ความคิดเห็นที่ 1 คิดว่าคุณหมวยฯ และคนอื่นๆคงรู้ความหมายของมันดีอยู่แล้วแหละ แต่การที่ความคิดนอกกรอบ มันจะดีกว่า ฉีกกว่า เหนือกว่า คนอื่นๆได้ คนที่คิดนั้น ต้องรอบรู้เรื่อง "ในกรอบ" ทั้งหมดให้ได้เสียก่อนครับ แล้วค่อยประยุกต์ให้เหนือชั้น ด้วยการออกไปนอกกรอบ คนที่ใช้คำนี้แบบไม่รู้เหนือรู้ใต้ ไม่รู้ธรรมเนียมปฎิบัติ มาถึงก็ประกาศปาวๆ ว่าตัวเองคิดนอกกรอบ ทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่า ในกรอบ เค้ามีอะไรบ้าง อย่างนี้ถือว่าเป็นเพียงคำพูดของเด็กน้อยอ่อนต่อโลกเท่านั้นครับ จากคุณ : Jiang wei - [ 29 ส.ค. 50 23:11:26 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ตอบได้ดีคับ จากคุณ : ความดีสวยงามเสมอ - [ 30 ส.ค. 50 01:05:41 ]

ความคิดเห็นที่ 3 . จากคุณ : กวน (ใจดีสู้เสือ) - [ 30 ส.ค. 50 01:09:13 ]

ความคิดเห็นที่ 4 .. จากคุณ : ใจดีสู้เสือ - [ 30 ส.ค. 50 01:09:51 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ... จากคุณ : ใจดีสู้เสือ - [ 30 ส.ค. 50 01:10:48 ]

ความคิดเห็นที่ 6 สำหรับผมนะคับ การคิดนอกกรอบของผมคือการเรียนรู้คับ การนำประสบการณ์ต่างๆ การสังเกตุ มาประยุกต์ใช้ ส่วนจะนอกกรอบหรือในกรอบอันนี้ก็ขึ้นอยู่กะสิ่งทั้งหมดที่ผมกล่าวมานะคับ ขอออกความคิดเห็นหน่อยนะคับ ไม่ได้เข้าบอร์ด นานแล้ว งานยุ่งๆคับ จากคุณ : ขงเบ้งกลับชาติ - [ 30 ส.ค. 50 01:50:52 ]

ความคิดเห็นที่ 7 สำหรับผมนะคับ การคิดนอกกรอบของผมคือการเรียนรู้คับ การนำประสบการณ์ต่างๆ การสังเกตุ มาประยุกต์ใช้ ส่วนจะนอกกรอบหรือในกรอบอันนี้ก็ขึ้นอยู่กะสิ่งทั้งหมดที่ผมกล่าวมานะคับ ขอออกความคิดเห็นหน่อยนะคับ ไม่ได้เข้าบอร์ด นานแล้ว พอดีงานยุ่งๆคับ จากคุณ : ขงเบ้งกลับชาติ - [ 30 ส.ค. 50 01:51:10 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ตัวอย่างคำถามของคุณใจดีสู้เสือ เป็นคำตอบที่ดีครับ สำหรับตัวอย่างการคิดนอกกรอบ ปล. ขอเพิ่มเติมนะครับคุณใจดีสู้เสือ หวังว่าคงไม่ว่ากัน " ลากเส้นตรง 4 เส้นให้ผ่านทุกจุด โดยไม่ยกปากกาขึ้น " ปล2. เห็นด้วยอย่างยิ่งกับคุณJiang wei ครับ จากคุณ : ผู้เฒ่าไม่ยอมแก่ - [ 30 ส.ค. 50 02:29:10 ]

ความคิดเห็นที่ 9 คห.2 เจ๋งค่ะ ตอบ คห.5 ให้พับกระดาษขึ้นแล้วลากเส้นด้านหลังแล้ว วกกลับมาด้านหน้าค่ะ "นั่นคือ ความหมายของ คห.5 ค่ะ  กระดาษไม่ได้มีหน้าเดียว" จากคุณ : มิมิแพนด้า - [ 30 ส.ค. 50 03:20:54 ]

ความคิดเห็นที่ 10 #1 สั้นๆได้ใจความครับ ชอบๆ จากคุณ : จุ๊บยางเป็ดน้อย - [ 30 ส.ค. 50 08:38:30 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ต้องเรียนรู้ หลักก่อน (กรอบ) แล้วพอ หลักการ หรือ ทฤษฏีใช้ไม่ได้ ก็หาทางรอดหรือหาทางออก คือ นอกกรอบ เชน การทำตลาด มีกี่วิธี .........แต่ทำไปหมดแล้ว ไม่รอด ต้องหาทางรอด อันนี้ แหละง่ายๆ ทางออก ก็คือ นอกกรอบ เพราะคิดเหมือนเดิมแล้วติดโน่นติดนี่ สร้างสรร แต่ ทำลายใน คราวเดียวกัน ก็คือ นอกกรอบด้วย ทำลายก่อน แล้ว ขยี้ให้ละเอียด คือ ทางรอด เพราะได้ ผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ มันแล้วแต่ว่า เราจะเอาจินตนาการ ไปจับ วัตถุให้อยู่ได้อย่างไร เหมือนวาดรูป บอกให้วาดรูปวิว เด็กวาดอะไร เขา ทะเล พระอาทิตย์ขึ้น-ตก ท้องฟ้า แต่เด็กบางคน ไม่ได้วาดแบบนั้น เด็กคนนั้นก็คิดนอกกรอบ แต่ครูบอกว่า บ้าหรือเปล่า เขาให้วาดวิว เด็กก็เถียงว่า นี่แหละวิว น้องวิว ครูรู้จักไหม ????? (แล้วเด็กคนนี้ผิดไหม) แต่ว่า ถ้าเอามาใช้กับ การตลาด ต้องดูที่บทสรุปว่า คนรับได้หรือเปล่าเหมือนครูคนนั้นแหละ จากคุณ : กองปราบ - [ 30 ส.ค. 50 08:58:25 A:58.9.76.89 X: TicketID:103401 ]

ความคิดเห็นที่ 12 คิดอะไรที่คนอื่นเขาไม่ค่อยทำกัน และเขาก็จะหาว่าเราบ้า เขาก็จะหัวเราะเราว่าบ้าไปแล้ว มันจะเป็นไปได้ยังไงกับชีวิตจริง แต่เรารู้ว่าเรากำลังทำอะไร และกำลังจะไปไหนและก็ทำโดยไม่ท้อ จนสำเร็จแล้วคนอื่นบอกว่าเราโชคดี เราทำก่อนมันเลยเป็นโอกาสของเราครับ จากคุณ : EDM - [ 30 ส.ค. 50 09:19:39 ]

ความคิดเห็นที่ 13 แบบนี้ใช่ไหม จากคุณ : พ่อน้องบี - [ 30 ส.ค. 50 09:38:38 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ดี จากคุณ : thaihypn - [ 30 ส.ค. 50 10:55:20 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ความเห็น2 ตอบได้ใจมากครับ จากคุณ : หมวย เรเควี่ยม - [ 30 ส.ค. 50 11:27:58 ]

ความคิดเห็นที่ 16 คห. 2 ?? จากคุณ : Culture - [ 30 ส.ค. 50 11:41:53 ]

ความคิดเห็นที่ 17 คิดนอกกรอบก็อย่างเช่น แม่ให้เงินมาสิบบาท เราเอาไปซื้อขนม 3 บาท ถามว่าแม่ค้าจะทอนเงินให้กี่บาท ถ้าคิดในกรอบ ก็จะตอบว่า ทอน 7 บาท . . . . . . แต่ถ้าคิดนอกกรอบก็จะตอบว่า ทอน 2 บาท เพราะแม่ให้เหรียญ 5 ไป 2 เหรียญ หรือ ไม่ทอนเลย เพราะแม่ให้เหรียญบาทไป 10 เหรียญ จากคุณ : วันใดไม่มีใครให้คิดถึงฉัน (ปอเปี๊ยะน้อย) - [ 30 ส.ค. 50 13:29:01 ]

ความคิดเห็นที่ 18 กรอบส่วนใหญ่ก็มาจากการศึกษาที่เราได้รำเรียนมา หรือจากประสบการณ์ของคนๆอื่นที่สอนเราไว้จน เป็นกรอบความคิดที่ไม่สามารถแหกออกไปได้ ซึ่งกรอบความคิดนี้ สะสมมาตั้งแต่เด็ก อย่างเช่นการตั้งไข่ซึ่งคนส่วนใหญ่จะตั้งไม่ค่อยได้ เพราะมีความคิดว่าไข่ต้องไม่แตกซึ่งเป็นการรับรู้มาจากประสบการณ์ว่าไข่ต้องไม่แตกจึงทำให้ตั้งไม่ได้ แต่พวกคิดนอกกรอบจะไม่คำนึกว่าไข่จะแตกหรือไม่ เพราะกติกาไม่ได้ห้ามว่าไข่ห้ามแตก อย่างนี้เป็นต้น จากคุณ : weerasorn - [ 30 ส.ค. 50 14:18:22 ]

ความคิดเห็นที่ 19 จะไปแชมพูที่ห้าง   1. นั่งรถเมล์10บาท แต่ช้ารอนาน 2. มอไซด์20บาท ไวไม่เสียเวลา จะเลือกข้อไหนดี  คนคิดในกรอบก็จะตอบแค่1หรือ2 คนคิดนอกกรอบอาจมีข้ออื่นตามมาค่ะ 3. ซื้อแชมพูร้านชำใกล้บ้าน แพงกว่า5บาท ไม่เสียเวลา ไม่เสียค่ารถ 4. เอารถไปเอง แล้วซื้อแชมพูกับของอื่นหลายชิ้นที่กำลังหมดให้คุ้มค่ารถ+ค่าเสียเวลา 5. ฝากให้สามีไปซื้อให้ อันนี้ดีสุดเพราะนอนอยู่บ้าน ไม่ต้องเสียค่ารถ ไม่ต้องเสียค่าแชมพูเพราะให้สามีจ่ายให้ 555 จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย - [ 30 ส.ค. 50 17:26:42 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เข้ามาดู ... คนคิดนอกกรอบ ครับ ... จากคุณ : D_YONG - [ 30 ส.ค. 50 18:00:23 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เห็นด้วยกับคุณ Jiang wei  # 1 ครับ คิดนอกกรอบได้ดี  ต้องมีความรู้แน่น  บางทีบางคนสักแต่ว่าคิดนอกกรอบ  คือเอาคิดแปลกเข้าว่า  แต่ทำให้เป็นจริงไม่ได้  เพราะขาดความรู้กว้าง  ฉะนั้นก่อนจะคิดนอกกรอบได้ ผมว่าต้องรู้กว้าง  และรู้ในกรอบแน่นตามที่คุณ Jiang wei กล่าวไว้  อีกประเด็นหนึ่งคือ ผมมองว่า คนคิดนอกกรอบควรเป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์อยู่แล้ว  มันเป็นความสามารถพิเศษอย่างหนึ่งที่ไม่ใช่ทุกคนจะถนัดหรือทำได้ดี  ทุกคนมีความถนัดเฉพาะด้านของตัวเอง แต่จริงๆ คำว่าคิดนอกกรอบ  ผมว่ามันก็คือการคิดหาวิธีที่ต่างจากคนโดยทั่วๆไปนั่นเอง  เพราะบางเรื่องก็ไม่ได้มีใครมาตีกรอบชัดเจน  สังคมรู้กันเอาเอง  และสิ่งที่เคยนอกกรอบพอคนทำเป็นเรื่องปกติ  มันก็จะกลายเป็น "ในกรอบ" ให้คนมาคิดนอกกรอบมันต่อไป เพิ่งได้อ่านคำของ สตีเว่น  สปีลเบิร์ก มาประโยคหนึ่งประมาณว่า "ทำไมเราจะต้องเอาเงิน 1 ดอลล่าร์ไปซื้อที่คั่นหนึ่งสือด้วยเล่า  ทำไมเราไม่ใช่แบงค์ 1 ดอลล่าร์นั้นเป็นที่คั่นซะเลยล่ะ "  อืมม เนี่ยคิดนอกกรอบ  คือคิดไม่เหมือนชาวบ้าน   แล้วก็ชอบตั้งคำถามว่า  ทำไมเราไม่ทำแบบนี้(แบบใหม่)แทนที่จะทำแบบเก่าๆ นั้นล่ะ  มันดีกว่ากันตั้งเยอะ  (คนที่คิดนอกกรอบได้ดี  จะคิดสิ่งที่เป็นไปได้และดีกว่าเสมอ  ส่วนที่มั่วๆ มักทำให้เป็นจริงไม่ค่อยได้)   ถ้าจะฝึกคิดนอกกรอบ  ก็ลองฝึกตั้งคำถาม  แทนที่เราจะ........(เหมือนเดิมๆ)  ทำไมเราไม่..................   ลองดูครับ   แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 50 18:15:01 จากคุณ : Jimmy Walker - [ 30 ส.ค. 50 18:12:32 ]

ความคิดเห็นที่ 22 คิดอะไรกันครับ  ไม่เห็นมีกรอบเลย นี่แหละมันนอกกรอบแล้วล่ะครับ   แต่มันเอามาใช้ประโยชน์ได้หรือเปล่า จากคุณ : ทำด้วยใจรัก (ทำด้วยใจรัก) - [ 30 ส.ค. 50 20:16:32 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เคยเข้า workshop กับที่บริษัทเรื่องการคิดนอกกรอบกับศูนย์ความคิดสร้างสรรค์ http://www.creativitycenter.co.th/ ก็ประมาณว่า การที่เราทำอะไรซ้ำ ๆ กันทุกวันเนี่ย ก็เหมือน ฝนตกลงมาน้ำไหลเป็นทาง คือฝน 1 เม็ด ตกมาไม่ทำให้เกิดอะไร แต่ถ้าตกลงมาในที่เดิม ทุกวัน ๆ ซ้ำกัน มันจะเกิดเป็นทางยาวขึ้นมา เวลาเราจะทำอะไรก็ต้องทำตามทางนั้นซ้ำ ๆ เช่น จะกลับบ้านทางนี้ ก็กลับทางนี้ซ้ำ ๆ ทุกวัน ทั้งที่มันมีทางอื่นที่กลับแล้วถึงบ้านได้เหมือนกัน วันไหนทางเดิมรถติด เราเลยเลี่ยงไปกลับทางอื่น แล้วก็คิดว่า อืม..อันนี้เส้นทางใหม่นะ ซึ่งที่จริงไม่ใช่เลย ทางนั้นมันมีอยู่แล้วนั่นแหละแต่เราไม่รู้ ตอนอบรมมีอีกกิจกรรมที่ชอบมาก คือวิทยากรจะแจกกระดาษให้คนละแผ่น ในนั้นจะบรรจุคำนามไว้ เช่น ตะแกรง ส้ม มีด ฯลฯ ถ้าเอามาใช้กับการทำงาน ยกตัวอย่างเช่น การเบิกเครื่องเขียนในออฟฟิศ เราก็จิ้ม ๆ ลงไปในกระดาษ สมมติว่าได้คำว่า "ไม้แขวนเสื้อ" ปกติไม้แขวนเสื้อ ก็เอาไว้แขวนเสื้อ ใช่มะ แต่ถ้าคิดนอกกรอบก็อาจจะเป็น ไม้แขวนเสื้อ ---> แขวน ---> เอากระดาษไปแขวน ผลลัพธ์อาจจะออกมาเป็น แทนที่จะให้เขียนเบิกจากสมุดเล่มหนา ๆ ตามปกติ ก็เอากระดาษรายชื่อเครื่องเขียนทั้งหมด ไปแปะหรือแขวนไว้ตามตู้เครื่องเขียนตู้ต่าง ๆ ใครมาเบิก ก็ ติ๊กๆๆๆ ไปในใบนั้นเลย ตัวอย่างที่ 2 ให้ออกแบบเก้าอี้ ก็จิ้มไปบนกระดาษได้คำว่า "กล้วย" (สมมติ) ถ้าคิดกันง่าย ๆ คือทุกคนเห็นปุ๊บก็คงคิดกันโดยอัตโนมัติเลยวาจะออกแบบเก้าอี้เป็นรูปกล้วย   แต่ถ้านอกกรอบ ก็ประมาณว่า ออกแบบเป็นกล้วยนั่นแหละ แต่เป็นกล้วยปอกเปลือก เปลือกที่ปอกก็ยื่นออกมาเป็นที่วางแขน เปลือกอีกข้างเป็นที่วางแก้ว เปลือกที่ปอกไปถึงข้างล่างเลยเป็นที่วางเท้า อะไรเงี้ยอ่ะค่ะ อาจมีไอเดียอื่นอีก พอดีคิดไม่ค่อยเก่ง เหอ ๆ หวังว่าคงพอเป็นประโยชน์นะ แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 50 22:03:19 แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 50 21:57:07 แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 50 21:55:29 จากคุณ : norikaten - [ 30 ส.ค. 50 21:54:03 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขอตอบแทนคุณใจดีสู้เสือนะครับ คุณพ่อน้องบีครับ ถูกต้องครับ ปล. ส่วนของคุณมินิแพนด้า ก็เข้าท่านะครับ เป็นแนวคิดนอกกรอบที่ดีเหมือนกัน เพียงแต่ว่า จะยุ่งยากกว่าเท่านั้นนะครับ แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 50 02:00:31 จากคุณ : ผู้เฒ่าไม่ยอมแก่ - [ 31 ส.ค. 50 01:57:53 ]

ความคิดเห็นที่ 25 อารุนซา...หวาดค๊าบ.......  ฮ้าวววว  มาม่าแต่เช้าเลย... T_T จากคุณ : =[ชงเข้ม]= - [ 31 ส.ค. 50 03:29:02 ]

ความคิดเห็นที่ 26 โจทย์ข้อหนึ่งในข้อสอบวิชาฟิสิกส์ของมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกนมีดังนึ้ "จงอธิบายว่าท่านจะใช้บารอมิเตอร์วัดความสูงของตึกระฟ้าได้อย่างไร" รู้จักกันนะครับบาร์รอมิเตอร์นี่ก็คือเครื่องมือวัดความกดอากาศนั่นเอง (อธิบายเพิ่มเติมก็คงต้องบอกว่าอากาศนั้นมันมีน้ำหนักหรือมีแรงกดนั่น และแรงกดของอากาศนั้นเมื่ออยู่ในระดับความสูงที่เปลี่ยนไปความกดอากาศก็เปลี่ยนไปด้วย) นักศึกษาคนหนึ่งเขียนคำตอบลงไปว่า "เอาเชือกยาวๆ ผูกกับบารอมิเตอร์แล้วหย่อนลงมาจากยอดตึกแล้วก็เอาความยาวเชือกบวกความสูงบารอมิเตอร์ก็จะได้ความสูงของตึก" ฟังดูเป็นอย่างไรครับคำตอบนี้ ผมฟังครั้งแรกผมยังอมยิ้มเลยครับ แต่อาจารย์ที่ตรวจข้อสอบไม่นึกขันอย่างผมด้วย อาจารย์ตัดสินให้นักศึกษาคนนั้นสอบตก นักศึกษาผู้นั้นยืนยันต่ออาจารย์ที่ปรึกษาว่าคำตอบของเขาควรจะถูกต้องอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง และคำตอบของเขาก็สามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ ทางมหาวิทยาลัยจึงตั้งกรรมการชุดหนึ่งมาตัดสินเรื่องนี้และในที่สุดคณะกรรมการก็มีความเห็นตรงกันว่า คำตอบนั้นถูกต้องอย่างแน่นอน แต่เป็นคำตอบที่ไม่แสดงถึงความรู้ความสามารถทางฟิสิกส์ ดังนั้นเพื่อเป็นการแก้ข้อขัดแย้งที่เกิดขึ้น ทางคณะกรรมการจึงให้เรียกนักศึกษาคนนั้นมา แล้วให้สอบข้อสอบข้อนั้นอีกครั้งหนึ่งต่อหน้าโดยให้เวลาเพียง 6 นาที เท่ากับเวลาในการสอบ โดยใช้ข้อสอบเดิมเพื่อหาคำตอบที่แสดงให้เห็นถึงความรู้ทางด้านฟิสิกส์ หลังจากผ่านไป3 นาที นักศึกษาคนนั้นก็ยังนั่งนิ่งอยู่กรรมการจึงเตือนว่า เวลาผ่านไปครึ่งหนึ่งแล้วจะไม่ตอบหรืออย่างไร นักศึกษาหัวรั้นจึงตอบว่า เขามีคำตอบมากมายที่เกี่ยวกับฟิสิกส์แต่ไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะใช้คำตอบไหนดี และเมื่อได้รับคำเตือนอีกครั้งนักศึกษาจึงเขียนคำตอบลงไปดังนี้ : ประการแรก ให้เอาบารอมิเตอร์ขึ้นไปบนดาดฟ้าตึกและทิ้งลงมาจับเวลาจนถึงพื้น ความสูงของตึกหาได้จากสูตร H = 1/2 g X t^2 หรือถ้าแดดแรงพอให้วัดความสูงบารอมิเตอร์แล้วก็วางบารอมิเตอร์ให้ตั้งฉากพื้นแล้ววัดความยาวของเงาบารอมอเตอร์ จากนั้นก็วัดความยาวของเงาตึก แล้วคิดด้วยตรีโกณมิติก็จะได้ความสูงของตึกโดยไม่ต้องขึ้นไปบนตึกด้วยซ้ำ หรือถ้าเกิดอยากใช้ความสามารถด้านวิทยาศาสตร์มากกว่านี้ ก็เอาเชือกเส้นสั้นๆมาผูกกะบารอมิเตอร์ แล้วแกว่งเหมือนลูกตุ้มแพนดูลัม ตอนแรกก็แกว่งระดับพื้นดินแล้วก็ไปแกว่งอีกทีบนดาดฟ้า ความสูงของตึกจะหาได้จากความแตกต่างของคาบการแกว่ง เนื่องจากความแตกต่างของแรงดึดดูดจากจุดศูนย์กลางของมวลคำนวณจาก T = 2 พาร์กำลัง 2 รากที่ 2 ของ l/g ถ้าตึกมีบันไดหนีไฟก็ง่ายๆ ให้เดินขึ้นไปเอาบารอมิเตอร์ทาบ แล้วก็ทำเครื่องหมายไปเรื่อยๆจนถึงยอดตึกนับไว้คูณด้วยความสูงของบารอมิเตอร์ก็ได้ความสูงตึก แต่ถ้าคุณเป็นคนที่น่าเบื่อและยึดถือตามแบบแผนจำเจซ้ำซาก คุณก็เอาบารอมิเตอร์วัดความดันอากาศที่พื้นและที่ยอดตึก คำนวณความแตกต่างของความดันก็จะได้ความสูง ส่วนวิธีสุดท้ายง่ายและตรงไปตรงมาก็คือไปเคาะประตูห้องภารโรง แล้วบอกว่า "อยากได้บารอมิเตอร์สวยๆ ใหม่เอี่ยมสักอันไหม? ช่วยบอกความสูงของตึกให้ผมทีแล้วผมจะยกให้" นักศึกษาคนนั้นคือ "นีลโบร์" ผู้ได้รางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ ในปี 1922 ที่มา http://www.dek-mor.com/webboard/show.php?Category=general&No=4980 จากคุณ : TingTing - [ 31 ส.ค. 50 10:12:02 ]

ความคิดเห็นที่ 27 โหวตนำให้ หนึ่งจึ๊กครับ จากคุณ : Jimmy Walker - [ 1 ก.ย. 50 11:27:32 ]

ความคิดเห็นที่ 28 คุณต้อง เรีบยนรู้ และรู้ว่า กรอบมันอยู่ตรงไหน แล้ว ถอดรื้อโครงสร้าง จัดระบบกรอบ เป็นเรื่อง Systematic Thinking คิดกระบวนระบบ จากคุณ : the author - [ 1 ก.ย. 50 15:03:14 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ตามไปอีก 1 ..   ดูคนอื่นคิด เพลินดี จากคุณ : Forever In LoVE - [ 1 ก.ย. 50 15:07:52 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เราเป็นพวกคิดในกรอบอ่ะค่ะ คิดนอกกรอบไม่ค่อยจะเป็น เลยขออ่านเก็บความรู้แล้วกันนะ จากคุณ : @Nana-cute@ - [ 1 ก.ย. 50 15:46:43 ]

ความคิดเห็นที่ 31 อืม สำหรับผมคิดนอกกรอบไม่ใช่การที่เหลุดจากกรอบนะแต่คือการบิดกรอบให้เหมาะสมกับสถานการณ์มากกว่า   คงเหมือนที่คุณเกียงอุ่ยว่า เราต้องรู้เรื่องนั้นทุกแน่นแล้ว ก็สามารถนำมามันปรับปรุงประยุกต์ให้เหมาะกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้   มีอาจารย์สอนฟิสิกส์ในมหาลัยเพื่อนผมคนหนึ่งออกข้อสอบมาข้อหนึ่งมีคะแนนสูงสุดเลย ให้นักเรียนนำความรุ้ที่ได้จากวิชานี้มาตั้งเป้นโจทย์หนึ่งข้อพร้อมเฉลย  ถ้าคุณเป็นนักศึกษาคุณจะสร้างโจทย์ยังไงให้อาจารย์ให้คะแนนเต็มละครับ   ผมว่าคนที่คิดนอกกรอบได้คือคนที่มีความคิดสร้างสรรค์เต็มเปี่ยมครับ จากคุณ : et009 - [ 1 ก.ย. 50 18:27:06 ]

ความคิดเห็นที่ 32 จริงๆ เรื่องคิดนอกกรอบนี่  ผมว่ามันก็เข้าข่าย Talent ได้เหมือนกันครับ  คือมันเป็นบุคคลิกของคน  คนที่คิดในกรอบก็ไม่ได้ผิดอะไร  มันแล้วแต่ความถนัด  ดังที่คุณ @Nana-cute@ ถนัดน่ะครับ 'ความกล้า' เป็นTalent แบบหนึ่ง แต่จะให้คนที่ถนัด Play Safe ไปทำอะไรแบบกล้าๆ บ้าบิ่นมันก็จะกลายเป็นไปเล่นบทที่ตัวเองไม่ถนัด  กลายเป็นทำได้ไม่ดี  กลายเป็นฝืนๆ  คนถนัด Play Safe หรือคนถนัดคิดในกรอบก็น่าจะมีที่ทางของตัวเองที่เหมาะสมและทำได้ดีนะครับผมว่า  เช่น อาจไปอยู่ในตำแหน่งเกี่ยวกับการปกป้อง  ระวัง  หรือตรวจสอบ  ฯลฯ เราทุกคนล้วนมีความถนัดเฉพาะตัว  แต่บางส่วนอาจไม่ได้ทำงานตรงตามที่ตัวเองถนัด  มันก็เลยอาจไม่ได้แสดงผลงานได้เต็มที่  เรื่องการเรียนรู้เรื่องคิดนอกกรอบ  จึงอาจมีประโยชน์ในลักษณะของการเพิ่มทักษะขึ้นบ้าง แต่จะให้เปลี่ยนคนที่คิดในกรอบมากๆ ไปเป็นคนคิดนอกกรอบมากๆ  ก็คงจะเป็นไปได้ยากครับ  เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของบุคคลิกของเราครับ คุณ Forever In Love ไม่เห็นส่งการบ้านซึโดกุ เลยครับ  หรือจะเบิกพาราซักกระปุกก่อนมั๊ย  อิอิ จากคุณ : Jimmy Walker - [ 1 ก.ย. 50 20:48:39 ]

ความคิดเห็นที่ 33 นี่เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่าคิดนอกกรอบคิดกันแบบไหน    เมืองกอร์เดี่ยนในตะวันออกกลาง  มีวัตถุโบราณคู่บ้านคู่เมืองชิ้นหนึ่งตกทอดกันมานาน หลายร้อยปีมีลักษณะเป็นเชือกหนังขมวดมัดกันอย่างแข็งแรง  แล้วทาทับด้วยรักจนเป็นก้อนกลมๆ   ไอ้เชือกหนังม้วนนี้มีชื่อเสียงโด่งดังกันไปทั่ว  มีชื่อเรียกว่า "ปมกอร์เดี่ยน"  มีคำทำนายว่าใครเป็นผู้คลายปมนี้ออกได้  ผู้นั้นแหละจะได้เป็นผู้ครองโลก      อเล็กซานเดอร์มหาราชกษัตริย์มาร์ซีโดเนีย  มุ่งขยายเขตอาณาจักรมาทางทิศตะวันออกมาถึงเมืองนี้ได้ข่าวชื่อเสียงของปมกอร์เดียน  ที่ไม่มีใครขบปริศนานี้แตกมาเป็นเวลาหลายร้อยปีก็สนใจ  ไปดูไอ้ปมนี้ที่ศาลากลางเมือง   อเล็กซานเดอร์นิ่งดูปมอยู่ครู่หนึ่งก็ชักมีดสับเปรี้ยงเดียว  ปมกอร์เดี่ยนก็คลายออกจากกัน       นี่แหละครับคิดนอกกรอบ  หลังจากนั้นอเล็กซานเดอร์  ก็ได้ครองโลกจริงๆ  อาณาจักรใหญ่ในยุคโบราญอยู่ในการปกครองของอเล็กซานเดอร์ทั้งหมด จากคุณ : แมว มหาภัย - [ 2 ก.ย. 50 09:08:13 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ^ ^ อื้มมม  พี่แมวยกตัวอย่างได้เด็ดสะระตี่ครับ  บางครั้งกรอบความคิดก็คือการที่มีแนวโน้มบางอย่างที่มันชักนำให้เราไปในแนวทางหนึ่ง  โดยไม่ได้คิดถึงแนวทางในการคิดแบบอื่นเลย  เรื่องการคิดแนวขวางก็น่าจะเป็นการสอนเกี่ยวกับการคิดนอกกรอบนี้แหละ  อย่างตัวอย่างภาพ 9 จุดที่เอามาให้เล่นกัน  ก็มีกรอบลวงตาให้เราติดอยู่ภายใน  แก้เท่าไหร่จึงแก้ไม่ออก  ถ้าเราไม่มีกรอบในการคิด  บางทีมันก็จะคิดออกครับ  และกรอบนี้  บางทีมันก็มาจากการเรียนรู้เก่าๆ นั่นเอง  ใครเคยเรียนจิตวิทยาแล้วอาจารย์นำภาพแฝงหญิงชรากับหญิงสาวมาให้ดูกันบ้าง  ที่การชี้นำในภาพก่อนๆ จะทำให้เกิด 'กรอบ' ในใจและในความคิดขึ้นมา  พอไปมองอะไรทีหลัง  กรอบหรือแนวทางเดิมๆ นี้ก็จะติดอยู่เสมอ  ฉะนั้นโดยปกติ  ทุกคนจะมีกรอบของตัวเองที่กิดจากการเรียนรู้เก่าๆ อยู่เหมือนกันนะ จากคุณ : Jimmy Walker - [ 2 ก.ย. 50 11:17:04 ]

ความคิดเห็นที่ 35 คิดนอกกรอบกับวิสัยทัศน์ นี่ต่างกันไหมครับ จากคุณ : EDM - [ 2 ก.ย. 50 12:36:35 ]

ความคิดเห็นที่ 36 คิดนอกกรอบ = เหนือสามัญสำนึก จากคุณ : โอ้ย...แจ่ม - [ 2 ก.ย. 50 13:24:16 ]

ความคิดเห็นที่ 37  อิอิ จะไปส่งที่ BFC นะคะ เหลืออีก 1 ข้อค่ะ กำลังมึนได้ที่เลย ..@_@" จากคุณ : Forever In LoVE - [ 2 ก.ย. 50 16:53:33 ]

ความคิดเห็นที่ 38 คิดนอกกรอบ คือการคิดนอกเหนือจากรูปแบบหรือวิธีปฏิบัติที่ผู้อื่นเขานิยมปฏิบัติกันมาแต่เดิม บางทีที่เห็นก็มีไม่น้อยที่จะพยายามบังคับตนให้คิดนอกกรอบจนกระทั่งลืมไปว่าสิ่งที่ตนจะทำให้บรรลุเป้าหมายได้มากน้อยแค่ไหน ในยุคซิลิคอนวัลเลย์กำลังดังสุดขีด เคยมีไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้ไปคิดนอกกรอบ สร้างเวบ pets.com ขึ้นมา เป็นเวบขายอาหารสัตว์ ผลก็คือเจ๊งไม่เป็นท่าเพราะไม่มีลูกค้าที่ไหนเขาไปซื้อาหารสัตว์ในเนตกัน นี่คือผลของการคิดนอกกรอบแบบไม่เป็นท่า คือตั้งเป้าว่าคิดจะทำให้ต่างจากคนอื่น แต่กลับตอบคำถามในด้านพฤติกรรมของผู้บริโภคไม่ได้ ตอบคำถามในเรื่องของการตลาดไม่ได้ ในทัศนะของผม คนที่มุ่งแต่จะคิดนอกกรอบ กับคนที่มุ่งที่จะคิดในกรอบ ก็มีคุณค่าไม่ต่างกันนัก คือดันไปกำหนดพื้นที่ความคิดให้กับตัวเองโดยใช่เหตุ แต่ละคนก็มีพื้นที่จำกัดของตนเองทั้งนั้น เพียงแต่ฝ่ายหนึ่งอยู่ข้างใน แต่ฝ่ายหนึ่งอยู่ข้างนอก มรรคแห่งความคิดที่เป็นเลิศที่สุด คือความคิดที่ไร้กรอบ ไม่ขังขอบว่าเป็นความคิดในพื้นที่ไหน ขอให้บรรลุวัตถุประสงค์ได้เป็นพอ การที่จะทำอย่างนี้ได้ คนคิดต้องมีระบบความคิดที่มีประสิทธิภาพที่ดีพอ กำหนดปัญหาเป็น กำหนดเป้าหมายได้ และคิดเชื่อมต่อที่จะสรรหาวิธีไปสู่เป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ซึ่งมาถึงตรงนี้ ผลลัพธ์อาจจะเป็นความคิดในกรอบก็เป็นได้ อาจจะอยู่นอกกรอบก็เป็นได้ สรุปก็คือ อย่าไปสนใจมันเลยครับ ว่าจะเป็นความคิดในกรอบ หรือความคิดนอกกรอบ แต่สนใจว่าวิธีแต่ละวิธีมันจะบรรลุเป้าหมายได้มากน้อยแค่ไหนดีกว่า จากคุณ : lb'sN - [ 2 ก.ย. 50 17:23:42 A:128.197.11.30 X: TicketID:151599 ]

ความคิดเห็นที่ 39 มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับคนบ้า... ซึ่งหลายคนคงเคยได้ยินได้ฟังมาบ้าง มีหญิงสาวคนหนึ่งขับรถอยู่บนถนน อยู่ ๆ เกิดยางแตกที่ล้อหนึ่ง เลยชะลอรถ และจอดอยู่หน้า ร.พ. บ้า พอดี ขณะทำการเปลี่ยนยางล้อที่แบน ด้วยยางอะไหล่ บังเอิญไปเตะน็อตยึดล้อทั้งหมดที่ถอดวางไว้บนพื้นตกรูท่อระบายน้ำ ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ ได้แต่นั่งมอง คิดแต่จะทำอย่างไรจึงจะเก็บน็อตจากในท่อกลับมาได้ มีคนไข้ของ ร.พ. ซึ่งเป็นคนบ้าคนหนึ่งยืนอยู่ เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยตลอด ก็ตะโกนบอกหญิงสาวว่า ทำไมไม่ถอดน็อตยึดล้อจาก ล้ออื่น ๆ ที่เหลืออยู่อีกตั้ง 3 ล้อ ถอดมาล้อละตัว เพื่อยึดยางอะไหล่ ใส่ไปก่อน ก็สามารถขับรถต่อไปได้ แล้วไปหาซื้อน็อตยึดล้อใหม่ละ หญิงสาวนึกขึ้นได้ ก็เลยทำตามที่คนบ้าร้องบอก.... คุณคิดว่า คนบ้าเขาคิดแบบในกรอบ หรือ นอกกรอบ... ในความเป็นจริง อาจจะไม่มีกรอบ...สำหรับคนบ้า การมีกรอบ หรือ ไม่มีกรอบ เป็นเพราะว่า คนเราไปโยงยึดไว้ด้วย ความยึดติดของบุคคลนั่นเอง ส่วนองค์ประกอบที่จะช่วยให้ความคิดของเรา ทำประโยชน์ ได้หรือไม่ได้ ก็มาจากประสบการณ์ของ คน ๆ นั้น เอง ที่เรียนรู้ หล่อหลอม และ จดจำมาทั้งจาก จิตสำนีก และ จิตใต้สำนึก นั่นเอง..... จากคุณ : ผ่านมา - [ 2 ก.ย. 50 21:42:44 A:203.156.31.35 X: TicketID:125394 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เข้ามาสนับสนุนความคิดเห็นที่ 38 ครับ เห็นด้วยมาก ๆ และอธิบายได้ชัดเจนมาก แตกต่างจากหลายความเห็น ซึ่งผมมองว่า มันผิดประเด็นไปมาก ไม่ใช่ว่าความเห็นอื่นไม่ถูกต้องนะครับ เพียงแต่ผมคิดว่าการคิดนอกกรอบแท้จริงแล้วไม่ใช่คิดให้แตกต่าง แต่มันเป็นแค่การคิดที่แตกต่างจากปรกติ แค่นั้นเองครับ จริง ๆ ผมมองว่าความคิดนั้นมันไร้ขอบเขตตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพียงแต่คนเรานี่แหละ ไปกำหนด คำว่านอกกรอบ ในกรอบ ขึ้นมาเอง การคิดนอกกรอบแท้จริงเป็นเพียง การโฟกัสที่จุดหมาย เพียงแต่อาจเลือกวิธีการไปถึงจุดหมายที่แตกต่างกับคนทั่วไป ซึ่งพูดตรง ๆ ก็คือ อาจมีวิธีการที่คนอื่นทั่วไปเค้าไม่ได้ทำ หรือไม่ได้คิด แต่สามารถไปถึงจุดหมายได้เหมือนกัน ก็เท่านั้นเองครับ เพราะคนเราส่วนใหญ่จะเรียนรู้ประสบการณ์จากผู้อื่นซะส่วนมาก จึงเดินไปในทางเดียวกันโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นคนที่ทำอะไรตามความเชื่อและมุ่งสู้จุดหมาย โดยไม่เลือกวิธีการ จึงถูกเรียกว่าพวกคิดนอกกรอบไปโดยปริยาย ไม่อย่างนั้น ไอน์สไตน์ จะบอกหรือครับว่า "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้" แก้ไขเมื่อ 02 ก.ย. 50 22:51:08 จากคุณ : Chronos_x - [ 2 ก.ย. 50 22:40:37 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ...คห. 39 นี่เพลงของคาราบาวนี่ครับ ผมจำได้   ฉัน บ้า แต่ว่าไม่ได้ โง่ จากคุณ : bootsarin (bootsarin) - [ 3 ก.ย. 50 01:19:30 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ตอบคุณ EDM ครับ คิดนอกกรอบกับวิสัยทัศน์นี่ต่างกันครับ วิสัยทัศน์ - น่าจะถอดความมาจากคำว่า Vision ซึ่งหมายถึงการมองการไกล  หรืออะไรประมาณนั้นน่ะครับ  ซึ่งแต่ละคนก็มักจะมองการณ์ไกลหรือมี Vision ในแบบของตนได้  Vision น่าจะหมายถึงการมองเห็นเฉยๆ หรือการทำก็ได้ เพราะโดยทั่วไปจะใช้ในทำนองว่า  มีวิสัยทัศน์มองเห็นแนวโน้มของโลกที่จะเป็นไปในอนาคต  แต่ก็มีบางกรณีที่ใช้ประมาณว่า  มีวิสัยทัศน์ ทำให้ประเทศหรือองค์กรเจริญรุดหน้าไปในทางที่ดีกว่าที่คนทั่วไปจะทำได้ ส่วน คิดนอกกรอบ - จะเป็นการแสวงหาแนวทางหรือทางออกของปัญหา(Solution)เป็นส่วนใหญ่  ซึ่งมันก็มักจะหมายถึงการที่ไม่คิดหรือใช้ทางออกในแนวทางเดิมๆ ที่คนอื่นใช้  แล้วผลออกมาไม่มีประสิทธิภาพมากเท่าที่ควร หรือแม้กระทั่งหาทางออกไม่ได้  แต่พอคิดออกนอกแนวทางเดิมๆ แล้วจะหาคำตอบได้  เช่น ตัวอย่างของเกม 9 จุด หรือตัวอย่างของพี่แมวครับ  การหมกมุ่นอยู่กับวิธีคิดเดิมๆ มีแต่จะถึงทางตัน  ต้องหาทางออกด้วยแนวทางใหม่ๆ ถึงจะหาทางได้ครับ ประมาณนี้ จากคุณ : Jimmy Walker - [ 3 ก.ย. 50 17:15:35 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ขอบคุณครับ จากคุณ : EDM - [ 3 ก.ย. 50 20:42:23 ]

ความคิดเห็นที่ 44 กลับมาเก็บความรู้เหมือนเคย อ่อ เราทำบัญชีด้วยอ่ะค่ะ เลยค่อนข้างมีกรอบ และเป็นคน conservative บางทีเข้าห้องสินทรไปเก็บข้อมูล ก็ยังไม่กล้าเล่น(ลงทุน)ในหุ้น มองได้แต่กองทุนรวม (อิอิ) วันนี้ที่ทำงานให้คิดกันว่าจะหาทางเพิ่มประสิทธิภาพพนักงานและการทำงานกันยังไง รวมทั้งให้พัฒนาไปเป็น KPI ของแผนกได้ ทั้งแผนกคิดกันหัวแทบผุ พี่เจ้านายก็บอก พยายามคิดนอกกรอบๆๆๆ กันหน่อยสิ น้องๆๆ แหะๆ เราคิดได้แค่ก็ทำ checklist การทำงานสิคะพี่จะได้ไม่ลืม พยายามแล้วนะเนี่ย (เราเป็นเด็กใหม่ของที่ทำงานค่ะ แต่เคยทำที่อื่นมาสี่ปีแล้ว) ผล :: ไม่มีใครเอาเพราะบอกว่าเดี๋ยวจะเป็นการเพิ่มงานให้ตัวเอง เราเสนอ ทำคู่มือการทำงาน เขียนwork flow สิคะพี่ จะได้เอาเป็น reference ได้ ผล :  ไม่มีใครเอาเหมือนเดิม เพราะเค้าบอกว่าแค่ทำงานปกติก็จะตายกันอยู่แล้ว จะเอาเวลาไหนมานั่งเขียนmanual เราเสนอ ทำไมเวลาโทรออกต้องใช้ pin phone card ทำไมไม่เอาระบบแบบ password มาใช้ คือให้กดpassword แล้วถึงโทรออกภายนอกได้อ่ะค่ะ เพราะจริงๆไม่ค่อยมีโทรไปต่างประเทศเท่าไร ใช้ pin phone นาทีตั้ง 3 บาท แต่ถ้าปกติครั้งละ3 บาทเอง ผล.: อันนี้เข้าใจได้ว่าอาจไม่คุ้มในเรื่องของระบบ และยังต้องคุมการค่าใช้จ่ายแต่ละคน หากว่าเอาแต่โทรกันไปเรื่อย (แต่เราว่ามันก็คุมได้นี่นา โดยใช้password นะแหละเป็นตัวคุม) เพราะตอนนี้คุมโดยการเบิกใช้ pin phone card  ---> ใช้ไม่ได้ตามเคย แป่วจริงๆ เลยเรา อ่อ สิ่งที่ผ่านก็เช่น ทำupdate และสรุปมาตรฐานบัญชี มีการ relax ระหว่างการทำงาน จากคุณ : @Nana-cute@ - [ 3 ก.ย. 50 20:42:48 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ท่านอื่นๆให้ความเห็นที่ดีมากๆ ไปเยอะแลัวนะครับ การฝึกคิดเป็นสิ่งที่ดี แต่ การจะ"ทำ" นั่นเป็นอีกเรื่อง .... เชื่อไหม หากไอ้ "ปมกอเดียน" อะไรนั่น มีชาวเมืองธรรมดาเอามีดไปฟัน จะโดนกระทืบตาย หาว่าโง่แล้วทำลายของเขาทำไม แต่เป็นนายพล ไม่มีใครกล้าค้าน เพราะอาจจะโดนทหารยำได้ การคิดบ่อยๆ ดี แต่ต้องคิดเรื่องการลงมือ ถูกที่ ถูกเวลา ถูกจังหวะเงินด้วย ... การทำงาน คุณอาจจะวางแผนไว้ดีแล้วแต่มันอาจจะมีอุปสรรค หรือ เหตุการณ์ไม่คาดฝัน คุณก็ต้องคิดหาทางแก้ พร้อมทั้ง มีกำลังกาย และ กำลังเงินทำต่อด้วย ... มันถึงเป็นที่มาของคำว่า ทำจากเล็กไปใหญ่ หรือ พวก Think Big, Start small ... Action now อย่างคุณ นานาคิวท์ ก็ดีแล้ว แต่ที่ไม่สำเร็จเกิดจาก หนึ่ง คุณไม่มีอำนาจ (ลองเป็น ผจก. สิ ต้องเอาอยู่แล้ว นายผมก็ใช้ เช็คลิสต์ ...อิอิอิ) สอง ความคิดยังไม่โดนใจคนหมู่มากจริงๆ .... จากประสบการณ์ ความเก่งของคนน่ะมี แต่ต้องใช้ให้สอดคล้องกับอำนาจ เวลา สถาณการณ์ ความเห็นเล็กๆน้อยๆ ครับ จากคุณ : KENG76 - [ 4 ก.ย. 50 04:50:58 ]

ความคิดเห็นที่ 46 คนอื่นเค้าพูดกันมามากแล้วนะครับ ว่าคิดนอกกรอบคืออะไร มาลองดูกันบ้างว่าการจะฝึกให้คิดนอกกรอบนั้น ควรเริ่มกันอย่างไร 1 ลองคิดโดยสมมุติว่าคุณเป็นคนอื่นดู เช่นคุณเป็นคู่แข่ง เป็นลูกค้า เป็นคนที่ไม่เกี่ยวข้องเลยมองเข้ามา เป็นคนที่ไม่ชอบสินค้าที่คุณผลิตเลย เป็นต้น บางครั้งการสลัดตัวตนของเราทิ้งไปชั่วคราว อาจทำให้เรามองเห็นอะไรดีขึ้น 2 หัดเป็นคนช่างสังเกตุ ขี้สงสัย ชอบตั้งคำถาม และชอบหาคำตอบ 3 เวลามีผู้อื่นเสนอความคิดเห็น รับฟัง และพยายามมองหาช่องที่จะต่อยอดความคิด ไม่ใช่พยายามแต่หาเหตุผลเพื่อหักล้าง 4 อ่านเยอะๆ 5 กล้าคิด กล้าเสนอความคิดเห็น ทั้งนี้ทั้งนั้นควรรู้ด้วยว่า มันแค่เส้นบางๆคั่นอยู่ระหว่างคิดนอกกรอบ กับคิดฟุ้งซ่าน (คล้ายๆระหว่าง อัจฉระยะ กับ คนบ้า) ดังนั้นก่อนจะเสนอความคิดอะไรที่นอกกรอบก็ควรจะมีเหตุผลอะไรที่ดีๆมาประกอบด้วย จากคุณ : s7014249 - [ 4 ก.ย. 50 16:58:16 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ชอบกระทู้นี้จังครับ จากคุณ : ^ ^ Spa si ba (V_Accy) - [ 4 ก.ย. 50 17:06:39 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ตอนเรียนต่อ ม.4 เลือก สายวิทย์ คณิต เพราะคิดว่า เพื่อนสนิทเยอะ ชอบเลข แต่ส่วนตัวไม่ชอบวิทยาศาสตร์ เรียนทั้งฟิสิกส์  เคมี  ชีวะ ด้วยความที่ไม่ชอบเป็นทุนอยู่แล้ว มีข้อสอบฟิสิกส์ ข้อหนึ่ง ข้อใหญ่ ที่ต้องอธิบาย ถามประมาณว่า ถ้ารถ 2 คัน ชนกัน ต้องหาแรงอะไร ต่อมิอะไร เยอะแยะ ได้ค่าเท่าไร  แถมวันนั้นมีอารมณ์เบื่อสุด  ๆ อ่านโจทย์แล้วก็เขียนตอบไปด้วยความมั่นใจว่า "ถ้ารถ 2 คันชนกัน จะมัวรออะไร ถ้าไม่เรียกประกัน ก็ต้องเรียกตำรวจ แต่ถ้าตายก็เรียกมูลนิธิ" ผล สอบตก เรียกผู้ปกครอง ข้อหาไปท้าทายอาจารย์ เราก็เลยคุยกับแม่ ขอลาออก ย้ายสายการเรียนไปเลย สอบเทียบ แล้วก็เข้าบริหารธุรกิจ  ทุกวันนี้ไม่เคยเสียใจที่ลาออกเลย ไม่รู้ว่าคิดนอกกรอบหรือเปล่า จากคุณ : samporndanai - [ 5 ก.ย. 50 14:16:04 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ความเห็นข้างบนนี่สุดยอดจังครับ ขอออกความเห็นมั่งล่ะกันน่ะครับ ^^ ความคิดนอกกรอบคงไม่มีใครกําหนดได้ใช่มั้ยล่ะครับ ว่าคิดแบบไหนหรือทําแบบไหนถึงแปลว่านอกกรอบ เพราะว่ากรอบของคนแต่ล่ะคนไม่เท่ากันซ่ะด้วยสิ บางคนอาจจะกรอบใหญ่ทําอะไรที่แปลกๆหรือแก้ปัญหาด้วยวิธีต่างๆนาแต่ก็ยังคิดว่าตนอยู่ในกรอบ  แต่ถ้าคนที่กรอบเล็กๆมาเห็นคนกรอบใหญ่ทําล่ะ ก็คงจะตกใจแล้วสรุปว่าเขาคิดนอกกรอบ เพราะฉะนั้นการจะฝึกให้เรากรอบใหญ่ขึ้นมากกว่าชาวบ้านนี่คือ เราต้องฝึกคิดบ่อยๆครับ อย่ามองแค่แง่มุมเดียวครับ ลองมองหลายๆมุมครับ และอีกอย่างที่สําคัญที่สุดผมว่าเราควรจะยอมรับฟังความเห็นทุกคนน่ะครับ จากคุณ : Drace - [ 6 ก.ย. 50 00:01:30 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ต้องอย่างนี้ซิครับ  ร่วมกันตอบ  ช่วยกันแชร์ความคิดเห็นเยอะๆ ผมว่าทุกคนล้วนมี 'ความคิดดีๆ' อยู่ในหัวกันทั้งนั้นครับ จากคุณ : Jimmy Walker - [ 6 ก.ย. 50 07:00:42 ]

ความคิดเห็นที่ 51 Come to read. จากคุณ : คนบ้านฉาง - [ 6 ก.ย. 50 09:22:28 ]

ความคิดเห็นที่ 52 - - / จากคุณ : เฒ่าเจ้าอุบาย - [ 6 ก.ย. 50 14:37:34 ]

ความคิดเห็นที่ 53 สมมติคุณมีใบกะเพราสักกำ คุณอาจจะคิดว่า  เอามาผัดกะเพรากินดีกว่า แต่คนที่มองทะลุกว่า อาจเอามาทำอย่างอื่นได้ อาทิ  อาจเอามาสกัดทำสมุนไพรถนอมผิว หรืออะไรก็ว่ากันไป ทั้งนี้  สิ่งที่แตกต่าง  ต้องมีเหตุผลรองรับ  ในทุกขั้นตอน ถ้าคิดแตกต่างๆ  แต่พอลงมือทำจริงๆแล้ว  ทำไม่สำเร็จ  เหตุผลรองรับไม่เพียงพอ นั่นไม่ถือว่าคิดนอกกรอบ จากคุณ : ชาวบางนา - [ 6 ก.ย. 50 15:28:50 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ในความคิดของผมผมคิดว่า การคิดนอกกรอบคือการพัฒนาให้ดีกว่าเดิม โดยใช้วิธีใหม่ที่แตกต่างจากที่เคยทำกันมา แล้วได้ผลคุ้มค่ากว่าเดิม อย่างเช่น การสร้างรถยนต์ แล้วคิดพัฒนาไปเป็นการสร้างเครื่องบิน เป็นต้น นวัตกรรมใหม่ๆที่เกิดขึ้นบนโลกล้วนเกิดมาจาก การคิดนอกกรอบทั้งนั้น การคิดนอกกรอบไม่จำเป็นต้องพัฒนามาจากสิ่งเดิมๆเสมอไป ฉะนั้นไม่จำเป็นเสมอไปที่ว่าจะคิดนอกกรอบได้ต้องคิดในกรอบให้เป็นเสียก่อน ทุกอย่างดัดแปลงได้เสมอ จากคุณ : ... (โอม SUT) - [ 6 ก.ย. 50 23:49:58 ]

ความคิดเห็นที่ 55 มีเป้าหมาย แต่มีเส้นทางเดินที่แตกต่างกัน คิดนอกกรอบคือการ หาเส้นทางใหม่ หรือ ผสมเส้นทางรึเปล่า จากคุณ : benzmkt - [ 7 ก.ย. 50 04:00:17 ]

ความคิดเห็นที่ 56 Think out of the box = Ingenuity? จากคุณ : Freedom and Justice - [ 7 ก.ย. 50 12:56:24 ]

ความคิดเห็นที่ 57 1.คือ การคิดนอกเหนือจากทฤษฎีและหลักการต่างๆที่ใช้ต่อๆกันมาเป็นเวลานาน 2.เอ่อ..เป็นคำที่ส่วนใหญ่มักจะพูดกัน หลังจากที่มีคนประสบความสำเร็จแล้ว จากคุณ : โจ้69 - [ 7 ก.ย. 50 15:33:58 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ถ้าอยากจะคิดนอกกรอบให้ได้ต้องรู้ในกรอบทั้งหมดก่อน (ว่าแต่ว่าอะไรคือนอกกรอบ) ต้องคิดตามวิธีการเดิมๆ หรือที่เรียกว่าในกรอบทั้งหมดให้ได้ก่อน เจ้าของกระทู้ถามว่าทำยังไง ผมว่าต้องฝึกฝนครับ ในห้องเรียนคณิตศาสตร์...ตั้งแต่ชั้นประถมปลาย...โดยเฉพาะการเรียนพิเศษ .......ผมจะพยายามคิดวิธีหาคำตอบที่แตกต่างจากที่ครูเฉลยเสมอ พยายามคิดว่ามีวิธีอื่นที่เร็วกว่าหรือเปล่า พยายามพิสูจน์ให้ได้ว่าครูเฉลยผิดหรือเปล่า .............หลายครั้งก็พบว่าเฉลยผิด(คำตอบไม่ตรง) และสิ่งที่ผมคิดนั้นถูก ทำให้ผมรู้สึกสนุกกับการคิด รู้สึกภูมิใจ สมัยปริญญาโท เรียน Quantitative Analysis สอนให้แก้สมการโดยใช้ Matrix Algebra ผมลองแก้สมการโดยใช้พีชคณิตธรรมดา ปรากฎว่าเร็วกว่าการใช้ Matrix ถึง 3-4 บรรทัด ..........แถมยังได้คำตอบถูกต้องตรงกันด้วย นี่เป็นการฝึกสมองเราให้พยายามค้นหาวิธีการแก้ปัญหาหลายๆ วิธีในเวลาเดียวกัน ถามว่านี่เป็นการคิดนอกกรอบหรือเปล่า ................ต้องถามว่าอะไรคือในกรอบ ถ้าการทำโจทย์โดยใช้วิธีการตามตัวอย่างที่อาจารย์สอน....คือการคิดในกรอบ(ของตัวอย่าง) ..................วิธีอื่นๆ ก็ถือเป็นการคิดนอกกรอบ แต่ถ้าการแก้โจทย์โดยใช้วิธีการทางคณิตศาสตร์ใดๆก็ตาม.....คือในกรอบ .................การคิดของผมก็ยังอยู่ในกรอบ อย่าไปเชื่อสื่อมวลชนมาก เวลาเค้าจะชมนักธุรกิจคนไหนว่าเก่งกว่าคนอื่นๆทั่วไป .................ก็มักจะบอกว่าคนๆ นั้น "คิดนอกกรอบ" สำหรับตัวผมเองไม่คิดว่าจะมีอะไรที่เรียกได้ว่าการคิดนอกกรอบอย่างแท้จริง ..............เพราะทุกอย่างมันก็ต้องใช้ความรู้ที่เราเคยเรียนมา อยู่ที่เราจะประยุกต์ใช้ความรู้ไหนกับอะไรแค่นั้นเอง ผมยังไม่เคยเห็นสิ่งประดิษฐ์หรือนวัตกรรมใดๆ ..........................ที่ประดิษฐ์ขึ้น..........โดยไม่ใช้ความรู้ที่มีมาก่อนเลย พยายามฝึกคิดพลิกแพลง คิดดัดแปลงบ่อยๆเถอะครับ ..............จะได้คิดไม่เหมือนคนทั่วๆไป เวลามองปัญหาเฉพาะหน้า ที่ไม่เหมือนคือ มองปัญหาได้หลากหลายมุม หาวิธีแก้ปัญหาได้เร็วกว่าและดีกว่า จากคุณ : academician - [ 8 ก.ย. 50 20:35:36 A:130.18.158.84 X: TicketID:075095 ]

ความคิดเห็นที่ 59 จะจับสิงโตด้วยมือเปล่า อย่างนี้นอกกรอบไหม ? หรือบ้าไปแล้ววววว *ชอบกระทู้แนวนี้ อยากให้ตอบกันเยอะๆ จากคุณ : benzmkt - [ 9 ก.ย. 50 00:25:39 ]

ความคิดเห็นที่ 60 stupid จากคุณ : สม - [ 9 ก.ย. 50 21:39:35 ]

ความคิดเห็นที่ 61 เคยอ่านเจอมา นะคะ ขอขอบคุณ jobsdb ค่ะ เค๊าเล่างี้ค่ะ อ่านดูนะคะ พอได้มะ "คิดนอกกรอบ" ก็เข้าท่านะ แบบทดสอบว่าคุณมีมุมมองกว้างแค่ไหน มีบริษัทหนึ่งประกาศรับสมัครพนักงานใหม่หนึ่งคนและมีคนมาสมัครมากมายหลายร้อย บริษัทนั้นให้ผู้สมัครทุกคนทำตอบคำถามหนึ่งข้อ ซึ่งคำถามมีอยู่ว่า ในดึกคืนหนึ่งที่ฝนตกฟ้าคะนองขนาดหนักมากและคุณกำลังขับรถกลับบ้าน ขณะที่ขับผ่านป้ายรถเมล์ป้ายหนึ่ง คุณพบคนสามคนกำลังรอให้ฝนหยุดเพราะดึกเกินกว่าจะมีรถเมล์วิ่งแล้ว คนสามคนนั้นคือ 1. หญิงชราที่กำลังป่วยและต้องการการรักษาด่วน มิฉะนั้นเธออาจจะตายได้ 2. หมอซึ่งครั้งหนึ่งเคยช่วยชีวิตคุณไว้ 3. ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นแฟนของคุณและคุณรักเขามากขนาดจะแต่งงานกับเขาให้ได้ คำถามมีอยู่ว่า รถคุณเป็นแบบนั่งได้แค่สองคนดังนั้นคุณจะรับคนไปด้วยได้อีกแค่คนเดียว คุณจะรับใครไปด้วย และให้เหตุผลที่ตัดสินใจอย่างนั้น พวกเราก็ลองคิดดูสิว่าถ้าเราเป็นคนตอบคำถามข้อนี้ เราจะตอบว่ายังไง แล้วเทียบกับเหตุผลข้างล่าง เอาล่ะ ลองดูเหตุผลของคำตอบแต่ละแบบแล้วเทียบกับเหตุผลของคุณ เนื่องจากแต่ละข้อก็มีเหตุผลที่เหมาะสมในตัวของมันเอง เหตุผลข้างล่างนี้ เป็นเหตุผลของคนเกือบทุกคน 1. ถ้าคุณตอบว่ารับคนแก่ เหตุผลก็เพราะเขากำลังจะตาย ถ้าคุณรับไปก็เท่ากับช่วยชีวิตคนได้ 2. ถ้าคุณตอบว่ารับหมอ เหตุผลก็เพราะเขามีบุณคุณกับคุณ และนี่คือเวลาที่จะตอบแทนได้บางส่วน 3. ถ้าคุณตอบว่ารับแฟนคุณ เหตุผลก็เพราะ เขาเป็นคนที่คุณรัก คิดว่าตรงแค่ไหนล่ะ แต่ผู้ที่บริษัทนั้นรับเข้าทำงาน เป็นผู้เดียวที่ตอบอีกแบบนึง...ให้คิดอีกที เขาตอบว่า "เขาจะให้กุญแจรถกับหมอ ให้หมอพาคนแก่ไปโรงพยาบาล และเขาก็จะอยู่ที่ป้ายรถเมล์นั้น กับคนที่เขารัก" เป็นไง ประหลาดใจกับคำตอบใช่ไหม และคิดว่ามันเป็นคำตอบที่ดีมากใช่ไหม ข้อคิดของเรื่องนี้คือ               คนเรามักจะยึดติดและไม่ยอมปล่อยผลประโยชน์ตรงหน้า (กุญแจรถ และการกลับบ้าน) ทำให้เรามองอะไร ด้วยมุมมองที่แคบลง จะเห็นว่าการมอบกุญแจรถให้หมอ นอกจากจะได้ตอบแทนบุญคุณ (หมอก็คงไม่ยึดรถไปเป็นของตัวเองหรอก ภายหลังก็เอามาคืน) เรายังได้ช่วยชีวิตหญิงชรา แถมได้อยู่กับคนที่เรารัก แบบสองต่อสอง เรียกได้ว่าเสียไปแค่ไม่ได้กลับบ้านในตอนนั้น แต่เราบรรลุวัตถุประสงค์ใหญ่อีกหลายอย่างได้ คุณล่ะ คิดว่าคุณมีมุมมองที่กว้างหรือแคบและยึดติดกับผลประโยชน์ต่าง ๆ แค่ไหน จากคุณ : khunkimka - [ 11 ก.ย. 50 14:06:33 ]

ความคิดเห็นที่ 62 จำเป็นไม๊ว่าคิดนอกกรอบต้องได้ผลเชิงบวก ถ้าคิดนอกกรอบแล้วได้ผลเชิงลบแล้วจะเรียกว่าคิดนอกกรอบ หรือเปล่า? จากคุณ : ดุก - [ 11 ก.ย. 50 19:11:07 ]

ความคิดเห็นที่ 63 อ่านเรื่อง  'นีลโบร์' ของคุณ Ting Ting แล้วนึกถึงตอนที่เราสอนเด็กในชุมชน ..................................................... คำถามมีอยุ่ว่า มีเทียนเล่มหนึ่ง จุดวางอยุ่ในห้อง เราจะรุ้ได้อย่างไรว่าเทียนนั้นจุดมานานเท่าไหร่ บางคนว่า 'หาเทียนอีกเล่มมาวัดดุเนื้อเทียนที่ละลายไป' อีกคนว่า  'ให้ดุอัตราการเผาไหม้ของไส้เทียน' หรือ 'ดับเทียนเล่มเก่าทิ้ง แล้วจุดใหม่ รอ รอ จับเวลาจนกว่าเทียนใหม่จะละลายเท่าเทียนเก่า' ....................................................................... สุดท้าย มีคนหนึ่งโพล่งออกมาว่า 'วุ้ย พวกแกเนี่ย อยากรุ้ ทำไมไม่ไปถามคนจุดเอาล่ะวะ' จากคุณ : jeji o - [ 12 ก.ย. 50 03:09:34 ]

ความคิดเห็นที่ 64 มีตัวอย่างมาฝากจากเรื่อง สามก๊ก ครับ ตอน จิวยี่ให้ขงเบ้งทำธนู แสน ดอก ภายใน 10 วัน (จริงๆ จิวยี่จะหาเรื่องขงเบ้ง) ถ้าเป็นคนธรรมดา ก็ต้องนั่งคิดวิธีการทำธนู เตรียมไม้ไผ่ ช่างทำลูกธนู และคำนวนการผลิต เป็นคุณจะทำอย่างไร ..... ใครไม่เคยอ่าน สามก๊ก ไปหาเอาตามอินเตอร์เน็ตก็ได้ เรื่องราวตอนนี้มีบอกไว้แน่นอน ... นี่แหละ วิธีการคิดนอกกรอบ ของแท้ แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 50 05:14:59 จากคุณ : KENG76 - [ 12 ก.ย. 50 09:12:31 ]

ความคิดเห็นที่ 65 คำถามของคุณ khunkimka ผมเองก็เคยเจอ และบังเอิญเคยอ่านมาก่อนด้วย ก็เลยตอบไปอย่างที่เค้า เฉลย แต่ในใจตอนเขียนไป ก็ขำไป ว่านี่องค์กรเค้าแน่ใจนะว่าเค้าอยากได้คนที่ตอบคำถามอย่างนี้จริงๆ คือเหมือนกับการรับสมัครงานนี่ตอบเอาเทห์อย่างเดียวเลยนี่หว่า ขืนในชิวิตทำอย่างนั้นจริงนี่ลำบากแน่ จากคุณ : Oak - [ 13 ก.ย. 50 10:35:52 A:58.136.98.145 X: TicketID:062405 ]