ง ต้องไม่มีครั้งที่สอง แล้วก็ ราคาค่าโง่ ไม่มีได้แอ้ม ! การทำงานที่ใด ที่หนึ่ง นานเกินไป ทำให้ก้าวขาสั่นพั่บๆ ปีกไม่กล้า ขาไม่แข็ง บินไม่ไป ห่วงหน้าพะวงหลัง แล้วก็ปอดแหก กลัวความสูญเสียมาก่อนที่จะได้ลอง หรือคว้าโอกาสนั้นนะ ชีวิตฟรีแลนด์ ล้มลุกคลุกคลาน แต่เราไม่เคยขาดทุนคู่นะ ถ้าไม่กำไรตัวเลข ก็ต้องกำไรคอนเนคชั่น หรือกำไรค่าภูมิรู้ เท่าทันนายจ้าง ลูกค้านะ การอ่านใจ จับตลาดให้ออกสำคัญต่อความมั่นคง กับสภาวะที่เสี่ยงได้กี่มากน้อย ทุกครั้งที่บินเราต้องมี ไพ่อื่น สำรองไว้เสมอนะ ไม่ว่าจะ ชีวิต ทรัพย์สิน โอกาสทางอื่นๆ ที่ไม่มองข้าม ทางรูปธรรมคือ ประกันชีวิต หลักทรัพย์ กระจายตัวเราไปให้คนรู้จักทางสื่อหลายทาง ไม่ใช่แค่ในไทยนะ เศรษฐกิจขับเคลื่อนแบบ Global ถ้าใครอับจนหนทางกับ Channel ในไทย ลองเปิดตา เปิดใจ มองออกไปนอกแหลมทอง คุณจะรู้ว่า demand แท้จริงไม่ได้อย่างที่เห็นนะ แต่จะบินได้ไกล ไปได้ถึง ต้องมีอาวุธใบเบิกทาง ไม่ว่า ภาษา หรือ ทักษะ ผลงาน ความสามารถ practical นะ หลายคน คิดว่าทุกอย่างต้องใช้เงินแลกมา บางส่วนช่วงเริ่มต้น "ใช่" แต่ช่วงกลาง ต่อยอดทักษะ คอนเนคชั่น ผลงาน การขึ้นตำแหน่ง เราไม่ต้องใช้เงินแลกมาเลยนะ ความเป็นมิตร(Friendly) เปิดตัวตน (Extrovert) รู้รอบ (Generalise) เป็นฐานสำคัญนะ ... ยุค 2010-2020 เป็นยุคของ Specialist with Generalist คือ รู้และทำเฉพาะกรอบงานของตัวเอง ไม่เพียงพอนะ ต้องรู้กว้างเชิงประสานงาน Horizontal Management และการ Integrate องค์ความรู้ เพื่อมาใช้รักษาตัวรอดในตำแหน่ง ให้มาก ตลอดเวลา และ สม่ำเสมอ นะ ถึงวันนี้ อายุย่าง 29 ยังยอมรับว่า การรักษาเก้าอี้ให้มั่นคงไม่ง่ายนะ บางที ตายน้ำตื้นก็มีได้ ชีวิตถูกทดสอบตลอดเวลา และไม่เคยบอกล่วงหน้า ย้อนกลับไปอ่าน สิ่งที่คุณเจอมา 3 รอบ ยังไม่หวือหวา เพราะบางที่ เคยเจอรุม 3 แล้วก็มี น้องสาว เครือญาติ ทั้งเมียน้อย เมียหลวง มารุมสับ นะ มารยาท ในการพบผู้สัมภาษณ์ มืออาชีพ ต้องแนะนำตัว ให้นามบัตรนะ แต่ที่นี่ ที่เจอ บอกว่าไม่ต้องถาม เอางานมาดู จ้องงานอย่างกะจะ " ล้วงตับ " ควัก " เซี่ยงจี๊ " แต่ถ้าวิชาชีพ มัน copied ได้เหมือนค้าปลีก ใครขายอะไรก็ขายตามก็ ไม่ต้องเรียน ไม่ต้องผ่านเส้นทาง ขวากนาม น่ะซิ ดังนั้น คนไม่มี ทักษะ ประสบการณ์ คอนเนคชั่น จะ คิดว่าวิชาชีพต่างๆ ยิ่งต่อยอดจัดการบริหาร ลอกได้ง่ายๆ สถาบันที่จบมา คงกรี๊ส อกเต้นผางๆ กันหมดแร้วนะ อีก Innovation ที่คิดว่าจะเอาหุ่นยนต์มาทดแทนคน ได้แค่ ระดับ labor, Operation ที่ตั้งโปรแกรม ทำการผลิตซ้ำๆหรือ Set โหมดเวลาไว้ แต่ในแง่ งาน Creative ที่ใช้ความรู้เฉพาะทางหลากหลาย มา Integrate ออกมา ยังทำไม่ได้นะ ต่อให้ Key ค่า Factors ลงไปออกมา 100 แบบ ก็ยังไม่ Flexible และ Efficiency เท่าการใช้คนที่มีประสบการณ์นะ มีสนามกอล์ฟ ห้าดาว แห่งหนึ่ง ริเริ่ม ใช้ที่เซต ถาดลูกกอล์ฟ มาให้ลูกค้ามีฐานะใช้ ปรากฏว่าเจ๊งกะโบ๊ง เพราะ ไม่ถูก nature จริตคนที่มาพลัสกอล์ฟ ต้นทุนถูกกว่าจ้างพนักงานจริง แต่ไม่ถูกใจ ลูกค้าสมาชิก หลังจากเอาเจ้า เครื่องมาใช้แค่ 3 เดือน เมมเบอร์เก่าก็ไม่ต่ออายุ เมมเบอร์ใหม่คุณหญิง คุณนายก็ คิดว่า อะไรกัน แถมเจ้าเครื่องนี้ มันก็ดีด ตีคุณหญิงหัวโน โธ่ ให้คนแก่ใช้เทคโนโลยี เหมือนยาขม ไม่ถูกจริต วิสัยคนไทย ชอบคนบริการ ปรากฏว่า ฐานลูกค้าพลัสกอล์ฟ หายไป จนบางตา เหลือ 21 % เครื่องที่ลงทุนไปก็ หลายล้านบาท เสียชื่อสปอร์ตคลับห้าดาว เจ็บกระดองใจผู้บริหารไปนาน ที่แผนไม่ success จากคุณ : kuddle - [ 21 มี.ค. 50 01:53:52 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณทุกท่านสำหรับคำชี้แนะครับ และขอบคุณลุงแอ็ดอีกครั้งสำหรับแนวทางครับ จากคุณ : MiraSport - [ 21 มี.ค. 50 07:13:55 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เอาใจช่วยครับ แต่ขอให้รับรู้ไว้นิดนึงนะครับว่า ถ้าเค้าเห็นหน้าคุณแล้วไม่เกลียดขี้หน้า ถือว่ายังมีหวัง ของแบบนี้ เวลา 1-2 ชั่วโมงในการดู profile กับสัมภาษณ์งาน มันวัดอะไรไม่ได้คับ ^_^ อีกอย่างนึงตอนสัมภาณ์งาน ก็โกหกใส่กันทั้งนั้นละครับ พอได้งานละก็อีกเรื่องนึง จากคุณ : เด็กผี ปีศาจแดง - [ 21 มี.ค. 50 10:47:35 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เข้ามาให้กำลังใจเอกนะคะ แม้รายละเอียดที่เล่ามา อาจทำให้เอกรู้สึกว่าการสัมภาษณ์ครั้งนี้ไม่เข้าท่าเอาซะเลย แต่ก็อยากบอกเอกเหมือนกับที่ลุงแอ็ดแนะนำใน # 19 เลยค่ะ เอกเป็น Candidate ที่มีคุณภาพมากๆ ที่สามารถวิเคราะห์สถานการณ์และนำมาพัฒนาปรับปรุง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนำเรื่องราวเหล่านี้มาบอกกล่าวให้เพื่อนๆ ได้รับรู้ด้วย สำหรับกรณีนี้ เอกไม่ต้องเสียใจหรือจิตตกไปนะ เขายังไม่แจ้งผลนี่นา ดังนั้น โอกาสได้ก็ต้องมีพอๆ กับโอกาสที่เราไม่ได้ อย่าเพิ่งถอดใจ อย่างน้อยเราก็ได้ประสบการณ์ดีๆ มากมายไม่ใช่เหรอ สำหรับบริษัทนี้ การันตีเลยว่า เขาต้องการคนที่เร็วจริงๆ จ้า และไม่ใช่แค่ฝ่าย IT ด้วย เขาเคยมาสัมภาษณ์เปิ้ลที่ มหาลัยตอนกำลังจะเรียนจบในตำแหน่ง HRD โทนที่เขาต้องการก็เป็นคนที่กระตือรือร้น และคล่องตัวค่ะ แต่ตอนนั้นเปิ้ล อยากทำงานด้าน PR มากกว่าเลย ไม่มีโอกาสร่วมงานกัน แต่หลังจากนั้นประมาณ 1 ปี พอมีตำแหน่ง PR ว่าง เจ้าหน้าที่เขาก็โทรมาเชิญสัมภาษณ์นะคะ แต่เนื่อจากเปิ้ลได้งานทำที่โอเคอยู่แล้วเลยปฏิเสธไป หลังจากจบมาเกือบ 3 ปี เมื่อบริษัทนี้ได้ขยายไปทำธุรกิจ Real Estate เขาก็โทรมาเชิญเรียกสัมภาษณ์อีกครั้ง เพราะตอนที่โทรมาเรียกครั้งที่ 2 เขาถามเปิ้ลด้วยว่า ตอนนี้ทำงานอะไรอยู่ที่ไหน ซึ่งเปิ้ลก็ให้ข้อมูลไปว่า ทำ Real Estate อยู่ที่นึง แต่สุดท้ายเปิ้ลก็ไม่ได้ไปสัมภาษณ์กับเขาค่ะ เนื่องจากงานแรกที่ทำอยู่ตอนนั้นสนุก และมีความสุขมากอยู่แล้วนั่นเอง ที่เล่าให้ฟังนี้ก็เพื่อจะบอกว่า "ข้อมูลของ Candidate" ของบริษัทนี้เขาแน่นจริงๆ ค่ะ เขาจะไม่มีวันยอมปล่อย Candidate ไปง่ายๆ แน่นอน ดังนั้น แม้เอกจะไม่ได้งานนี้ แต่ก็ใช่ว่าเอกจะพลาดการมีโอกาสได้ไปสัมภาษณ์งานที่บริษัทนี้ซะทีเดียว ยังมีโอกาสให้ลองและพิสูจน์ตัวเองอีกหลายครั้ง นอกจากบริษัทนี้แล้ว ก็ยังมีอีกบริษัทนะคะที่ใช้หลักการ ติดตาม Candidate ประมาณนี้ อย่างที่เปิ้ลได้มีโอกาสสัมผัสด้วยตัวเองก็คือ แบงค์รวงข้าวนั่นเอง.... เป็นกำลังใจให้เอกนะ ถ้ามีอะไรที่เปิ้ลพอช่วยได้ล่ะก้อ ไม่ต้องเกรงใจ ยินดีเสมอค่า จากคุณ : แมงปอในไร่ส้ม - [ 22 มี.ค. 50 09:56:42 ]

ความคิดเห็นที่ 26 อยากทราบว่าบริษัทที่คุณเอกไปสัมพาษณ์มาชื่อบริษัทอะไรเหรอคะ จากคุณ : cuty_bitchy (ฮิปโปฟันผุ) - [ 23 มี.ค. 50 00:18:19 ]

ความคิดเห็นที่ 27 มือของคนแถว ๆ จรัญ จากคุณ : MiraSport - [ 23 มี.ค. 50 10:16:41 ]

ความคิดเห็นที่ 28 รหัสอัจฉริยะข้ามคืนเหรอ o_O จากคุณ : สาวน้อยร้อยแปด - [ 23 มี.ค. 50 11:53:50 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ไม่ต้องผิดหวังไปหรอก คุณแค่ไม่เหมาะกับงานของเขาเท่านั้น แต่ถ้าเป็นผม ผมจะเลือกลูกน้องโดยดูจากความตั้งใจนะ เรื่องลักษณะการทำงานมันปรับกันได้ ปล บริษัทที่คุณไปสัมภาษณืนี่ บริษัทไหนเนี่ย บอกได้ไหม จะได้จำไว้ ไม่ซื้อซอฟแวร์มันมาใช้ ท่าทางชุ่ยน่าดู... จากคุณ : TT@BKK - [ 27 มี.ค. 50 11:40:39 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณคุณเอกนะคะ ที่แชร์ประสบการณ์ จากกระทู้คุณลุงแอ๊ดแล้ว ได้ข้อคิด กระทู้นี้ก็ได้ประสบการณ์การสัมภาษณ์เช่นกัน จะจดไว้แล้วนำไปอ่านก่อนสัมภาษณ์เช่นกันค่ะ จากคุณ : cmr - [ 29 มี.ค. 50 16:21:14 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เพิ่งกลับมาอ่าน ตั้งแต่ต้น ถึงได้รู้ว่าบริษัทโทรศัพท์มือถือ มิน่าค่าโทรศัพท์ผิดบ่อยมากๆ ลูกค้าเสียเปรียบประจำ จากคุณ : TT@BKK - [ 2 เม.ย. 50 17:32:37 ]