ความคิดเห็นที่ 1 เอามาจากห้องเฉลิมไทย กระทู้หายไปไหนแล้วไม่รู้ ตัดมาให้ละกัน กระทู้ที่ A5156265 ตอบโดยคุณสาวนาเกลือ TicketID:138330 ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ความคิดเห็นที่ 5 จะพยายามตอบให้เท่าที่รู้นะคะ จากที่เคยได้ยินได้ฟังอะไรพวกนี้มาบ้าง ถ้าบางเรื่องรู้มาไม่ถูกต้องนักก็ต้องขออภัย ราคาสูงสุดที่อาชีพนี้จะได้ ส่วนใหญ่ก็จะตกอยู่ประมาณ 30000-40000 บาทต่อเรื่อง นี่เป็นเรตเมื่อซักสอง-สาม-สี่ปีที่แล้ว ไม่ทราบว่าตอนนี้มีการปรับขึ้นให้บ้างหรือไม่ แต่ไม่ใช่ทุกคนค่ะที่จะได้ราคานี้ เพราะราคานี้สำหรับนักแปลที่มีชื่อเสียงนะคะ ซึ่งในเมืองไทยมีอยู่กี่คนก็ลองนับดูค่ะ ไม่น่าเกิน 3 คน และเป็นราคาที่จะได้จากค่ายเมเจอร์ที่เป็นบริษัทฝรั่งค่ะ หมายความว่าถ้านักแปลคนไหนไม่ได้แปลให้กับบริษัทเมเจอร์ของฝรั่ง ก็จะไม่ได้ราคานี้ค่ะ และก็ไม่ใช่ว่าหนังค่ายเมเจอร์จะได้ราคาเดียวกันนี้เสมอไปหรอกนะคะ เพราะต้องขึ้นอยู่กับหนังที่ทำและปัจจัยอื่นๆด้วย ถ้าคุณเป็นนักแปลประเภทโนเนม หรือเขาให้คุณทำก็บุญแล้ว คุณก็ย่อมจะต้องได้อีกราคานึงที่ถูกกว่าที่กล่าวไปมากๆ หรือแม้แต่นักแปลชื่อดังเอง ก็อาจโดนกดราคาได้ในบางกรณี ส่วนราคาค่างวดของค่ายอื่น ที่ไม่ใช่ค่ายเมเจอร์ก็จะลดหลั่นกันไป อย่างบางค่ายให้สูงสุดได้เพียงแค่ 10000 บาทก็มี นี่ราคาสำหรับหนังใหญ่ๆเลยนะคะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับการต่อรอง ถ้าเป็นนักแปลที่มีชื่อเสียงก็จะมีสิทธิต่อรองมาก แต่ถ้าหากคุณมาแบบโนเนม ต่อรองไปก็เท่านั้นล่ะค่ะ เจอบางค่ายเข้าไปคุณอาจถึงกับสะอึก เพราะเมื่อถึงที่สุดเขาจะไม่มานั่งแคร์หรอกค่ะว่าใครจะแปลอะไรยังไงดีแค่ไหน บางทีถ้าไม่ถูกใจเขาก็ไม่เลือกคุณค่ะ ก็คุณไม่ใช่เจ้าของหนังนี่คะ แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 50 20:19:38 แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 50 20:16:29 จากคุณ : รัตตะ - [ 27 มิ.ย. 50 20:15:41 ]

ความคิดเห็นที่ 2 นอกเหนือจากนี้ราคาก็หลากหลายค่ะ ลดหลั่นลงมา ที่คุณว่า 40000 บาทน่ะ บางเจ้าเขาบอกว่าศูนย์เกินมาตัวนึงค่ะ แต่ 4000 บาทนี่ก็ไม่ใช่ราคาต่ำสุดสำหรับหนังโรงหรอกนะคะ ยังอาจมีต่ำกว่านี้หากเป็นบริษัทที่เล็กมากๆ และดำเนินกิจการโดยเจ้าของที่ขี้เหนียว หรือถ้าโชคร้ายคือคุณอาจโดนชักดาบก็ได้...เพื่อนดิฉันเคยโดนมาแล้ว แต่ถ้าเป็นประเภทที่เพิ่งเข้าวงการใหม่ๆ หรือประเภทไปเสนอตัวทำ ไอ้ 4000 บาทที่ว่าก็อาจไม่ได้ทำค่ะ เพราะถึงมันจะเป็นหนังเล็กๆที่แทบไม่มีคนไปดู แต่มันก็ยังเป็นหนังโรงอยู่ดี คุณก็อาจได้ทำหนังจำพวกวีซีดี ซึ่งหลายค่ายมีราคามาตรฐานคือครึ่งหนึ่งของ 4000 บาท หรือน้อยกว่านั้น ไม่รู้ว่าคุณเจ้าของกระทู้หยิบเรื่องนี้มาถามทำไมนะคะ แต่ถ้าถามเพราะว่าฝันอยากทำอาชีพนี้ล่ะก็ ขอแนะนำค่ะ ว่าถ้าไม่อยากทำจริงๆ หรือมีอย่างอื่นที่ดีกว่าให้ทำ ขอแนะนำให้ไปทำอย่างอื่นจะดีกว่าค่ะ เพราะวงการนี้ค่อนข้างเล็ก แคบ แต่คนที่อยากทำงานนี้มีอยู่เยอะ เพราะอะไรก็ไม่ทราบ ทั้งๆที่ปริมาณงานที่ให้ทำไม่ได้มากพอกับจำนวนคนจริงๆ แม้จะนับรวมหนังวีซีดีด้วยก็ตาม และบางคนได้งานเยอะแต่รายได้ต่องานก็อาจไม่สูง ส่วนมากคนที่ทำงานนี้ก็มักเริ่มจากการทำบทพากย์ เพราะหนังในท้องตลาด กว่า 80 เปอร์เซนต์ เป็นพากย์ไทยนะคะ หรือต่อให้เป็นหนังบางเรื่องที่มีซับไตเติลเมื่อลงเป็นแผ่นวีซีดีหรือดีวีดี เขาก็จะเอาบทพากย์ของคุณนี่ล่ะค่ะมาตัดเป็นซับไตเติล บทพากย์ทำยากทีเดียวนะคะ และมีปัญหาได้ง่าย เพราะถ้าคุณทำไม่ดีก็จะไม่สามารถนำไปพากย์ได้ และถ้าพากย์ไม่ได้ ผลเสียจะตกอยู่กับตัวผู้แปลบทที่จะต้องเป็นคนรับผิดชอบ และคนที่เริ่มทำงานนี้โดยมากก็มักจะพบกับหนังสกัดดาวรุ่ง อันได้แก่หนังวีซีดีที่ดูไม่ค่อยมีเกรด แต่หนังประเภทนี้ทำยากกว่าหนังใหญ่ค่ะ เพราะนอกจากจะไม่สนุกแล้วยังอุดมไปด้วยศัพท์แสลงมากมาย ซึ่งหนังพวกนี้บางเรื่องแปลยากมาก ทั้งที่ราคาค่าจ้างถูกสุดๆเลยทำให้ไม่มีใครอยากรับ เพราะคนอื่นที่มาก่อนเขาก็มีสิทธิเลือกถูกไหมคะ หนังดีๆ หนังแปลง่ายๆโดยมากไม่ตกถึงมือใหม่หรอกค่ะ คนอื่นมาคว้าไปหมดแล้ว ส่วนหนังแปลยากๆ เขามีไว้สกัดดาวรุ่งค่ะ ซึ่งก็ทำให้ดาวร่วงไปหลายดวงแล้ว เพราะบางคนทำไปก็คงนึกสงสัยในตัวเองว่าฉันกำลังนั่งทำอะไรอยู่ ยากก็ยากยุ่งก็ยุ่ง ต้องค้นคว้าประหนึ่งทำวิทยานิพนธ์ แต่ได้ค่าจ้างเพียง 1500 บาท และถึงคุณจะคิดว่าตัวคุณทำงานได้ดีแล้ว แต่ก็ไม่ได้แปลว่าคุณจะได้เลื่อนขั้นขึ้นมาทำซับไตเติลหรอกค่ะ เพราะมันขึ้นอยู่กับว่าคุณทำงานให้ใคร คุณดวงดีแค่ไหน ส่วนเรื่องคุณภาพของงาน คนที่จะขึ้นไปทำหนังใหญ่ได้ต้องมีคุณภาพของงานที่ดีอยู่แล้ว อย่างน้อยก็ในระดับหนึ่งนะคะ เพราะคนดูส่วนใหญ่จะเริ่มสนใจถึงคุณภาพการแปลแบบจริงๆจัง ก็ต่อเมื่อมันเป็นหนังใหญ่ที่ฉายในโรงภาพยนตร์...เมื่อหนังมาถึงโรงใหญ่ ถึงจะเป็นการชี้ชะตาจริงๆนะคะดิฉันว่า เพราะเมื่อมาถึงจุดนี้ ถ้าหน้าใหม่คนไหนทำงานไม่ดีก็จะโดนเขี่ยตกขอบจอไปอย่างอัตโนมัติ และถ้าตกไปเมื่อไหร่โอกาสจะกลับมาเกิดอีกก็แทบเป็น 0 ค่ะ แต่บางทีเรื่องพวกก๊วยจั๊บน้ำข้นน้ำใสก็สำคัญนะคะ บอกได้เลยค่ะว่ามีค่ายหนังบางค่ายที่ไม่นิยมว่าจ้างคนนอกมาทำงาน เพราะเขาจะใช้คนในอย่างเช่นลูกหลาน หรือพนักงานบริษัทนี่ล่ะค่ะให้ทำงาน เพราะว่าไม่ต้องจ่ายเงินไง และบอกได้อีกอย่างนึงค่ะว่าบรรดาชื่อไม่กี่ชื่อที่คุณเห็นบนจอบ่อยๆ ...บุคคลเหล่านี้ไม่ใช่คนนอก 100 เปอร์เซนต์มาตั้งแต่แรกแล้วค่ะ จากคุณ : รัตตะ - [ 27 มิ.ย. 50 20:16:58 ]

ความคิดเห็นที่ 3 จากที่เคยเห็นมาโดยมาก ถ้าคุณทำให้ค่ายหนังวิดิโอ คุณก็มักได้ทำหนังวิดิโอตลอดไป เว้นเสียแต่คุณจะโชคดีนำงานไปเสนอกับค่ายหนังโรง แล้วก็โชคดีมากๆว่าเขาเกิดเวทนา หรือเอ็นดูคุณมากพอที่จะยกระดับของคุณให้ได้ขึ้นโรง แต่พื้นที่บนจอใหญ่มันไม่ค่อยว่างหรอกค่ะ เพราะใครๆก็อยากทำจริงไหม บางทีคนเด่นคนดังที่ไม่ได้อยู่ในวงการอยากทำก็มี ในเมื่อเป็นเช่นนี้มันก็ต้องคล้ายๆว่าแย่งกันทำน่ะค่ะ ส่วนหลักเกณฑ์ว่าใครจะได้ทำเรื่องไหนก็พูดยากเพราะต้องแล้วแต่เจ้าของหนัง แต่โดยมากถ้าเป็นมือใหม่ก็จะได้หนังเล็กๆ หรือหนังฟอร์มกลางบางเรื่องที่ไม่รู้ว่าฉายเมื่อไหร่ ที่ไหน หรืออาจไม่ได้ฉายเพราะทางค่ายตัดสินใจที่จะไม่ฉาย ดังนั้นในปัจจุบันเราจะเห็นชื่อที่ขึ้นจอบ่อยๆอยู่ไม่กี่ชื่อหรอกค่ะ นอกนั้นก็จะเป็นขาจรชนิดเรื่องเดียวจอด หรือบางคนก็ไม่ขึ้นชื่อไปเลย บางคนก็ขึ้นเป็นชื่อนามปากกา เพราะงานชนิดนี้ทำดีเสมอตัว แต่ถ้าทำชั่วจะโดนด่าอย่างหนัก และไม่ว่าจะเป็นนักแปลมือระดับไหนมันก็พลาดกันได้ง่ายๆค่ะ และงานชนิดนี้โดยมากเมื่อผิดแล้วก็จะผิดไปเลย คุณจะไม่มีโอกาสแก้ตัวใดๆกับผู้ชมทั้งสิ้นว่าไม่ทราบ ไม่รู้ ตาฝาด ตาลาย ไม่มีใครฟังค่ะ ระยะเวลาในการทำงานก็แล้วแต่ความรีบเร่ง 2 อาทิตย์ 7 วัน 5 วัน 4 วัน 3 วัน...2 วันน่าจะต่ำสุด เพราะถ้าต่ำกว่านี้ก็คงไม่ต้องฉายหนังกันแล้วล่ะค่ะ แต่กับบางเรื่องก็อาจได้เวลานานกว่านี้ ขึ้นอยู่กับหลายๆปัจจัย นักแปลบางคนที่มีชื่อเสียงจะใช้วิธีเซ็นสัญญากับค่ายหนังเป็นปีต่อปี โดยในสัญญาก็อาจระบุว่าเดือนนึงจะป้อนหนังเท่านี้ๆเรื่อง ก็จะทำให้กะเวลาทำงานได้ แต่มันก็ไม่มีอะไรแน่นอนเพราะถ้ามีงานเร่งด่วนมาก็ต้องทำ และการเซ็นสัญญานี้ไม่ได้เซ็นเฉพาะแปลหนัง เพราะในสัญญาบางทีจะรวมพวกตัวอย่าง เบื้องหลังไปด้วย เป็นแพ็คเกจไปเลยในราคาที่กำหนดตายตัว นักแปลคนหนึ่งเคยพูดไว้ว่างานนี้เป็นงานที่เลือกแปลไม่ได้ แต่เลือกไม่แปลได้ ซึ่งนี่คือความจริง เพราะคุณไม่มีสิทธิเลือกว่าจะเอาอันโน้นอันนี้ เขาให้อะไรมาคุณก็ต้องทำ ถ้าคุณไม่อยากทำคุณก็ปฏิเสธได้ แต่คุณก็จะเสียงานไปหนึ่งชิ้น และในเมื่อคุณไม่ใช่คนที่ซื้อหนังมาจัดจำหน่าย การทำให้ค่ายหนังซึ่งเป็นลูกค้าของคุณหงุดหงิดบ่อยๆ ก็ย่อมจะต้องส่งผลกระทบต่ออาชีพการงานของคุณ และคุณก็ไม่สามารถชี้นิ้วสั่งได้หรอกนะคะว่าผู้ว่าจ้างจะต้องให้งานคุณมาเป็นวีซีดี ดีวีดี...โดยมากหนังยิ่งใหญ่ยิ่งดังแค่ไหน สื่อที่เขาให้มาก็ยิ่งแย่ค่ะ อาจเป็นวิดิโอเทปเน่าๆซักม้วน บางม้วนอาจเห็นแค่ปากตัวละคร หรืออาจให้คุณไปดูหนังแล้วจำกลับมาทำที่บ้านโดยเขาจะมีบทอย่างละเอียดให้คุณ ที่ร้ายที่สุดคือมีมาให้แต่บทให้คุณไปนั่งทางในกันเอาเองว่าหนังเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นคุณก็ไม่ต้องแปลกใจค่ะว่าทำไมนักแปลที่มีชื่อเสียงมากๆบางท่านถึงแปลหนังบางเรื่องได้ผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย หรือหนังบางเรื่องแปลสรรพนามมั่วๆ เพราะผู้แปลอาจไม่ได้เห็นแม้กระทั่งตัวหนังที่เขาจะแปลค่ะ จากที่ฟังมา ในปัจจุบัน อีกเทรนด์ที่ค่ายหนังบางค่ายชอบใช้ คือการว่าจ้างทีมพากย์หนังให้จัดการทำทุกขั้นตอนตั้งแต่การแปลไปจนถึงการพากย์ แต่หนังที่ใช้วิธีการนี้จะเป็นหนังเล็กๆที่ทางค่ายคิดว่าไม่สำคัญอะไร เพราะถ้ากับหนังที่สำคัญๆ เขาก็จะพิจารณาจ้างคนที่มีชื่อเสียงมาทำ โดยค่ายหนังจะจัดการส่งหนังให้ทีมพากย์ไปจัดการ อาจอยู่ในรูปแบบของสัญญาลายลักษณ์อักษรหรือสัญญาใจก็ได้ ถ้าหนังเรื่องนั้นๆบังเอิญว่าได้รับคัดเลือกให้มาฉายในโรง เขาก็จะเอาบทพากย์ที่ทำนั่นล่ะมาตัดเป็นซับไตเติล จากคุณ : รัตตะ - [ 27 มิ.ย. 50 20:17:23 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เพราะฉะนั้นเราจะสังเกตเห็นได้ว่าซับไตเติลหนังบางค่ายแปลออกมาไม่ดีเลย มั่วเยอะอีกต่างหาก เพราะบทพากย์ของหนังจำพวกนี้โดยมากแล้วไม่ได้เน้นแปลถูกความหมาย แต่เน้นว่าให้พากย์ได้ พากย์แล้วนักพากย์ไม่โกรธก็พอแล้ว เพราะนักแปลไม่ยอมทำงาน ทางค่ายหนังไม่เดือดร้อนนะคะ เพราะมีคนอีกล้านแปดที่รอโอกาสทองอยู่ แต่ถ้านักพากย์ไม่ยอมทำงาน เรื่องใหญ่มากค่ะ ซึ่งถ้ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น จะไปโทษใครไม่ได้หรอกนะคะนอกจากโทษตัวเอง เพราะต้องเข้าใจรากฐานการดูหนังค่ะว่ามันคือความบันเทิง ในสมัยโบราณคนทำบทพากย์ไม่จำเป็นต้องรู้ภาษาต่างประเทศด้วยซ้ำไปค่ะ เขาแค่ดูหนังแล้วก็ผูกเรื่องเอาจากหนังที่ได้ดู ตัดต่อใหม่ให้เป็นเรื่องเป็นราวเองก็ได้แล้ว ขั้นตอนสำคัญจริงๆจะอยู่ที่ผู้พากย์ที่จะเข้ามาใส่เสียงให้หนังสนุกและมีอรรถรส...เมื่อเทียบกันแล้วก็คล้ายๆดารา กับคนเขียนบทน่ะค่ะ ทางทีมพากย์เองก็จะมีคนแปลอยู่ ถ้าคุณอยากแปลหนังจริงๆจะลองไปสมัครตามทีมพากย์ดูก็ได้ แต่ก็ต้องทำใจไว้ก่อนว่าจะต้องโดนหักค่าหัวคิว และอาจโดนเขม่นจากคนที่ทำประจำอยู่ก่อนหน้า เพราะการที่มีคนแปลหนังคนใหม่ถือกำเนิดขึ้นมา หมายถึงการที่คนแปลหนังคนเก่าจะต้องสูญเสียรายได้ที่เคยได้แต่เดิมค่ะ เพราะเขาจะต้องเสียหนังที่เขาควรจะได้แปลให้กับคุณไงคะ ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ เพราะดิฉันเห็นว่าในปัจจุบันมหาวิทยาลัยบางแห่งมีการจัดคอร์สอบรมการแปลหนัง หรือนักแปลหนังบางคนก็ชอบจัดเทรนนิ่ง ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่าจะจัดทำไมกันมากกันมาย ในเมื่อตลาดงานที่รองรับไม่ได้มากพอ หรือถึงจะมีงานรองรับจริงมันก็ไม่มีความมั่นคง เห็นมาหลายรายแล้วค่ะที่เสียเงินแพงๆไปแต่สุดท้ายสิ่งที่ได้กลับมาก็ไม่คุ้มค่าเท่าที่ควร แต่ก็ไม่ใช่ว่าคอร์สอบรมพวกนี้จะไม่workเอาเสียเลย เพราะอย่างน้อยมันก็คงดีกว่าการหอบหน้าเด๋อด๋าไปทิ้งใบสมัครตามค่ายหนังค่ะ จากที่เคยเห็นมา คนที่ผ่านคอร์สพวกนี้ถ้ามีผลงานเป็นที่น่าพอใจ ทางผู้จัดคอร์สซึ่งเป็นนักแปลบทก็อาจจะเจียดงานเล็กๆให้ทำบ้างเรื่องสองเรื่อง หรืออาจให้คุณเข้าไปเป็นโกสต์หรือเป็นทีมงานของเขา เช่นคุณเป็นคนแปลส่งเขาไป เขาก็จะตรวจแก้งานของคุณ เสร็จแล้วก็ปั๊มชื่อเขาส่งฉายในโรงค่ะ (ซึ่งเรื่องโกสต์นี้เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนที่รับงานเยอะๆนะคะ คุณไม่ใช่เทวดานี่คะจะได้ทำงานได้ 24 ชั่วโมงโดยไม่หลับไม่นอน) ซึ่งคนเป็นโกสต์เขาก็คงหวังน่ะค่ะว่าหากวันใดที่ผู้แปลหยุดทำงานนี้ เขาก็จะได้รับช่วงต่อแทนโดยอาศัยสายป่านของผู้แปลหลัก หรือบางคอร์สที่จัดให้มีคนจากค่ายหนังมาดูตัวนักเรียน เท่าที่เคยได้ยินก็เห็นว่าคนที่จบคอร์สไปก็จะได้ทำงานเล็กๆน้อยๆ ไปตามประสา บางคนได้แปลแต่เบื้องหลังก็มี ส่วนเรื่องค่าแรงไม่ต้องพูดถึงหรอกค่ะ เขาให้คุณทำก็บุญแค่ไหนแล้ว เพราะการที่เขามาจ้างนักเรียนตามคอร์สหรือนักแปลโนเนม มันก็หมายถึงการที่ทางเขาต้องการจ้างคนที่จะมาทำงานให้ในราคาถูก จริงไหมคะ ก็สรุปตามที่เห็นนี่ล่ะค่ะ ว่าอาชีพนักแปลหนังไม่ใช่อาชีพที่มั่นคงหรอกค่ะ ค่าตอบแทนไม่มีความแน่นอน เพราะงานไม่ใช่ทุกคนที่จะได้งานอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ ก็เช่นเดียวกับอาชีพนักแปลหนังสือน่ะค่ะ มันไม่เหมือนกับการแปลเอกสารราชการหรือเอกสารกฏหมายที่มีความแน่นอนในรายได้ ถ้าจะทำให้เลี้ยงตัวเองได้คุณก็ต้องมีความพยายามและอดทนสูงมากๆ และต้องรู้จักเล่นเกมเป็นค่ะ ถ้ามาแบบเซ่อซ่า บอกได้คำเดียวค่ะว่าตาย ถ้าพูดยาว เพ้อเจ้อ หรือตอบนอกคำถามไปหน่อยก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ จากคุณ : สาวนาเกลือ - [ 21 ก.พ. 50 02:48:39 A:58.8.168.4 X: TicketID:138330 ] จากคุณ : รัตตะ - [ 27 มิ.ย. 50 20:17:49 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ความคิดเห็นที่ 12   http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=thanatcha&group=1 บล็อกของคุณธนัชชาครับ เผื่อได้อะไรเยอะขึ้น จากคุณ : I'm wu   - [ 21 ก.พ. 50 09:04:04 ] จากคุณ : รัตตะ - [ 27 มิ.ย. 50 20:18:16 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ลองไปขอเทสเป็นนักแปลที่ยูบีซีสิคะ แปลพวกหนัง ซีรีส์ สารคดี แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าที่นี่ให้เรตต่ำกว่าที่อื่นนะคะเพราะว่ามีงานจ่ายให้เยอะ ที่สำคัญ นักแปลต้องมีเครื่องเล่นวิดีโอด้วย เพราะทางยูบีซีจะให้หนังมาในรูปของวิดีโอ ไม่ใช่วีซีดีหรือไฟล์น่ะคะ ส่วนเรื่ืองค่าตอบแทน เอาเป็นว่าซีรีส์เรื่องหนึ่ง ความยาวประมาณ 45 นาที ก็ได้ประมาณ 800 บาทอ่ะค่ะ ถ้าสนใจลองติดต่อไปที่เบอร์นี้ก็ได้ 02-6159528 พอดีว่ามีคนรู้จักรับงานแปลอยู่ จากคุณ : astrop - [ 28 มิ.ย. 50 09:18:19 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณคุณรัตตะและเบอร์โทรจากคุณastrop ค่ะ จากคุณ : ปีกุน - [ 28 มิ.ย. 50 19:03:27 A:58.147.119.17 X: ]