ความคิดเห็นที่ 1 การทำงานร่วมกับ.....คน ตอนที่ 1 ...คนคัดค้านการเปลี่ยนแปลง สวัสดีครับ คุณพี่  คุณน้อง  คุณหลาน...แห่งห้องสีลมที่เคารพรัก “ลุงแอ็ด” กลับมาพบกับท่านอีกครั้งหนึ่งหลังสงกรานต์ตามสัญญาที่ได้ให้ไว้คือ  ลุงแอ็ดจะโพสคอลัมน์ “การทำงานกับ.....คน” เพื่อให้ทุกท่านได้ศึกษา และแสดงความเห็น ซึ่งกันและกัน ลุงแอ็ดอยากขอเรียนไว้ในเบื้องต้นว่า คำว่า “คน” นั้น  ในโลกนี้มีประมาณ 6,000 ล้านคน  ในประเทศไทยก็มี “คน” ประมาณ 60 ล้านคน....และแค่ละคนต่างก็มี ทัศนคติ  แนวคิด  ความเชื่อ  การศึกษา  ความรู้  ความคิดเห็น....หรืออะไรก็ตามที่เราเรียกว่า คน นั้น...ไม่ซ้ำกันเลย ถึงแม้จะมาจากพ่อแม่เดียวกัน  ถึงมาจากชาติเดียวกัน  วัฒนธรรมเดียวกัน  หรือสถาบันเดียวกัน คน....ต่างก็ย่อมมีความเห็น แนวคิด ทัศนคติ ฯลฯ ที่แตกต่างกันออกไปบ้างไม่มากก็น้อย แต่...ทุกคนต้องทำงานร่วมกับคน  ทำงานเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มคน  และต้องผูกพันกับ “คน” ไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง  ดังนั้น  เรื่องของคน  จึงเป็นเรื่องที่น่าศึกษาเป็นอย่างยิ่ง คนบางคน  มีสมองที่ฉลาด เฉียบขาด  ล้ำเลิศ  แต่....ทำงานร่วมกับคนอื่นไม่ได้  ต้องทำงานอยู่คนเดียว อาจเป็นเพราะเขาเป็นคนดูถูกคน  หรือไม่อยากเรียนรู้เรื่องคน  คิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระ  ที่ต้องศึกษาและปรับตัวให้เข้ากับ “คนอื่น” ดังนั้น ในคอลัมน์ “การทำงานร่วมกับคน..” นี้  ทุกคนจะคิดอะไร  ทำอย่างไร  ทุกคนก็สามารถคิดได้  นำเสนอได้  วิจารณ์ได้  ให้คำแนะนำได้   “ไม่มีใครผิด...ไม่มีใครถูก” ดังนั้น  Workshop นี้  จึงเป็นการแสดงความคิดเห็นที่ทุกท่านอยากที่จะแสดงออกมาแลกเปลี่ยนกัน  ไม่ใช่เป็นคอลัมน์ที่อวดภูมิความรู้กัน  ไม่ใช่คอลัมน์แห่ง  การถกเถียงเพื่อเอาชนะคะคาน ฯลฯ ในบทเรียนแรกนี้  ลุงจึงเอา “ตำราการทำงานร่วมกับคน 12 ประเภท”  ซึ่งเคยใช้เป็น Workshop ในการบรรยายเรื่องของ “คน” บ่อยๆ มาให้พวกเราลองทำกันดูพอเป็นตัวอย่างจะเห็นได้ว่า ในเรื่องของคนทุกประเภทที่เราจะได้เจอดังต่อไปนี้  จะมีคำว่า  “การปรับตัวเรา”  และ  “การปรับตัวเขา”  เป็นไก๊ด์ลายของคำตอบ  ซึ่งเปรียบเสมือนท่านได้ทำงานร่วมกับบุคคลเหล่านี้  ไม่ว่าจะเพื่อนร่วมงาน  เป็นเจ้านาย  หรือเป็นลูกน้องของเขาก็ตาม ทำไม เราจึงต้องปรับตัวของเราก่อน  เพราะในเรื่องที่เกี่ยวกับคนนั้น  ไม่มีใครถูกที่สุดเพียงฝ่ายเดียว ยิ่งคนที่คิดว่าข้าแน่  ข้าเก่ง  ข้าเจ๋ง  ไม่ฟังใคร  คอยแต่ชี้นิ้วว่า  คนอื่นเป็นผิดนั้น  เป็นคนที่น่าสงสารเป็นอย่างยิ่ง  เพราะจะไม่ได้อะไรเลยในการทำ w/s นี้ และจะไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยเกี่ยวกับ “คน” ไม่ว่า “คนอื่น” เขาจะเป็นอย่างไร   เราจะต้องหันมาพิจารณาตัวของเราเป็นอันดับแรกว่า  “ตัวเรา ..   พอจะปรับอะไรให้กับเขาได้บ้าง”  ถ้าเราคิดอย่างนี้  ในการปรับตัวเราเพียงเล็กน้อยเท่านั้น  บางที  เราไม่ต้อง “ปรับตัวของเขา” เลย  เขาก็กลายเป็นคนอีกคนหนึ่งได้ ดังนั้น  ลุงขอย้ำ   “ก่อนจะปรับใคร...ให้ปรับตัวของเราก่อนเสมอ”  ดูว่าตนเองได้ทำอะไรไปบ้าง  เราได้เข้าใจเขาหรือไม่  เราได้รู้ไหมว่า  ทำไมเขาต้องทำอย่างนั้น  และปรับการกระทำของตัวเราให้เหมาะสมกับตัวเขา   และหลังจากนั้น  จึงไปปรับตัวของเขาอีกครั้งหนึ่ง  เพื่อให้เกิดผลที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น แบบทดสอบนี้  กล่าวถึงบุคลิกของคน 12 ประเภท  อย่างกว้างๆ ไม่เจาะลึก....ดังนั้น  จึงไม่ต้องการ คำตอบที่เจาะลึกเช่นกัน  เอาเป็นเพียงไกด์ลายเท่านั้น ใครที่สนใจแบบทดสอบนี้  ก็โปรดแสดงความเห็นมาสัก 5 ท่านขึ้นไป  .... แล้วลุงแอ็ดจึงจะเฉลยแนวคำตอบให้ในตอนสุดท้าย และนี่เป็นเพียงความคิดของคน คนหนึ่ง....ที่ชื่อ “ลุงแอ็ด” เท่านั้น เริ่มกันเลยนะครับ จากคุณ : ลุงแอ็ด - [ 22 เม.ย. 50 19:38:39 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ...นึกถึงเจ้านายเรา...ไม่รู้ว่าจะมีคนขี้งกบ้างหรือเปล่า เหอเหอ...แบบที่ เรื่องรับเงินเนี่ยจะเอาของเขาไปหมดแต่พอเรื่องให้จ่าย ค่ารถบ้าง ค่านู่นนี่บ้าง กลับทำเป็นขี้งกขี้เหนียวกับเขาไปซะหมด... ส่วนตัวเอง ก็ขี้เกียจ...(แล้วองค์กรนี้จะไปรอดมั้ยเนี่ย)...ขี้เกียจทำงาน ยิ่งเวลางานเยอะๆยิ่งเห็นแล้วก็ยิ่งขี้เกียจ ไม่รู้ว่าจะเริ่มทำงานอันไหนก่อนดีเยอะไปหมดเลย รอคนต่อไปมาต่อค่ะ อยากรู้คำตอบจากลุงแอ็ด จากคุณ : mistress - [ 22 เม.ย. 50 20:10:52 ]

ความคิดเห็นที่ 3 หนูจะได้เป็น 1 ใน 5 หรือเปล่าค่ะ ก็ลุงแอดยังไม่โพสต์เลย เมื่อวานตอนเย็นไปดินเนอร์กันที่ไหนค่ะ ไม่เห็นชวนกันบ้างเลย น้อยใจๆๆๆ จากคุณ : พลูดาว - [ 22 เม.ย. 50 20:20:58 ]

ความคิดเห็นที่ 4 สนใจคอมลัมน์นี้มากครับ ขอบคุณลุงแอ็ดนะครับ จะติดตามุทกตอนเลยครับ ^^ จากคุณ : Culture - [ 22 เม.ย. 50 20:21:02 ]

ความคิดเห็นที่ 5 คุณ mistress ครับ พอขึ้นต้นก็บ่นใหญ่เชียวนะครับ...........................ฮิ ฮิ ไม่เห็นมีปรับเรา........ปรับเขา ดังที่ลุงแอ็ดว่าไว้เลย....... เอ้า.....คนต่อไปขอเชิญนะครับ จากคุณ : ลุงแอ็ด - [ 22 เม.ย. 50 20:21:41 ]

ความคิดเห็นที่ 6 คุณ  พลูดาว  ครับ ตกลงนอนร้องเพลงคาราโอเกะอยู่ที่บ้านนะครับ............ ไม่มีใครว่างสักกะคน...........วันหลังคุณพลูดาวว่างก็เชิญ นะครับ จากคุณ : ลุงแอ็ด - [ 22 เม.ย. 50 20:25:14 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณครับ คุณ  Culture แต่อยากให้คุณ  Culture  แสดงความคิดเห็นด้วยนะครับ เท่าที่ Post มานี่.....ยังไม่นับ 1 เลยนะครับ เมื่อครบผู้แสดงความคิดเห็น 5 ท่านแล้ว ลุงแอ็ดจึงจะ Post ความเห็นของลุง  แล้วจะขึ้นบทต่อไปครับ จากคุณ : ลุงแอ็ด - [ 22 เม.ย. 50 20:30:52 ]

ความคิดเห็นที่ 8 มีเพื่อนร่วมงานที่ชอบตะโกนโหวกเหวก เสียงดัง ว่าไม่ได้ ถ้าใครติจะโมโหโกรธา ทำงานตามอารมณ์ตัวเอง เวลาร้าย ก็ร้่ายอย่างร้ายกาจ เวลาดี ก็ดีซะใจหาย  ทำงานด้วยแล้วเครียดมาก จริงๆ เราก็เป็นคนใจร้อน พอเจอแบบนี้ก็ไม่รู้จะแก้ยังไง ก็เลยคุยให้น้อยลง เรื่องคุยเล่นก็ลืมไปได้เลย ดูเค้าเกรงใจเราขึ้นนิดนึงค่ะ แต่ก็ยังทำแบบนี้กับคนอื่นในออฟฟิศอยู่ อันนี้ไม่รู้จะปรับตัวเข้าหาเค้ายังไงค่ะ.. เอ๊ะ ดูดูไปแล้วไม่เห็นเป็นการบอกเรื่องการปรับตัวเลยเนอะ เหมือนมาบ่น  แหะๆ  ขอโทษทีค่ะ^^; จากคุณ : nontanjp - [ 22 เม.ย. 50 21:51:57 ]

ความคิดเห็นที่ 9 มายกมือเช็คชื่อค่าลุงแอ็ดขา (^v^)p สำหรับการทำงานร่วมกับคน...หญิงว่าเราต้องทำความเข้าใจ คิดๆดูแล้ว มีงานไหนบ้างที่ไม่ต้องทำร่วมกับคน Creative บางคนบอกว่าไม่ชอบงานขาย  ให้เหตุผลว่าทำไม่ได้  เพราะไม่ชอบพบเจอผู้จน  พูดไม่เก่ง แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่างานในตำแหน่งใดก็ต้องทำงานร่วมกับ "คน" ทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นคนในแผนก รึว่าคนระหว่างแผนกก็ตาม มีงานอะไรบ้างที่ต้องทำคนเดียว....ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร ขนาดฤาษีที่ฝึกตนอยู่ในถ้ำ วันดีคืนดียังมีคนหลงเข้าไปพบ... ขนาดหมี รึ กบที่จำศีล เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมก็ต้องหวนกลับสู่สังคม... มนุษย์เองก็เป็นสัตว์สังคม หนีเรื่องการพบปะผู้คนไม่พ้นหรอก  ดังนั้น คน จึงต้องมีการพัฒนาตัวเองให้เข้ากับคนอื่นได้...จริงไหมคะ (^v^)p หญิงฯหมายถึง การปรับตัว.... ไม่ใช่เปลี่ยนสี ปรับท่าทีแบบพวกสะตอ พวกหน้าไหว้หลังหลอกนะ 0_o' ไหนๆก็วกเข้าเรื่องคนขายสะตอ หลายคนคงได้เจอคนประเภทนี้มาบ้าง มากน้อยแตกต่างกันไป น้องๆที่พึ่งจบ พึ่งเริ่มใช้ชีวิตการทำงาน เจอพวก:-) ขี้ฟ้อง  นิสัยเสียแบบตัวอิจฉาในหนังอาจจะจิตตกได้... อย่าเพิ่งตกใจไป... ให้เราสูดหายใจลึกๆ พร้อมกับคิดว่านี้เป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้เรียน ได้ทั้งประสบการณ์การทำงาน และประสบการณ์การเรียนรู้คน ถ้าเราใช้จุดนี้มาเป็น case study เราจะได้ประโยชน์ แต่ถ้าเราเอาแต่มาฟึดฟัด..ฮึดฮัด !!! อารมณ์เสียแบบเพลงของอาภาพร นครสรรค์ เราก็จะไม่ได้อะไรเลยพลอยทำให้คนรอบข้างเราอารมณ์เสียไปด้วย... แต่ถ้าเราเอามาเป็น case study คราวหน้าเราจะได้รับมือกับคนได้ ไม่ว่าจะเป็นคนแบบไหน หากเราพยามทำความเข้าใจในธรรมชาติของคนแล้ว หญิงว่าไม่ว่าเราจะเจอคนแบบไหนเราจะสามารถทำงานร่วมกันได้ แล้วธรรมชาติของคน....คืออะไร แล้วเราจะเข้าใจธรรมชาติของคนได้อย่างไรกันล่ะเนี่ย.... เวลาหญิงจิตตกเรื่องกับเรื่องพวกนี้ หญิงจะสูดหายใจลึกๆ แล้วค่อยๆคิด...เรื่องธรรมชาติของคนว่า... คนแต่ละคนไม่เหมือนกัน.... พื้นฐานแต่ละคนไม่เหมือนกัน    มาจากครอบครัว    สภาพแวดล้อมการเติบโตไม่เหมือนกัน    ซึ่งก็มีผลทำให้นิสัย มุมมอง  วิสัยทัศน์  การแสดงออกไม่เหมือนกัน แต่ละคนมีความคิด ความสามารถในการเรียนรู้ไม่เท่ากัน ดังนั้นจะให้คนทุกคนมาทำอย่างที่เราต้องการ 100% นั้น บอกได้คำเดียวว่ายากส์... ซึ่งต้องใช้เวลากว่าจะทำงานเข้ากันได้ ต้องใช้เวลากว่าคำว่า Team work จะเกิด และเวลาที่ว่านั้น....สุดท้ายก็ขึ้นอยู่ที่คน...!!! และหากหญิงยังจิตตกเรื่องกับเรื่องพวกนี้อยู่ หญิงจะสูดหายใจลึกๆอีกเฮือก แล้วค่อยคิด...เรื่องธรรมชาติของคนต่อว่า... ทุกคนก็เป็นคนเหมือนกัน... ไม่มีใครอยากถูกดูถูก ไม่มีใครชอบการนินทา ใครๆก็อยากได้การชื่นชม ถ้าเราเป็นลูกค้าเราก็อยากได้บริการที่ดี ฉะนั้นหากเจ้าของกิจการรึว่าลูกน้องเองก็ตามทราบว่าคนที่เราต้อง contact ด้วยต้องการอะไรก็สามารถทำให้เราทำงานด้วยได้ง่ายขึ้น และหากหญิงยังจิตตกเรื่องกับเรื่องพวกนี้ยังไม่เลิก หญิงจะสูดหายใจลึกๆอีกสัก 2 เฮือก แล้วค่อยคิด...เรื่องธรรมชาติของคนต่อว่า... คนสามารถเปลี่ยนแปลงได้   ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ทั้งในทางที่ ดีและ ไม่ดี และการเปลี่ยนแปลงก็ต้องในเวลา... หากเราไม่ปรับตัวเลย เป็นตัวของตัวเองตลอด ไม่วิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย เพื่อที่จะทำการปรับเปลี่ยนซะตั้งแต่ตอนนี้ อีกหน่อยอาการเหล่านี้ก็จะยิ่งหนักขึ้น รึอย่างสิ่งที่เกิดกับตัวหญิงเอง... ตอนเด็กๆหญิงเป็นคนที่ขี้อายมาก...มากอย่างไม่น่าเชื่อ มีอยู่จุดหนึ่งที่ทำให้คิดว่าหากเราเป็นเช่นนี้เรื่อยๆ จะไม่เป็นผลดีในอนาคตแน่... จึงทำให้หญิงต้องคิดที่จะเปลี่ยนแปลงบ้าง หากเปลี่ยนแปลงมากเกินไปก็จะมี Feed back กลับมาเอง คอยฟังเสียงรอบข้างแล้วนำมาปรับปรุง สุดท้ายมันก็คือการอยู่ร่วมกับคน และคนเท่านั้นที่จะช่วยเราได้ คน...จะเป็นทั้งพ่อ-แม่ คน...จะเป็นทั้งครูบาอาจารย์ คน...จะเป็นทั้งพี่ คน...จะเป็นทั้งเพื่อน คน...จะเป็นทั้งแฟน และ คน...ก็จะเป็นศัตรูกับคน เช่นกัน จะเห็นได้ว่าเราหนีคนไม่พ้น ฉะนั้นหากเราเรียนรู้ที่จะปรับตัวให้เข้ากับคน เราก็จะอยู่กับคนได้ ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นใครก็ตาม พอจะนับเป็นหนึ่งความเห็นได้ไหมค่ะ ท่านลุงแอ็ด (^v^) แก้ไขเมื่อ 22 เม.ย. 50 22:13:59 จากคุณ : องค์หญิงวุ่นวาย - [ 22 เม.ย. 50 22:10:38 ]

ความคิดเห็นที่ 10 Talk about how I deal with the type 1 people. I used to work with people who didn't like changes. Change itself could be anything that can be changed such as believe, idea, technology, policy, procedure to name but a few. Well, I think how to handle changes helps us in understand the people of type 1. There're only 3 general reactions they do to response to the change: refuse, ignor and accept. However, I will focus only the type 1 people who refuse changing. The truth is we can't just ignore them. They could be our boss, colleagues, friends and even family. In conversations toward the type 1, you can't say that their ideas are wrong, stupid, absurd or outdated. Tell them why the newer thing is better. It could be process improvement or lower investment. Make your point clear with facts, case examples and analysis reports. With factual information, success stories and well-thought ideas. The type 1 has nothing to do but accept, eventually. By using this scheme, contradiction could be avoided. Anyway, this concept might apply in only perfect situation. In practical, well, I'm waiting for more replies and tips from the poster. จากคุณ : nungning - [ 23 เม.ย. 50 00:35:24 ]

ความคิดเห็นที่ 11 หวัดดีครับลุงแอ๊ด ผมจะเล่าบ้าง นะครับ ครับผมว่าการปรับตัวเองก็สำคัญ ตอนผมไปทำงานแรกๆ ทุกอย่างดูโอเคดูรักกันดี แต่ . . . . . . . . แท้จริงมันมีอะไรอยู่ข้างในครับ ผมเองดูจากตอนที่เขาไปกินข้าวกัน ถ้าเลือกได้ จะสังเกตุว่า จะมีกลุ่มหนึ่งที่ไปกินด้วยกัน และอีกกลุ่มที่ไปกินด้วยกัน การแบ่งฝ่าย . . . . และเมื่อมอง นิสัยในกลุ่มคนแต่ละกลุ่ม ผมพบความชัดเจนในนิสัยคนในแต่ละกลุ่มว่า มันมีความเหมือนกัน มีคุณสมบัตอร่วมกัน ในแต่ละกลุ่ม ตอนแรกคิดว่าผมใช้เวลาคุยปรับตัวเข้ากับคนทุกกลุ่ม แต่แล้วพบว่า มันเป็นไปไม่ได้ครับ ในระดับหนึ่งเราจะปรับตัวเข้ากับ คนทุกคน เพื่อ การทำงาน แต่จะปรับตัวถึงในระดับ สนิทเป็นเพื่อนร่วมงานและร่วมความสุข มันไม่ได้ครับ กลุ่ม มี 2 กลุ่ม 1. กลุ่มที่ 1 บุคลิกร่วมกันของกลุ่มนี้คือ ความแข็ง ความไม่ยอมคน ออกไฮโซ มีรถขับ - กลุ่มนี้ ทำงานเก่ง ครับ ออกแนวกร้าวๆ มีความทะเยอทะยาน สังเกตุได้จาก action น้ำเสียง ตอนประชุม พวกนี้มี 1 อย่างที่สังเกตุได้ ครับ :" ความไม่เป็นธรรมชาติ " ถ้าคุณดูละครไทยนะครับ สังเกตุ ตัวอิจฉา สิการพูดจะไม่เป็นธรรมชาติ กลุ่มนี้ผมพยายามจะปรับตัว แต่ ยากครับ ยากมากครับ เพราะนิสัย พื้นฐานผมไม่ได้เป็นอย่าง การจะปรับตัวได้ สิ่งที่ต้องทำคือ 1. กลุ่มนีความจริงใจใช้ไม่ค่อยได้ เพราะพวกเขามีใช้ เปลือกนอกในการติดต่อกับผู้คนอยู่แล้ว 2. option หรือความเด่น ในแต่ละคน 3. ในกลุ่มนี้ลองสังเกตุดูนะครับ พวกเขาส่วนมากจะเก่งเนืองจากเขา จะ communicate กับผู้อื่นลำบาก 2. กลุ่มที่ 2 นี่ลักษณะจะตรงข้ามกับพวกแรก พวกนี้จะดูธรรมชาติ มีการตอบสนองกับเพื่อนทำงาน อย่าง ธรรมชาติและเป็นมิตร ทำงานปานกลางถึงเก่งมากๆ สิ่งที่ทำให้ความแตกต่างกลุ่มนี่ต่างจากพวกแรกคือ นิสัย ในการที่จะเปิดรับผู้คน มีอคติต่อส่งรอบตัวน้อย และไม่ใช่คนจ้องจับผิด ในกลุ่มนี้ คุณสมบัติที่คุณจะสามารถปรับตัวเข้ากับคนกลุ่มนีได้ คือ ความจริงใจครับ สำคัญที่สุด ทั้งสองกลุ่ม คุณสังเกตุได้จากตอนที่นำเสนอผลของตัวเองในที่ประชุม ครับ  อาการมันฟ้อง (อิอิ) ถ้าคุณเจอกลุ่มประเภท 1 และ 2 ปนกันไป อย่าคิดว่าจะเข้ากับทุกคนได้  ให้คิดแค่ว่า มันได้แค่ เพือนทำงาน แต่อย่าหาความจริงใจครับ เพราะส่วนมากคนเหล่านี้ ที่เจอสังคมไม่ค่อยดี ส่วนมาก มักจะเปลี่ยนงานครับ (ถ้าเขามีที่ไป) อ้อ อีกอย่าง ในที่ทำงาน ไม่ใช่ สภา สรรพนามที่ใช้ควรมีความอ่อนน้อมบ้าง ไม่ใช่  สักแต่ใช้ครับ สุภาพเช่น คุณ คุณ คุณ ผม + น้ำเสียงกระด้าง มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง เคยบอกกับผมว่า . . .  บางทีคำสุภาพๆๆเช่น คุณ บวกกับน้ำเสียงที่ไม่มีความเป็นมิตรหลายครั้งมันหยาบคายกว่าคำว่า มรึง กู  และบ่งบอกถึงการดูถูก และไม่ให้เกียรติ ถึงคู่สนทนา และดูห่างเหินอย่างไม่น่าเชื่อ เวลาที่ติดต่องาน ไม่ว่ากับลูกค้า หรือ ผู้ร่วมงาน สิ่งที่ควรทำอย่างแรกคือ พยายามเปลี่ยนสรรพนาม จากคำที่สุภาพ ทางการ และไม่ค่อยเป็นมิตร เป็น คำที่สุภาพ และดูเป็นกันเอง เช่นจากคำว่า คุณ เป็น พี่  ท่าน (ห้วนๆ) เป็น ท่าน (ดูกันเอง คิดว่าคนที่ผ่านงานขายคงจะทราบว่า 2 ท่านที่ผมบอก มันต่างกันลิบ) ผลของ สรรพนามบางทีเปลี่ยนสถานการ อย่างไม่น่าเชื่อ สำหรับคนที่ ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง คือ คนที่ มีความกลัวอยู่ข้างใน สำหรับคนกลุ่มนี้ ลองดูนะครับว่า ถ้ามีคนที่ดูค่อนข้างจะเก่งเข้ามาทำงานด้วย พวกนี้จะแอนตี้ และพวกนี้จะแอนตี้ คนที่ทึ้งเก่งและมีมนุษยสัมพันธดี เพราะไรทราบไหม ครับ คนพวกนี้มักจะจับกลุ่มกันเองตามนิสัย ตอนนี้ผมเข้ามทำงาน เกือบเดือน เริ่มมองเห็นอะไรหลายอย่าง ตอนนี้ ปลงๆๆๆ และตั้งใจเรียนรู้งานให้ไวที่สุด เพื่อตัดการพึ่งพาคนอื่นลง เหลือแค่การประสานงานทีดีไว้ ส่วนเรื่อง การเชือมมิตร หากผมทำดีที่สุดแล้ว เขายังไม่ดีขึ้นผมปล่อยครับ สุดท้ายขอขอบคุณลุงแอ๊ดสำหรับสิ่งดีๆ และขอให้ลุงสุขภาพแข็งแรงนะครับ จากคุณ : moojiw - [ 23 เม.ย. 50 05:15:27 ]

ความคิดเห็นที่ 12 คนที่คัดค้านการเปลี่ยนแปลง เขาคงอยากจะต้องการรักษาความรู้สึกว่าตัวเขายังเป็นคนสำคัญไว้กระมังครับ เพราะ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง หมายถึงว่า ต้องมีการเปิดรับสิ่งใหม่ๆเข้ามา บางครั้งเขาก็กลัวว่าจะต้องเจอกับอะไรที่จะมากระทบกระเทือนตัวเขา หรือมาบดบังเขาในฐานะที่เขาเป็นคนเก่า หรือมาทำให้เขาต้องเปลี่ยนแปลงสิ่งที่มันเป็นความคุ้นเคยของเขา มันอาจทำให้เขากลัวว่าโลกที่เขาคุ้นเคยจะต้องหายไปก็ได้ครับ การพูดถึงเรื่องเก่าๆ จึงอาจจะเป็นการหลบหนีโลกความจริงของปัจจุบัน กลับไปหาโลกในอดีต ที่ๆยังมีความรู้สึกเก่าๆในอดีต ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เขามีความสำคัญอยู่.. การปรับตัวเรา.. - ขอให้เข้าใจว่าเขากำลังกลัวสิ่งที่จะเกิดในอนาคต ทำใจลำบากที่จะยอมรับว่าสิ่งต่างๆรอบตัว จะต้องเปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งที่เขาจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วย เขาถึงได้ต่อต้านอย่างนั้น เพราะหากเราไม่เข้าใจ เราอาจจะเผลอตีตราว่าเขาเป็นคนอนุรักษ์นิยมและเป็นตัวถ่วงความก้าวหน้า อคติว่าเขาเป็นคนที่มือไม่พายแต่เอาเท้าราน้ำ มันยิ่งไม่ช่วยให้เขาเปลี่ยนแปลงตัวเองได้เลย - เอาใจใส่ความรู้สึก ความเครียด ความกังวลของเขา พยายามช่วยเหลือให้เขาสบายใจ อย่ามองว่ามันเป็นเพียงเรื่องไร้สาระ - เชื่อมั่นในตัวเขาว่าเขาจะทำหน้าที่ได้ดี สำหรับการเปลี่ยนแปลงนี้ เขาจะรับรู้ได้และจะเป็นประโยชน์กับเขา - หลังการเปลี่ยนแปลง ให้ความเอาใจใส่ ช่วยเหลือ การปรับตัวเขา.. - ทำให้เขาเลิกคิดถึงแต่อดีต ให้กลับมาสนใจปัจจุบันด้วยการชี้แจงว่าการเปลี่ยนแปลงจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเขาและส่วนรวมต่อไปอย่างไรบ้าง และหลังการเปลี่ยนแปลง "ความสำคัญ" ของเขาคืออะไร ..เขียนตามความคิด ไม่มีประสบการณ์มากเท่าไรนักนะครับ แหะๆ รออ่านความเห็นของท่านอื่นๆ และก็คำเฉลยของลุงแอ็ดนะครับ จากคุณ : Culture - [ 23 เม.ย. 50 08:16:13 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้าผมเล่า เกรงว่าจะยาวเป็นหางว่าว สรุปเอาสั้น ๆ ทำงานกะคนที่ใช้แต่อารมณ์ทำงาน นั่งเทียนเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูล ทำงานแบบระบบเส้นสาย ฯลฯ ที่ไม่อาจจะบรรยายในกระทูได้ จากคุณ : MiraSport - [ 23 เม.ย. 50 09:35:14 ]

ความคิดเห็นที่ 14 คุณ MiraSport ลุงว่าแล้ว  พอจะให้เรากันทำ W/S จริงๆ เข้าก็อึกๆ อักๆ ทำกันไม่ค่อยได้  นึกไม่ค่อยออกกัน  ก็ เพราะความคิด ของเรามันสับสน การคิดเรื่อง....คน  คุณจะต้องตัด  สรุปปัญหา  ตีความ โดยอาศัย  หาเหตุผลและข้อเท็จจริง  โดยคำนึงถึง ธรรมชาติของ...คน....เป็นหลัก อย่าเอาอารมณ์  หรือประสบการณ์ของตัวเองมาเป็น สาเหตุ  มิฉะนั้น  คุณจะวิเคราะห์คนไม่ออก ในกระทู้นี้  ลุงให้วิเคราะห์  "คนคัดค้านการเปลี่ยนแปลง" ประเด็นเดียว  แต่คุณไปคิดถึงคนที่ใช้แต่อารมณ์ในการทำ งาน....คนที่นั่งเทียนเพื่อจะให้ได้มาซึ่งข้อมูล  คนทำงาน แบบระบบเส้นสาย....ฯลฯ   ซึ่งมันคนละประเด็นกัน...... ลองพยายามใหม่อีกสักครั้งนะครับ............................ แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 50 11:44:45 จากคุณ : ลุงแอ็ด - [ 23 เม.ย. 50 11:00:45 ]

ความคิดเห็นที่ 15 แวะเวียนเข้ามาอ่านค่า วันนี้อากาศร้อนจริงๆนะคะ คนคัดค้านการเปลี่ยนแปลง เป็นเรื่องธรรมดา เพราะเป็นธรรมชาติของคน หญิงว่ามันก็เหมือนตอนที่เราเรียนวิชาเคมี รึอะไรซักอย่างอะค่ะ ที่มันมี excited state ซึ่งสเตทนี้จะเกิดขึ้นเมื่อได้รับพลังงานความร้อน หรือสิ่งเร้าจากภายนอก แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่ได้รับพลังงานเพิ่มเติม (หากเป็นคนก็คงต้องบอกว่าเมื่อได้รับฟังเหตุผล ไม่มีคนมายุแหย่) พลังงานที่สะสมอยู่ก็จะถ่ายเทให้กับสิ่งแวดล้อม คนเราก็เหมือนกัน เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเรื่องเงินเดือน เวลาการทำงาน ทำโอฟรี และอื่นๆ ทั้งเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ .... สิ่งแรกที่ธรรมชาติฝของคนจะคิดเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงก็คือ.... คำถามที่เริ่มด้วยคำว่า.... ทำไม... ทำไม...และทำไม.... แต่เมื่อเวลาผ่านไป คำถามที่ถามว่า "ทำไม" ก็จะลดลง พร้อมๆกับการคัดค้าน เพราะคน...จะเกิดการปรับตัว หญิงฯว่าเรื่อง "คน" เป็นเรื่องที่ศึกษาไม่มีวันจบ เหมือนกับการเรียนรู้ทั้งในตำราและนอกตำราเลยนะคะ ลุงแอ็ดนี่ช่างน่ารักจริงๆ หาเรื่องที่ดีๆมาให้ทำอยู่เสมอเลย แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 50 13:18:07 จากคุณ : องค์หญิงวุ่นวาย - [ 23 เม.ย. 50 13:13:31 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ท่านองค์หญิงวุ่นวาย ขา..... แหม....ลุงแอ็ดละก็เหนื่อย...................................... คือท่านองค์หญิงฯ ตอบเกือบเข้าประเด็นแล้วละครับ....... ขึ้นต้นนะถูกแล้ว.....แต่ตอนปลายไหงกลายเป็นบ้องกันชา ไปได้ ลุงแอ็ดอยากรู้ว่า  องค์หญิงฯและทุกท่าน  มีคำตอบว่า จะ ปรับตัวของเราอย่างไร  และจะปรับตัวของเขาอย่างไร  จึง จะทำงานร่วมกับคนคัดค้านการเปลี่ยนแปลงได้อย่าง มีประสิทธิภาพนะขอรับ......................................... จากคุณ : ลุงแอ็ด - [ 23 เม.ย. 50 13:25:13 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เอางี้ครับ แผนกผม จะปรับวิธีการทำงานใหม่ วางนโยบายใหม่ แผนกอื่นรที่เกี่ยวข้อง ก็ Anti รับไม่ได้ จะวางโครงสร้างต่างๆ  ของลูกน้องในแผนก หรือแม้แต่การย้ายสาขา ก็มีปัญหา เกิดอาการดื้อด้านขึ้นมาซะงั้น จากคุณ : MiraSport - [ 23 เม.ย. 50 15:40:17 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เอาอย่างนี้นะครับ.....เนื่องจากกระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของ ซีรี่ส์นี้  ลุงแอ็ดต้องการให้ทุกคนแสดงความคิดเห็นมา เกี่ยวกับ ...คน....หลายประเภท เพื่อแลกเปลี่ยนความคิด เห็นกัน  แต่พวกเรายังไม่ค่อยเก็ตกัน  ไม่เป็นไรครับ   กระทู้นี้ขอผ่านไปก่อน  ซึ่งลุงจะเฉลยให้สั้นๆ ดังนี้ คนคัดค้านการเปลี่ยนแปลง “เขาพยายามสุดความสามารถที่จะรักษาเก้าอี้และป้องกัน ตำแหน่งอย่างสุดฤทธิ์  โดยไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยน แปลงใหม่ๆ และพยายามที่จะพูดถึงเรื่องเก่า ๆ อยู่ตลอด เวลา” การปรับตัวเรา  สำหรับคนประเภทนี้ กลัวการเปลี่ยน แปลง  เพราะว่าถ้าเปลี่ยนแปลงแล้ว  อำนาจที่ตนเคยได้ รับก็จะสูญเสีย  ดังนั้น  เราต้องเข้าใจความคิดของคน ประเภทนี้เสียก่อน  ด้วยการเปิดใจให้กว้าง  ยอมรับความ คิดเห็นของเขา  แต่จะค่อยๆ ชี้แจงให้เหตุผล  ชี้ให้เขายอม รับว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะเกิดประโยชน์กับเขาโดยตรง   และคอยให้กำลังใจทางอ้อม การปรับตัวเขา  การที่จะทำให้คนประเภทนี้เปลี่ยนแปลง หรือทำงานร่วมกันได้นั้น  คงจะต้องหาทางให้เขายอมรับ ความจริงที่เปลี่ยนไปและพัฒนาความคิด โดยส่งเสริมให้ ได้รับแนวความคิดด้วยการศึกษา/เสริมทักษะในด้าน ต่างๆ  ให้มีโอกาสรับรู้สังคมภายนอกบ้าง  จะทำให้มีการ ยอมรับมากขึ้น  เมื่อเปรียบเทียบกับตนเอง **************************************************** ตอนต่อไป  :  คนมองโลกในแง่ร้าย **************************************************** จาก “การทำงานร่วมกับคน 12 ประเภท”....โดย   อมร   ถาวรมาศ amorntvm@anet.net.th http://lungadd.pantown.com/ จากคุณ : ลุงแอ็ด - [ 23 เม.ย. 50 17:05:59 ]

ความคิดเห็นที่ 19 สวัสดีครับ " ลุงแอ็ด " มาเช็คชื่อครับ... ( สายไปหน่อยครับ...  ไม่ได้เข้ามา 2 วัน ) ขอสักนิดนะครับ   คน... โดยส่วนใหญ่มีความกลัวเป็นอุปนิสัยครับ พอจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง  ก็เป็นวิตก  กังวล ไปต่าง ๆ  นานา แล้วก็จะหาวิธีแสดงออกตามนิสัยที่ตนคิดว่าจะทำให้ไม่ต้องไปเผชิญกับสิ่งที่ไม่คุ้นเคย สาเหตุอาจมาจากความกลัวว่าจะทำได้ไม่ดี  หรือทำไม่ได้ จะทำให้เสียไปซึ่งความเป็นผู้เชี่ยวชาญ ( แต่วิธีเดิม ๆ ) อีกประการหนึ่ง... อาจมีความกลัว ( + ความขี้เกียจ ) ที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ยกตัวอย่าง...  เช่น   สมัยก่อน  เลขาฯ  หรือพนักงานพิมพ์ดีด  เคยใช้เครื่องพิมพ์ดีด  มีความชำนาญชนิดหลับตาก็พิมพ์ได้ ต่อมา  เจ้านายสั่งเครื่องคอมพิวเตอร์มาเปลี่ยนให้ใช้ ก็บ่นเป็นหมีกินผึ้ง....  พิมพ์ดีดเดิมก็ดีอยู่แล้ว มาเพิ่มความยุ่งยากให้อีก  ใช้ก็ไม่สะดวกเหมือนเครื่องพิมพ์ดีด ( ที่คุ้นเคย ) ต้องต่อโน่น  ต่อนี่  ให้วุ่นวายไปหมด แทนที่จะได้ทำงานให้เสร็จ ๆ  ก็ต้องเจียดเวลาไปเรียนให้มันยุ่งยิ่งขึ้น.....  ชชชช เจ้านายก็ต้องหาวิธีอธิบาย  ยกแม่น้ำทั้งห้ามาสาธยายถึงสรรพคุณของเจ้าคอมพิวเตอร์ แล้วก็ต้องต่อท้ายด้วยคำว่า...  เอาน่าลองใช้ดูก่อน.. ถ้าไม่ดีแล้วค่อยกลับมาใช้อย่างเดิมก็ได้ แต่ก็ยังไม่วายยังมีเสียงบ่นพึมพัมอีกนานสองนาน ถึงตอนนี้....  ลองยกเครื่องพิมพ์ดีดเครื่องเก่ามาให้สิครับ เรื่องนี้อาจจะเก่าไปหน่อยนะครับ ( เกือบ 20 ปีที่แล้ว ) แต่ก็ต้องขอขอบคุณ " ลุงแอ็ด " ครับ เรื่องนี้มาเร็วกว่าที่คิด  ขอบคุณครับ จากคุณ : Dman - [ 24 เม.ย. 50 04:23:23 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เข้ามาให้กำลังใจลุงแอ็ดนะคะ และมาช่วยทำ Link กระทู้ "การทำงานร่วมกับ.....คน" ให้ลุงแอ็ดค่า ตอนต่อไปค่ะ.... การทำงานร่วมกับ.....คน – ตอนที่ 2 คนมองโลกในแง่ร้าย http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/B5344192/B5344192.html จากคุณ : แมงปอในไร่ส้ม - [ 24 เม.ย. 50 09:07:46 ]

ความคิดเห็นที่ 21 แอบอ่าน อยุ่ดังดัง หลังบอร์ด และ หลังไมค์ แต่ด้วยเพิ่งมา เทิร์นตำแหน่ง ศึกษางานแต่ละวัน แล้ว ใช้พลังภายในมาก ทั้งสมอง ทุกอย่าง เป็นระบบสากล ทำให้ต้องคิดไว ทำไว ตัดสินใจไว เลยไม่ได้ มาส่งเสียง กับลุงแอ็ดเท่าไร แต่ จุดกระทู้ นัดแรก ก็เข้าเป้า ไปกว่าครึ่ง คือ ปรับเรา ปรับเขา และ keep neutral จากคุณ : kuddle - [ 24 เม.ย. 50 23:10:19 ]