เทคนิคการหางานทำ เทคนิคในการตอบคำถามในการ
สัมภาษณ์งาน
ธรรมดาแล้วการตอบสัมภาษณ์ ควรมีพื้นฐานอยู่สัก 7 -
8 ข้อ โดยสิ่งสำคัญที่ผมอยากให้คนที่ถูกถาม คิดเสีย
ก่อนว่า คนถามคำถามนี้ อยากรู้อะไร อย่าตีความหรือ
อย่ามองแค่เป็นคำถามชั้นเดียว ถ้ามองเป็นคำถามชั้น
เดียว คุณจะตกเป็นเหยื่อ แล้วคุณไม่สามารถเลือกตอบ
ได้ตรงใจ อย่างที่กรรมการสัมภาษณ์อยากรู้ครับ
อย่างเช่น เขาถามว่า งานอดิเรกที่คุณทำในเวลาว่าง คุณ
ทำอะไร จริงๆ แล้ว เขาไม่ได้สนใจหรอกนะครับ เขา
อยากดูง่ายๆ ว่า คุณเป็นคนใช้เวลาว่างเป็นประโยชน์หรือ
เปล่า
คุณอาจจะตอบไปตามความจริง หรือตอบในสิ่งที่มันควร
จะเป็นก็ได้ แต่ถามว่า ทำไมไม่ตอบตรงไปตรงมาล่ะ ก็
เพราะว่าบางทีถ้าตอบอย่างตรงไปตรงมาแล้ว คุณไม่ได้
ประโยชน์อะไร ก็ไม่จำเป็นต้องตอบขนาดนั้น แต่ควรมี
ความจริงบ้างสัก 60-70% ส่วนที่เหลือก็เป็นสิ่งที่ไม่ได้
โกหกนะ แต่พูดไม่หมดเท่านั้นเอง
ผมไม่ได้ตั้งใจไปสอนคุณให้โกหกกรรมการนะครับ เพราะ
ถ้าหากคุณโกหกไม่แนบเนียน จนกรรมการจับโกหกได้
ผลที่ตามมาก็จะไม่ดีต่อตัวคุณเปล่าๆ
ฉะนั้นสิ่งที่ผมแนะนำคือ สมมุติว่า ถ้าคุณเป็นเด็กที่อ่อน
หัดและเพิ่มจบมา ตอบความจริงไปเยอะๆ ไม่ต้องไปปรุง
แต่งอะไรมากมาย การปรุงแต่งดูแล้วไม่ดี เพราะถ้า
ประสบการณ์ในการสัมภาษณ์ไม่จัดจ้าน การปรุงแต่งก็ไม่
น่าสนใจ จะทำให้คุณดูไม่น่าสนใจด้วยครับ
ข้อแรก ตอบตรงประเด็น ไม่วกวน ไม่อ้อมค้อม
เช่น เขาถามว่า คุณชื่ออะไร ก็ไม่ต้องตอบชื่อเล่นนะ
ครับ เพราะถ้าคุณตอบชื่อเล่น เขาก็ต้องถามคุณอีกรอบ
หนึ่งว่า ชื่อจริงนามสกุลจริงคืออะไร บางทีคุณต้องเข้าใจ
ว่ากรรมการสัมภาษณ์งาน เขาก็มีขั้นตอนในการ
สัมภาษณ์ คุณควรพยายามตอบไม่ให้วกวน ไม่หลง
ประเด็น ถามเรื่องหนึ่งไม่ตอบ ไปตอบอีกเรื่องหนึ่ง
พยายามตั้งสมาธิ พยายามคิดวิเคราะห์ให้ได้ ว่าเขาถาม
อะไร อยากรู้อะไร ไม่ต้องตอบอ้อมไปอ้อมมา เพราะสิ่ง
ที่กรรมการเขาอยากได้ คือคำตอบแบบ เนื้อๆ เน้นๆ
ยกตัวอย่าง เช่น เขาถามว่า คุณเคยทำงานอะไรมาบ้าง
ก็ตอบไปเลยว่าลักษณะงานเป็นแบบไหน อย่าตอบ
แบบวกวน เพราะลักษณะแบบวกวน จะดูเหมือนคุณ
สับสนในตัวเอง ขาดความน่าเชื่อถือ ดังนั้น คุณต้องรู้จัก
รวบรวมความคิดก่อนตอบคำถามออกไป
ข้อสอง ควรฟังคำถามให้จบก่อน ให้ชัดเจนก่อน แล้ว
ค่อยตอบ
ไม่ใช่ฟังคำถาม 3 -4 ประโยค แล้วก็รีบตอบสวนกลับไป
สิ่งแรกที่กรรมการรู้สึกคือ คุณไม่มีมารยาท ถึงแม้คุณจะ
ตอบถูก แต่การแสดงเป็นคนไม่มีมารยาท จะทำให้คุณดู
แย่ในสายตาเขา ควรฟังคำถามให้เข้าใจก่อน แล้วค่อย
ตอบอย่างมั่นใจ ตอบให้ตรงตามที่เขาต้องการจะถาม
ข้อที่สาม อธิบายคำตอบที่คุณตอบไป
บางทีเด็กๆ มักจะตอบอะไรสั้นๆ ถามตั้งนาน ตอบ
ประโยคเดียว เช่น กรุงเทพมหานคร มีเขตทั้งหมดกี่
เขต ส่วนใหญ่ก็จะตอบไปเลยว่า 37 เขต (สมมติว่ามี
37 เขต)
ถ้าหากคุณอยากตอบอย่างมีเหตุผล คุณก็ต้องคิดว่า เมื่อ
คราวเลือกตั้งครั้งที่แล้ว มี 35 เขต เลยคิดต่อว่า
ประชากรของกรุงเทพน่าจะเพิ่มขึ้นจากการโอนย้ายคนจาก
ต่างจังหวัดเข้ามาด้วย จาก 35 เขต เป็น 37 เขต หรือ
38 เขตนี้ล่ะครับ
อย่างน้อยๆ ก็แสดงให้เห็นว่า คุณมีการวิเคราะห์ ทำให้คำ
ตอบของคุณดูมีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้น ถึงแม้ว่าจะเป็น คำ
ตอบที่ผิดก็ตาม
ข้อที่สี่ การตอบคำถามต่างๆ หากตอบในเรื่องของราย
ละเอียด หรือสถิติ อย่าตอบคำถามโดยการเดา
เช่น ประเทศหมู่เกาะมัลดีฟส์มีประชากรกี่คน
ต้องเข้าใจประการหนึ่งนะครับว่า อย่าไปตอบเหมือน
นักการเมืองรุ่นโบราณ ที่ตอบเป็นตัวเลขตรงๆ ตายตัวว่า
หมู่เกาะมัลดีปส์มีประชากร 144,541 คน ถ้าผมเป็น
กรรมการสัมภาษณ์งาน ผมฟังแล้วไม่ได้ทึ่งนะครับ แต่
รู้สึกหมั่นไส้มากกว่า จนต้องถามว่าคุณรู้ได้อย่างไร แน่
ใจหรือว่าถูก
แต่ถ้าคุณรู้แบบแน่นอนเช่น กรุงศรีอยุธยาเสียกรุงครั้งที่
สอง พ.ศ. ที่เท่าไหร่ ถ้าหากคุณตอบได้ว่า พ.ศ. 2310 ก็
ไม่ใช่เรื่องแปลก คุณสามารถตอบไปได้เลยอย่างมั่นใจ
หรือคำถามในลักษณะที่ว่า หนูในกรุงเทพมีกี่ตัว
กรรมการสัมภาษณ์เขาไม่อยากรู้ 100% หรอกนะครับว่า
มี่กี่ตัว แต่เขาอยากฟังวิธีคิดของคุณมากกว่า คุณอาจจะ
เดาแล้วตอบไปว่า 10 ล้านตัว การตอบแบบนี้ไม่ถูก คุณ
ควรจะตอบว่า ที่บ้านผม น่าจะมีหนูอยู่ประมาณ 10 ตัว
ผมคิดว่าในเขตกรุงเทพฯ มีประชากรสัก 10 ล้านคน เฉลี่ย
ครอบครัวละ 3 คน น่าจะสัก 3 ล้านครัวเรือน เพราะ
ฉะนั้น หนูน่าจะมีสัก 30 ล้านตัว
นี่แสดงว่าคุณมีวิธีคิดที่ดี ไม่ว่าคำตอบจะถูกหรือผิดก็
ตาม ซึ่งคุณสมบัติแบบนี้ เป็นลักษณะของคนที่เข้าใจ
อะไรง่าย รู้จักวิเคราะห์คำถาม ซึ่งลักษณะการตอบแบบ
นี้ เป็นการแสดงการตอบที่ดีครับ
ข้อที่ห้า ฟังคำถามแล้วใจเย็นๆ วิธีการตอบที่ดี คือ คุณ
ต้องฟังคำถามให้เข้าใจจนจบ แล้ววิเคราะห์ว่า คน
สัมภาษณ์เขาอยากได้อะไร แล้วค่อยตอบ
คุณอาจจะคิดว่า ฟังคำถามเสร็จก็ตอบซิ จะได้เร็ว ถ้ามัว
แต่วิเคราะห์อยู่แล้วจะช้า
ผมบอกได้เลยว่า ถ้าคุณสัมภาษณ์ไปเยอะๆ หรือคุ้นเคย
กับการสอบสัมภาษณ์ คุณจะรู้ว่ากรรมการสัมภาษณ์เขา
อยากได้อะไร เมื่อคุณฝึกฝนจนชำนาญคุณสามารถตอบ
ได้เร็วๆ เช่นกัน ไม่ใช่ไปถามกรรมการว่า เขาต้องการรู้
อะไร คุณไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอกครับ ให้วิเคราะห์
แล้วตอบออกมาเลย
เช่น ปกติเสาร์ อาทิตย์ตื่นเช้าไหม คุณก็ตอบว่า คุณ
ตื่นสาย เพราะว่าวันธรรมดาทำงานหนัก จริงๆ แล้วเขา
อยากรู้ว่า คุณใช้เวลาว่างในช่วงเสาร์ อาทิตย์ทำอะไร
บ้าง คุณไปเรียนหนังสือต่อหรือเปล่า คุณพักผ่อนอย่าง
ไร แต่บางทีการบอกว่าคุณไม่มีเวลาพักผ่อนเลย มันก็ไม่
ดีนะครับ ผมคิดว่าอย่างไรเสีย คุณควรจับให้ได้ว่า
กรรมการสัมภาษณ์เขาอยากได้อะไร แล้วก็ตอบให้ตรงใจ
ครับ
ข้อที่หก ถ้าคำถามที่ยาก แล้วคุณตอบไม่ได้ ก็ตอบไป
เลยว่า ตอบไม่ได้
คุณอาจจะตอบไปเลยว่า เผอิญสาขาที่คุณเรียนมา ไม่ได้
ครอบคลุมไปถึงเรื่องนี้ หรือคุณไม่มีความรู้เรื่องนี้ ทำให้
ไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ อย่าเดาเด็ดขาด เพราะถ้า
เขาเห็นว่า หลักการของคุณคือ การเดา ผม
อยากให้คุณดูดี มีเหตุผลมากกว่าว่าทำไมคุณจึงตอบไม่
ได้
ข้อที่เจ็ด ผมบอกแล้วนะครับว่า ถ้าคุณเป็นมือใหม่ คุณ
ควรเตรียมตัวในการสัมภาษณ์มาล่วงหน้า
คุณรู้อยู่แล้วว่าในการสัมภาษณ์ทีอะไรบ้าง ถ้าคุณมี
ประสบการณ์น้อย ก็จะเสียเวลาในการทำความเข้าใจคำ
ถามถ้าคุณเตรียมตัวโดยการเอาคำถามที่คุณคิดว่า
กรรมการน่าจะอยากรู้ มาเรียงกันสัก 10 หรือ 20 คำ
ถาม จะทำให้คุณตอบได้เร็วมากขึ้น รวมถึงการเตรียมตัว
เรื่องการแนะนำตัวเองภายใน 2 นาที เลือกคำตอบมา
เลย และควรเตรียมคำตอบที่จะเปลี่ยนจุดอ่อนของคุณ
ให้เป็นประโยชน์ต่อองค์กรและสังคม
ข้อที่แปด นี่เป็นองค์ประกอบ สีหน้า แววตา น้ำเสียง
ต้องมีความมั่นใจ ไม่ใช่ตอบแค่ว่า ผมว่าน่าจะ....
ประมาณ....แค่นี้นะครับ
คุณต้องมั่นใจในสิ่งที่คุณตอบ และเมื่อตอบอะไรไปแล้ว
นั้น หมายถึงว่า คุณได้คิดไตร่ตรองแล้ว
นี่เป็นเทคนิคง่ายๆ ที่จะใช้ในการตอบปัญหาในการ
สัมภาษณ์งาน
****************************************************
ตอนต่อไป : การเตรียมตัวสัมภาษณ์งาน
****************************************************
จาก : สัมภาษณ์งานอย่างไร ให้โดนใจ โดย อาจารย์
ชยางกูร แก้วบัณฑิต
amorntvm@anet.net.th
http://lungadd.pantown.com/
จากคุณ :
ลุงแอ็ด
- [
3 เม.ย. 50 22:38:37
]