สวัสดีครับทุกท่าน ผมหายหน้าจากเวบนี้ไปหลายปีเป็นเพราะความละอายของผมเอง วันนี้อยากจะเล่าประสบการณ์ของผมให้เพื่อน ๆ ได้รับทราบเป็นอุทาหรณ์ แต่ไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ร้ายใคร เป็นเรื่องปัญหาของธุรกิจในครอบครัวที่ผมได้เคยทำ เพื่อน ๆ คงทราบดีนะครับว่าผมรับราชการและทำตลาดนัด ซึ่งทั้ง 2 อย่างก็ไปได้ดีพอสมควร ในส่วนตลาดนัดซึ่งผมและคนในครอบครัวก็ช่วยกันดี ต่างฝ่ายต่างรับผิดชอบกัน และช่วยกันบริหารจนกิจการก้าวหน้าไปตามลำดับ ซึ่งนอกจากส่วนตลาดนัดแล้วเรายังมีการปล่อยให้เช่าพื้นที่ซึ่งสามารถทำรายได้พอสมควร แต่เวลาผ่านไปคนก็เปลี่ยนไป น้องชายผมเริ่มมีการทุจริตต่าง ๆ เช่นการยักยอกค่าเช่าไปใช้เอง การมีพฤติกรรมก้าวร้าว แสดงความข่มขู่ คนงานเพื่อบีบให้เขาออกบ้าง หาเรื่องว่าคนงานทุจริตบ้าง ซึ่งผมเองก็ไม่ได้เชื่อนักจะมีปรามบ้างก็ในกรณีที่หลักฐานแต่ผมก็ไม่สามารถจะทำใจไล่คนงานออกไปได้เนื่องจากกิจการยังจำเป็นต้องพึ่งพาแรงงานเหล่านี้ เช่นการดูแลกิจการในเวลาที่ผมไม่อยู่ การกวาดขยะ ทำความสะอาด และเขาเองก็ไม่ได้ทำความผิดร้ายแรงอะไรมากนัก เหตุการณ์เช่นนี้ก็วนเวียนอยู่หลายปี หลายครั้งที่ผมปรามน้องชายคนนี้เขามักจะบอกว่าเขาไม่ได้ทำผิดอะไร ผมต่างหากเป็นคนที่มองเขาในแง่ร้าย เมื่อเห็นว่าปรามแล้วก็ไม่ได้ผล ผมก็ใช้วิธียุ่งกับเขาให้น้อยที่สุด โดยให้ความสนใจกับงานที่รับผิดชอบ เหตุการณ์ก็เป็นอย่างนี้อยู่หลายปี การทุจริตของน้องชายก็มีเรื่อย ๆ ประปราย ผมเองเลยใช้วิธีปิดเรื่องบ้าง ถ้าเห็นว่าร้ายแรงมากก็บอกให้กับทุกคนในบ้านรับทราบเพื่อจะได้ช่วยกันปราม แต่ก็ไม่มีผลอะไรนัก น้องชายผมคนนี้ก็ใช้วิธีหาเรื่องอื่นมากลบจนทุกคนเหนื่อยหน่าย นอกจากนี้เขายังใช้วิธีหาเรื่องอ้างว่าเรียน แล้วมีความจำเป็นต้องใช้เงินมาเบิกกับแม่ ด้วยความรักและความสงสารของแม่ เขาก็ได้เงินไปตามที่ต้องการทุกครั้ง ซึ่งทำให้พี่น้องคนอื่นสงสัยเกี่ยวกับพฤติกรรมเช่นนี้แต่ก็ไม่มีใครทำอะไรเพราะคิดว่ามันคงจะเป็นเหตุการณ์ชั่วคราว แต่มันก็ดำเนินไปเรื่อย ๆ หลายปีจนบางคนทนไม่ได้มีการทะเลาะกัน แต่สุดท้ายก็เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งสร้างความหนักใจให้กับผม ทำให้ผมเริ่มเพ่งเล็งและมองเห็นปัญหามากขึ้น การทุจริตมีแนวโน้มจะขยายตัว จากหลักพัน เป็นหลักหมื่น และหลักแสน ช่วงนั้นผมรู้สึกหวั่นไหวและเข้ามาในพันทิพน้อยลง ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะเริ่มละอายว่าเราไม่มีความสามารถที่จะจัดการปัญหานี้ได้ ผมคงจะไม่สามารถแนะนำใครได้ ตลาดนัดและกิจการที่ผมเคยวาดฝันว่าจะสามารถทำให้ครอบครัวผมดีขึ้นกลับกลายเป็นศึกสายเลือดในสายตาผม หลาย ๆ ฝ่ายพยายามเข้ามาประนีประนอม ไม่ให้เกิดปัญหาแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก ข้อกล่าวหาสารพัดที่โดนกล่าวหาผมได้แต่อึ้งว่าเขากล้าพูดได้ไง เช่น ผมจัดเก็บรายได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย หลงแต่เมียไม่ได้สนใจงาน ไม่มีวิสัยทัศน์ผู้บริหาร สนับสนุนให้ลูกจ้างขโมยของ ช่วงนั้นผมเองก็ระอาเหมือนกันว่าทำไมต้องเป็นอย่างนี้ รู้สึกเหมือนกับผมทำอะไรก็ผิด เอาเรื่องเหล่านั้นไปเล่าให้แม่ฟัง แอบพาแม่มาให้เห็นสภาพที่เลวร้าย ผมเริ่มรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลกับสิ่งที่เกิดขึ้นถึงเป้าหมายในการกระทำ นั่นคือการสร้างความชอบธรรมที่จะเข้ามาบริหารจัดการแทนผม แม้ว่าพี่น้องคนอื่นจะยังคงสนับสนุนผม แต่แม่ผมเริ่มรู้สึกหวั่นไหวเริ่มคล้อยตาม หลายครั้งที่แม่เรียกผมไปตำหนิ ซึ่งการแก้ตัวของผมกลับกลายเป็นยิ่งทำให้ท่านเกลียด เช่นเรื่องของคนงานที่โดนกล่าวหาว่าขโมยของ การปล่อยให้ใช้น้ำไฟอย่างสิ้นเปลือง ช่วงนั้นเหนื่อยใจมาก ทุกวันที่มีตลาดนัดจะต้องมีเรื่องจากน้องชายคนนี้ ผมตัดสินใจไม่ให้เหนื่อยใจมากกว่านี้โดยการเล่นปิงปองในตลาด เพื่อจะได้หันเหความสนใจไปทางอื่นไม่ต้องมารบมาก กลับกลายเป็นดาบแทงตัวเอง กลายเป็นว่าผมเองไม่ได้สนใจจะทำงาน และเป็นประเด็นแตกหักทำให้ผมต้องหยุดการดูแลกิจการ โดยปล่อยให้น้องชายคนนี้มาดูแลแทน โดยสัญญาว่าจะมีเงินค่าเช่าจ่ายให้กับครอบครัว ซึ่งตอนนั้นเราก็ตกลงกันโดยดีเพื่อไม่ให้ปัญหาลามไปกว่านี้ คนงานเมื่อรู้ว่าผมถอนตัวก็ทยอยลาออกเพราะไม่อยากจะมีปัญหา ตอนนั้นผมกระหยิ่มใจคิดว่าคงจะไปไม่รอด แต่เขาก็สามารถหาคนมาทำแทนได้ ซึ่งก็ยอมรับว่าเขาแก้ปัญหาได้ ในช่วงแรกการจ่ายเงินค่าเช่าก็เป็นไปตามสัญญา แต่ก็มีการหาเรื่องกับผมโดยไม่ให้เหยียบไปที่ตลาด ซึ่งเขาก็ทำอะไรไม่ได้ แต่ก็มีเรื่องอื่นที่จะหาเรื่องอีกจนได้ เช่นหาว่าผมไปนินทาเขาในตลาดบ้าง ไปคุยกับคนงานเขาบ้าง สุดท้ายหาเรื่องเอากิจการผมไปเป็นของเขาจนได้ ทำให้ผมไม่เหลืออะไร แต่อย่างว่าแหละครับพี่น้องกัน ได้แค่ด่า ได้แต่นั่งมองตาปริบ ๆ พี่น้องคนอื่นก็ไม่อยากจะมีเรื่องเลยกลายเป็นว่าในตลาดผมไม่สามารถมีรายได้อื่น ๆ เลยทำได้แค่ช่วยร้านค้าในตลาดขายของบ้าง พับถุง พับกล่อง ตามเรื่องตามราว หน้าที่เหลือแค่บอกน้องชายว่าถึงเวลาจ่ายค่าเช่าแล้ว ช่วยจ่ายหน่อยจะไม่มีกินอยู่แล้ว ตอนแรก ๆ ก็จ่าย ตอนหลัง ๆ ผมคิดว่าเป็นเพราะเขาเริ่มมีปัญหาเรื่องการเงิน เลยไม่ยอมจ่าย โดยใช้วิธีการทะเลาะแทน นอกจากนี้ยังมีการทุจริตอื่น ๆ อีกมากมาย ผมจึงเริ่มสืบและพบว่ามีการทุจริตถึงขั้นปลอมลายมือแม่ในการเซ็นเอกสารสัญญาต่าง ๆ จึงเอาเรื่องนี้มาแจ้งให้พี่น้องทราบ น้องชายคนนี้เมื่อรู้เรื่องจึงฉีกสัญญาเก่าแล้วให้แม่เซ็นใหม่ ทำท่าเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่ออยู่กัน 2 คน เขามีท่าทีที่จะข่มขู่ไม่ให้ผมเข้าไปยุ่งในกิจการนี้อีก เหตุการณ์นี้ก็ดำเนินเรื่อยมา ปัญหาก็เข้ามาที่ครอบครัวรายจ่ายเพิ่มขึ้นมาก จนแม่ต้องใช้เงินออมที่ท่านมีจนเกือบหมด จนท่านมีอาการหลง ๆ ลืม ๆ ผมก็กลุ้มใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทะเลาะก็กลับกลายเป็นซ้ำเติมแม่ ไม่ทะเลาะก็ทำให้น้องชายได้ใจ พี่น้องคนอื่นก็ไม่อยากจะมีเรื่อง ทุกครั้งที่น้องชายผมเข้ามาในบ้านทุกคนจะเงียบกันไปหมด เหมือนกับไม่อยากจะคุยด้วยจนกว่าเขาจะไปจึงทำได้แค่นินทาลับหลัง แล้วก็หวังว่าเขาคงจะกลับตัวได้ ดูท่าแล้วคงจะยาก เขาก็พยายามสร้างภาพความสำเร็จของเขาให้แม่ชื่นชมตลอด เมื่อแม่เอ่ยชมผมก็พูดให้แม่ได้คิดกับพฤติกรรมที่เป็นจริง เลยทำให้แม่สับสนเหมือนกันว่าตกลงเป็นอย่างไร เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ มันดูเหมือนว่าคงจะไม่มีใครเอาเขาลงได้ ร้านค้าที่สนับสนุนผมเริ่มถอดใจ หลายรายเริ่มจากไป เจ้าใหม่ ๆ ก็มาแทนตามวัฏจักรของตลาดนัด กับผมเมื่อคุยกันจะต้องมีการเหน็บแนมให้เจ็บใจตลอด เงินค่าเช่าก็ไม่ยอมจ่าย ผัดผ่อนตลอดจนสุดท้ายผมตัดสินใจที่จะไม่คุยด้วย ถ้ามีการคุยต้องทะเลาะอย่างเดียว ความรู้สึกตอนนั้นเขาเหยียดแล้วก็บอกว่าผมทำได้อย่างมากก็ช่วยขายของไม่ได้เป็นผู้บริหารอย่างเขา ซึ่งมีบริวารแวดล้อม ตอนนั้นผมรู้สึกแปลกแยก กับทุกอย่างที่เคยรอบตัวผม ดีที่ร้านค้ายังสงสารเลยทำให้ไม่รู้สึกมากนัก ทุกเย็นที่มีตลาดนัดผมก็ไปนั่งเล่นที่ตลาดนัดของผมแล้วบอกตัวเองว่าคงมีสักวันที่ผมไม่ต้องโดนเหยียดหยามอย่างนี้ เคยแค้นขนาดแช่งให้น้องชายมันรถคว่ำบ้าง โดนยิงบ้าง แต่ก็ไม่มีผลอะไร พี่น้องผมได้แต่ทำตาปริบ ๆ ผมเริ่มหาทางออกให้ตัวเองโดยการไปทำบุญสะเดาะเคราะห์ ไหว้เทพราหู แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีทางออกที่ดี ๆ ให้กับชีวิตเลย แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมทนต่อไปคือศรัทธาต่อการทำความดี ผมเชื่อครับ หลังจากอดทนมาเป็นเวลานาน มันเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ซึ่งก็ไม่เข้าใจเหมือนกันครับว่าเกิดอะไรขึ้น ภาพที่เห็นคือเต๊นท์ตลาดนัดโดนรื้อออกไป น้องชายเดินมาบอกว่าจะขอบริหารอย่างเดิมไม่เป็นคนเช่าแล้ว คนงานของเขาจากไป มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก ผมไม่เข้าใจ ผมคิดผิดไหมที่ไม่อยากให้สิ่งที่สร้างกันมาล้มไป เลยเข้าไปแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ วันนี้เรายังไม่ได้คุยเรื่องต่าง ๆ ที่ผ่านมาอย่างจริงจังกับพี่น้องเลย ซึ่งจะต้องคุยอย่างจริงจังในไม่นานนี้
จากคุณ :
จากป๋า
- [
20 มี.ค. 50 15:59:39
]