ความคิดเห็นที่ 1 อย่างของผม อยู่วงการมือถือ เป็นนักเขียน / ที่ปรึกษาและวิทยากร ก็จะเห็นความเคลื่อนไหวของวงการนี้ตลอด วันนี้ ก็มีการ Re Branding ของ DTAC ให้คล้ายกับ Telenor มากขึ้น หลายคนอาจจะเห็นในโฆษณา TV แล้วบ้าง ผลกระทบก็ยังต้องดูต่อไป แต่รวม ๆ ของวงการมือถือช่วงนี้ เริ่มเบา ๆ ลง ทั้งที่ช่วงสิ้นปี น่าจะยอดพุ่ง ซึ่งผมว่า ส่วนหนึ่งเพราะมือถือมันเป็นสินค้ากึ่ง ๆ จะฟุ่มเฟือยในกลุ่ม Fashion ไปแล้วด้วย ดังนั้น สำหรับคนที่ถาม ๆ ว่าจะลงทุนเปิดร้านช่วงนี้ดีไหม ผมว่าต้องชั่งใจมากหน่อย เพราะเดี๋ยวนี้ margin ของมือถือแต่ละเครื่องมันต่ำลงเยอะ ต้นทุนหมื่น อาจไม่ได้กำไรหลักพันเหมือนแต่ก่อน ในกรณีที่ไม่โกงนะครับ จนบางร้าน หวังยอดจากมือสองและ Accessories แทน ซึ่งก็ต้องดูของเป็น + Connections สักนิด และบางร้านก็เน้นมือสองไปเลย จับมาถูก กดราคา ซ่อมด้วยอะไหล่แถวนั้น แล้วขาย ซึ่งต้องใช้ความรู้และจังหวะหลาย ๆ อย่าง PS. ในวงการผมตอนนี้ Apple iPhone มาแรงมาก ต้นทุนที่ USA ก็ 399 US แต่ในไทยขายกันราว 19xxx  - 21xxx บาท แล้วแต่การคิดกำไร + ภาษี + ค่าเสี่ยง เผื่อใครสนใจมีช่องทางหิ้วมาขายก่อนเครื่องศูนย์จะมาต้นปีหน้าครับ ทำนองนี้ละ มีข้อมูลไหนในวงการผม เป็นประโยชน์บ้างไหม จะรออ่านเรื่องบ่น ๆ ของวงการอื่นต่อนะครับ เรื่องเพื่อนที่ทำงานงี่เง่าก็ได้ เด็กจบใหม่ต้องอยากอ่านแน่ :) จากคุณ : cookiecompany - [ 24 ต.ค. 50 20:12:43 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ยังเคยคิดเล่นๆเลยว่าน่าจะมีกระทู้แนะนำตัวนะครับ เผื่อวงการเดียวกันจะได้ช่วยเหลือให้คำปรึกษากันได้ เผลอๆสร้าง connection ในอนาคตอีกตะหาก จากคุณ : Jamie - [ 24 ต.ค. 50 20:51:35 A:58.8.8.155 X: TicketID:115994 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อยากได้แมว จากคุณ : interplus - [ 24 ต.ค. 50 21:07:59 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ดีครับ แต่ไม่รู้จะแนะนำตัวอย่างไร เอาเป็นว่า ทำ Client Service อยู่ Agency โฆษณา เรื่องสื่อโฆษณา ทุกวันนี้ ลูกค้าเปลี่ยนวิธีการใช้เงินไปเยอะมาก จากที่โยนมาให้ Agency ดูทั้ง Campaign ก็เริ่มมาซื้อทีละสื่อ บางทีก็เอาราคาที่ Agency ได้ ไปต่อกับ Supplier บ้าง   Supplier รายไหนบ้าจี้ เล่นตามเกม ก็ขายได้ถูกลง แถมหลังจากนั้น Agency พยายามวางแผนไปยัง Supplier ที่ยังมี Connection ที่ดีกว่า ระยะนี้มี Innovative Media ออกมาค่อนข้างมาก แม้แต่ Sale ขายสื่อยังก็ยังจำไม่หมด  แต่ที่เริ่มใช้น้อยลงอย่างชัดเจนก็คือสื่อ Billborad (แต่ถ้า Location สวยๆก็ยังขายดีอยู่และไม่ค่อยจะว่างเลย) ส่วนที่มาแรงเลยคือ Mopy , BTS , UBC Guide ไม่ว่าราคาจะแสนแพงเท่าไหร่ รอคิวอย่างไร ก็ยังมีแต่คนมาแย่งลง วิทยุเงียบ ทีวีพอลุ้นยังไม่ถึงกับเงียบ Magazine ยังเหมือนๆเดิม มีผลกระทบบ้างบางเล่ม แต่การที่กลุ่มลูกค้าซื้อสื่อทีละซื้อ ค่อยๆซื้อ ความผิดพลาดในการวางแผนก็จะมีบ้าง Marketer หลายท่าน โดน Promote มาจาก Finance บ้าง จึง Concern เรื่องตัวเลขมากกว่า ผลกระทบคือ ยอดขายอาจจะไม่ตามเป้าเท่าที่ควร ไม่รู้เล่าอะไรต่อล่ะ อยากรู้อะไรถามได้เลย^^ ช่วงนี้ยอดไม่ค่อยดี ลูกค้าไม่ค่อยอยากใช้เงินกันเลย คนส่วนใหญ่ยังมีเงินอยู่ แต่ไม่อยากเป็นหนี้อนาคต รอเลือกตั้งก่อน ถ้าการเมืองชัดเจน ผมรับรองเลย ว่าที่อั้นๆมาตั้งนาน ขึ้นปรึ๊ดตามพื้นฐานมันที่มันควรจะเป็น จากคุณ : BMWTurboman - [ 24 ต.ค. 50 21:10:05 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อยากได้ iPhone อ่ะค่ะ T__T ป่าวมาป่วนนะคะ แต่ตอนนี้ยังไม่มีอะไรแชร์ค่ะ รออ่านแล้วค่อยตอบดีกว่า ^^ จากคุณ : Dory (conejodulce) - [ 24 ต.ค. 50 21:13:22 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าให้เล่า หน้าเดียวคงไม่พอ คงลงในBlogเลยดีกว่า   สรุป  ปัญหามีทุกวัน มีมากมาย  จนกลายเป็นเรื่องปกติครับ อิอิ จากคุณ : เย่หยงเทียน - [ 24 ต.ค. 50 21:40:28 ]

ความคิดเห็นที่ 7 วงการโทรทัศน์ครับ ขายโทรทัศน์นะครับ  ไม่ใช่ผลิตรายการ สภาพ เข้าข่ายใกล้เคียงวงการมือถือเลย ขาขึ้นขาลง ของใหม่ราคาใหม่   ฟันราคาเฉือนกันเละ  เอาแต่ถูกเข้าว่า ยิ่งพวกห้างดิสเคาน์สโตร์เนี่ย  ตัวแปรเลยนะ หลายบริษัทตอนนี้ เน้นรัดเข็มขัด เส้นที่สอง กันแล้ว จากคุณ : drof - [ 24 ต.ค. 50 21:40:59 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ใจจริงที่ผมตั้งกระทู้นี้ ยิ่งกว่าที่คุณ Jamie บอกว่าอยากให้แนะนำตัว เผื่อสร้าง Connection อีก คือ ช่วงนี้ผมว่าสีลมดูเงียบ ๆ ทั้งที่เป็นห้องคุยธุรกิจแต่ดูห้องเราไม่มี Activity มากเท่าห้องอื่น ๆ น่าจะมี Meeting หรือร่วมทำบุญกันบ้างน่ะครับ :D วงการโฆษณา ก็เป็นวงการหนึ่งที่ผมเคยอยากทำมาก ๆ ตั้งแต่สมัยเกือบสิบปีก่อนโน่น ตอนนั้น ผมไปฝึกงานที่ Agency แถวพวก Town in Town ด้วยนะ แต่ตอมาเบนเข็มเสียก่อน แต่ชอบที่คุณ BMWTurboman เขียนนะครับว่า "คนยังมีเงิน แต่ไม่ใช้ ไม่ใช่ไม่มีเงิน" ใครมีเรื่องอะไรจะบ่นในวงการไหนอีก จะรออ่านครับ อ่านทุกอันเลย [ทำเหมือนว่างมาก จริง ๆ งานค้างเพียบ - -'''] นี่ถ้าผมเป็นพ่อค้ามือถือ ในกระทู้นี้ ผมได้ลูกค้า iPhone แล้วหนึ่งราย อิอิ แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 50 21:51:49 จากคุณ : cookiecompany - [ 24 ต.ค. 50 21:50:54 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ดีค่ะ ชอบไอเดียนี้เหมือนกัน แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร เพราะยังคิดว่าตัวเองไม่ได้โดดเด่นหรือเก่งมากนัก ให้ถ่ายทอดเป็นตัวหนังสือด้วย ยิ่งรู้สึกยาก แต่ให้เม้าท์ก็พอได้ - -" อยู่ในวงของ supplier ชิ้นส่วนรถยนต์ค่ะ เคยทำตั้งแต่ new model, งาน engineer รวมทั้งงาน marketing ด้วย แต่เพิ่งออก แล้วย้ายบริษัท แต่ก็ยังอยู่ในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์เหมือนเดิม แนวโน้มตลาดรถยนต์ปีนี้ไม่ค่อยดีนัก ผลมาจากการเมือง และ FTA ต่างๆ และเมื่อไรที่ FTA Japan ส่งผล 100% ก็คาดว่า Supplier ไทยบางรายอาจลำบาก สู้ญี่ปุ่นไม่ได้ทั้งเรื่อง ราคาและ konw how ก็ได้ ห่างหายจากการงานไปพักใหญ่ เพิ่งเข้าสู่การทำงาน ในวันนี้เอง ยังไม่มีอะไรแชร์มากนัก อีกทั้งเรื่องราวบางอย่างในสายงาน ก็ออกจะเป็นแนว "ข่าวลือ" เสียมาก เชื่อได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ไม่ได้จริงจังนัก ปล.แอบชอบ iPhone ด้วยคน และเห็นด้วยกับคุณ BMWTurboman ว่าช่วงนี้ไม่ค่อยอยากใช้เงินเลย เพราะมันไม่มีน่ะคุณ :P ขอบ่นเรื่องงานหน่อยนะ หายากเหลือเกิน ไม่รู้เพราะเลือกมากไปหรือเปล่า แต่เท่าที่เห็นก็ แหม..รับแต่คุณผู้ชายนี่คะ เรารึก็อดไป...กว่าจะได้งาน นี่ยังต้องลุ้นให้ผ่านโปร ทั้งยังต้องนึกลุ้น ให้เข้ากับนายใหม่ให้ได้อีก เฮ้อ... มีงานทำก็ดีถมไปแล้วเนอะ คุณๆ ทั้งหลาย จากคุณ : คัสซีโอเพย่า - [ 24 ต.ค. 50 21:59:33 ]

ความคิดเห็นที่ 10 สำหรับผม งานที่ทำคือด้านไอที ตั้งแต่จบ ทำงานด้านคอมพิวเตอร์มาตลอด เป็น Webmaster เป็น PR เป็น Marketing ทำการตลาดสินค้าไอที ไปออกงานคอมมาร์ตทุกครั้งครับ ตอนนี้พวก USB Flash Drive ราคาลงเยอะมาก พวก MP3 ก็ไม่ได้บูมเหมือนแต่ก่อน ถูกลงเรื่อยๆ พวก iPod ก็กลายเป็นเรื่องปกติไปซะแล้ว ไอทีตอนนี้ เน้นขายดีไซน์ แฟชั่น ความแปลกครับ เพราะไม่มีอะไรโดดเด่นมากนัก กลับมาที่งานผม ติดต่อประสานงานกับนิตยสารคอม มือถือ คุยกับเซลล์ ส่งสินค้าเทส คุยกับ บก หนังสือ วางแผนโฆษณา การตลาด จัดกิจกรรม ออกบูธต่างๆ ทำโบรชัวร์ งานนอกตอนนี้ก็รับเขียนบทความมือถือให้นิตยสารมือถือเล่มหนึ่ง นิตยสารแนวทั่วไป อีกเล่ม นอกนั้นรับแปลงานให้กับบริษัทคอมพิวเตอร์แห่งหนึ่งครับ สรุปคือ กลับบ้านก็แปลงานนอก ตื่นเช้าไปทำงานออฟฟิศ แทบไม่ได้ออกกำลังกายเลยครับ งานหนัก เพื่อกระเป๋าหนัก เอาเรื่องไอทีดีกว่า คอมมาร์ตจัดซะถี่ยิบ คั่นด้วยงาน Comworld และงานมือถือ ผมว่า ไอที มันใกล้กันมากๆ ตลาด MP3 กับตลาดมือถือฟังเพลง มันเทียบๆกันได้ แต่หากเป็นตลาดกล้องดิจิตอล ดูจะเทียบกับตลาดกล้องมือถือไม่ได้มากนัก เพราะเรื่องเลนส์และลูกเล่นการซูม การปรับแต่งนั่นเอง เอาเป็นว่า อยู่ในวงการมานาน ผมเรียนรู้จากประสบการณ์ ทำการตลาด วางแผนโฆษณา ได้ทำอะไรที่อยากจะทำ ก็พอใจแล้วล่ะครับ จากคุณ : yokekung - [ 24 ต.ค. 50 22:01:26 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อ้อ เรื่อง iPhone ผมเฉยๆไปละ เพราะบริษัทที่เคยทำก็ขายอยู่ เข้าไทยเมื่อไหรอยากได้ก็ซื้อได้ในราคา(เพื่อน) พนักงานอยู่แล้ว ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรกับ iPhone ครับ เฉยๆซะมากกว่า ไม่ได้อยากได้อะไรด้วย เพราะต่อไปของใหม่ออกมา ผมก็ค่อยไปเล่นตัวที่โละสต็อคเอาก็ดีกว่า มุมมองของคนไอที เฉยๆครับ อยู่มานานจนชินไปแล้ว ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่แล้วด้วย จากคุณ : yokekung - [ 24 ต.ค. 50 22:05:06 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เดี๋ยวนี้วงการมือถือเป็นเหมือนคุณ drof ว่าเลยครับ ตัดกำไรกันเองจน Margin กระจุย ควรได้กำไรเครื่องละพันก็ตัดกันจนเหลือสองร้อย สุดท้ายอยู่ไม่ได้ ก็ต้องโกง ก็ไม่รู้จะว่าสาเหตุมันมาจากไหนเหมือนกัน - - ในมุมนี้ บางคนเขาจึงบอกว่า เปิดร้านมือถือ เปิดรอบนอก [คือห้างชานเมือง] ดีกว่า ลูกค้าน้อย แต่คู่แข่งก็น้อยตาม ส่วนคุณ เย่หยงเทียน ถ้ามีเรื่องเยอะ เอามาลงสักเรื่องสิครับ อิอิ ปรกติ ผมเป็นคนไม่ชอบกดเข้าไปอ่านใน Blog เลยครับ ไล่อ่านแต่กระทู้ ^^" จากคุณ : cookiecompany - [ 24 ต.ค. 50 22:11:31 ]

ความคิดเห็นที่ 13 แวะเข้ามาเยี่ยมชาวสีลมครับ จากคุณ : www.itplayroom.com (yokekung) - [ 24 ต.ค. 50 22:18:44 ]

ความคิดเห็นที่ 14 บ้านผมทำธุรกิจ logistic กับญี่ปุ่นส่งออกของทั้งพัสดุ และก็เอกสารทางอากาศไปญี่ปุ่น ช่วงนี้ ยอดตกมากๆ ไม่ค่อยมีคนส่งออก ชิปเมนท์ลดลงไปประมาณ 40% ลูกค้าบอกว่า เป็นเพราะผลกระทบจากค่าเงินบาท (เอาใจลูกค้าสุดชีวิตเลยตอนนี้) จากคุณ : pattapon - [ 24 ต.ค. 50 22:28:24 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อ่ะนะ...สวัสดีคุณคุกกี้ครับ เป็นกระทู้ที่น่าสนใจจริงๆ แบบนี้มันต้องโหวต!! จากคุณ : Jiang wei - [ 24 ต.ค. 50 22:28:50 ]

ความคิดเห็นที่ 16 วงการโทรคมนาคม (Engineering)     ตอนนี้งานในเมืองไทยตายสนิท เรียกว่าหยุดปรับปรุงชั่วคราวเลยหละ ชนิดที่ว่าโทรไปถามพรรคพวกเดิมๆ ว่าช่วงนี้มีอะไรให้ทำบ้าง กลับตอบเหมือนกันหมดว่า เงียบสนิท (หรือเขาไม่เอาเราหว่า หุหุ) เพื่อความอยู่รอดก็เลยต้องออกไปหางานข้างนอกทำ ซึ่งก็ยากมากๆกว่าจะตกมาถึงเราซักชิ้น เพราะต้องแข่งกับแรงงานทั่วโลก แต่ก็ยังมีโชคเข้าข้างอยู่บ้าง มันก็เป็นงานลักษณะสัญญาเป็นช่วงๆไป จบแล้วจบเลย ไม่มีใครมาสนใจใคร เดินทางไปถึง หาที่พัก รายงานตัวแล้วรับงานไปทำเลย ไม่มีใครมาคอยสนใจจะพักที่ไหน ทานข้าวที่ไหน คุณจัดการตัวคุณเอง เราต้องการเฉพาะงานจากคุณ ไม่มีผูกพันธ์ ไม่มีประเมิณ ซึ่งทุกอย่างต้องทำใด้หมด เพราะคุณคือมืออาชีพ (เขาว่างั้น)   โอกาสนั่งๆนอนๆอยู่ที่บ้านสูง ปีหนึ่งทำงานไม่กี่เดือนขึ้นอยู่กับสัญญา ถ้าโชคดีก็อาจจะใด้สัญญาเป็นปี (ดีหรือปล่าวไม่รู้) เบื่อกับการตกงานเหมือนกัน   เหนื่อยนะต้องทำงานไม่ต่ำกว่า 10hr ต่อวัน บางที่ทำทุกวันเป็นเวลาสองเดือนเต็มๆไม่มีวันหยุด บางวันซึ่งส่วนใหญ่ ทำงานตั้งแต่เช้ายันเที่ยงคืน ที่ทำงานก็เป็น siteงานที่เป็นตู้คอนเทนเนอร์เล็กๆ น้ำหนักลดลงไปเยอะเลย เหงามาก ไม่มีเพื่อน คิดถึงบ้าน วันๆอยู่กับ siteงานและ รร เดินทางไปแต่ละวันโดยที่ไม่รู้ว่าจะเจอกับอะไรบ้าง จะใด้กลับบ้านหรือปล่าว จะโดนปล้นใหม เครื่องจะตกใหม จะเจอคนแบบไหน คนขับรถจะพาเราออกนอกเส้นทางใหม สาระพัดที่จะอดคิดไม่ใด้ ใช่ มันท้าทายดี แต่ก็เคยมีครั้งหนึ่งนั่งรถไปทำงานตาม site แถบๆชนบท ณ ประเทศหนึ่งซึ่งเป็นบรรยากาศนอกเมือง นั่งไปฟังเพลงmp3 ไป มองออกไปข้างนอก มองทุ่งนาตอนเย็นๆ ดวงอาทิตย์กำลังจะสวยงาม ปล่อยใจตามสบาย แต่เชื่อใหมครับว่า จู่ๆน้ำตาก็ใหลออกมา มันออกมาใด้งัยฟะ (home sick ปะเนี่ย) ขนาดเป็นผู้ชายนะเนี้ย อิอิ สงสัยเป็นเพราะเพลงของ พลพลร้องคู่กับน้องต่ายแน่ๆเลย " คิดถึงคนดีที่อยู่บ้านเรา........."   ต้องทำงานคนเดียว อยู่ในที่ที่ไม่ใช่บ้านเราเมืองเรา อาหารก็ต้องทำใจ น้ำคลอง น้ำบ่อ ก็ต้องทาน อาหารแมลงวันตอมก็ต้องซัดเข้าไป ห้องน้ำอย่าไปหวัง มีอะไรก็ทานๆเข้าไปเพื่ออยู่รอด บางที่ก็แพงซะงั้น เห้อ   วงการนี้จะอยู่รอดหรือไม่ขึ้นอยู่กับการเมือง เพราะการลงทุนแต่ละครั้งมันต้องใช้เงินมหาศาล แล้วใครหละที่จะลงทุนโดยที่มีโอกาสเสี่ยงสูงขนาดนี้ เพราะทุกอย่างคือทำสัญญาสัมปทานกับรัฐ   ใด้แต่หวังว่า วันหนึ่งจะใด้มีโอกาสกลับมาทำงานบ้านเมืองเราบ้าง อย่างที่เคยทำมาแต่ก่อน อิอิ เล่าซะยาวเลยอะ ว่างๆเชิญเข้ามาดูรูปสวยๆในบล็อกบ้างนะ หุหุ พยายามอัพเดทอยู่เรื่อยๆ เรื่องที่เล่ามานี้ยังไม่ใด้ลงเลยอะ พอแระบ่นแค่นี้แหละ แค่อยากจะเล่าสู่กันฟัง เพราะอาจจะมีประโยชน์กับหลายต่อหลายคน ในวงการนี้บ้าง เพราะเห็นอยากเดินเข้ามาเส้นทางนี้กันเหลือเกิน เหงาอะเข้าใจใหม ฮือ ฮือ แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 50 23:54:29 แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 50 23:53:12 จากคุณ : 2.0 Q VVTI - [ 24 ต.ค. 50 22:41:59 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเคยบอกผมว่า ให้สังเกตเศรษฐกิจขาขึ้นขาลง ช่วงไหนขึ้นก็ขายของทั่วไป แต่ถ้าช่วงไหนลง แนะนำว่าให้ขายอะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับเรื่องงมงาย พวกใบ้หวย พระ ธูปเทียน แย่กว่านั้น ก็ขายโลงศพไปเลย เดี๋ยวมันต้องมีพวกโดดตึกตายอีกเพียบ - -''' นับว่าเป็นสุดยอดการพริ้วไหวไปตามตลาดจริง ๆ :D ที่คุณ คัสซีโอเพย่า เขียนมา กระทู้นี้ ผมอยากได้แบบนี้ละครับ เอาแบบง่าย ๆ ที่เราเจอมา ผมว่ามันสะท้อนความจริงของตลาดได้นะ ^^ เห็นบอกว่าน้ำมันแพง ๆ ผมขับรถไปไหนก็ยังติดเหมือนเดิม เมื่อวานซืนเพิ่งเติมเต็มถัง เกือบพันห้า ปาดเหงื่อหนึ่งจึ๊ก - -' จากคุณ : cookiecompany - [ 24 ต.ค. 50 22:42:36 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ของแอลอยู่วงการท่องเที่ยว วันๆมีเรื่องมากมายเพราะเจอคนไม่ซ้ำหน้า เคสไม่เคยซ้ำกัน มานั่งแก้ปัญหาให้ลูกค้า เครียดมากมายถ้าวันไหนมีลูกค้าวีซ่าโดนรีเจคเยอะๆ บางวันนั่งคิดปัญหาเราก้อไม่ใช่ ทำไมเราต้องมานั่งแก้ เศร้าจาย แต่ไม่ทำงานก้อไม่มีเงินสิเนอะ เอาไว้ว่างๆจะมาเล่ารายละเอียดของงานให้ฟังนะคร่า จากคุณ : L...Kira...Misa - [ 24 ต.ค. 50 23:13:14 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เล่าเรื่องผมต่อดีกว่า ผมเป็นลูกอาจารย์ จะทำอะไรก็นึกถึงพ่อแม่ ไม่อยากให้เป็นข่าวดัง ประมาณว่าลูกอาจารย์มหาวิทยาลัยชื่อดัง โดดตึกตาย หรืออะไรแบบนี้กับเรื่องความรักครับ เพิ่งอ่านข่าวลูกชายอธิการบดี สถาบันแห่งหนึ่ง โดดตึกตาย เพราะน้อยใจแฟนไม่รัก ทะเลาะกันแฟน ผมล่ะอ่านแล้วสะเทือนใจว่าถ้าเป็นเรา เครียดงาน เครียดเรื่องความรัก สุดท้ายฆ่าตัวตาย พ่อแม่เราจะรู้สึกอย่างไร ยิ่งเป็นลูกอาจารย์ ที่มีตำแหน่งหน้าที่การงานแล้วยิ่งต้องทำตัวดีและคิดให้เป็นครับ ต้องขอบคุณพ่อและแม่ ที่ทำให้ผมมีวันนี้ จากคุณ : yokekung - [ 24 ต.ค. 50 23:14:17 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ช่วงนี่ ไม่มีออร์เดอร์เข้ามาเลย ของเก่ารอส่งเดือนหน้าก็หมดแล้ว ถ้าช่วงนี้ยังไม่เ้่ข้า แสดงว่า้เดือนสิบสอง แห้ว เฮ้อ ตอนนี้ต้องลุ้นอยู่หน้าแฟกซ์ตลอดเวลา เหลืออีกห้าวัน ก่อนสิ้นเดือน เมื่อวานก็เติมน้ำมันราคาใหม่ไปพันห้า ไม่วิ่งก็ไม่ได้ อยู่อุ่นถังไม่เกินสิ้นเดือนแน่ กุ้ม (ไม่มี ล ลิง) จากคุณ : PICCANINNY'S DAD - [ 24 ต.ค. 50 23:17:25 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เคยทำงานจัดซื้อมา 2 ปีอ่ะค่ะ ตอนนี้ผันตัวเองมาทำอยู่บนโลกออนไลน์ซะแล้วได้ซัก 1 เดือน แล้วด้วยตัวเองเป็นคน low tech มากกกกกกกกกกกกก โปรแกรมอย่างโฟโต้ชอปยังใช้ไม่เป็นเลย งานที่ทำตอนนี้ยังไม่ทราบว่าแนวโน้มเป็นอย่างไรเท่าไหร่ แต่ถ้าตอนเป็นจัดซื้อ ช่วงนี้สินค้าที่ติดต่อกับพวกซัพพลายเออร์กำลังจะขายดีแล้วเพราะจะออกพรรษาและจะเข้าช่วงเทศกาลปีใหม่แล้ว ก่อนหน้านี้ตกงานเพราะลาออกจากที่เก่าก็จิตตกเหมือนกันอ่ะ แต่ไม่ถึงเดือนก็ได้งานใหม่ถือว่าโชคดีมากๆ เพราะคนรอบๆตัวตอนนี้หางานกัน ยังไม่ได้กันซะทีทั้งน้องสาว น้องชายเพื่อนๆ ตกงานกันเพียบ นี่พี่ทำงานเก่าก็หางานใหม่อยู่แต่ช่วงนี้มันหายากมากๆ จริงๆ เมื่อไหร่เศรษฐกิจมันจะดีขึ้นกว่านี้นะ จากคุณ : Nookheng - [ 24 ต.ค. 50 23:23:11 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ทำงานพัฒนาพวก controller หรือ application ในโรงงาน เป็น vertical market หรือบางส่วนเป็น platform ระดับล่างใน cosumer product ที่เน้นลูกค้า A+ ขึ้นไป หลายปีก่อน เคยทำ SAP ก่อนที่พวกคอนซัลดังๆ ในวันนี้จะเกิด งานตอนนี้ไม่มีผลกระทบกับสภาพเศรษฐกิจเท่าไหร่ครับ เพราะเป็นงานพัฒนาล้วนๆ ระยะเวลาตั้งแต่ไม่กี่เดือนถึง 2-3 ปี ก็มี เลยไม่รู้จะแชร์อะไรเท่าไหร่ แต่อยากให้คนที่ทำงานด้านคอมพิวเตอร์ในไทยลดอีโก้หน่อย อย่าเพิ่งนึกว่ารู้แล้ว เก่งแล้ว พอแล้ว ไม่พัฒนาตนเอง หรือนำปัญหาที่พบในเนื้องาน มา "แก้" มันซะ เพราะกลัวว่าอีกหน่อย เวียดนามกำลังจะมีกำลังพลแบบนี้ แต่ศักยภาพของแรงงานเราด้านนี้ในประเทศ ไม่ได้พัฒนาตามเลย จะมีอะไรไปดึงดูดลูกค้าเข้ามาอีกครับ เพราะที่ไหนๆ ก็ทำได้หมด แต่คุณภาพ ไม่เท่ากัน ไม่ได้ตีความว่าทุกคนเป็นแบบนี้ แต่ที่เห็นมามากจะเป็นแบบนี้ ที่ตระหนักและพัฒนาตนเองได้ก็มีไม่น้อย แต่ในความรู้สึกส่วนตัวมันยังไม่พอครับ อยากให้มีเยอะๆ เรื่องในเนื้องานผมว่าหลายๆ คนเค้าอาจรู้ดีกว่าผมอีก แต่ที่ผมเห็นๆ ก็พวก RFID นี่เป็นตัวพื้นๆ เลย พวก magnetic sensor นี่ ถ้าคนไทยออกแบบตัวอ่านเองได้นี่ก็เก่งมากๆ เลยนะครับ พวก capacitive sensor ก็จะมีให้เราเห็นมากขึ้น (พวกที่เป็นกระจกหน่ะ แต่คุณจิ้มๆ ไปบนกระจกได้ จะเห็นรูปปุ่มหลังกระจก) พวก automation ในโรงงานก็โยงไปถึงบนเวป หรือ มือถือ (ใช้ flash lite ดูโรงงานได้) เป็นต้น จากคุณ : กะต่อ - [ 24 ต.ค. 50 23:47:04 ]

ความคิดเห็นที่ 23 อ่า เพิ่งออกจากงานมาเรียนโทจริงๆจังๆอ่ะค่ะ ไม่มีอะไรมาแชร์เลยแฮะ แต่ธุรกิจที่บ้านก็เป็นร้านขายยาน่ะค่ะ รายรับไม่มีเยอะเท่าไหร่ เพราะขายถูก และขายส่ง ขายเอาจำนวนมากกว่าที่จะได้กำไร T_T จากคุณ : PoUpeE - [ 25 ต.ค. 50 00:33:18 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ของผมเองนะครับ งานตัวแรกงาน "โปรดั๊กชั่นเฮ้าส์" ปีนี้เงียบมากทั้งปี โชคดีที่ของเราอะไรทำเองได้ทำเองทั้งหมด มีผมเดินงานเรื่องดึงงานเข้าบริษัท เพื่อนอีกคนดูเรื่องคอนเส็ปงาน และการผลิต มีลูกน้องอีกสามคน เอาไว้ช่วยโน้นช่วยนี่ 3 ไตรมาสที่ผ่านมา ขาดทุนทุกเดือน (ยังดีที่ปีก่อนกำไรเยอะ) มีไตรมาสสุดท้ายเนี้ย ได้งานใหญ่น่าจะชดเชยทั้งปีนี้ได้ ปีนี้แย่ครับ เพื่อนๆร่วมอาชีพที่รู้จักกันปิดไปแล้วสอง โชคดีของเราไม่มีหนี้ รายจ่ายสมเหตุผล เลยไม่เจ็บขนาดต้องร้อง ---------------------------------- งานตัวที่สอง ทำพวกอีเว้น จัดงานปีนี้ทั้งปีก็โอเค ได้กำไรนิดๆหน่อยๆ บริษัทผมไม่เหมือนชาวบ้านคือไม่รอให้ใครมาจ้างจัดงาน แต่จะสร้างงานไปขาย งานที่ทำอยู่ประจำลงตัวแล้ว เหลืองานใหญ่ปลายปีคาบเกี่ยวไตรมาสแรกปีนี้ งานนี้ปวดกระบาน ต้นทุนจัดงานเกือบสิบ ต้องหาตังค์ให้มากกว่านั้นถึงจะเท่าทุน นี่จะแถลงข่าววันที่ 30 เดือนหน้าแล้ว อะไรยังไม่ถึงไหนดีเลย ทำงานสายนี้รู้กันเลย เป็นอย่างที่คุณ บีเอ็ม ว่า คือ "รอหลังเลือกตั้ง" ลูกค้าเก่าๆที่คอนเน็ตชั่นเราดีๆ เค้าก็อยากใช้เงินกับโปรเจคที่เราทำแล้ว มันประสบความสำเร็จแล้วก็ไม่ต้องเสี่ยงมากอย่างงานใหญ่ปลายปีที่กำลังจะทำ แต่ยังคิดว่ายังน่าจะเอาอยู่ สาธุ พลาดผมก็เดี้ยงเหมือนกันงานนี้ --------------------------- นี่ว่าจะขยับทำพวกงานพิมพ์อิ๊งเจ็คเพิ่มนี่สั่งเครื่องมาแล้ว ตอนแรกตั้งใจจะเอาไว้ซัพแต่งานของตัวเอง แต่สงสัยยังไงๆ ต้องรับงานนอกให้คืนทุนไวๆด้วยแล้วเนี้ย ไม่รู้จะลูกผีลูกคนเหมือนกันครับ แต่ทำไงได้ตัดสินใจไปแล้ว T__T แก้ไขเมื่อ 25 ต.ค. 50 01:35:15 จากคุณ : I.Brother - [ 25 ต.ค. 50 01:34:34 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ส่วนตัวตอนนี้ขายของในเนตเจ้า  กำลังรุ่ง  ถึงจะเงินน้อยสำหรับคนอื่นแต่สำหรับเราถือว่าดีมากแล้วค่ะ  เงินน้อยแต่มีเงินเก็บบ้างนิดหน่อยเพราะอยู่แต่กะบ้าน  แล้วก็เดินไปปรับสมุดที่ธนาคาร  ถึงเวลาก็ส่งของทางปณ.  เวปที่ใช้ก็เวปฟรี 555 ประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องหน้าร้านไปหลายเลย  ค่าเดินทางก็ไม่เสียเหมือนตอนขายของตลาดนัดเจ้า ส่วนที่บ้านทำคาร์แคร์กับขายเสื้อผ้าเจ้า คาร์แคร์เท่าที่ฟังจากคุณแม่ไปได้เรื่อยๆแต่ปัญหาเยอะเรื่องลูกค้า เรื่องที่จอดรถ เรื่องฯลฯ ร้านเสื้อผ้าปลายปีที่แล้วเงียบฉี่  แต่ตอนนี้กำลังขาขึ้นเช่นกันค่ะ คนสั่งเสื้อเพียบ จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย - [ 25 ต.ค. 50 01:47:37 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เล่าเรื่องธุรกิจรับเหมาห้องเย็นละกัน เพิ่งสัมมนาระดับผู้จัดการ "ทางรอดของบริษัทฯ" ธุรกิจรับเหมาวิศวกรรมทำความเย็น  มีแทรกอยู่ในอุตฯอาหารเยอะมาก อาหารแช่แข็ง ทั้งดิบทั้งปรุงสุก   นม เบียร์  น้ำแข็ง ตู้แช่ห้างโมเดิร์นเทรด ฯลฯ บริษัทใหญ่นี้   มี Backlog (งานขายได้แล้ว อยู่ระหว่างการณ์ ยังไม่ได้ส่งมอบ) ปีนี้ (ใกล้หมดปีแล้ว)  แค่ครึ่งของปีก่อน เงินเดือน เดือนละ 50 ล้าน  ยังคงเป็นปัญหาทุกเดือน ขอให้ผุ้จัดการทุกคน ช่วยวางแผน  แก้ปัญหา  ส่งมอบงาน  ทวงหนี้ =  เอาเงินมาให้ได้ และบัดนี้  ได้คัดเลือกผุ้โชคดีไว้ 10% แล้ว  จุ๊จุ๊จุ๊ แก้ไขเมื่อ 25 ต.ค. 50 02:34:32 จากคุณ : มิมิแพนด้า - [ 25 ต.ค. 50 02:33:03 ]

ความคิดเห็นที่ 27 อยูในวงการ SAP ครับ ยังเด็กครับ ยังไม่เก่งขนาด Consultant เทพๆ คนอื่นเค้า ช่วงนี้งาน SAP ก็ยังพอหาได้ครับ แต่ก็แข่งขันกันสูงทีเดียว โปรเจคส่วนใหญ่ ก็ Roll Out ,Upgrade ไอ้การจะหา Implement ใหม่ กินเป็นปีๆ ก็ยากล่ะครับ คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดว่างาน SAP เงินดี อยากให้ปรับความเข้าใจใหม่นิดนึง ที่เงินดีขนาด แสน Up นี่ เป็นพวก Freelance ที่ค่าจ้างรายวันครับ พวกนี้ประสบการณ์ 5-8 ปี Up Connection ดี ภาษาดี ชื่อเสียงไม่เหม็น แล้วพวกประสบการณ์ ต่ำกว่า 5 ปี ล่ะ ส่วนใหญ่ถ้าสาย support ก็คง 3 หมื่น up   แต่ถ้าสาย Implement ที่ไม่ได้เป็น Freelance ก็ราวๆ 4-7 หมื่นครับ ถามว่าเยอะไหม มันก็เยอะครับถ้าเทียบกับอายุ แต่ทำงานหนัก + เครียดครับ การแข่งขันกันสูง แล้วคนที่คิดอยากจะเข้าวงการ SAP ถ้าคิดจะทำ Module ทั่วไป FI/CO,MM,SD นี่คนทำเยอะมากครับ แต่เก่งเทพๆ จริงๆ ก็เป็น Freelance หมด บางคนก็เปิด บ. ของตัวเอง แล้วแนวโน้มในอนาคตล่ะ อย่างที่รู้กันนะครับ SAP เป็น ERP ที่มีค่าใช้จ่ายสูงมากๆ บ. ที่จะใช้ต้องมีเงินจริงๆ เพราะไม่ใช่ Implement แล้วจบเลย ต้องมีค่าคน Support , Upgrade อีกต่างหาก พอติดปัญหาที่แก้ไม่ได้ ก็ต้องจ้าง Consult เข้ามาดู วันนึงก็เป็นหมื่น มันเลยทำให้ค่าตัว SAP Consult กระโดด  มีหลาย บ. ที่พยายามเลิกใช้ SAP ไปใช้เจ้าอื่นที่ถูกกว่าครับ ตอนนี้ SAP ที่เมืองนอกพัฒนาไปมากครับ ในเรื่องของ Platform นะครับ แต่ที่เมืองไทยยังคงยึดติดกับ SAP R/3 แล้วก็ Technology แบบเดิมๆ ไม่ค่อยมีใครใช้ Feature ใหม่ๆ เท่าไหร่นัก อาจจะเป็นเพราะแพง + ยังไม่เห็นประโยชน์ในตอนนี้ มีไรอยากรู้ก็คุยกันได้ครับ จากคุณ : 52Xmax - [ 25 ต.ค. 50 04:47:59 ]

ความคิดเห็นที่ 28 --" จากคุณ : TsuTaYa - [ 25 ต.ค. 50 08:27:56 ]

ความคิดเห็นที่ 29 หนูซึมาไง ตะก่อนผมอยู่วงการธรรมะ ทั้งระบบ iT ขาย ตลาด และโปรดักส์ชั่น แล้วก็แอบมารับงาน SEO ให้กับรีสอร์ท ที่สมุย แล้วก็ตอนนี้ ร้างราวงการธรรมะ เข้ามาสู่วงการมือถือ ดูแลส่วนงาน CallCenter เขียน Call Flow และระบบ IVR จากคุณ : MiraSport - [ 25 ต.ค. 50 08:42:54 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เข้าใจคุณdrof เลย สินค้าลักษณะนี้ จะขายได้ดีตอนที่ออกรุ่นใหม่ๆมีคุณสมบัติพิเศษออกมา พอขายได้สักพัก เริ่มมีคู่แข่งทำตาม ก็หนีไม่ได้กับการแข่งขันทางด้านราคา แต่ก็นะ สินค้าลักษณะนี้พัฒนาเร็ว เดี๋ยวสักพักก็จะมีรุ่นใหม่มาให้เราทำตลาดอีก ----------------------------------------------------------------------------- คุณpattapon ครับ ธุรกิจที่บ้านคุณเหมือนเพื่อนผมเลย เพื่อนผมก็ประสบปัญหาแบบคุณเลย  เพื่อนผมเลยหาวิธีการแก้การแกว่งตัวของค่าเงินบาท เพราะตอนนี้เอง ธุรกิจนี้ แย่งลูกค้ากันสุดๆ ไม่พอ แถมตัดราคากันไปมา เพื่อนผมแก้โดยการช่วงไหนที่ค่าเงินแข็งค่าก็นำเข้าสินค้า เข้ามาขายด้วย ทำให้มันเป็น 2 Way ไปเลย ลองดูนะครับ เผื่อเป็นทางเลือกได้^^ ----------------------------------------------------------------------------- ชอบงานแบบ คุณกะต่อ จัง แต่ตัวเองยังไม่มีโอกาสและความสามารถพอที่จะทำ ผมมี Project ในหัวด้วยล่ะ เผื่อมาแชร์ไอเดียกัน อิอิ^^ ----------------------------------------------------------------------------- คุณI.Brother งานเราอาจจะต้องเจอกันบ้าง อิอิ ธุรกิจแบบเราช่วงนี้ ซบหน่อย แต่พอบทมันจะบูม มันก็เยอะซะจน ไม่ต้องหลับต้องนอน แต่ต้องยอมรับอยู่อย่างที่.....หลังจากนี้ *****วิธีการใช้เงินของลูกค้าจะเปลี่ยนไป**** เท่าที่ติดต่อกับลูกค้าส่วนใหญ่ งานที่อั้นๆกันมา หลังปีใหม่ คงไม่ต้องหลับต้องนอนกันเลยครับ ขอให้โชคดีครับ^^ ----------------------------------------------------------------------------- อุ้ย คุณมิมิแพนด้า ผมอยู่ใน10%นั้นหรือเปล่า^^ การปรับคนออกขนาดนั้น มีผลแต่กำลังใจส่วนรวมทั้งหมดนแน่เลย ขอให้ตามเก็บเงินลูกค้ามาได้หมดนะครับ ของผมก็เคยเจอ Credit ลูกค้า 60วัน บัดนี้ ก็จะ 3 ปีแล้ว ยังเก็บมาไม่ครบเลย แต่ขอโทษที บริษัทลูกค้ารวยเอารวยเอา แต่ชอบดึงหนี้นานๆ เฮ้อ ----------------------------------------------------------------------------- ขอคนอื่นๆที่ไม่ได้ตอบเพราะ ไม่มีความรู้ในด้านนั้นๆเลย อิอ^^ ----------------------------------------------------------------------------- อ้อ ลืมบอกไป ธุรกิจเสริมผมคือ ซื้อขาย รถยนต์ มือ 2ด้วย และก็อสังหาริมทรัพย์ ช่วงนี้ ที่ดิน ส่วนใหญ่มีแต่คนขายทั้งนั้นเลย ที่สวยๆมากๆตอนนี้เต็มมือไปหมด ราคาไม่แพงมีเพียบเลย ทั้งปี ขายได้ไป1แปลง สวยมาก ราคาตลาด ตรวล่ะ 12,000 แต่เราเคาะแล้วขาย ตรวละ 7,500 แต่ก็นะ ส่วนที่เหลือคนซื้อทุกคนรอดูอีกที ปีหน้า ส่วนรถยนต์ ช่วงนี้คนหารถมือ 2 รุ่นใหญ่ๆเยอะ แต่ก็ไม่ค่อยจะมีคนขาย รถ Sport ก็พอขายได้บ้าง ถือว่าใช้ได้ ชอบกระทู้นี้จัง^^ เพราะได้บ่น ไปบ่นกับเพื่อนก็ไม่ค่อยมีใครยอมฟัง เพราะเรื่องของตัวเองก็ไม่ค่อยจะรอด 5555 แก้ไขเมื่อ 25 ต.ค. 50 09:59:05 จากคุณ : BMWTurboman - [ 25 ต.ค. 50 09:58:23 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ผมอยู่แผนก Risk Management ของโรงแรมแห่งหนึ่ง ไม่รู้จะแชร์อะไรดี ^ ^" จากคุณ : ออนไลน์ยันสว่าง - [ 25 ต.ค. 50 10:03:45 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เป็นกระทู้ ที่ดี ครับ จากคุณ : SEA - [ 25 ต.ค. 50 10:28:42 A:124.121.244.33 X: TicketID:107202 ]

ความคิดเห็นที่ 33 วันนี้ผมพรีเซ้น สองบิ๊กแบรนเลยครับเนี้ย ถ้าผ่านก็รอดแล้วงานนี้ โชคยังดี ได้เมนสปอนเซอร์มาแล้ว อิอิ ไม่แน่อาจได้ร่วมงานกันนะครับคุณ BMWTurboman ไปแล้วครับ บ๊ายบายเดี๋ยวกลับมาอ่านใหม่ จากคุณ : I.Brother - [ 25 ต.ค. 50 10:39:13 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ทำงานแบงค์อะครับ  ตอนแรกอยู่แบงค์ลูกครึ่งสัญชาติอังกฤษงานหนักพอควร ตอนนี้มาอยู่แบงค์สัญชาติไทยแท้ ค่อนข้างเซ็งกับระบบ และการปฏิบัติงาน ทำงานด้าน Report ตัวเลขให้หัวหน้า เป็นงาน Routine มาก ๆ และเพราะเป็นแบงค์ ที่มาจากการรวมตัวของสถาบันการเงินที่ถูกยุบเมื่อตอนวิกฤตฟองสบู่แตก องค์กรจึงมีการ เติบโตค่อนข้างช้า ดีที่ว่าช่วงนี้ผมกำลังเรียนโทอยู่คิดว่าหากจบแล้ว จะหางานพวก Research & Development ของสถาบันการเงินต่างๆ ใครพอจะมีบรรยากาศการทำงาน ในศูนย์วิจัยตามสถาบันการเงินหรือบริษัทต่าง ๆ มาเล่าให้ฟังบ้างมั๊ยครับ อยากรู้เหมือนกันว่า จะเป็นยังไง จากคุณ : Lonapath - [ 25 ต.ค. 50 11:38:52 ]

ความคิดเห็นที่ 35 กลับมาอ่านอีกที เป็นเกียรติอย่างยิ่งครับที่คุณ Jiang wei จะช่วย Vote ให้ ^^/ กระทู้นี้ถือว่า มา Share กันใ ครอยากคุยกับคนไหน ถามอะไรก็ตามสบายนะครับ เผื่อแลก Idea อะไรดี ๆ ตรงไหนได้ :) ว่าแต่คุณนู๋ซึ [TsuTaYa] เอาเปรียบมาก มาอ่านแต่ไม่ยอมเล่าเรื่องงานตัวเองบ้าง อยากรู้เหมือนกันครับว่าช่วงนี้ Bank เป็นไงบ้าง :D ดู ๆ แล้วมีงานในสาย Agency / PR / Information / Event เยอะเหมือนกันนะนี่ ผมอยากไปทำงานสายพวกนี้จริงเลย - -/ จากคุณ : cookiecompany - [ 25 ต.ค. 50 11:52:54 ]

ความคิดเห็นที่ 36 Vote !!!!!!!!! จากคุณ : Lonapath - [ 25 ต.ค. 50 12:34:33 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ทำงานด้านอุตสาหกรรมสิ่งทอค่ะ ตอนนี้แนวโน้มดีขึ้น จากเดิม ที่แผ่วมาก จนถึง เงียบมาก แล้วก็มีหลายๆโรงๆลาโรงไปแล้วเหมือนกัน ตอนนี้โรงงานที่เป็น SMEs ก็พยายามสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมา เน้นการวิจัยและพัฒนา เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อปรับตัวให้เข้ากับ สถานการณ์ในปัจจุบัน รวมถึงปรับปรุงคุณภาพ สร้างแบรนด์เป็นต้น ซึ่งแนวโน้มตอนนี้ดีขึ้นแล้วค่ะ ตอนนี้คำว่า นวัตกรรม กำลังมาแรง แต่ไม่แน่ใจว่า ที่พูดๆกันนั้นเข้าใจ ความหมายกันอย่างแท้จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ส่วนตัวตอนนี้ก็ทำงานประจำ แล้วก็สอนหนังสือมหาวิทยาลัย เป็นอาจารย์พิเศษ แล้วก็รับทำงานวิจัยใหม่ๆ (โดยเน้นงานวิจัยที่ต้องเอาไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ได้จริง) แล้วขายได้ด้วย ตอนนี้กำลังอยากทำ หมวกลดไมเกรน เสื้อลดความเหี่ยวย่น (ไม่ได้บ้านะ) เป็นวิทยากร (นานๆที) แล้วก็เป็นที่ปรึกษาเรื่องผลิตภัณฑ์ใหม่ๆค่ะ จากคุณ : เรียมเจ้าขา (เรียมเจ้าขา) - [ 25 ต.ค. 50 13:10:34 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ของผมขายเครื่องมือก่อสร้าง และสีครับ ตอนนี้เงียบมาก แถมเริ่มมีคู่แข่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในย่านที่ผมขายอยู่ ผมเพิ่งลงทุนศูนย์ผสมสีTOAไปครับ อนาคตไม่รู้เป็นไงบ้างต้องดูกันไป เรื่อยๆ จากคุณ : rama (rutmarama) - [ 25 ต.ค. 50 13:12:18 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ยินดีรู้จักทุกๆท่านนะครับ ...อ่านดูแล้วเครียดแทนเลย ยังไงก็สู้ๆกันนะครับ หวังว่าหลังจากเลือกตั้งทุกๆอย่างน่าจะดีขึ้นครับ -------------------------------------------------------- ผมเองเป็นลูกจ้าง หน้าที่ก็ support ลูกค้า พวก server computer ครับ ทำส่งออกเองอยู่ ไม่ไหวๆ โดนแย่งลูกค้า ก็ตายแล้ว ยังเจอตัดราคาอีก...สายป่านไม่ยาว กำลังจะปิด บริษัทอยู่ครับ เศร้า.... อีกอย่างขายของอยู่บนเวปครับ ช่วงนี้เงียบฉี่เลยครับ -------------------------------------------------------- Vote ให้แล้วครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ว่างๆแวะมาคุยกันได้นะครับ เผื่อว่าจะได้ share idea ร่วมกันครับ แก้ไขเมื่อ 01 พ.ย. 50 16:43:21 จากคุณ : yos3000trip2story - [ 25 ต.ค. 50 14:22:25 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ผมทำแลปถ่ายภาพครับ เมื่อตอนจบใหม่ๆ เมื่อ สิบสองปีก่อน ก็กู้เงินมาเปิดร้านเลย ราคารูปจัมโบ้ เมื่อตอนเปิดร้าน 6 บาทครับ   สองปีให้หลัง ผมย้ายจังหวัดมาเปิดกิจการ เดิมคือแลปถ่ายภาพ ราคาจัมโบ้ลงมาเหลือ 5 บาท แต่จังหวัดเดิมที่ผม เริ่มธุรกิจ ราคาเหลือ 3 บาทกันแล้ว .......... ธุรกิจถ่ายภาพรอวันปิดตัว ทุกอย่าง รอวันขึ้นราคา ผิดกับธุรกิจในวงการถ่ายภาพ ที่รอวันลงราคา   ใครคิดจะเปิดธุรกิจนี้ ณ เวลานี้ บอกได้เลยว่า ไม่รุ่งแน่ หมดยุคทองของแลปสีถ่ายภาพไปแล้ว เมื่อก่อนเป็นฟิล์ม ลูกค้ายังล้างอัดเป็นม้วนๆ อย่างน้อยคนนึงต้องเสียค่าใช้จ่ายประมาณสองร้อยบาท แต่ยุคดิจิตอล บางคนมาอัดแค่ ห้ารูปสิบรูป   ตอนนี้ ผมก็ทำให้พอเลี้ยงตัวเองและครอบครัวเป็นวันๆ ใช้จ่ายไม่ฟุ่มเฟือย ก็อยู่ได้และมีความสุข ตามอัตภาพครับ จากคุณ : ลูกผู้ชายชื่อเบอร์รี่ - [ 25 ต.ค. 50 14:56:28 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมเสียส่วนใหญ่ แถมมักจะอยู่สายวิเคราะห์ต้นทุน หรือไม่ก็ตรวจสอบภายใน ทั้งบริษัทญี่ปุ่น คนไทยและอเมริกา สิ่งหนึ่งที่เห็นความแตกต่างของบริษัทเชื้อสายต่างๆ กันคือ การบริหารต้นทุน งบประมาณและผลประกอบการ บริษัทไหนที่มีความเป็นไทยสูง โดยเฉพาะบริษัทคนไทย หรือ บริษัทญี่ปุ่นที่ซึมซับวัฒนธรรมไทย จะมีความระมัดระวังในการควบคุมต้นทุนการผลิตน้อยมาก ทำให้ไม่ทราบต้นทุนการผลิตที่แท้จริง ส่วนใหญ่แล้วจะทราบเพียงต้นทุนวัตถุดิบ แต่ก็ทราบแบบเข้าข้างตัวเอง ดังจะเห็นได้ว่า เมื่อเข้าสู่การแข่งขันในตลาดโลก ราคาสินค้าไทยส่วนใหญ่แล้ว มักจะสูง หรือเมื่อรู้ว่าต้นทุนสูง ก็ยากที่จะปรับตัว เพื่อแข่งขันกับนานาประเทศ ในขณะที่บริษัทเชื้อสายตะวันตก จะสร้างมาตราฐานการคำนวณต้นทุนไว้อย่างละเอียด สามารถเห็นปัญหาของต้นทุนสินค้าได้ง่าย ทำให้ทราบได้ว่า เหตุที่ต้นทุนสินค้าสูงขึ้น มาจากเหตุปัจจัยใดเป็นหลัก โดยดูจาก 1. ปริมาณการใช้วัตถุดิบ 2. ราคาสินค้าวัตถุดิบ 3. ต้นทุนค่าแรงงานต่อผลิตภัณฑ์ 4. ประสิทธิภาพการใช้แรงงานต่อผลิตภัณฑ์ 5. ค่าโสหุ้ยต่อผลิตภัณฑ์ 6. การเปลี่ยนแปลงแผนการขายและแผนการผลิต 7. ความผกผันของค่าเงิน 8. ผลตอบแทนการลงทุนในแต่ละโครงการ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยก็ยังมีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น ตามที่เราทราบๆ จากการรายงานผลการส่งออก โดยกระทรวงพาณิชย์ แล้วนั้น อาจจะเป็นยาพิษที่กล่อมให้ผู้ที่ยังไม่สัมผัสปัญหาให้เคลิ้มเคลิ้ม ในเวลาเดียวกัน หลายๆ คนคงได้เผชิญกับสภาวะยอดขายที่ลดลงบ้างแล้ว ที่เขียนๆ มาทั้งหมดนี้ อาจให้ลองวิเคราห์กันเล่นๆ ว่า เหตุที่ออเดอร์เราลดลงนั้น มาจากผู้ซื้อขาดกำลังซื้อ หรือว่าราคาขายของเราสูงขึ้นจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวนอยู่ ณ ขณะนี้ และถ้าต้องการให้อยู่รอดในสภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว เราต้องปรับตัวกันอย่างไร คิดเล่นๆ อาจเห็นทางออก ดีกว่านั่งรอให้ทุกอย่างมันดีขึ้นเอง โดยที่เราไม่คิดทำอะไร ลาภมันไม่ได้ลอยกันง่ายๆ นะครับ ปล. ไม่แน่ใจว่าที่เขียนไปนี่ จะเข้าประเด็นกับที่คุณคุ๊กกี้และคนอื่นๆ ต้องการหรือเปล่า :P จากคุณ : เตร็ดเตร่ - [ 25 ต.ค. 50 15:12:05 ]

ความคิดเห็นที่ 42 --"  .......  --" ตอนนี้ทำงานธนาคารค่ะ อยู่ที่สงขลา.. กำลังเร่งเคลียร์งาน และย้ายเข้าสำนักงานใหญ่ประมาณเดือนธันวาคม 50 นี้ค่ะ.. ช่วงนี้ยุ่งมาก ถึงมากที่สุด --"  ต้องเคลียร์งานในมือ แล้วกระจายให้เพื่อนร่วมงานท่านอื่น.. รอดตัวจากเป้าหาลูกค้าที่นี่ในปลายปีแล้วตรู..เพราะจะเตรียมเผ่น --" เป้าสาขาเยอะมากค่ะ.. แต่ตอนนี้ยังทำได้ไม่ถึง 40% เลย --" แถมลูกค้าก็ไม่ค่อยชำระหนี้เงินกู้อีก .. --" ที่ปวดหัวมากกว่านั้นในตอนนี้คือ.. การหาที่พักในกทม.ราคาไม่เกิน 4พัน(ไม่รวมน้ำไฟ) แต่ขอมีที่จอดรถด้วย .. เห้อ..หายากมาก  ๆ --" กลุ้ม.. --" จากคุณ : TsuTaYa - [ 25 ต.ค. 50 15:13:07 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ทำงานทางด้าน trading ครับ นำเข้า material จำพวก เหล็ก เรซิ่น อะลูมิเนียม จากญี่ปุ่นแล้วขายให้ maker ต่างๆ ภายในเครือ H ครับ (ไม่รู้เอ่ยชื่อได้ป่าว) ส่วนสภาพเศรษฐกิจช่วงนี้ธุรกิจขึ้นอยู่กับธุรกิจรถยนต์เป็นหลักครับ ตลาดลดลงมากครับ โดยเฉพาะ จักรยานยนต์ ลดไปเยอะหน่อย แต่รถยนต์ ยังได้เรื่อยๆๆ จะได้เรื่องส่งออกเป็นส่วนใหญ่ เห็นทางบริษัท คาดว่าตลาดตั้งแต่ปลายปีไปจะกระเตื้องขึ้น เพราะจะเริ่มมีรถโมเดลใหม่ ๆ ออกมากระตุ้นตลาดครับ รวมทั้งเริ่มปรับตัวจากที่เคยทำธุรกิจ ซื้อมาขายไป หรือบางครั้งก็จ้างให้โรงงานต่างๆ ตัดเหล็กให้ หรือหลอมวัตถุดิบ รวมทั้งเก็บสินค้าให้ ก็เริ่มหันมาสร้างโรงงานของตัวเองแล้วครับ ไม่รู้ว่าบริษัทโรงงานต่างๆ ที่เคยได้รับงานจากบริษัทจะเป็นยังไงต่อไปเช่นกันครับ ยินดีได้รู้จักทุกคนนะครับ ปล. คุณ cookie เพระาได้ข่าวไหมครับ ว่า iphone จะเริ่มทำตลาดในไทยเมื่อไหร่ ขอบคุณครับ แก้ไขเมื่อ 25 ต.ค. 50 15:52:41 แก้ไขเมื่อ 25 ต.ค. 50 15:24:44 จากคุณ : Boyi - [ 25 ต.ค. 50 15:17:46 ]

ความคิดเห็นที่ 44 โหวตหนึ่งจึ้ก และขอเห็นด้วยอย่างแรงกับคุณเตร็ดเตร่อีกหนึ่งกระบุง ตอนนี้ทำงานอยู่กับโรงงานผู้ผลิตสินค้า consumer product อยู่ค่ะ ดูแลด้านตลาดต่างประเทศ เป็นบริษัทคนไทย 100% วิธีคิดวิธีบริหารมันก็เลยไทย 100% อย่างที่คุณเตร็ดเตร่ว่าไว้   นายชอบพูดเสมอว่า "สลึงนึงชั้นก็ไม่ให้กระเด็น" แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นในการผลิตนั้น เราว่ามันกระเด้งกระดอนไปหลายหมื่นแล้วหล่ะ แล้วก็กระทบไปถึง performance ในการส่งสินค้าและคุณภาพสินค้าด้วย....ไม่บ่น ไม่บ่น งึมงัม งึมงัม กลับมาเรื่องปัญหาทางธุรกิจกันดีฝ่า ปกติที่โรงงานนี้มีลูกค้ารายใหญ่เป็นตลาดญี่ปุ่น ตัวเลขงามสุดๆ  วันดีคืนดีก็ถูกโรงงานที่มาเลเซียตัดหน้าฉึบ !!! ด้วยราคาที่อาจจะ competitive มากกว่า ในขณะที่ต้นทุนฝั่งไทยขึ้นเอาขึ้นเอาทั้งค่าแรง ค่าน้ำมัน -_-'   หนำซ้ำเวลาเสิร์ชหาลูกค้าจากเน็ทก็พบว่า buyer จากหลายประเทศเริ่มประกาศซื้อ "เครื่องจักร" สำหรับผลิตสินค้าที่ว่านี่มากขึ้นเรื่อยๆ แทนที่จะประกาศซื้อตัวสินค้า หุหุหุ ......นายเราจะรู้มั้ยน๊อ...ว่าอะไรรออยู่ข้างหน้า ระหว่างนี้ก็จะได้รับโทรศัพท์จากเซลส์สายเรือ หรือฟอร์วาร์ดเดอร์ บ่อยๆเป็นระยะๆ เสียงโอดครวญกันใหญ่ว่าลูกค้าส่งออกหายไปไหนกันหมด (ไหนกระทรวงอะไรทั้งหลายแหล่เขาบอกว่าตัวเลขส่งออกดีงัยอ่ะ) What a wonderful Thailand  ^^' จากคุณ : น้อง(ของ)หมา - [ 25 ต.ค. 50 15:38:05 ]

ความคิดเห็นที่ 45 คุณTsuTaYaที่พักแบบนั้นหายากมากค่ะ  ถ้ามีที่จอดรถก็ต้องหรูหน่อยราคาก็จะแพงขึ้นไปอีก  ลองหาแบบนี้ดูนะคะ  ที่พักแล้วละแวกนั้นมีที่จอดรถไหมแล้วไปถามว่าเช่าที่จอดรถแบบรายเดือนได้ไหม  แถวบ้านเรามีที่นึงเป็นที่ว่างๆให้เช่าที่จอดรถอย่างเดียวเลยเจ้า  มีคนไปเช่าจอดแบบรายเดือนค่ะ จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย - [ 25 ต.ค. 50 15:45:41 ]

ความคิดเห็นที่ 46 เห็นด้วยกัยคห.41 กับ 44 และเสริมด้วยปาฐกถาพิเศษ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาตร์ นิดหน่อย เศรษฐกิจข้างหน้าจะเป็นลักษณะที่เรียกว่า   KBE  หรือ  knowledge  base economy    เป็นเศรษฐกิจที่อาศัยฐานของความรู้มากขึ้น   ถ้าคนที่เป็นผู้ผลิตโดยไม่มีความรู้ไม่มีทรัพย์สินทางปัญญาของตัวเองนั้นก็จะได้สตางค์น้อยมาก    แต่ต้องทำงานหนักมาก แต่ผู้ที่มีความรู้   ผู้ที่ใช้สมอง    ใช้ทรัพย์สินทางปัญญาของตัวเอง และมีนวัตกรรมใหม่ ๆ เกิดขึ้น คนเหล่านั้นจะเป็นผู้ที่ทำงานเชิงแรงงานน้อย     แต่เป็นนักคิด  นักอ่าน ผลสุดท้ายก็จะสามารถได้สตางค์มากขึ้น เป็นโลกของ   knowledge  base  economy  (เศรษฐกิจที่อาศัยฐานของความรู้)คือ ทุกองค์กร ทุกประเทศต้องสร้างนวตกรรมใหม่     ถ้าไม่มีนวตกรรมใหม่ก็แพ้การแข่งขัน หรืออยู่ร่วมกับการแข่งขันยาก คำว่ายุทธศาสตร์ หรือ strategy นั้น จะไม่มีคำว่า strategy  ตัวเดียว อีกแล้ว จะมีคำว่า competitive strategy คือยุทธศาสตร์ที่ไม่สามารถแข่งขันได้ จะไม่ใช่ยุทธศาสตร์อีกต่อไป   ฉะนั้นโลกข้างหน้าที่ผมเล่าให้ฟังว่ามีความเชื่อมโยงมาก ทำให้ทุกคนต้องปรับศักยภาพการแข่งขันของตัวเองโลกจะเป็น knowledge base economy  (เศรษฐกิจที่อาศัยฐานของความรู้)   แต่ประเทศไทยวันนี้ใช้เงินในการวิจัยพัฒนาต่ำมาก เราจึงกลายเป็นประเทศที่ใช้เทคโนโลยีของคนอื่นแทบทุกอย่าง ส่วนภูมิปัญญาเดิมที่เรามีก็ถูกเขาเอาไปดัดแปลงจนกลายเป็นความรู้ของเขา เราแทบจะลืมตัวเองว่าเรามีความรู้อะไรบ้าง   ฉะนั้นประเทศไทยต้องเพิ่มงบประมาณและส่งเสริมเรื่องวิจัยและพัฒนาทุกระดับ   เพื่อส่งเสริมให้เกิดนวตกรรมใหม่ ๆ ขึ้น    ถ้าเราไม่มีนวตกรรมใหม่ ๆ  เราก็ขาด intellectual capital หรือทุนทางปัญญา  ถ้าประเทศใดขาดทุนทางปัญญามาก  การแข่งขันในอนาคตเราจะเป็นแค่ผู้ใช้แรงงานเท่านั้นเอง ผมไม่อยากให้ประเทศไทยสร้างคนที่เป็น labor ของโลก วันนี้ประเทศไทยต้องสร้างคนทุกระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรามีคนสมองดีเยอะ   ไปแข่งโอลิมปิกก็ได้เหรียญทองมาตั้งหลายคน เรื่อง R  and  D (การวิจัยและพัฒนา) เป็นเรื่องสำคัญ จากคุณ : BMWTurboman - [ 25 ต.ค. 50 15:52:58 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ได้ความรู้จากคุน BMWTurboman มาเพิ่มให้ตัวเองเลยครับ พอดีเพิ่งเห็นบริษัทแห่งหนึ่งเร่งการรับสมัครตำแหน่ง R&D ใหญ่เลย ก็เลยสงสัยนิดๆ ได้ความรู้ของคุณ BMWTurboman มาประกอบนี่กระจ่างได้มากเลยครับ จากคุณ : Boyi - [ 25 ต.ค. 50 16:00:23 ]

ความคิดเห็นที่ 48 อืม เล่าอะไรดีหว่า ผมวิเคราะห์กิจการของบ.ที่ผมทำงานอยู่แล้ว ทั้งในแง่การตลาด หรือสินค้าที่อกมา เงินทุน  ไม่ต้องเอาเศรษฐกิจที่ไม่ดีตอนนี้มาเป็นตัววัดด้วย แค่นี้ก็แย่ครับ แต่ผมว่ามันมีปัญหาภายใน หลายๆด้านที่ ผมดูแล้ว เฮ้อ หางานใหม่ดีกว่า แต่ยังหาไม่ได้เลย จากคุณ : แมวดำ (แพทอ้วน) - [ 25 ต.ค. 50 16:02:15 ]

ความคิดเห็นที่ 49 อย่าง SAP นี่ ผมว่าหลายคนก็อยากรู้นะ เราชอบได้ยินว่า "ทำ SAP เงินเดือนเป็นแสน" แต่ไม่ค่อยรู้กันหรอกว่าจริงไม่จริงและงานเป็นอย่างไร ? แต่คนใกล้ตัวผม ก็หันไปหาเจ้าแซ่บหลาย ๆ ตัวนี้กันเยอะเลย จนมันด่ากันเองว่าจะตามมาทำไม เดี๋ยวก็ล้นตลาดหรอก - -'''' จริง ๆ ผมก็เคยคิดเล่น ๆ ว่าจะหาอะไรมาขายทาง Net เหมือนคุณ กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย นะ แต่นึกไม่ออกว่าจะขายอะไรดี และผมเองยังไม่ค่อยอยากจะสั่งของทาง Net เลย [คนทำยังไม่เชื่อ แล้วจะไปหลอกให้ใครเชื่อเนี่ย - -] หลาย ๆ คคห ที่บอกว่าไม่รู้เขียนมาแล้วจะดีหรือเปล่า ผมว่าทุกคคห ดีหมดเลยนะครับ แบบนี้เลยที่ผมอยากนั่งอ่าน [ทั้งที่งานตัวเองยังกองหนึ่งกระบุง :(] ของคุณ เตร็ดเตร่ ก็เยี่ยมเลยครับ มีอะไรอีกเอามา Shared กันหน่อย ^^ จากคุณ : cookiecompany - [ 25 ต.ค. 50 16:33:09 ]

ความคิดเห็นที่ 50 อืมมมม เคยสงสัยกันบ้างมั้ยค่ะ  พวกเราในฐานะลูกจ้างเนี่ย เราก็จะเจอบริษัทที่ผู้บริหารหรือเจ้าของเค้าวางระบบไว้ห่วยๆ  ยิ่งคนที่เคยผ่านงานกับบริษัท inter หรือระบบฝรั่งที่ดีมากๆมาก่อนจะรู้สึกได้ชัดเจน แต่ทำไมเค้าอยู่ของเขามาได้เป็นสิบปี และก็มีทีท่าว่าจะอยู่ไปได้อีกนานด้วย (แต่อยู่ดีไม่ดีนี่ไม่แน่ใจเหมือนกันนะคะ) .....ไม่เข้าใจสัจธรรมโลกข้อนี้จริงๆค่ะ -___-a จากคุณ : น้อง(ของ)หมา - [ 25 ต.ค. 50 16:34:26 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ใครที่กำลังมีปัญหา ทั้งคุณ rama (rutmarama) / คุณ yos3000trip2story / คุณ ลูกผู้ชายชื่อเบอร์รี่ และคนอื่น ๆ ต้องอดทนสู้กันต่อไปนะครับ หวังว่าหลังเลือกตั้ง อะไร ๆ จะดีขึ้น คนจะปล่อยเงินออกมาหมุนกัน แต่งานผมตรงข้ามเลย ช่วงนี้กลับงานเยอะขึ้นอย่างน่าแปลกใจ แทบไม่ได้ออกจากบ้าน - -' #42 คุณ TsuTaYa อยากได้ที่พักแถวไหน ทำงานแถวไหนละครับ เผื่อใกล้  ๆ แถวผมอยู่จะได้ช่วยมอง ๆ #43 ตอนนี้ ยังไม่รู้เลยครับ มี Operator และบางบริษัทเข้าไปคุยเรื่องนำเข้า iPhone แต่รวมแล้วยังเป็นวุ้นอยู่เลย Apple นี่เขาขึ้นชื่อเรื่องความลับไม่เคยรั่วไหล ขนาดตอน iPhone ตัวจริงจะเปิดตัว คนยังรู้ล่วงหน้าแค่วันเดียว - -/ เรื่อง R&D นี่ อยากจะคุยยาว ๆ กันเลย พูดปุ๊บนึกถึงเรื่องที่จะยุบ / ย้าย TCDC พอดีเป๊ะอีกต่างหาก ^^" แก้ไขเมื่อ 25 ต.ค. 50 16:40:09 จากคุณ : cookiecompany - [ 25 ต.ค. 50 16:39:28 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ทำออกาไนเซอร์อ่ะค่ะ แต่ทำเองนะ เพราะเป็นลูกจ้างทำทุกอย่าง เงินเดือนตายตัว ทำเอง ทำทุกอย่างเงินได้มากกว่า แต่มีความเสี่ยงสูงกว่ามากอ่ะค่ะ แต่เราก้อจะใช้ประมานว่ารู้จักๆบอกต่อๆกันไป ไม่หวังงานใหญ่อ่ะค่ะ งานที่เงินเยอะให้พี่ๆเค้าแย่งกันไป เรารอเก็บรายเล็กๆ ขำขำ นี่แหละ จิงๆเราว่าอาชีพนี้อยู่ที่การบริการ การเอาใจใส่นะ เพราะด๋วนี้ เรื่องครีเอทีฟ มันสูสีกัน มันคิดกันได้ ค้นกันได้ แต่ถ้าบริการดี มัดใจลูกค้าได้ ลูกค้าไม่หนีเรานะ แต่ตอนนี้ก้อ ฝืดๆค่ะ กำลังกรอบๆๆ T_T จากคุณ : minnymin - [ 25 ต.ค. 50 16:43:40 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ขอแจมด้วยคน เราเป็นที่ปรึกษาอิสระ นักวิจัยอิสระ และทำธุรกิจเล็กๆ ด้านบริการ ตอนนี้ช่วยที่ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี ดูเรื่อง การประเมินความรู้ความเข้าใจการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ Public Management Quality Award-PMQA เป็นลักษณะวิจัยเชิงประเมินผล (Assessment Research) และงานที่ปรึกษา ดูเรื่องภาพรวม นโยบาย แผนงาน การพัฒนา วิเคราะห์องค์กร และแนวทางการดำเนินงานเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายความสำเร็จ   ให้กับ บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ธุรกิจด้านสถาปัตย์ (Architect) ส่วนงานธุรกิจ เป็นลักษณะ บริการเสริม เพื่อช่วยเหลือ ส่วนรวม (หวังตอบแทนสังคม)   และในอนาคต กำลังคิด Project ใหม่ เกี่ยวกับ ความต้องการของมนุษย์ What human want? มี หลายบริษัท ติดต่อมา ให้ช่วย แต่ยังไม่มีเวลาให้ เลยให้คำปรึกษาภาพกว้างๆ ไปก่อน (ให้ภาพ-แล้วไปต่อเอาเอง) ปล. ลองเข้าไปเยี่ยมที่ blog ได้นะ   ขอขอบคุณ จากคุณ : rfu - [ 25 ต.ค. 50 16:54:41 ]

ความคิดเห็นที่ 54 จริง ๆ แล้วกะจะอ่านแล้วเก็บประสบการณ์จากเพื่อน ๆ พี่ ๆ อย่างเดียว แต่เกิดคันไม้คันมือขึ้นมา เลยขอแจมซักหน่อย ( กลัวจะมีคนว่า มาอ่านเฉย ๆ น่ะ ) ........................................................................................... ผมเป็นวิศวกร(แก่ ๆ )อยู่ในวงการชิ้นส่วนรถยนต์ครับ น่าจะเหมือนกับ คห.ที่ 9 นะ ตอนนี้ยักษ์ใหญ่ในวงการผลิตรถยนต์ในบ้านเราก็เปิดโรงงานใหม่ไปแล้วอย่างที่ทราบ ๆ กัน และได้เพิ่มกำลังผลิต(น่าจะเกือบ)เต็มพิกัดแล้วมั้งสำหรับการส่งออกเป็นส่วนใหญ่ ส่วน บริษัทชิ้นส่วน ( ร่วมทุนญี่ปุ่น ) ในกลุ่มของเค้าก็ได้มาลงทุนเปิดโรงงาน(เพิ่ม) และบริษัทที่มีโรงงานที่มีอยู่แล้ว ก็ขยายโรงงานเพิ่ม ในช่วงสองสามปีที่แล้ว เพื่อรองรับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นนั้นเอง. นี่ยังไม่นับบริษัทที่เพิ่งควบรวมใหม่ที่แถวบางนาตราด ซอยเดียวกับสนามกอลฟ์อะไรนะ ชื่อ เกียด ทา นี อะไรน่ะ ที่นั่นก็จะตั้งเป็นศูนย์กลางในภูมิภาคเอเชียทั้งหมดของเค้า ไม่ว่าจะเป็น การออกแบบ  จัดซื้อ  วิศวกรรมการผลิต และอื่น ๆ ส่วนตัวแล้วผมเห็นว่า บุคคลากรด้านวิศวกรรม(น่าจะ)กำลังขาดแคลนนะ โดยเฉพาะสาขาที่ต้องใช้ทักษะพิเศษสูง เช่น การใช้ซอฟต์แวร์การออกแบบเอย  ความรู้เฉพาะด้านของชิ้นส่วนที่บริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นเท่านั้นที่มี อะไรเงี้ย .... ก็ขอฝากไปยังน้อง ๆ ที่กำลังเรียนอยู่ และที่กำลังจะจบ โดยเฉพาะว่าที่วิศวกรทั้งหลาย อยากให้เรียนเพิ่มในส่วนที่ทางมหาลัยไม่ได้สอนแต่เป็นทักษะที่ตลาดต้องการ รวมไปถึงภาษาที่สาม ( ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น จีน เวียดนาม ) ก็สำคัญด้วยเช่นกัน .... ( ตอนนี้ที่ผมเองก็ยังรับวิศวกรด้วยนะ แต่ยังหาที่มีคุณสมบัติตรงตามที่ต้องการไม่ได้ โดยเฉพาะคนที่มีทักษะทางด้านการใช้ CATAI V5 R 17 ) และอีกเหมือนกัน ปัจจัยภายนอกอื่น ๆ เหมือนที่ คห. ๙ ว่ามาเรื่องขอบเขตการค้าเสรีต่าง ๆ เอย  โลกกลมโลกแบนเอย ล้วนแต่มีผลกระทบกับทุกคนทุกวงการ เท่า ๆ กัน ทั้งนั้น . . . . เศรษฐกิจตอนนี้ก็ชลอตัว วงการรถยนต์ก็เป็นเหมือนกันครับ  แต่อาจจะดีขึ้นหลังจากลากตั้ง เอ๊ย เลือกตั้ง เหมือนอย่างที่ทุก ๆ คนหวังกัน ก็แค่เข้ามาแชร์ประสบการณ์ครับ และเห็นด้วยกับ จขกท อย่างยิ่งที่จะให้เวทีนี้เป็นสถานที่ ๆ จะเข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันครับ ( อ่านแล้วคงไม่ งง กันนะครับ ) แก้ไขเมื่อ 25 ต.ค. 50 17:34:22 แก้ไขเมื่อ 25 ต.ค. 50 17:22:37 จากคุณ : รอคนอื่นก่อนนะ (มิสเตอร์ หว่อง) - [ 25 ต.ค. 50 17:19:33 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ทำงานด้านที่ปรึกษาทางการเงินครับ ช่วงปีที่ผ่านมา หลายบริษัทที่เป็นที่ปรึกษาอยู่ ก็ซบเซาไปมาก ลูกค้า ไม่ค่อยจ่ายเงิน ต้องหาวิธีทางแก้ไขให้ ส่วน สรรพากร ก็หาเงิน มาก ตรวจบัญชี ละเอียดยิบ เลย บริษัทลูกค้าโดน สรรพากร ตรวจทุกบริษัท ดังนั้น ถ้าของใคร เจอสรรพากรเรียก ก็ไม่ต้องตกใจ นะจ๊ะ จากคุณ : หน้าแหลมเก่าๆ - [ 25 ต.ค. 50 17:24:24 ]

ความคิดเห็นที่ 56 คือสมมตินะคะสมมติ (เลียนแบบน้องพลับ) ถ้าหลังเลือกตั้งมันยังไม่ดีขึ้น  แต่กลับเลวลงละคะ -_-' จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย - [ 25 ต.ค. 50 17:27:29 ]

ความคิดเห็นที่ 57 อยู่ในวงการที่มีส่วนสนับสนุนด้านความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ต้องคอยพัฒนางานอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ประเทศเรามีศักยภาพพื้นฐานด้าน ICT ที่เพียงพอต่อความสามารถในการแข่งขัน ....          ถ้าจะพูดต่อจาก คคห. #46 คุณ BMWTurboman ... ดังนี้ ครับ          ในอดีตที่ผ่านมาการเปลี่ยนแปลงด้านนวัตกรรมจะเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์เป็นหลัก เช่นการประดิษฐ์ เครื่องพิมพ์ดีด ยานยนต์ หลอดภาพโทรทัศน์ วงจรไฟฟ้า เครื่องคิดเลข และแผงวงจรอิเลคทรอนิค เป็นต้น          แต่วันนี้การเปลี่ยนแปลงด้านนวัตรรมมุ่งเน้นไปที่การให้บริการ อีกทั้งยังมีความแนบเนียนในการการผสมผสานกันระหว่างผลิตภัณฑ์ และการบริการ          องค์กรชั้นนำระดับโลกหลายแห่งต่างทุ่มทรัพยากรในการวิจัยและพัฒนา เพื่อนำโลกเข้าสู่การติดต่อสื่อสารในยุค 3G ที่ทำให้การติดต่อสื่อสารมีความรวดเร็วขึ้น สามารถสื่อสารถึงกันได้ทั้งในรูปแบบเสียง ข้อความ ภาพ เพลง และวีดีโอคลิป ซึ่งในอนาคตอีกไม่กี่ปีจากนี้ โลกจะสามารถสื่อสารกันได้แบบ Real time และ “Anywhere Anytime Anyone” หรือเรียกว่า Ubiquitous                    ผู้นำทางด้านอุตสาหกรรมโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ผลักดันให้เกิดเทคโนโลยี Broadband Wireless Networks ขึ้น อีกทั้งอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น Microsoft และ Intel ก็เป็นผู้ผลิตที่เข้ามามีบทบาททางด้านนวัตกรรม wireless Broadband ด้วย                    บริษัทไมโครซอฟท์ เป็นบริษัทแรกๆ ที่เข้าสู่อุตสาหกรรมโทรคมนาคม โดยเริ่มต้นจากการลงทุนกับ ComCast ในปี 1997 เพื่อพัฒนาศักยภาพการส่งภาพ (Video) และข้อมูล (Data)  ในปี 1998 ลงทุนกับ Qwest เพื่อพัฒนา High Speed Network และยังได้ร่วมลงทุนกับบริษัทอื่นๆ ทั่วโลก ซึ่ง Bill Gates คิดว่าการลงทุนนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ของบริษัทที่ต้องการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC) และโทรทัศน์ เข้าด้วยกัน และในขณะนี้ก็ได้ลงทุนอย่างมากทางด้านการพัฒนา software บนอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่          Steve Ballmer ซึ่งเป็นผู้ดำรงตำแหน่ง CEO บริษัทไมโครซอฟท์ ได้กล่าวไว้ว่า “ในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา เราพูดถึงการที่จะให้มี Computer ใช้ทั่วทุกที่ทุกเวลาแม้แต่ที่บ้าน แต่ปัจจุบันเราได้พูดไปถึง empowering people รวมทั้ง software ที่สามารถใช้ได้ทุกที่ และทุกเวลา”         ในช่วงเวลานี้เองที่ Microsoft ได้เพิ่มการลงทุนทางด้าน R&D ในการที่จะนำโทรศัพท์และ PC มารวมเข้าไว้ด้วยกัน โดยจากคำกล่าวของ Bill Gates ที่พูดไว้ในที่ประชุมของ International Telecommunication Union (ITU) ได้ชี้ให้เห็นว่า software เป็นหัวใจสำคัญของเทคโนโลยี Broadband ในโลกอนาคต          Sean Maloney ซึ่งเป็นประธานบริหารของ Intel ได้กล่าวไว้ว่า “ด้านการตลาดนั้น Intel ได้พยายามที่จะมุ่งไปสู่ความเป็นผู้นำทางด้านไมโครชิพที่สนับสนุนการเชื่อมต่อระบบ Broadband Wireless เพื่อบรรจุในคอมพิวเตอร์พกพา โดยสามารถที่จะใช้กับเทคโนโลยีได้หลากหลาย เช่น WiMax, ZigBee, UWP และ Mobile-Fi”          ประโยชน์ของเทคโนโลยี Broadband Wireless จะช่วยให้ลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ธุรกิจในระดับโครงสร้างขององค์กร โดยเทคโนโลยี Broadband Wireless จะทำให้ผู้คนไม่ต้องใช้เวลาในการค้นหาข้อมูลมากอย่างในอดีต แต่ข้อมูลจะเข้ามาหาพวกเขาเอง          สำหรับ Broadband Wireless นั้น มีเทคโนโลยีหลักๆเช่น เทคโนโลยีโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G ซึ่งในขณะนี้ บางประเทศก็เริ่มนำมาใช้บ้างแล้วและก็มีทางที่จะเป็นไปได้ที่จะนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก และในขณะนี้บริษัท NTTDoCoMo ได้พัฒนาระบบเครือข่าย 4G Networks สำเร็จแล้ว แต่ก็ไม่ได้คาดหวังว่าระบบ 4G จะนำมาใช้กันก่อนปี 2010          ท่าทีในอนาคตของการเปลี่ยนแปลงของตลาดbroadband Wireless ในหลายประเทศนั้นมุ่งไปสู่การให้บริการการจ่ายเงินด้วยโทรศัพท์เคลื่อนที่ รวมทั้งการให้บริการต่างๆเฉพาะพื้นที่ (Location Based Service) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่มีประชากรที่ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นจำนวนมาก เช่น ประเทศญี่ปุ่น เกาหลี จีน และอินเดีย          ตัวอย่างการเสนอบริการที่แปลกใหม่บน Broadband Wireless ที่ประสบความสำเร็จ มีตัวอย่างเช่น ในเดือนธันวาคมปี 2003 บริการที่มีชื่อว่า “June” ซึ่งเป็นบริการมัลติมีเดียไร้สายของ SK Telecom ในประเทศเกาหลี ได้เสนอบริการภาพยนตร์ไร้สาย บริการนี้ได้แสดงภาพยนตร์ที่ถูกตัดมาในระบบดิจิตอล (เรียกว่า Yigong) ซึ่งมีหนัง 20 เรื่องที่ตัดให้เหลือความยาวประมาณ 5 ถึง 8 นาทีต่อเรื่อง เมื่อบริการนี้เริ่มต้นขึ้น กำไรก็เริ่มเติบโตขึ้น อย่างรวดเร็ว          ในปี 2004 บริษัท NTTDoCoMo ผู้ให้บริการระบบ  i-mode ในญี่ปุ่นได้มีการสร้างการเชื่อมต่อระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่เข้าถึง Internet ที่ง่ายขึ้นมากกว่าเดิม โดยที่ผู้ใช้บริการทุกคนสามารถเข้าเว็บไซท์ ได้มากถึงกว่า 81,000 แห่ง  และยังสามารถให้บริการพิเศษ เช่น e-mail, on-line shopping และธุรกรรมด้านการเงิน การธนาคาร และการจองตั๋ว โดยอัตราการใช้บริการมีราคาถูก เนื่องจากค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับจำนวนการรับ ส่งข้อมูล ไม่ใช่ระยะเวลาในการเชื่อมต่อกับ Internet นั่นเอง          บริการ ‘See What I See’ (SWIS) หมายถึงการสื่อสารระหว่างคนต่อคนแบบในเวลาจริง (Real time) ที่คนๆหนึ่งนั้นสามารถแชร์สิ่งที่เขาเห็นกับอีกคนหนึ่ง เป็นรูปแบบเหมือน ICQ แบบไร้สาย ซึ่งผู้ใช้นั้นคุ้นเคย โดยการบริการเป็นลักษณะสื่อสารด้วยเสียงร่วมกับภาพเคลื่อนไหวเพื่อที่จะแชร์เนื้อหาร่วมกัน เช่นเดียวกับโปรแกรมพูดคุยออนไลน์ที่ง่ายต่อการใช้งาน และเหมือนกับ Buddy List และโปรแกรม Instant Messenger (MSN) ที่โด่งดังของ America Online          อีกบริการที่น่าสนใจคือ การโทรศัพท์แบบวีดีโอ (VDO Call) เป็นการให้บริการพูดคุยทางอินเตอร์เน็ตในรูปแบบของการสื่อสารไร้สาย ผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่นั้นสามารถรับการโทรเข้าแบบวีดีโอได้ด้วยการโทรศัพท์แบบวีดีโอสามารถทำให้ผู้ใช้เห็นหรือพูดกับอีกคนหนึ่งได้ ภายในปี 2009 ได้มีการคาดการณ์ว่าการโทรศัพท์แบบวีดีโอนี้จะสร้างรายได้ในจำนวน $5.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ทั้งหมดของการให้บริกาข้อมูลไร้สาย) ในสหรัฐอเมริกา                ในช่วงปี 2004 ผู้ให้บริการเครือข่ายทั้งหลายต่างพยายามที่จะค้นหาแนวทางใหม่ๆ ในการทำตัวเองให้โดดเด่นแตกต่างจากคู่แข่งเพื่อที่จะได้รั้งตำแหน่งเป็นผู้นำตั้งแต่แรกเริ่มในเกมกิจการเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารและมีการประมาณการณ์ว่าในช่วงปี 2008 ตลาดผู้เสพบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในยุโรป อันหมายรวมถึงทั้งเกมบนมือถือริงโทน วีดีโอและเพลงต่างๆ จะมีมูลค่าเม็ดเงินหมุนเวียนสูงถึง 8 ล้านล้าน เหรียญสหรัฐเลยทีเดียว ซึ่งตลาดในยุโรปนี้ก็เป็นที่ที่มีการนำเอาระบบ i-modeไปใช้ด้วย โดย i-mode ได้สร้างพันธมิตรในยุโรปเช่น Vodafone และFreeMove                อุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคมมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีอย่างรวดเร็วและรุนแรง วงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มีอายุสั้นมากมีการแข่งขันกันออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆอย่างต่อเนื่องซึ่งส่งผลให้ผู้ผลิตและผู้ให้บริการต้องหาทางปรับตัวและพัฒนาความสามารถทางการแข่งขัน ผู้ผลิตต้องพยายามคิดค้นประดิษฐ์กรรมใหม่ ที่หลากหลาย เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกที่กำลังก้าวย่างเข้าสู่ Economy of Scope ซึ่งจำเป็นต้องใช้เงินทุนในการสนับสนุนเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) (พท.ดร. เศรษฐพงษ์) แก้ไขเมื่อ 25 ต.ค. 50 18:33:56 จากคุณ : ดีอาร์ (๛จูล่ง๛) - [ 25 ต.ค. 50 18:27:31 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ว้าวๆๆ ...เข้ามาอีกทีกลายเป็นกระทู้แนะนำแล้ว ดีจัง ได้อ่านความรู้ในวงการอื่นบ้าง ก็ช่วยให้หูตากว้างไกลขึ้นเยอะเลยคะ คุณ cookiecompany: จริงๆ รถยนต์ก็ยังขายได้เรื่อยๆ แหละค่ะ เพียงแต่ ยอดต่ำกว่าที่คาดหมายไว้เท่านั้น  ไม่งั้นคงมี supplier ปิดตัวลงไปอีกโขเลย น่าจะให้ผู้ผลิตรถยนต์ สร้างถนนให้รถวิ่งด้วยนะ จะได้มีถนนมารองรับรถบ้าง ส่วนบรรดาค่ายรถมือสอง ได้ข่าวว่าแต่ละเต้นท์เน้นขาย ไม่ค่อยรับซื้อเพิ่มแล้ว เพราะกลัวรถเล็กเข้ามาทำตลาด แต่ก็ว่าไม่ได้อีก บางทีคนก็ไม่อยากซื้อของใหม่เพราะมันแพงอ่ะนะ คุณกุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย  : เราเองก็สนใจขายของทางเน็ตเหมือนกัน กะไว้อีกสักพักนึงน่ะค่ะ ตอนนี้เพิ่งเริ่มงานใหม่ ยังไม่เข้าที่เข้าทางดีเลย ส่วนเรื่องอนาคตหลังเลือกตั้งนั้น ยังไงก็อยากให้มองในแง่ดีไว้ก่อน จะได้ไม่บั่นทอนกำลังใจมากนัก คิดๆ แล้วกลุ้มเหมือนกัน - -' คุณมิสเตอร์ หว่อง: ขอไม่เป็นวิศวกรแก่ๆ ได้ไหมคะ คำนี้สาวๆ ไม่ชอบเลย :P ขอเป็นวิศวกรเอ๊าะๆ แทนแล้วกันนะ :) ที่ว่าบริษัทชิ้นส่วน ( ร่วมทุนญี่ปุ่น ) ในกลุ่มของเค้าก็ได้มาลงทุน เปิดโรงงาน(เพิ่ม) และบริษัทที่มีโรงงานที่มีอยู่แล้ว ก็ขยายโรงงานเพิ่มนั้น น่าจะเป็นการเก็บ-กวาด เพื่อรวมเข้าเป็นของเขามากกว่านะคะ ที่ได้ยินมาเห็นว่าอีกหน่อยจะมีการล็อค drawing กันเลยทีเดียว ใครได้เขียนแบบ คนนั้นได้งาน อะไรประมาณนั้น ว่าแต่บริษัทคุณหว่องทำอะไรคะ ถึงอยากได้คนใช้ Catia เป็น เผื่อไว้ถามหาให้ได้ รู้จักหลายคนอยู่ ว่าไปเราก็พอได้นะ เปิดได้ แปลงไฟล์ สั่งพิมพ์ และวัดมิติน่ะ เอาไว้คิดเงิน หุหุ... ส่วนเรื่อง FTA นั้น ได้ยินทางผู้ผลิตรถยนต์ออกปากเตือนหลายหนอยู่ เลยให้รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ แทนผู้ประกอบการไทยบางรายทีเดียว และเห็นด้วยเรื่องภาษาที่สาม หรือหากใครสามารถถึงสี่และห้า ก็จะดีเลยค่ะ เราเองก็พยายามอยู่ ตีกันยุ่งอยู่ในหัวนี่แหละ แชร์เรื่องต้นทุน หน่อยนะคะ วันนี้ได้เรียนเรื่องการทำราคาชิ้นส่วน เห็นที่ใหม่นี้แล้วให้รู้สึกแตกต่างจากที่เคยทำจริงๆ เจ้าของเขา ลงทุนทำโปรแกรมขึ้นมาเพื่อป้องกันความผิดพลาด และอาจรวมถึง การเลินเล่อ หรือการทำงานแบบใช้ความรู้สึกได้ดีเลยทีเดียว ทำให้แน่ใจได้ว่างานโปรเจคนั้นๆ มีมาร์จินมากพอจะเลี้ยงบริษัทให้อยู่รอด ปลอดภัยได้ ต่างจากที่เก่าที่ราคาในแต่ละโปรเจคนั้นขึ้นอยู่กับคนทำเลย ซึ่งมักมีมาร์จินแบบฉิวเฉียด หรือบางทีอาจพลาดขาดทุนก็ได้ เพราะหั่นราคา แข่งกับคู่แข่งแบบไม่มีใครยอมใคร ไม่ได้ทันนึกถึงต้นทุนที่แท้จริงเลย ปล.ดีใจที่ยังมีคนมีไฟ เข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอีก รู้สึกช่วงนี้บรรยากาศเงียบเหงามากแล้ว ได้แลกเปลี่ยนกันแบบนี้ ทำให้ได้เปลี่ยนบรรยากาศได้ดีจริงๆ จากคุณ : คัสซีโอเพย่า - [ 25 ต.ค. 50 20:26:03 ]

ความคิดเห็นที่ 59 กลับมาอีกที ชอบหลายคคห ของหลายท่าน :) ช่วงนี้ ผมค่อนข้างเอียนคำว่า "พอเพียง" ในความหมายที่แปลก ๆ ทำนองว่า ให้อยู่แบบหาเช้ากินค่ำไปวัน ๆ หาได้ก็กิน หาไม่ได้ก็อด ทั้งที่สมัยแรก ๆ ผมได้ยินคำนี้ในเชิงที่พระองค์ท่านทรงนิยามว่า "อุ้มชูตัวเองได้ ให้มีพอเพียง" และ "อยู่อย่างยั่งยืน" ซึ่งผมว่าในโลกที่แคบลง [สมัยนี้ จะให้เท่ต้องบอกว่า "แบนราบ" :D] ที่จะสร้างความยั่งยืนได้จริง ๆ ก็คือ R&D ที่ไม่หยุดนิ่งนี่ละ เมื่อเดือนที่แล้ว ในวงการมือถือมีเรื่องฮือฮามาก คนนอกวงการอาจไม่รู้ แต่ในแวดวงมือถือนี่เรียกว่า World Class Joke เลย อย่างที่ทุกคนรู้ ตอนนี้ Market Share อันดับ 1 ก็คือ Nokia แต่การเปิดตัวของ iPhone ทำให้วงการถึงกับสะเทือน ยิ่งตอนนี้เมืองนอกลดราคาเหลือแค่ 399 US [Mem ในตัว 8 GB] พวก Guru มาฟันธงใหญ่ว่า สิ้นปี Moto ดับดิ้นแน่ ๆ อีกค่ายก็ Palm [อันนี้ก็ดับไปนานแล้ว - -] เพราะลูกค้ากำเงินหมื่นห้า ต่างก็จะซื้อ iPhone กันหมด เรื่องอะไรจะซื้อ Moto และค่ายอื่น ๆ ผู้บริหาร Nokia แกก็เลยออกแถลงข่าว พร้อมอวดระบบปฏิบัติการ [OS] ตัวใหม่ของ Nokia ที่ทุกคนดูแล้วก็บอกว่า "เหมือน iPhone เป๊ะ" ผู้บริหารท่านนั้นก็เลยบอกว่า "If there is something good in the world then we copy with pride" แปลเป็นไทยได้ว่า "อะไรในโลกที่ดี ๆ เราก็ไม่อายหรอกที่จะลอกมันมา" [นี่แปลแบบเกรงใจ ^^"] เรียกว่า พวกเอ็งเลิกเอาไปซุบซิบได้แล้วว่า ทำไมมันคล้าย iPhone จัง เพราะกรูนี่ละ บอกออกจากปากกรูเองเลยว่าลอกมา - -'''' เรื่อง Tech นี่ไม่รู้ แต่ Guru บางคนบอกว่า "Apple มี Product Design ที่ขายโลกล่วงหน้าไปได้อีก 10 ปี" เมืองไทยเราถือว่าน่าภูมิใจในหลาย ๆ เรื่องนะครับ การผลิตส่งออก แรงงานที่มีคุณภาพ แต่ถ้ามองล่วงหน้าไปสิบปี นึกอะไรไม่ออกเลยว่าเราจะอยู่จุดไหนของโลก และคิดว่าเด็กไทยก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าอีกสิบปี จะเป็นอย่างไร ทำอะไร เก่งแค่ไหน ด้านไหน อย่างไร คราวก่อน ผมไป Singapore เพื่อนที่โน่นบอกว่า "ประเทศอั๊ว [มันเป็นอิสลามนี่หว่า] วางแผนที่เมืองตั้งแต่เริ่มตั้งประเทศ" และมันยังบอกอีกว่า "Singapore รู้แล้วว่าอีกร้อยปี ประเทศเราจะมีอะไรบ้าง" อยากรู้เหมือนกันนะครับ ว่าถ้าคำถามนี้มาถามคนไทย คนไทยจะตอบว่าอะไรกัน ^^ จากคุณ : cookiecompany - [ 25 ต.ค. 50 20:56:09 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ขายสื่อโฆษณาบนเนตคะ ช่วงนี้ร้านค้ายนเนตละลานตา ทำให้ร้านค้าต่างๆต้องการที่จะลงโฆษณาขายของบนเนต จะไปลงโฆษณาทางทีวีก็กะไรอยู่ ลงนิตยสารกว่าจะมานั่งพิมพ์ก็ขี้เกียจ ทางที่ดีก็ลงโฆษณามันบนเนตนี่แหละ แค่เจอโฆษณาของลูกค้า แล้วก็คลิ้กๆ เพียงปลายนิ้ว ก็สร้างรายได้แล้ว ถือว่าขายโฆษณาบนเนตยังบูมได้อีกคะ เพราะที่ดูๆมาลูกค้าสนใจลงโฆษณาเยอะมาก และติดต่อเข้ามาเองทางบริษัทในแต่ละวันก็ไม่ขาดสาย จบ หุหุ จากคุณ : 235 - [ 25 ต.ค. 50 21:33:20 A:58.64.40.116 X: TicketID:098908 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ^ ^^ ^^^ ^^^^ ===> จิ้มไปที่คห 59 อยากพักกับคห 59 อะค่ะ.. พอจะมีที่ว่างเหลือบ้างไม๊ อิอิ.. ทำงานแถวพญาไทค่ะ คุณคุ้กกี้.. อยากได้ที่พักแถวจตุจักร ดินแดง ห้วยขวาง --" เห้อ........กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด แก้ไขเมื่อ 25 ต.ค. 50 21:36:49 จากคุณ : TsuTaYa - [ 25 ต.ค. 50 21:34:46 ]

ความคิดเห็นที่ 62 มาแอบอ่านครับ วงการผมแชร์อะไรไม่ค่อยได้ครับ มีแต่ confidential data ทั้งนั้นเลย :) จากคุณ : คุณอมยิ้ม - [ 25 ต.ค. 50 21:48:05 ]

ความคิดเห็นที่ 63 เป็นกระทู้ที่สร้างแรงบันดาลใจได้มากในช่วงที่เกือบทดท้อแบบนี้ ขอแลกเปลี่ยนบ้างก็แล้วกันค่ะ อยู่วงการผลิตเครื่องประดับส่งออกค่ะ (ซึ่งคาดว่ามีเพื่อนร่วมวงการน้อยมากในห้องนี้) ผลิดเพื่อส่งออก 100% สถาณการณ์ตอนนี้ มีออร์เดอร์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่ว่าวงการนี้ไม่กระทบนะคะ ต้องบอกว่ากระทบอย่างแรงจากต้นทุน และค่าเงินบาท โดยเฉพาะต้นทุนวัตถุดิบของเราค่อนข้างสูง ทั้งทองและเงิน อย่างวันนี้พึ่งคุยกับ Supplier ว่าเนื้อเงินขึ้นอีกแล้ว สรุปง่ายๆขึ้นมา ร่วม 2000 บาทต่อก.ก. ภายใน 2 เดือน ที่ยังมีออร์เดอร์อยู่ต่อเนื่อง ต้องบอกว่าเกิดจากการที่เราพยายามปรับตัวกันอย่างมาก ทั้งในส่วน R&D และ marketing จากที่เมื่อก่อนจับแต่ตลาดบน มีแบรนด์ ราคาสูง แต่เดี๋ยวนี้ลูกค้าคิดมากขึ้นเวลาใช้เงิน เลยต้องขายตลาดกลางลงมาด้วย ราคาถูกลง แต่คุณภาพลดลงมากไม่ได้ เฮ้อ ถ้าจะบอกว่า ของดี ราคาถูกมีที่ไหน ต้องบอกว่า อิชั้นผลิตอยู่นี่ล่ะค่ะเจ้านาย ในวงการนี้คู่แข่งที่มาแรงมากๆ คือเมืองจีน และฮ่องกง ไว้ว่างๆจะมาเล่าให้ฟังว่า เค้าน่ากลัวยังไง กำลังจะฆ่าเรายังไง (ถ้ามีคนสนใจนะคะ) จากคุณ : นกพญาไฟ - [ 25 ต.ค. 50 21:49:35 ]

ความคิดเห็นที่ 64 เราเอง ไม่ค่อยบอกเท่าไหร่ว่าตัวเองทำงานอะไรอยู่ แต่สัมพาดงานนี่ เป็นงานรองค่ะ อิอิ ตอนนี้ เราทำงานอยู่ในบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่ง เป็นบริษัทข้ามชาติที่มีสาขาทั่วโลก เน้นในเรื่องของ Property management มากกว่าการสร้างอาคารน่ะค่ะ (ในไทยมีองค์กรลักษณะนี้ไม่กี่ที่หรอกค่ะ) แต่เราเองทำงานในตำแหน่งใหม่ที่ไม่เคยมีใครเคยทำ เนื่องจากผู้มีพระคุณของเราเห็นว่าเราทำเว็บเป็น และจบป.โทด้วยมั้ง เลยเสนอให้ลองทำงานในองค์กรนี้ ในตำแหน่งลูกค้าสัมพันธ์ ประจำตึกย่านสูงย่านสีลมตึกหนึ่งที่คุณก็คงรู้จักกันดี ในด้านองค์กรใหญ่...เป็นบริษัทที่มีการจัดการที่ดีค่ะ มีระเบียบแบบแผน และค่อนข้างแฟร์กับพนักงานทุกคน แต่เราเอง ได้ไปอยู่ประจำไซต์งาน เราได้เจอคนหลากหลายมากค่ะ ปกติ ถ้าได้อยู่ head office เราก็จะได้เพื่อนร่วมงานอีกแบบ ที่ปสก. และความรู้ใกล้เคียงกัน แต่เราจะด้อยในเรื่องอสังหาฯ แค่นั้นเอง แต่ทุกอย่างมันเรียนรู้กันได้ แต่นี่ เราได้เจอคนที่มีปสก. และความรู้หลากหลายกว่าค่ะ บางคนก็ไม่รู้ภาษาอังกฤษเลย ทั้งๆที่ต้องทำจดหมายให้ผู้เช่าพื้นที่ในอาคารนั้นๆ ซึ่งมีทั้งคนไทยและต่างชาติ บางคนใช้อินเทอร์เน็ตไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ ต้องสอนว่าเข้า google มันง่ายกว่าเปิดสมุดหน้าเหลืองนะ พี่อีกคนก็คิดว่าเราจบวิทย์คอมมาเหอะ เพราะเราเซตระบบแลนได้ เวลามันล่มอ่ะ เฮ้อ..........เล่าแล้วก็เหนื่อยใจ แต่เงินเดือน และสวัสดิการโอเคมากๆค่ะ เราเองก็ลาไปสัมพาดงานบ่อยเหมือนกัน ก็ไม่มีการหักเงิน งานด้านอสังหาฯ ถ้าสำหรับบริษัทเรา ก็ถือว่าเติบโตนะคะ มีกำไร ไม่ได้ลดลงตามเศรษฐกิจเท่าไหร่ ได้ลูกค้าใหม่ๆ เหมือนกัน จริงๆ งานปัจจุบันก็ดีนะคะ งานสบาย ได้เงินดี แต่ไม่ค่อยเติบโต (หมายถึงเรายังไม่อยากเติบโตด้านนี้ ในอายุเท่านี้ ก็เลยยังไม่อยากก้าวค่ะ)   แต่ตอนนี้ได้งานใหม่แล้ว ไม่รู้หรอกนะ ว่าจะดีหรือแย่กว่าเก่า แต่ก็ตรงสายมากๆค่ะ ได้ใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมาซะที อ่อ เรามีจ๊อบพิเศษ คือ ผู้ช่วยช่างภาพด้วยนะคะ พอดีเพื่อนชวนไปทำ ซึ่งงานก็จะเป็นพวก mag ad หรือ fashion ad ค่ะ ก่อนหน้านี้ วงการก็เงียบๆไปค่ะ ถึงกับกินแกลบกันเลย แต่มาช่วงนี้ ไม่รู้เป็นเฉพาะเพื่อนเราหรือเปล่านะคะ คือ งานชนงาน บางวันก็วิ่งสามที่เลยทีเดียว แต่ปลายปีก็อาจจะมีการถ่ายปฎิทิน, แฟชั่นคอลเลคชั่นใหม่มั้งคะ เลยงานเยอะ จริงๆ มีอีกหลายจ๊อบ แต่เล่าแค่นี้ละกันค่ะ ยังไงก็ตาม คิดว่าปีหน้าหลังการเลือกตั้ง น่าจะดีขึ้นทุกๆวงการนะคะ จากคุณ : pompoko - [ 25 ต.ค. 50 22:37:52 ]

ความคิดเห็นที่ 65 มาแอบอ่านค่ะ ^^  เป็นเด็กจบใหม่ ยังไม่เห็นวงการนิติศาสตร์มั่งเลยงิ :) จากคุณ : M a n C u n i a n Z - [ 25 ต.ค. 50 22:51:05 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ถามต่อจากคห.65 ยังไม่เห็นวงการแพทย์เลยเจ้า  โผล่มาตอบหน่อยจิเจ้า  ถึงวงการนี้จะเงินเดือนดีมากถึงดีที่สุด  แต่ช่วงที่ผ่านมามีปัญหาหลายระลอกนี่คะ  ล่าสุดเรื่องสาวศัลยกรรมที่โดนยิงตายอีก -_-' อ้อเรื่องเด็กไปรักษาสิวแล้วโดนลวนลามอีก  ไหนจะ30บาทอีก  อยากรู้ว่าคนทำงานสายนี้ต้องปรับตัวกันยังไงบ้างคะ จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย - [ 25 ต.ค. 50 22:59:29 ]

ความคิดเห็นที่ 67 เข้ามารับความรู้ เพิ่มครับ เพิ่งเป็นคนใหม่ในสายธุรกิจรถยนต์ เห็นพี่ๆ หลายคนทำด้าน supplier ชิ้นส่วน ไม่รู้มีใครเป็นลูกค้าบริษัทบ้างหรือเปล่าเนี่ย เห็นช่วงนี้บริษัทก็คุยกันเรื่อง FTA อยู่ (นายญี่ปุ่นพูดกัน) เห็นจะร่วมมือกับบริษัท trading อีกแห่งรวมตัวร้องเรียนเหมือนกันครับ ชอบของคุณคุกกี้จัง นึกถึงตอนเรียนวิชาบริหารเมืองหลวง อาจารย์ก็ยกตัวอย่างสิงคโปร์ วางผังเมืองก่อนแล้วค่อยสร้าง ส่วนของเราสร้างก่อนแล้วค่อยวางผังเมือง (-_-') จากคุณ : Boyi - [ 25 ต.ค. 50 23:26:14 ]

ความคิดเห็นที่ 68 เพิ่งเป็นสมาชิกที่นี่ได้ไม่นานค่ะ แต่ก็อยากจะแจมในหลายๆ เรื่องนะคะ ทำงานด้าน IT มาตลอดค่ะ ตอนนี้ทำเกี่ยวกับการวิเคราะห์/ออกแบบระบบ System Analyst ในสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง ช่วงนี้งานหนักมาก ทั้งวางแผน ออกแบบ deal กับ user รวมทั้งเขียนโปรแกรมเอง แถมยังต้อง Report ในด้าน Business อีกเพียบด้วย เพราะใกล้จะขึ้นระบบแล้ว มีปัญหาเยอะทั้งในระบบ IT และ User แต่ก็ยังเข้ามาอ่านกระทู้ที่นี่เรื่อยๆ นะคะ (เน้นอ่านซะส่วนใหญ่) ดีจังที่มีกระทู้แบบนี้ ได้ความรู้ด้านอื่นๆ อีกเยอะเลย ขอบคุณ จขกท. มากนะคะ ที่ทำให้ห้องนี้ดูคึกคักมากๆ อะ จากคุณ : Kinjai - [ วันออกพรรษา 00:52:13 ]

ความคิดเห็นที่ 69 อยากเป็น Brand Maker ครับ ใครมีเส้นสายเอาเข้าวงการหน่อยสิ ยินดีทำทุกอย่าง ( สาธุ คุณดลชัยอ่านเจอทีล่ะ ) จากคุณ : Benz ใฝ่ฝันอยากสร้าง Brand (benzmkt) - [ วันออกพรรษา 01:54:24 ]

ความคิดเห็นที่ 70 . .. แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 50 02:42:09 จากคุณ : kuddle - [ วันออกพรรษา 02:37:38 ]

ความคิดเห็นที่ 71 Background เป็น Cooordinator ภาคอินเตอร์  Worldwide ของกลุ่ม บริษัทออกแบบแลนด์สเคป พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ก่อสร้าง Trading  . . .. หน้าที่ความกดดัน เพิ่มขึ้นตามวัน เวลา อายุ ที่ถูกส่งให้เดินทาง ไป Site ทั่วทวีป อายุ 23 เป็นผู้ติดตาม Local Investor อายุ 24 เป็น Asst. Director ของแต่ละ Branch นั้น อายุ 25 เป็น Intermediate เรียนต่อ Master Degree ด้าน Property Pre-Feasibility/ Marketing อายุ 26 เป็น Freelance ภาคสนามงาน TV , Germany อายุ 27 เป็น Manager / Senior/ AVP อายุ 28 เป็น Consulancy/ Partnership 40% shareholders อายุ 29 เป็น Consulting Freelance / Owner Teaching  Lab             อายุ 30 ... .ยังไม่รู้จะเป็นอะไร .. . . สองปีที่ผ่านมา  Finance Collapse ของ Real Estate ทั้งไทย เทศ มีการโยกเงิน ไปลงทุน ทาง Hotel...Resort ... Timeshare จากงาน Development ก่อสร้าง เม็ดเงินหมื่นล้าน . . . ทำให้ต้อง เริ่ม SMEs ตัวเอง จังหวะ วาสนา ทำให้เริ่มธุรกิจพื้นฐานทาง การศึกษา และ Satellite Cable TV ในลักษณะประสานงานกะ Oversea Sites  จาก Connection Base ... Coordinator, Ambassy ... Roadmap in 2008,  คิดว่าจะเหลืองาน Consultancy ไว้เดือนละ 1 job . .. . แล้วทำตลาด งานสอนหมุนเวียน จากคุณ : kuddle - [ วันออกพรรษา 02:38:46 ]

ความคิดเห็นที่ 72 คุณ คัสซีโอเพย่า ครับ .... ขอโทษครับที่ทำให้เข้าใจผิด ที่ผมว่าเหมือนกันน่ะ ไม่ใช่ว่า คุณ คัสซีโอเพย่า แก่ ( เหมือนกัน )นะครับ แต่เหมือนกันที่ อยู่ในวงการชิ้นส่วนรถยนต์ เหมือนกัน ( และดูเหมือนจะเป็นวิศวกรเหมือนกันด้วยนะ ) อยากได้คนใช้ Catia ก็เพราะว่า ค่ายรถยนต์(เกือบ)ทุกค่ายตอนนี้ใช้ซอฟต์แวร์ตัวนี้ในการออกแบบแล้วน่ะครับ และผมใช้มันในการ(เริ่มต้น)ออกแบบชิ้นส่วนของบริษัทครับ แต่สนใจโปรแกรมเรื่องต้นทุน ที่เล่าให้ฟังน่ะครับ ใช่ ERP รึป่าวน้า ... ถ้าไม่เป็นความลับอะไรล่ะก็ วันหลังขอคำแนะนำหน่อยนะครับ จะทำยังไงนะที่จะไม่ให้กระทู้นี้ตกไปอ้ะ น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับหลาย ๆ คนในยามนี้ได้ดีทีเดียวนะ ผมว่า . และเห็นที่ คุณ cookiecompany พูดถึง เรื่อง R&D ที่บอก อยากจะคุยยาว ๆ กันเลย น่ะครับ หลายคนรออยู่รึป่าวเอ่ย ..... แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 50 09:28:48 จากคุณ : เข้าใจได้ถึงความรู้สึก ... (มิสเตอร์ หว่อง) - [ วันออกพรรษา 09:27:41 ]

ความคิดเห็นที่ 73 เดี๋ยวหาว่าขายขอโดนยึดอมยิ้มอีก อิอิ แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 50 09:35:46 แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 50 09:33:04 จากคุณ : BMWTurboman - [ วันออกพรรษา 09:32:31 ]

ความคิดเห็นที่ 74 เป็นนักบัญชีค่ะ ใครมีปัญหาเรื่องบัญชีภาษี ปรึกษาได้นะคะ ไม่คิดตังค์ จากคุณ : ต้นซมพอ - [ วันออกพรรษา 11:06:06 ]

ความคิดเห็นที่ 75 อ่านเพลิน เลย....เรา.... จากคุณ : หมูสีชมพูตุ่น (t_kritty) - [ วันออกพรรษา 11:44:23 ]

ความคิดเห็นที่ 76 เข้ามาตอบ มิสเตอร์หว่อง ถ้าอยากให้กระทู้นี้อยู่นานๆ ก็ต้องช่วยกันโหวตค่ะ เพือ่น พี่ น้องที่เข้ามาอ่าน มาตอบอย่าอ่านกันเพลินจนลืมโหวตนะจ๊ะ ว่าแล้วก็กด 1 จึ๊ก จากคุณ : นกพญาไฟ - [ วันออกพรรษา 12:07:35 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ผม(และอีกหลายคนคง)รอฟังเรื่องฮ่องกง กับ จีน ของคุณนกพญาไฟ อยู่นะครับ อ้อ ... โหวตให้กระทู้ไปแล้วด้วยนะครับ ( เชยจังเรา แหะ ๆ ๆๆ ) จากคุณ : มิสเตอร์ หว่อง (มิสเตอร์ หว่อง) - [ วันออกพรรษา 12:47:59 ]

ความคิดเห็นที่ 78 เข้ามารออ่านเรื่องของแต่ละคน พร้อมกดโหวตอีก 1 จึ๊ก จากคุณ : Boyi - [ วันออกพรรษา 13:09:58 ]

ความคิดเห็นที่ 79 โหวตแระ 1 จึ๊ก รออ่านต่อของคุณนกพญาไฟ และคนอื่น ๆ อีก จากคุณ : ~!!!~ Romantic Blue ~!!!~ - [ วันออกพรรษา 14:47:00 ]

ความคิดเห็นที่ 80 อยากรู้ว่างานของคุณ pompoko ลักษณะเป็นแบบไหนอ่ะครับ เล่าต่อได้ไหม. (ชอบอะไรที่ยังไม่เคยมีใครทำ) จากคุณ : ranat (ranat) - [ วันออกพรรษา 14:58:48 ]

ความคิดเห็นที่ 81 เป็นประทู้ที่มีการ share and connect ธุรกิจต่างๆ   ได้มาก  สงสัยคนวงการแพทย์ โรงพยาบาล ไม่ค่อยมีให้เห็นเท่าไหร่ ?  ...  ตอนนี้ทำงานอยู่ในวงการ สาสุข  ถ้าใจให้ Update ข้อมูล ตอนนี้เริ่มต้นปีงบประมาณใหม่ การใช้เงินในการทำกิจกรรม อบรม ประชุมต่างๆ ยังไม่น้อย ไม่เหมือนกับช่วงปลายปีงบประมาณ (กันยายน)  ประชุมทุกวัน (โรงแรม กับนักวิชาการ...ก็ได้เงินกันถ้วนหน้า)  ....  เป็นกำลังใจค่ะ... เอ๊ยครับ จากคุณ : มดอ้อย (มดอ้อย) - [ วันออกพรรษา 15:22:30 ]

ความคิดเห็นที่ 82 อยู่วงการพ่อค้าครับ ขายทอง ตอนนี้ราคาทองแพงมาก แต่ยังพอได้กำไรจากจำนำแล้วก็ทองเก่า ยังดีที่อยู่ต่างจังหวัดเพราะขายได้กำไรมากกว่าในกรุงเทพ รายได้แต่ละวันไม่แน่นอน บางวันอาจได้กำไร 3 พัน แต่อย่างวันนี้ได้ 2 ร้อยกว่าบาท ช่วงนี้เงียบมากๆ เลยเขียนหนังสือเป็นงานอดิเรก (แต่ยังไม่ได้ออก T__T) ดีที่ปีนี้เขื่อนไม่พังไม่งั้นน้ำท่วมอีก เจ๊กอั่ก แน่ หวังว่าไม่เกิน 5 ปีคงหมดหนี้หมดสิน สาธุ จากคุณ : สรพงษ์... - [ วันออกพรรษา 16:15:43 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ผมไม่มีความชำนาญการทางด้านการตลาดสักเท่าไหร่นัก ให้ไปเป็นผู้ค้าผู้ขาย คงจะเอาตัวไม่รอด แต่ในแง่การวิเคราะห์ขอให้บอก ... เห็นหลายคนบอกอยากค้าขาย อยากมีธุรกิจของตัวเอง หรือหลายคนก็กำลังเป็นเจ้าของธุรกิจอยู่ เห็นแล้วก็อิจฉาว่าที่เศรษฐี แต่อย่างไรก็ตาม จะเป็นเศรษฐีได้หรือไม่ ต้องขึ้นอยู่ว่า เราสามารถคุมค่าใช้จ่ายได้ด้วยหรือเปล่า เหลือบไปเห็นน้องคุ้กกี้พูดถึงหลักเศรษฐกิจพอเพียง ขอบอกเลยว่า นี่แหละแนวทางการเป็นเศรษฐีของหลายๆ คน ตั้งมั่นอยู่ในความไม่ประมาท - อย่าคิดก่อหนี้ก่อสิน เพียงเพื่อคิดว่า เดี๋ยวก็มีรายได้มาจ่ายคืนหนี้ มีเพียงไม่กี่คนหรอกครับที่ประสบความสำเร็จ ควบคุมไม่ให้ใช้จ่ายเกินตน - ก็คือการทำงบประมาณรายจ่าย และใช้จ่ายให้ได้ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ มั่นคงในวิชาความรู้ - ก่อนที่จะทำอะไร ขอให้รู้ในสิ่งที่จะทำ พัฒนาอย่างยั่งยืน - เมื่อสิ่งนั้นทำได้ดีแล้ว มีลูกค้าในระดับที่เหมาะสม ก็พัฒนาเพื่อเพิ่มเติมความรู้ของตน และทำให้เป็นมูลค่าต่อลูกค้าตนเอง รักษาลูกค้าเก่าให้มั่นคง สิ่งที่เหลือเก็บ ก็คืออนาคตว่าที่เศรษฐี ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงนี่เอง จากคุณ : เตร็ดเตร่ - [ วันออกพรรษา 16:25:34 ]

ความคิดเห็นที่ 84 พลัดหลงมาจากหว้ากอ ตอนแรกว่าจะแอบอ่านเงียบๆ อ่านมาอ่านไป ตัดสินใจ...เอาวะ เล่าเรื่องตัวเองมั่งดีกว่า เป็นวิศวกรจัดซื้อ วันๆนั่งหน้าคอมพ์ เปิด Order เช็คราคาของ พิมพ์งาน แก้ไขข้อมูลในคอมพ์ ฯลฯ ไม่ได้ใช้ความรู้ทางวิศวะเล๊ย ="= อยู่ในโรงงานสัญชาติไทยแท้ ผลิต Valve อุตสาหกรรมครับ ถ้าขอบอกว่าเป็นบริษัทระดับ Top 5 ของ Asia คนในธุรกิจนี้คงร้องอ๋อ...(แปลว่า คนนอกได้แต่ทำหน้างงๆ ที่ใหนฟระ???) ส่งออกกว่า 80% ครับ ก่อนผมมาทำที่นี่ไม่รู้เคยเป็นยังไง แต่ตั้งกะผมอยู่มาสามปีกว่า บ.ขาดทุนทุกปี -____________________-" วิเคราะห์(มั่ว)เอาเองครับว่า 1.ที่ตั้งโรงงานเดิม อยู่ในเมือง เป็นที่เช่า คับแคบ ย้ายมาอยู่ที่ใหม่ในนิคมฯใกล้กรุงเทพแห่งหนึ่ง สถานที่กว้างขวางก็จริง แต่ค่าโสหุ้ยท่วมท้น --" 2.ตลาดโลกเปลี่ยน ทั้งเรื่องของค่าเงินผันผวน โดนสินค้าจีนแดงตีตลาด ลูกค้ากดราคาลงเรื่อยๆ แถมจะขอลด lead time จนจะหน้าเขียวกันอยู่แล้ว (สั่งวันนี้ จะเอาอาทิตย์หน้า ไม่ใช่ปิ้งกล้วยขายนะว๊อย ="= ) ช่วงที่แล้วอสังหาฯที่อเมริกา เ จ๊ ง กัน วงการผมก็พลอยฟ้าพลอยฝนโดนหางเลขไปด้วย จนเริ่มมีเสียงลือกันว่า อาจไม่ได้อยู่แลองไปใหม่กัน O_o" เดชะบุญที่ช่วงปลายปี เพิ่งไปเปิดตลาดใหม่ได้ประเทศนึง ยังเวอร์จิ้นอยู่มาก ไม่มีคู่แข่งเลย ^^v เลยพอเห็นแสงรำไรอยู่ปลายอุโมงค์ครับ 3.ช่วงที่ย้ายโรงงาน มีการเปลี่ยนระบบการทำงานอย่างฉับพลันเกินไป ท ั้งบุคลากร ทั้งระบบคอมพิวเตอร์ ทั้ง ฯลฯ จนงานชะงักงันไปหมด ดีที่ตอนนี้ค่อยยังชั่วขึ้นแล้วครับ ตอนนี้ก็ได้แต่ลุ้นให้บุกตลาดใหม่ที่ว่าให้สำเร็จ ปีหน้าจะได้มีงานทำกันต่อครับ (อันนี้ส่วนตัวนะ รู้แล้วห้ามเล่าให้คนอื่นฟัง) ส่วนผม ก็ลุ้นโบนัสปลายปีนี้ก่อน ถ้ายังดีอยู่ก็โอ.เค. แต่ถ้าออกมาดูไม่ได้...ก็เตรียมเหล่ประกาศหางานกันต่อไปครับ ^^" จากคุณ : ลูกจ้างดีเด่น - [ วันออกพรรษา 16:40:06 ]

ความคิดเห็นที่ 85 =''=  อ่า สวัสดีค่ะ เราเรียนจบสาย  IT ค่ะ แต่ตอนนี้ทำ  Software Quality Assurance Engineer   อยู่กับบริษัทที่ทำเกี่ยวกับ Telecommunication เป็นแบบ service บนมือถืออะค่ะ เพิ่งเรียนจบมาเลยยังรู้สึกว่า มีอะไรที่ต้องเรียนรู้เยอะแยะ อยากลองทำงานในที่ที่มี mentor หรือ training ที่เยอะกว่านี้อะค่ะี้ เพราะตอนนี้ ที่ทำอยู่เหมือนมาเริ่มเองทั้งหมด ทั้งแผนกก็มีเราคนเดียว T_T...ตอนนี้เลยต้องทำทุกอย่าง ก็เป็นทั้ง  Tester, QA, System engineer ด้วยค่ะ งานโดยรวมก็สนุกดี หัวหน้างานก็ดี แต่ตัวงาน การจัดการในส่วนของ software developing process ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ปัญหาที่มักจะเจอตอนนี้ ก็จะเป็นเรื่องของการขอความร่วมมือจากผู้ที่อยู่มาก่อน อะค่ะ เลยรู้สึกว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่ นี่จะได้ใช้จริงไหม แล้วทำไปแล้วจะมีใครเข้ามาใช้ระบบไหม เริ่มรู้สึกแย่ๆ เพราะไม่รู้ว่ามันจะมีประโยชน์จริงหรือเปล่า ก็คองต้องรอดูต่อไปเมื่อระบบเสร็จอะค่ะ ^^;  (เฮ้ออ...) จากคุณ : Iceclover - [ วันออกพรรษา 17:01:19 ]

ความคิดเห็นที่ 86 แว่บไปแว่บมาในห้องนี้ มาเจอะกระทู้นี้ ทำไมแต่ละคนทำงานแบบดูเป็นงานเป็นการจังเลย ^ ^" ตัวเองเป็นเลขาผู้บริหารค่ะ นายให้ทำอะไร ก็ต้องทำ ไม่เคยทำ ก็ต้องทำ ทำไม่เป็นก็ต้องเป็น 5555 บริษัททำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวค่ะ งานอีกอย่างหนึ่งคือ งานกึ่งๆบุคคล ไม่ได้ทำทั้งหมด แต่ดูเบื้องต้น อย่างการกรอกเอกสารประกันสังคม เอกสารประกัน หรือแม้แต่สวัสดิการเบื้องต้น เพราะสำนักงานที่ทำ อยู่คนละที่กับฝ่ายบุคคล รวมถึงทำสถิติการมาทำงานของคนในออฟฟิศนี้ด้วย แล้วก็ต้องสัมภาษณ์งานอีกต่างหาก ซึ่งช่วงนี้ไม่ต้องสัมภาษณ์งานเลย เพราะใครออก ไม่มีรับแทน ปีหน้าค่อยมาดูอัตรางานกันใหม่ เอิ๊กกกกกกกกกกกกกกก - -* (คิดดูละกันว่าเศรษฐกิจเป็นอย่างไรในตอนนี้) แล้วก็ดูแลงานสำนักงาน อย่างแม่บ้าน operator messenger เรียกง่ายๆ งานแม่บ้านล่ะค่ะ - -* รวมถึงประสานงานกับอีกออฟฟิศนึงด้วย บริษัทมีนโยบายอะไร จะไปเที่ยวไหน จะประกาศข่าวอะไร จะสอบถามความคิดเห็นพนักงานของออฟฟิศนี้เรื่องอะไร ผ่านมาอิช้านนนนหมดค่ะ ต้องรู้ทุกเรื่อง T______T สรุป ทำงานเป็นเบ๊ค่ะ เหอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : kannasan - [ วันออกพรรษา 17:24:05 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ทำงานอยู่บริษัทที่กำลังก่อสร้างโรงงานเอทานอลค่ะ เป็น Anhydrous grade สำหรับที่เอาไปผสมเป็นแก๊สโซฮอล์น่ะค่ะ ทำโครงการแบบนี้ตั้งแต่เรียนจบ โครงการนี้เป็นโครงการที่สามละ ตอนที่ทำโครงการแรกเนี่ยรัฐบาลสัมปทานให้แปดโครงการมั้ง ตอนนั้นราคาลิตรละยี่สิบกว่าบาท ธุรกิจนี้ดูไปได้สวยมากๆ แต่โครงการเรากำลังก่อสร้างดั๊นมีปัญหาเรื่องเงิน สร้างไม่เสร็จซักที ก็ชวดโอกาสทองไป จากนั้นก็มีคนไปขอสัมปทานอีกเยอะแยะมากมาย ถ้าทุกโครงการสร้างเสร็จและทำจริงๆ ตามตัวเลขกำลังการผลิตเอทานอลจะประมาณสิบล้านลิตรต่อวันแน่ะ (แต่ทำจริงๆคงไม่ถึง) ช่วงนั้นเราเนื้อหอมมากกกก.. ไม่รู้จะเลือกทำงานโครงการไหนดีเลย จนมาตอนนี้รัฐบาลเลื่อนการยกเลิกห้ามใช้สาร MTBE ผสมในน้ำมันเบนซินออกไปทำให้ demand ของเอทานอลไม่เป็นตามคาด ประกอบกับราคาเอทานอลจากบราซิลก็ถูกเหลือเกิน ราคาวัตถุดิบ(มันสำปะหลัง)ก็แพงขึ้น หลายโครงการที่ก่อสร้างไปแล้วก็ชะลอ ใครยังไม่เริ่มก็กลับไปพิจารณาใหม่ เราก็เกิดอาการปวดใจอ่ะ แต่เราโชคยังดีที่ตอนนี้บริษัทเราไม่คิดยกเลิกหรือชลอโครงการ เลยยังหายใจทั่วท้องอยู่ ปล. เศรษฐกิจแบบนี้ไม่ควรตกงานอย่างยิ่ง ท่าทางจะหางานย้ากยากว่ามั้ยคะ จากคุณ : pink_oreo - [ วันออกพรรษา 17:32:53 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ทำงานกึ่ง HR&GA ที่ดูแลสวัสดิการบางส่วน และก็สับสนกับมาตรฐานของบริษัทฯ เมื่อพยายามสั่ง save cost ทุกอย่าง รถรับ-ส่งพนักงานก็ไม่ยอมอนุมัติให้เป็นรถปรับอากาศเสียที แต่ทีสวัสดิการผู้บริหารนี้ ทำไมจึงปล่อยไม่อั้น ไม่ว่าจะค่าน้ำมันที่เติมกันได้สนุก หรือรถประจำตำแหน่งที่มีให้หมุนเวียนใช้ได้ตลอด บริการดีเยี่ยมยิ่งกว่าพระเจ้าเสียอีก ขนาดบ้านผู้บริหารมีงูเข้าไป ยังต้องจัดกำลังคนไปช่วยกันจับ ทั้งที่งานในโรงงานก็ล้นมือ ก็เลยรับทราบในบัดดล(ตั้งนานแล้ว) ว่าผู้บริหาร ก่อนที่เขาจะพิจารณาถึงผลประโยชน์สวัสดิการต่างๆ เขาก็ต้องดูก่อนแหละว่ามันกระทบกับสิ่งที่เขาได้รับหรือเปล่า ถ้ากระทบและได้ไม่ดีกว่าของเก่า ก็ยากที่จะปรับเปลี่ยนอะไรได้ ของเคยได้ก็ต้องได้ จะเป็นของเคยได้ ไม่มีก็ได้ มันเป็นไปไม่ได้ เบื่อครับ จากคุณ : freestyler - [ วันออกพรรษา 18:17:51 ]

ความคิดเห็นที่ 89 อ่านความเห็นของคุณ ลูกจ้างดีเด่น แล้วขำค่ะ...  เพราะว่าตั้งแต่อ่านมาขำได้มากๆ ก็ความเห็นนี้แหละ แล้วอ่านของคุณเจ้าของร้านทอง ก็ทำให้คิดว่า ขนาดร้านทองยังเป็นแบบนี้เลย  เพราะเคยมีความคิดว่า อยากเปิดร้านทองเหมือนกัน แต่ยังไม่มีความรู้ทางด้านนี้  และก็อ่านเรื่องรายได้แล้วทำให้เห็นว่า  ต้นทุนในการขายทองกว่าจะเปิดร้านได้ ก็ใช้ต้นทุนสูงเหมือนกัน  แต่ได้กำไรพอๆ กับที่ร้านรับซื้อของเก่าที่ทำอยู่เลย ไม่ค่อยได้แวะมาห้องนี้บ่อยนัก  ก็ขอแจมด้วยแล้วกันนะคะ  ที่บ้านเป็นร้านรับซื้อของเก่าค่ะ  แต่ก่อนก็อยู่ที่ร้านกับพ่อกับแม่   แต่เพิ่งแยกไปอยู่กับแฟนที่ร้านขายไม้ได้ประมาณ 2 ปี  และตอนนี้ก็เพิ่งจะกลับมาช่วยงานที่บ้านพ่อกับแม่ได้ประมาณ 1 เดือนค่ะ สิ่งที่เห็นถึงความแตกต่างก็คือ ราคาสินค้ามีการปรับขึ้นไปมากๆ ตั้งแต่เปิดร้านมา ไม่เคยซื้อเศษเหล็กถึงกิโลกรัมละ 10 บาท แต่ปีนี้ถึง เพราะราคาสินค้าปรับขึ้นมากๆ รวมถึงสินค้าทุกอย่างที่ราคาสูงขึ้นกว่าเท่าตัว และก็ปกติ ถ้าเศรษฐกิจไม่ดี  ทุกๆ ปีที่ผ่านมา ร้านของเก่าจะไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากว่าถ้าเศรษฐกิจไม่ดี โรงงานปิด คนที่ได้ผลประโยชน์คือ ผู้ค้าของเก่า  แต่ปีนี้กลับไม่ใช่ ซึ่งเป็นสิ่งที่แปลกมากๆ  ร้านของเก่าส่วนมากซบเซาลง (ฟังมาจากหลายๆคนที่อยู่วงการนี้ที่บ่นๆให้ฟัง) ปัญหาที่ต้องพบเจอทุกวันก็คงจะเป็นเรื่องใกล้เคียงกับหลายๆ ท่านข้างต้น ที่บอกว่าผู้ประกอบการคนไทย คำนวณต้นทุนไม่ค่อยละเอียดนัก  โดยส่วนตัวเห็นว่าเป็นเรื่องจริง เพราะว่าโดยนิสัยคนไทยไม่ใช่คนเรื่องมาก จุกจิก และจากครอบครัวของตัวเอง เป็นธุรกิจภายในครอบครัว ทำให้พบปัญหาจากคนในครอบครัว ก็คือในเรื่องของการคำนวณต้นทุน จะไม่ค่อยให้ความสำคัญ และเราเองก็เป็นลูกพูดอะไรมากไปก็ไม่ได้  ก็เลยได้แต่ปล่อยๆ ไป ล่าสุดในสัปดาห์นี้ เพิ่งได้ไปรื้อโรงงานของนักลงทุนชาวสิงคโปร์ ที่มาเปิดโรงงานในเมืองไทย เพื่อฟอกเงิน แต่ได้ปิดตัวไปแล้ว เห็นแล้วก็น่าคิดนะ ว่านักลงทุนต่างชาติเห็นประเทศเราเป็นอะไร เป็นสถานที่เพื่อมากอบโกยหรืออย่างไร???? จากคุณ : nuumama - [ วันออกพรรษา 18:27:55 ]

ความคิดเห็นที่ 90 จากที่คุณคุ๊กกี้บอก  Moto จะตายจริง ๆ เหรอเนี่ย  ผมน่ะชอบ linux phone ของ moto มากเลย  ใครได้ใช้น่าจะรู้ว่าดี  และแฮงค์น้อยกว่า พวก symbian หรือ ppc เรื่องของตัวเองก็ทำบัญชี  อยู่ในบริษัทที่เป็นธุรกิจ microelectronic มาหลายปี  บอกชื่อไปคนทั่วไปก็รู้จักดี ปีนี้ไม่รู้คิดอะไร  ย้ายมาอยู่บริษัทหนึ่ง  ที่บอกชื่อไป  คนก็ถอยหนีกันหมด - -'  คงคิดว่าเราจะมาหา downline เปรียบเทียบกับบริษัทก่อนหน้าแล้วต่างกัน  ที่บอกชื่อไปก็ภูมิใจที่อยู่บริษัทเก่ามีคนรู้จัก  แต่อยู่บริษัทนี้ ไม่กล้าบอกใครเลยแฮะ  ทั้งที่คนรู้จักเหมือนกัน งานส่วนตัวที่นี่งานหนึ่งคือ การวิเคราะห์ยอดขายกับต้นทุนสินค้า  ปีนี้เศรษฐกิจไม่ดี  แต่ยอดขายกลับไม่ได้ลดลงจากปีที่แล้วเท่าไหร่เลย  ดีกว่าปีที่แล้วด้วยซ้ำ  อาจเป็นเพราะเครือข่ายที่แข็งแกร่งมากเป็นฐานเดิม  การโฆษณาสร้างภาพลักษณ์ที่ดี  และการจัดโปรโมชั่นอยู่เรื่อย ๆ จากคุณ : kazama - [ วันออกพรรษา 19:26:40 ]

ความคิดเห็นที่ 91 ^ ^ หึหึ ผมยังไม่ใช่เจ้าของร้าน แต่เป็นลูกชายเจ้าของร้าน ^^ จริงๆอยากทำโฆษณานะ แต่เผอิญเอ็นท์นิเทศไม่ติด ดันติดประวัติศาสตร์ มีบัตรเงินมัคคุเทศก์ด้วย แต่เป็นคนไม่ชอบเที่ยวแล้วก็ไม่ชอบพูดต่อหน้าคนเยอะๆก็เลยไม่เอาดีกว่า สมัครงานที่อยากทำแต่ไม่มีที่ไหนรับก็เลยกลับบ้านนอกดีกว่า คิดว่าถ้าไม่ได้ทำงานที่อยากทำจริงๆสู้กลับมาทำกับที่บ้านดีกว่า ก็เลยอยู่อ่างทองมา 4 ปีแล้ว ตอนแรกก็ไม่ชินกับการค้าขายหรอก แต่เดี๋ยวนี้ชินแล้ว พอจะมีมุกคุยเล่นกับลูกค้าได้บ้าง หลายคนชอบมองว่าขายทองมักจะรวย ก็ไม่รู้แฮะ แต่ที่บ้านผมพอจะมีเงิน มีบ้าน มีรถ ก็มาจากช่วงสมัยฟองสบู่ (ตอนนั้นผมยังอยู่ประถมอยู่เลย) ช่วงนั้นรู้สึกว่าขายได้วันนึงหลายบาท แต่เดี๋ยวนี้อาทิตย์นึงขายได้ไม่ถึง 5 บาทเลยด้วยซ้ำ ระลึกถึงอดีต ตอนนี้ก็พยายามประคองตัวไปเรื่อยๆ พอดีเปิดอีกสาขานึง (จริงๆย้ายหนีที่เดิมเพราะตลาดที่อยู่ไม่มีคนเดิน แม่ค้ายังเรียกตลาดผีสิง พ่อกับแม่ก็ไปร้านใหม่ส่วนผมก็อยู่ร้านเดิมเพราะร้านเดิมลูกค้าจะชอบมาจำนำเพราะมันไม่ค่อยมีคนเดินผ่าน กลัวอาย -__-) ไหนๆก็พูดถึงเรื่องลงทุนละกัน ร้านใหม่ตึกแถว 1 ห้อง ลงทุนค่าทองประมาณ 5 ล้าน (หอบทองของร้านเดิมไปด้วย ส่วนร้านที่ผมอยู่ขายถึงแค่เส้นละ 1 บาท รวมแล้วคงมากกว่านั้นซัก 2 ล้าน) ขอเครดิตร้านขายส่งด้วยเพราะตอนนั้นกระเป๋าแฟบจริงๆ ค่าตึก 6 ล้าน 5 ตกแต่งอีกหลายแสนเหมือนกันทั้งป้าย กล้องวงจรปิด +  ตู้ทองอีก 5 แสน (กู้แบงค์ 2 แบงค์ + ยืมญาติล้วนๆเลยร้านนี้ แต่คิดซะว่าลงทุนเพื่ออนาคต จากที่ไม่มีหนี้ก็เลยโผล่มาตูมเดียว เอาวะ ! คิดซะว่ามันอยู่ในรูปของทุน) ใครจะเปิดร้านทองใหม่ก็คิดซะว่าคงต้องลงทุนประมาณนี้แหล่ะ ของผมคิดว่ามันหนึกตรงค่าตึกนี่แหล่ะที่รู้สึกว่าแพงเกินไปหน่อย ข้อดีของการขายทองนะครับ 1.ทองไม่เน่าไม่เปื่อย ขาดเงินก็เอาไปขายร้านขายส่ง (เสี่ยร้านขายส่งเละเลยงานนี้ บางวันทองขึ้นมากๆมีคนเอาไปขายบางเจ้าราคาเป็นล้านเลย ความเครียดสูง เถ้าแก่ร้านขายส่งคนแรกเลือดสมองแตกตายไปแล้วคนนึง เป็นผมๆก็เครียดเหมือนกันเพราะดูเงินไหลออกๆวันนึงเป็นล้าน แต่คนที่มาซื้อทองไปขายน้อยลง) 2.เงินหมุนเวียนเยอะ พอจะผ่อนแบงค์หรืออย่างอื่นได้ (อยู่ได้เพราะเงินหมุนนี่แหล่ะ) นึกข้อดีออกแค่นี้แฮะ ส่วนข้อเสีย 1.กำไรน้อยถ้าเทียบกับทุน เท่าที่ทราบมาอย่างพวกสินค้าอื่นๆส่วนใหญ่จะกำไรอย่างต่ำ 10 % แต่ทองไม่ใช่ ขนาดอยู่ต่างจังหวัดสามารถบวกค่าแรงได้มากกว่าที่กรุงเทพ แต่กำไรประมาณ 4-5% เท่านั้น เคยซื้อทองเก่าราคา 97000 บาท ชิ้นนี้กำไร 4000 มองดูกำไรต่อชิ้นก็ถือว่าเป็นก้อนใหญ่นะ แต่คิดถึงทุนที่เสียไปแล้ว เฮ้อ... 2.เสียภาษีเยอะกว่าขายอย่างอื่น อย่างร้านผมเสียเดือนละ 7000 ทั้งที่ยอดขายพอๆกับร้านขายยา แต่ร้านขายยาเสียเดือนละ 250 -__-* แถมสรรพากรมาเยี่ยมบ่อยอีกต่างหาก มานั่งนับเส้น แถมถามจุกจิกอีก ที่บ้านมีมือถือกี่เครื่อง เสียค่าโทรเดือนละเท่าไหร่ หนักสุดก็ถามว่าปีนี้เปลี่ยนยางล้อรถไปแล้วรึยัง -__-" 3.ปีก่อนน้ำท่วม 1 เดือน ปิดตลอด 1 เดือน ขายอย่างอื่นยังหอบของในร้านไปขายริมถนนได้ (ขายดีด้วย แถมไม่เสียภาษีอีกต่างหาก) ลืมไปเลย ขายทองต้องมีใบอนุญาตขายค้าของเก่าด้วย ยาวเหลือเกิน คิดซะว่าฟังคนมานั่งบ่นละกันนะครับ จากคุณ : สรพงษ์... - [ วันออกพรรษา 19:50:34 ]

ความคิดเห็นที่ 92 แต่อย่างวันนี้ได้ 2 ร้อยกว่าบาท - โห...ฟังแล้วอึ้งเลยเจ้า มีคนทำเรื่องเอทานอลด้วย  กรี๊ด ๆ ๆ เราสนใจด้านนี้อยู่  อยากรู้ว่าอนาคตเรื่องพลังงานจะเป็นไงอะ @^ 0 ^@ ขอข้อมูลอีกเยอะๆหน่อยสิจ้า จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย - [ วันออกพรรษา 20:54:43 ]

ความคิดเห็นที่ 93 กะว่าจะเข้ามาอ่านอย่างเดียว ช่วยด้วยดีกว่าครับ เป็นเซลล์ในธุรกิจ เคมีเกษตรครับ สถานะภาพ เหนือยมาก สาเหตุ  1 สินค้าขึ้นราคาเกือบทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสินค้าป้องกันกำจัดศัตูพืชที่นำเข้ามาจากประเทศจีน ที่โรงงานผู้ผลิตโดนปิดตัวไปบ้าง จากระบบภาษีของจีนด้วย ทั้งส่งไปที่อื่นๆที่ให้ราคามากกว่าไทยบ้าง ส่วนปุ๋ยก็ราคาขึ้นตลอดเพราะเป็นทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไปครับ ปีที่แล้วราคาของ Phosphate ขึ้นราคาเยอะ ปีนี้ Potash ขึ้นอีก Nitrogen ก็เริ่มขยับ           2 ราคาผลิตผลภาคการเกษตรตกต่ำ ทำให้กำลังซื้อของเกษตรกรน้อยลง บางครั้งหลายคนมองว่านี่เป็นการทำร้ายเกษตรกร เพราะราคามันปรับขึ้นเกือบจะทุกวัน เฮ้อ....สงสารชาวสวนครับ แต่หากใครบอกว่าให้ใช้เกษตรอินทรีย์นี่ใช้ได้ครับ แต่ไม่เหมาะกับการทำพื้นที่ใหญ่ๆหรือทำเพื่อหากำไรครับ แป่ว...ลิมไปนึกว่า มุมเกษตรกร ในห้องจตุจักร อิๆๆ จากคุณ : seto16 - [ วันออกพรรษา 22:17:14 ]

ความคิดเห็นที่ 94 เข้ามาดู ... จากคุณ : D_YONG - [ วันออกพรรษา 22:26:39 ]

ความคิดเห็นที่ 95 มาอีกรอบ โห สงสัย ผมเป็นเซลส์คนเดียวเองเหรอเนี่ย จากคุณ : drof - [ วันออกพรรษา 22:31:17 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ^ ^ ^ ^ ยังมีผมที่เป็นเซลล์ อีกคนครับ อิๆๆ จากคุณ : seto16 - [ วันออกพรรษา 22:38:39 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ทำงานคล้ายๆๆ เซลล์ เหมือนกันครับ ขายเศษเหล็ก กิน (-_-') จากคุณ : Boyi - [ วันออกพรรษา 22:54:23 ]

ความคิดเห็นที่ 98 เข้ามาแชร์ครับ ไม่แน่ว่าอาจได้ช่วยๆกันภายหลัง หลักๆ 1 ผลิตนิตยสารมือถือ 2 หัว รายได้คงที่ ไม่รวย ไม่จน และไม่โตไปกว่านี้ 2 จัดงานมือถือ 2 ครั้งต่อปีที่ QSNCC ,centralworld ปลายปีมีที่ impact และ esplanade งาน event มีแววไปได้ 3 website ทำมา 5 ปี ไม่เคยเห็นกำไร แต่ทำ support กับงานหนังสือ และงาน event เลยยังต้องทำต่อไปแม้ขาดทุนเห็นๆ เสริม กำลังจะเปิดร้านแบบแฟรนไชส์ที่ขายไก่ย่างและร้านกาแฟกลางเดือนธันวานี้ แถวๆห้างใหม่พระราม 2 ครับ ใครใกล้ๆแถวนั้นหลังไมค์มาถามได้ ไม่อยากลงเดี๋ยวหาว่าโฆษณาร้าน ^^ ธุรกิจขายเรือแบบงานอดิเรก จำพวก เรือใบ เรือ RIB *** มาแก้ไขคำผิดครับ แก้ไขเมื่อ 27 ต.ค. 50 00:05:07 จากคุณ : phonemag - [ 27 ต.ค. 50 00:01:45 ]

ความคิดเห็นที่ 99 ไอเดียกระทู้ดีครับคุณคุ้กกี้ ห้องสีลมที่มีแต่กระทู้ถามเรื่องงานเต็มไปหมด มีกระทู้อย่างนี้มาต้องโหวตครับ แจมบ้างละครับ ผมเคยเป็น SAP consultant มาก่อน มีเซอร์ด้วย แต่ตอนนี้หันมาทำทางด้าน IT Support แทน ไม่เกี่ยวกับ SAP เลย แต่ก็ยังวนๆอยู่กับ ERP แต่แค่ตัวอื่นๆ ทำทางด้านนี้เหนื่อยครับ เหนื่อยใจ เหนื่อยกาย ถึงบริษัทจะใหญ่เป็นบริษัทข้ามชาติ แต่การแข่งขันก็สูง สองสามเดือนที่ผ่านมา ผมเดินทางบ่อยมาก ไปดูลูกค้าต่างประเทศ กลับมาแต่ละที งานกองให้เคลียร์เป็นตั้ง ลูกน้องทั้งทีมก็พยายามช่วย แต่ว่างานมันก็ยังเหลือให้ทำอีกเยอะ ทำให้บางทีไม่อยากออกออฟฟิซเลย เพราะออกแต่ละที กลับมาได้งานมาเพิ่ม (ก็จากลูกค้านั้นแหละ) ข้อดีอย่างหนึ่งก็คือ มีโอกาสได้มาเล่าทริปให้ชาว BP ฟัง หลายๆคนบอกว่าผมจะรุ่งเรืองกว่านี้ถ้าผมทำ SAP consult ต่อไปเรื่อยๆ แต่มันไม่ใช่เป้าหมายของผม ผมอยากจะเป็นผู้บริหารระดับสูงมากกว่า ของบริษัทข้ามชาติใหญ่ๆด้วย ซึ่งผมว่าชาตินี้ทั้งชาติยังไม่รู้ว่าจะเป็นได้หรือเปล่า ตอนนี้ผมก็พยายามออกจากสาย IT ละครับ อยากจะไปทำทางด้าน new business development ก่อน ผมว่ามันท้าทายดี และอีกอย่าง จะได้ใช้ความรู้ทางด้าน business strategy ที่ผมได้เรียนมาแอพพลายด้วย ส่วนเรื่อง iPhone ตอนนี้ทราบมาว่าราคาตกลงไปอีกแล้ว ($299 แล้วมั้งครับ) หลังจากที่ขายไปได้แล้วเกินล้านเครื่อง Apple ก็ลดราคาเครื่อง โดยตั้งเป้าว่าปีหน้าจะขายให้ได้เกิน 10 ล้านเครื่อง (จะทำได้จริงหรือ) เพราะว่าตอนนี้ตลาด smart phone กำลังโต ตัวเลือกมีไม่มาก Nokia ก็เลยจะเข้ามาแจมด้วย ผมก็เล็ง iPhone อยู่เหมือนกัน แต่ว่าคงยังไม่ซื้อปีหน้าหรือต้นปีหน้า ขอรอดูอีกหน่อยเพราะ feature ที่อยากให้มี มันยังไม่มี ถ้ามีแล้วค่อยดูกันอีกที อีกอย่าง ผมก็ยังแฮบปี้ดีกับเครื่องโมโตของผม จากคุณ : Freedom and Justice - [ 27 ต.ค. 50 00:12:41 ]

ความคิดเห็นที่ 100 ถามคุณ Boyi นิดนึง รู้ไหมคะว่านายคุณ จะร้องเรียนเรื่องอะไร จะสู้เหตุของการมี FTA ไหวไหมเนี่ย - -" คุณมิสเตอร์ หว่อง : เรื่องแก่นั่นแซวเล่นน่ะค่ะ :) ก็เป็นวิศวกรอยู่ในวงการชิ้นส่วนรถยนต์ค่ะ คุ้นเคยกับ Catia ดีค่ะ ส่วนคนใช้ Catia ก็หาไม่ยากหรอกค่ะ จะว่าไป ถ้าใช้ auto cad ได้คล่อง ก็เช้เวลาฝึกเพิ่มอีกไม่นานค่ะ เคยเห็นพี่เขาฝึกกันไม่นานเลย ส่วนเรื่องโปรแกรมต้นทุน ใช่ค่ะ เป็น ERP ตัวหนึ่ง เราใส่ information จากลูกค้าลงไป ก็สามารถหาตัวเลขขาย ออกมาได้เลย แถมยังมี option ให้ลูกค้าเลือกได้อีก เช่น ถ้าซื้อ minimut lot size เท่านี้ จะขายชิ้นละเท่าไร หรือถ้าเปลี่ยนแปลง เพิ่มขึ้น หรือลดลง จะขายต่างจากนี้กี่บาท กี่วันได้ของ กระทั่งว่า ส่งมาแค่ภาพสเกตช์มือ ราคาคร่าวๆ เท่าไร ก็ตอบได้ ไม่รู้ว่าแนะนำอะไรได้บ้างหรือเปล่า สนใจในส่วนไหนถามทิ้งไว้แล้วกันค่ะ จะพยายามหาคำตอบมาให้ :) ดีใจที่ได้เจอคนในวงการอีกครั้งค่ะ ในส่วนของต้นทุน หากเรารู้จัก Business flow ของบริษัท และมีโอกาสได้เห็นตัวเลขค่าใช้จ่ายต่างๆมากพอ ก็สร้างขึ้นมาเองได้ เหมือนกับที่เคยเรียนใน Economic Engineering เลยค่ะ มีค่าเสื่อม มี loss มีค่าการจัดการ มีโสหุ้ย และอื่นๆ ตามลักษณะธุรกิจ ทำ calculation sheet เองได้ค่ะ เคยทำอยู่พักนึงเหมือนกัน ส่วนตัวคิดว่าใช้ ERP จะง่ายกว่านะคะ ใช้เวลาแค่วันเดียวก็ ส่งใบเสนอราคาให้ลูกค้าได้แล้ว แต่ ERP ไม่ได้มีดีแค่นั้น เท่าที่เห็น เขาจัดการทรัพยากรอื่นๆ ได้ดีทีเดียว เห็นคลังวัตถุดิบแล้ว ยังนึกชมอยู่เลย ว่าแทบจะพอดีกับอัตราการผลิตเลย ขอแชร์เรื่อง R&D นิดนึง เคยทำอยู่ปีหนึ่ง พบว่าหากบริษัทไม่มีทุนและ ความมุ่งมั่นแล้วก็ยากที่จะทำจริงๆ นะคะ ตอนที่ทำนั้น ถอดใจเลยค่ะ บริษัทไม่ได้มุ่งมั่นที่จะทำจริงๆ และไม่ให้งบเลย เลยทำแต่ Report ไว้ให้อ่าน ให้ท้อใจเล่นๆ ว่าสู้เขาทางนี้ไม่ได้แน่ - -" คู่แข่งเหนือกว่าทุกทาง ยกเว้นราคา เพราะเราสามารถ ถ้าผู้บริหารอยากได้งาน เราจัดให้ แต่กำไรหรือขาดทุนเท่าไรนั้น จะบอกให้ทีหลัง ฮา... นอกเรื่องไปเยอะ กลับมา R&D ต่อ เทคโนโลยีหรือการพัฒนาต่างๆ นั้น ไทยเราไม่ได้ด้อยกว่าใครเลย เพียงแต่บางที เจ้าของกิจการ เขาไม่เอากับเราด้วยอ่ะสิ วิศวกรอย่างเราๆ ก็ต้องตามใจเขาแหละ ไม่เอาก็ไม่เอา เฮ้อ.... คุณ kuddle: แอบอึ้งและทึ่ง กับ Profile ของคุณค่ะ เล่าให้ฟังบ้างซีคะ ไปไงมาไง ได้ทำงานเยอะขนาดนั้น คุณ pink_oreo: โรงงานเอทานอลยังไงก็ขอให้สู้ๆ นะคะ ได้ยินมาจากอาจารย์เหมือนกัน ว่ายังไงก็อนาคตไกล ขอแค่ไม่ถอดใจไปเสียก่อน ไม่รัฐก็ ปตท. ต้องหนุน อยู่แล้วค่ะ เห็นด้วยว่าช่วงนี้ไม่ควรตกงานอย่างยิ่ง และงานก็เลือกคนเหลือเกิน คุณ freestyler:  ยิ่งถ้าบริษัทเล็กๆ นะ สิ้นปีจะบอกว่ากำไรน้อย เศรษฐกิจไม่ดี ต้อง save cost, ลดโบนัส ตัดสวัสดิการ แต่พอปีใหม่ คุณจะได้เห็น รถประจำตำแหน่งคันใหม่ ป้ายแดงอีกหลายคัน คุณ cookiecompany ขอบคุณพื้นที่สำหรับเม้าท์นะคะ แอบฟังเรื่อง iPhone ด้วยคน อยากได้เหมือนกัน จากคุณ : คัสซีโอเพย่า - [ 27 ต.ค. 50 00:38:47 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ผมเป็นแฟนประจำ จขกท ตามอ่านที่แกเข้าไปโพสบ่อยๆ และก็เข้าไปอ่านกระทู้แกเองบ่อยๆ ยอมรับว่าเป็นคนหนุ่มที่มคุณภาพคนหนึ่งที่เดียว มีมุมมองที่น่าสนใจ ตอนผมอายุ 25 ผมไม่เก่งเท่าเขานะ...แนะนำตัวหน่อยละกัน เอาพออ่านเพลินๆนะครับ - ผมเริ่มงานแรกตอนอายุ 21 เป็นอาจารย์สอนคอมพิวเตอร์ตาม computer training ต่างๆซึ่งเฟื่องฟูมากๆ ยุค DBASE III PLUS, LOTUS 123, GW-BASIC, PASCAL, WORD CHULA, WORD ราชวิถี คอมพิวเตอร์เป็นอะไรที่ใหม่สำหรับเมืองไทยมาก ใช้แผ่น diskette 5 นิ้ว ทำอยู่ 2 ปีกว่าๆได้ขึ้นเป็นหัวหน้าสาขา ก็เริ่มเบื่อเนื่องจากไฟแรง อยากเอาความรู้ที่มีมาใช้งานจริง อยากรู้ว่าที่เรารู้นี่เอามาทำงานได้ป่าว เพราะได้แต่สอนลูกศิษย์ บางครั้งลูกศิษย์ก็เอางานมาให้เราแนะนำ เลยอยากลงมือทำเอง - จากออกจากการเป็นอาจารย์ก็มาทำงานบริษัท SI (System Integrator) ขายทั้ง HW และ SW และงานด้าน telecom ซึ่งยุคนั้นถือว่าบริษัทฯมีชื่อเสียงพอควรทีเดียว ผมไปทำงานด้าน IT internal support ทำตั้งแต่ internal training ยุคนั้น MS Office version แรกๆเพิ่งออกมาบริษัทเริ่มนำมาใช้แทน word chula ที่แผนกต้องทำ internal training สำหรับพนักงานภายในเรื่องการใช้ MS Office และอีกงานก็คือการเขียนโปรแกรมสำหรับใช้ภายในโดยใช้ภาษา COBOL ร่วมกับฐานข้อมูลของ Oracle บนเครื่อง Mini Computer ตอนแรกใช้ยี่ห้อ Super Max หลังจากนั้นเปลี่ยนเป็น HP แต่ว่าทำงานที่นี่ได้ได้แค่ปีเดียวผู้จัดการแผนกลาออก แผนกที่ทำโดนยุบรวมกับแผนกอื่น บริษัทฯเริ่ม re-organize องกรค์ โชคดีที่เจ้านายที่ออกไปโทรมาชวนไปทำงานที่ใหม่ด้วยกัน... - หลังจากนั้นมาทำบริษัทที่ผลิตแคลเซี่ยมคาร์บอเนต (CACO3) เป็นตำแหน่ง System Administration ของเครื่อง IBM AS/400 ดูแลระบบ IT ทั้งองค์การ (เพราะมีคนเดียว)อีกคนคือเจ้านาย และใช้ Software ERP บน AS/400 หลังจากสองปีเศษ ผจก. ก็ไปเปิดบริษัทฯขายซอฟแวร์ ERP โดยนำเข้าจากอเมริกา ทิ้งผมไว้คนเดียว ตามเคย... และแล้ว...ผมก็ขอตามเจ้านายไปอยู่บริษัทฯใหม่ด้วยคน เนื่องจากงาน System Admin เริ่มซ้ำซากจำเจ เลยอยากไปเรียนรู้อะไรใหม่ๆอีก - ที่บริษัทใหม่ของเจ้านายคนเดิม ปมเข้าไปรับตำแหน่ง solution consultant ทำหน้าที่ไปสอนลูกค้าที่ซื้อระบบเราไป โดยสอน course สำหรับ admin ระบบเป็นหลัก แล้วก็ช่วยงานฝ่ายขายโดยเป็นคนทำ presentation and software demo ให้ลูกค้าที่สนใจ จนมาวันหนึ่งเซลล์ลาออกเจ้างานเริ่มน้อย เจ้านายเลยใช้ให้ออกไปขายด้วย เพราะยังงัยก็ present ได้แล้วก็ไปขายเลยละกัน...อยู่กับเจ้านายได้สัก 4 ปี ก็ลาออก ด้วยความจำเป็นบางประการ... - จากนั้นเริ่มเข้าสู่งานขาย software ERP จากค่ายยุโรปที่เข้ามาตั้งสาขาในไทยด้วยตำแหน่ง Sale Consultant ทำหน้าที่ขายและ present/demo software ให้ลูกค้า โดยเจาะกลุ่มโรงงานอุตสาหกกรมเป็นหลัก เน้นที่ SME ทำงานเข้าปีที่สามได้มาช่วยงานเจ้านายซึ่งเป็นต่างชาติให้มาช่วยดูงาน Marketing ด้วย และก็ยังดูแล reseller อีกแรงหนึ่ง ด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจ (จนหวังเป็นใหญ่เป็นโตที่นี่)และแล้วฝันก็ไม่เป็นจริง จึงจำใจจากลา... - และแล้วชีวิตที่ขึ้นหลังเสือ ผมก็ต้องทำงาน sales software ERP ต่อไปตอนนี้ย้ายมาอยู่ยักษ์ใหญ่เจ้าตลาด งานหนักมาก เครียดมาก เจ้านายเป็นต่างชาติเน้นยอดขายอย่างเดียว ลูกน้องจะเป็นยังงัยก็ชั่ง มาที่นี่ทำอย่างเดียวคือเอารายได้เข้าบริษัทฯ โชคดีหน่อยที่ได้ทำอีกอย่างคือสร้าง reseller ใหม่ๆให้องค์กรด้วย แต่งานหลักก็ยังเป็นงานขาย software ERP เน้นตลาด ME to Enterprise ทนอยู่ได้ปีเดียว ไม่ไหวชีวิตไม่มีความสุข ถูกจำกัดหน้าที่ ไม่ได้ใช้สมองส่วนอื่นเลย ดีอย่างเดียวคือ porfile เราดีขึ้น...และแล้วก็โบยบิน - บริษัทปัจจุบันเป็นอะไรที่แตกต่างไปจากเดิมนิดหน่อย แต่หน้าที่หลักก็เหมือนเดิมคือ ขาย Software ERP + Services แต่ว่าที่นี่เป็น reseller เขาอีกทีหนึ่งไม่ได้เป็นเจ้าของ Software เหมือนสองที่ที่แล้ว ผมทำหน้าที่คุมทีมขายวางแผนการตลาด สร้างสัมพันธ์กับภาคธุรกิจด้วยกัน สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า สร้างอิมเมทให้กับองค์สำหรับสายตาของคนภายนอก ดูแลเรื่องความเป็นอยู่ของพนักงานภายใน (อันนี้งานเสริมเนื่องจากเจ้านายเป็นต่างชาติ ไม่เข้าใจวัฒนธรรมคนไทยเลยอยากให้คอยแนะนำ) ทุกงันนี้งานก็หนักหนา ดูแลยอดขายของบริษัทฯอาจจะไม่ทั้งหมดเพราะมีหลายหน่วยงาน แต่ความรับผิดชอบก็ถือว่าสูงมาก เจ้านายให้ความไว้วางใจค่อนข้างสูง.... สรุปธุรกิจ software ไม่ใช่ธุรกิจที่จะทำกันง่ายๆครับต้องอาศัยทีมงานที่ดี ซึ่งก็คงเป็นเหมือนกันทึกธุรกิจ แต่ว่าธุรกิจ software บุคคลากรถือว่าเป็น asset ที่มีค่าที่สุดเพราะเราไม่มีเครื่องจักร ไม่มีสต๊อก เรียกได้ว่าผมรู้จัก ERP ทุกตัวในตลาดตอนนี้ ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ มีเพื่อนสนิทเปิดบริษัทฯรับอิมพลีเม้นท์ระบบ ERP สุดท้ายก็ปิดตัวไป เพราะไม่มีทีมงานที่ดี และตัวเขาเองก็ไม่รู้ธุรกิจด้สนนี้จริงๆ *** ทุกวันนี้อยากมีธุรกิจส่วนตัวมาก มีเพื่อนชวนเปิดบริษัทฯรับอิมพลีเม้นท์ระบบ ERP เพราะรู้ว่าทำมานานแต่ผมก็ไม่สนแล้ว เคยศึกษาอยากเปิดร้านเช้าวีดีโอ ซึ่งสนใจมาก บังเอิญติดปัญหาเรื่องเงินทุนเลยยังไม่ได้ทำ เฟรนไชน์ค่อนข้างใช้เงินเยอะทีเดียว แต่เป็นธุรกิจที่สนใจมาก มีความสุขกับการแนะนำลูกค้าให้ดูหนัง งานบริการ..... จากคุณ : PaPa_Fluke - [ 27 ต.ค. 50 01:17:45 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ลืมบอกตอนนี้รายได 6 หลักครับ ลูกหนึ่ง ภรรยาหนึ่ง บ้านสองหลัง (เป็นหนี้หนึ่งหลัง) รถสองคัน ผ่อนหมดเดือนหน้านี้ทั้งสองคัน....พอได้เนอะ จากคุณ : PaPa_Fluke - [ 27 ต.ค. 50 01:21:27 ]

ความคิดเห็นที่ 103 ... เข้ามาดู cookie จากคุณ : Mr. Fusion - [ 27 ต.ค. 50 05:46:49 ]

ความคิดเห็นที่ 104 จากคุณ : =[ชงเข้ม]= - [ 27 ต.ค. 50 06:58:29 ]

ความคิดเห็นที่ 105 มาพูดทางร้านขายยากับมินิมาร์ทบ้างละกันครับ ชอบกระทู้นี้ คือบ้านผมมี 2 สาย ฝั่งพ่อจะอยู่ฝั่งจิวเวลลี่ ส่วนฝั่งแม่จะมาสายยา ช่วงปิดร้านทอง บางวันผมก็จะไปช่วยลุงที่ร้านขายยาซึ่งเป็นมินิมาร์ทด้วย จริงๆก็ลังเลอยู่เหมือนกันเพราะพูดไปก็เหมือนกับประจานญาติตัวเองแล้วก็ร้านขายยาร้านอื่นด้วย คือผมไม่รู้นะว่าร้านขายยาที่กรุงเทพเป็นยังไง แต่แถวบ้านผมส่วนใหญ่คนขายจะเป็น "หมอตี๋" ลุงผมก็เป็นหมอตี๋เหมือนกัน ร้านที่ผมรู้จักส่วนใหญ่ก็จะเป็นหมอตี๋ แต่โดยมากรุ่นลูกมักจะเรียนเภสัชหรือไม่ก็เรียนหมอ (แล้วก็เอาใบอนุญาตของลูกมาแปะหน้าร้าน ส่วนลูกมักจะไปทำงานเป็นเซลล์ยา) ขายยาต่างจังหวัดกำไรดีมาก คงจะเคยได้ยินคำว่ายาชุดกัน อย่างเป็นหวัดก็มียาชุด ชุดละ 10 บาท ชุดนึงมี 4 เม็ดประกอบด้วยยาอะไรบ้างก็ไม่รู้ (จริงๆช่วงน้ำท่วมปีก่อน ลุงผมหอบยาขึ้นรถบรรทุกไปขายริมถนน ผมเคยไปช่วยขาย เคยจัดยาชุดอีกต่างหาก ตอนนั้นผมจะจำเป็นเซ็ตน่ะครับว่าเป็นหวัดเซ็ตนี้กระปุกแบบนี้มันหยิบได้อัตโนมัติจริงๆนะ แต่จริงๆแล้วยาชุดเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง อย่างในห้องสวนลุมก็เคยถกกันถึงเรื่องของเภสัชประจำร้านซึ่งเป็นปัญหาที่คงแก้ได้ยาก ขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของแต่ละร้าน -- ด่าลุงตัวเองอยู่ หึหึ จริงๆก็ไม่ค่อยชอบตาลุงนี่เท่าไหร่หรอกโคตรเห็นแก่ตัว) หมอตี๋กับเภสัชต่างกันตรงที่ว่าหมอตี๋รู้ว่ายาอันนี้แก้อะไร แต่ไม่รู้ว่ายานี้จะมีผลต่อคนไข้รึเปล่าเหมือนเภสัช แล้วก็ขอบอกเลยว่าแม้ว่าจะมีใบเภสัชแปะอยู่ก็ไม่แน่ว่าคนที่ขายอยู่จะเป็นเภสัชจริงๆ กลับมาเรื่องกำไรดีกว่า เดี๋ยวจะออกนอกประเด็น ที่บอกว่าขายยา (ที่ต่างจังหวัด) กำไรดีก็คือขายยาชุดนี่แหล่ะ ชุดนึง 10 บาท อย่างน้อยก็ต้องกินซัก 3 ชุด ยาชุดเม็ดนึงต้นทุนไม่ถึง 1 บาท กำไรไม่รู้กี่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แถมคนป่วยมีทุกวัน ชาวบ้านมักจะไม่นิยมไปหาหมอที่โรงพยาบาล (ส่วนนึงเพราะคนที่โรงพยาบาลเยอะมาก ไม่รู้เพราะอะไร เคยไปเอาเลขคิวแล้วต้องรอถึง 2 ชั่วโมง ชาวบ้านถ้าไม่ป่วยหนักจริงๆก็จะพึ่งร้านขายยานี่แหล่ะมันเป็นปัญหาลูกโซ่ที่ถ่ายทอดต่อกันมาเรื่อยๆ) สรุปรายได้หลักของที่ร้านของลุงคือขายยาชุด วันนึงขายได้ไม่รู้กี่ชุด ส่วนพวกทิพฟี่ ไทลินอลพวกนี้ไม่รู้ว่าต้นทุนเท่าไหร่นะ รู้แค่ยาแก้เมารถที่เม็ดสีเหลืองๆ ต้นทุนแผงละ 2 บาท จริงๆญาติผมก็บอกว่าให้ผมเปลี่ยนร้านทองที่ผมอยู่ขายอยู่เป็นร้านขายยาดีกว่า โดยให้เหตุผลว่ายาเป็น 1 ในปัจจัย 4 ที่คนต้องกินเพราะคนมันต้องป่วย แต่เผอิญผมไม่เอาอ่ะ จริงๆลงทุนน้อยกว่าทองด้วย แต่รู้สึกว่ามันเป็นอาชีพที่อันตรายเกินไป ก่ะจะเปิดร้านการ์ตูนเหมือนกัน แต่สถานที่มันไม่ได้ หึหึ เดี๋ยวตอนหน้าค่อยมาต่อฝั่งมินิมาร์ทละกัน จากคุณ : สรพงษ์... - [ 27 ต.ค. 50 08:26:15 ]

ความคิดเห็นที่ 106 ตอนนี้อายุยังไม่ถึง 40 นะ อย่าเข้าใจผิด ดีใจที่มาถึงวันนี้...Keep Walking จากคุณ : papa_fluke - [ 27 ต.ค. 50 08:49:31 A:125.25.136.150 X: TicketID:158902 ]

ความคิดเห็นที่ 107 มาทางฝั่งมินิมาร์ทบ้าง จริงๆก็อยู่ในร้านเดียวกันแหล่ะ ลุงผมเอาระบบบาร์โค้ดมาใช้ มีความรวดเร็วในการให้บริการลูกค้า แต่ความรวดเร็วนี้ก็แลกกับอัตราภาษีที่เพิ่มขึ้น เห็นบ่นๆว่าจะเลิกระบบบาร์โค้ดนี่ทิ้งแล้วกลับมาใช้เครื่องคิดเลขคิดเงินแบบเหมือนเมื่อก่อน สินค้าในร้านนอกจากสั่งจากบริษัทก็มีไปโป๊วที่แม็คโค บางอย่างที่แม็คโคถูกกว่าสั่งจากบริษัทเสียอีก (เพราะที่ร้านไม่สามารถสั่งได้ขนาดนั้น เปรียบเทียบจากสั่งเลย์ 100 ลังกับเลย์ 1000 ลัง) สิ่งที่น่าปวดหัวกับเรื่องมินิมาร์ทอย่างแรกก็คือเรื่องของลูกน้องที่เคาน์เตอร์แอบเม้มเงินแล้วก็โกง เช่นเวลาเพื่อนตัวเองมาซื้อบางทีก็ไม่คิดเงินซะงั้น คุมลูกน้องนี่เป็นเรื่องที่ยากจริงๆ ลุงผมก็เฉ่งบ่อยๆว่าอย่าโกงให้มันเยอะนัก เพราะยอมรับว่าเช็คไม่ได้จริงๆ ยาก ไม่มีเวลาที่จะมานั่งเช็ค กล้องวงจรก็มีติดอยู่หรอกแต่คงไม่มีเวลามานั่งดู ปัญหาลูกจ้างแก้ยากจริงๆ อย่างที่ 2 ก็คือของหาย หายทุกวัน ทั้งหายจากพนักงานในร้านเอาไปเองกับลูกค้าขโมย ปัจจุบันยอดขายตกลง ส่วนหนึ่งเพราะว่ามีร้านขายพวกนี้เยอะ บางคนไม่รู้จะทำอะไรก็เปิดมินิมาร์ท ท้อปเดลี่ก็เพิ่งมาเปิด เซเว่นก็มีอยู่แล้ว ก็แชร์กันไป จากคุณ : สรพงษ์... - [ 27 ต.ค. 50 09:50:13 ]

ความคิดเห็นที่ 108 ตกใจ กลับมาอีกทีร้อยกว่าคคห o_O! เดี๋ยวขอทยอยอ่านก่อนนะครับ ยังไม่ชวนคุย เก็บข้อมูลก่อน ^^" แต่ดูแล้วมี Idea & Comment ดี ๆ เพียบแหง :D จากคุณ : cookiecompany - [ 27 ต.ค. 50 10:55:40 ]

ความคิดเห็นที่ 109 ตอบคุณ คัสซีโอเพย่า ครับ เป็นเรื่องเหล็กที่ใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์ เฉพาะ (Hot Rolled) ครับ เห็นว่า FTA จะทำให้นำเข้ามาแล้วแบ่งให้แต่ละบริษัทเท่าๆ กัน แล้วพอดี เทรดดิ้งผมกับอีกบริษัท ใช้เยอะกันทั้งคู่ หัวหน้าเค้าเลยจะไปพูดคุยกันครับ ประมาณนั้นนะ อ่านเรื่องของพี่ๆ แต่ละคนแล้วรู้สึกดีจังเลยครับ ขอบคุณอีกทีที่มาแบ่งปันกันครับ แก้ไขเมื่อ 27 ต.ค. 50 11:26:17 จากคุณ : Boyi - [ 27 ต.ค. 50 11:17:38 ]

ความคิดเห็นที่ 110 Vote ka >_< จากคุณ : minnie (เด็กตามหาฝัน) - [ 27 ต.ค. 50 12:07:29 ]

ความคิดเห็นที่ 111 ^^' จากคุณ : Dory (conejodulce) - [ 27 ต.ค. 50 13:56:51 ]

ความคิดเห็นที่ 112 กลับมาอ่านอีกที.... มีคนเข้ามาเยอะแยะเลย อือ..ขอแชร์เพิ่มเติมนะคะ  นอกจากงานปกติที่ทำอยู่ ช่วงนี้เพิ่งจะเริ่มลงทุนเกี่ยวกับทางด้านการเกษตรไว้นิดหน่อย  เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่คิดว่า เบื่อ หรือล้า จากการทำธุรกิจก็จะหันไปอยู่ที่สวนที่ไร่ให้สบายใจ สงบสุข ตอนนี้ก็เพิ่งจะเริ่มปลูกต้นยูคาไปได้ประมาณหนึ่ง ยังไม่ถึงร้อยไร่ดี  ก่อนที่จะไปปลูกก็หาข้อมูลแล้วก็เปรียบเทียบแล้ว ซึ่งตอนแรกก็ว่าอยากจะปลูกยางพารา  แต่ก็ติดที่ว่าไม่มีเวลาไปดูแล  และเมื่อปลูกไปแล้วเวลาที่จะเก็บเกี่ยวผลผลิตหรือจ้างแรงงานไปกรีดน้ำยางนั้นเราต้องจ้างเค้า เพราะว่าไม่สามารถทำเองได้  ปรึกษากันในครอบครัวแล้วก็เห็นว่ากลัวโดนลูกจ้างโกง เนื่องจากว่าเราไม่สามารถดูแลได้ เพราะเค้ากรีดยางกันก่อนสว่าง จากการที่เริ่มทำในเรื่องที่ไม่เคยทำมาก่อนเกี่ยวกับทางด้านการเกษตร ก็ทำให้รู้อะไรแปลกใหม่หลายๆอย่างเหมือนกัน  เพราะว่าเรียนทางด้านบริหารมาตลอดทั้งตรีและโท  ก็ถือว่าได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพิ่มเติมดีค่ะ แอบให้ใจ iphone อยู่เหมือนกัน ยังไง คุณcookiecompany มาให้ข้อมูลเพิ่มเรื่อยๆนะคะ จากคุณ : nuumama - [ 27 ต.ค. 50 14:25:13 ]

ความคิดเห็นที่ 113 ขอด้วยคนค่ะ ที่บ้านทำกล่องกระดาษลูกฟูกค่ะ ตอนนี้ราคากระดาษขึ้นเรื่อยๆเลย กลุ้มใจ ไม่อยากขึ้นราคาลูกค้า เพราะจะทำให้เสียลูกค้าไป(เพราะคู่แข่งขึ้นราคา เลยเอามาให้เราหมด) ใครสนใจทำกล่องติดต่อได้นะคะ จากคุณ : Dongdong - [ 27 ต.ค. 50 14:39:57 A:58.9.45.232 X: TicketID:089710 ]

ความคิดเห็นที่ 114 ลงชื่อไว้อ่านก่อน จากคุณ : ko7vasan - [ 27 ต.ค. 50 15:10:35 A:124.121.39.57 X: TicketID:122604 ]

ความคิดเห็นที่ 115 โหวตอีกแรง...@^_^@ จากคุณ : PaPa_Fluke - [ 27 ต.ค. 50 16:44:54 ]

ความคิดเห็นที่ 116 เปิด โปรดักชั่น เฮ้าส์ ครับผม ทำทุกอย่างครับ ทั้งโฆษณา และ วิดีโอ พรีเซนเทชั่น รวมไปถึง งานออแกนไนซ์ด้วยครับ เปิดมาได้เกือบปีแล้ว ช่วงนี้เงียบๆ ครับ คนเปิดทำงานประเภทนี้เยอะมาก การแข่งขันเรื่องราคาเลยสูงครับ (บริษัทของผมไม่เน้นราคาถูกครับ แต่เน้นสมราคา) ปัญหาหลักๆ คือ จุดอ่อนของ บ.ผม คือหาลูกค้าไม่เก่งครับ ช่วงนี้ได้งานก็เพราะ คอนเนคชั่น ล้วนๆ ถ้าใครอยากจะถามอะไร ยินดีตอบนะครับ พอจะมีความรู้เกี่ยวกับ การผลิตภาพยนต์โฆษณา อยู่บ้าง เพราะตั้งแต่จบมา ก็ทำอาชีพนี้อย่างเดียวเลยครับ (แปดปีกว่าแล้วนะเนี่ย) ว่างๆ เชิญเข้าไปเยี่ยมชมได้นะครับผม เวปนี้เขียนเองครับ ปีหน้าจะจ้างคนอื่นทำแล้วครับ เพราะอยากให้เวปเป็น แฟลช จะได้เคลื่อนไหวได้ http://www.readytoshootthailand.com/ ปล. อาชีพเสริมตอนนี้ คือขายประกัน กับ นายหน้ารับฝากขายบ้านครับ ในอนาคตว่าจะเปิดร้านขายและซ่อมแอร์ครับ แต่ขอสำรวจตลาดและความเป็นไปได้ก่อนครับผม แก้ไขเมื่อ 27 ต.ค. 50 23:41:10 แก้ไขเมื่อ 27 ต.ค. 50 19:21:03 จากคุณ : เอ..ชีวิตมันขาดไรไปน๊า - [ 27 ต.ค. 50 19:19:39 ]

ความคิดเห็นที่ 117 ทำงานโรงแรม 5 ดาวในกรุงเทพฯ ค่ะ อยู่ Front Office ยืนทั้งวัน ยิ้มทั้งวัน พูดทั้งวัน พอเลิกงานไม่อยากพูด ไม่อยากยิ้มแล้วววว ใจยังรักอยู่ แต่มันเหนื่อยเฉยๆ ค่ะ จะเหนื่อยแค่ไหน ก็ต้องยิ้มได้ เดี๋ยวไม่ถึง standard จะถูก complaint อยู่ Front ต้องไว ทำให้ได้ a.s.a.p. ประสานงานต้องดี สื่อสารต้องรู้เรื่องให้ได้ใจความ งานนี้ได้เจอคนมากมาย โดยเฉพาะชาวต่างชาติ คนดังๆ ทั้งไทย-เทศ ดารา นักร้อง นักกีฬา นักการเมือง ผู้นำประเทศ ภาษาอังกฤษดีขึ้นมากจากงานนี้ ได้ญี่ปุ่นอีกนิดหน่อย ได้เรียนรู้ลักษณะของคนแต่ละชาติ อ้าปากก็รู้ว่าจะมาแนวไหน บางชาติ 90% เหมือนกันหมด confirm!! กลุ้ม เศรษกิจแบบนี้ ก็มีบ้างที่ Occupancy จะไม่สูง ต้องรอ high season จะได้ยิ้มหน้าบานกับ Service Charge พนง.โรงแรม ถ้าไม่ได้เป็น Manager เงินเดือนไม่สูง ต้องลุ้น Service Charge แต่รายจ่ายไม่ค่อยมี ชุดมีให้ ข้าวฟรี 3 มื้อ ค่อยยังชั่ว   หน้า low season จริงๆ ในกรุงเทพฯจะไม่ค่อยเหมือนตจว. ค่ะ low แต่มีบริษัทมาจัด meeting เดี๋ยวก็เต็มไปเอง ... สรุป งานยุ่งทั้งปี สนุกดีค่ะ เคยลองไปทำอย่างอื่นแล้ว แต่ก็หวนกลับมาทำงานเดิม รู้สึกดีกับตัวเองค่ะ กลับมาคราวนี้จะตะกายให้มีตำแหน่งกับเค้าบ้าง เหอๆๆๆ คุณๆ ห้องสีลม อาจเคยมาติดต่อที่ counter เราแล้วก็ได้น๊า... ถ้ากำลังยุ่งหัวฟูอยู่ ให้รอนาน อย่าโกรธกันเลยนะคะ จะพยายาม a.s.a.p. ค่ะ =^.^= จากคุณ : แมว (=T.T=) - [ 27 ต.ค. 50 20:41:50 ]

ความคิดเห็นที่ 118 ดีใจจริงที่ กระทู้มีคนเข้ามาโพสมากมาย ยังตามอ่านอยู่เรื่อยๆ ค่ะ ^ ^ คุณมิสเตอร์ หว่อง :เจอคนวงใน ERP แล้ว ที่ คคห. 101 คุณ cookiecompany: วันนี้ไปดู iPhone ที่พันธุ์ทิพย์มา มีบางร้าน เอามาขายแล้วที่ราคา 22k แต่ตามร้านแอปเปิ้ล เขาบอกว่าจะมาปลายปีน่ะ รอคุณมาคุยให้ฟังอยู่นะคะ ^ ^ คุณ  Boyi : เรื่องนี้ต้องใช้เส้นกันหน่อย รีบหน่อยละกัน เค้กก้อนใหญ่ใครก็อยากได้ ว่าแต่มีใครอยู่วงการเกษตรอีกไหมคะเนี่ย เผื่ออนาคตจะไปปลูกข้าวขายมั่ง แล้วก็กดโหวตให้หนึ่งที เพื่อกระทู้อยู่ยงคงกะพัน ^ ^ จากคุณ : คัสซีโอเพย่า - [ 27 ต.ค. 50 21:00:42 ]

ความคิดเห็นที่ 119 ผมทำบัญชี อยู่ครับตอนนี้ จากคุณ : kkkai525 - [ 27 ต.ค. 50 21:36:01 ]

ความคิดเห็นที่ 120 ขอบคุณครับ คุณ คัสซีโอเพย่า คิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไีร เพราะเห็นนายบอกบริษัท H (ที่ตัวเองทำงานกับ) กับบริษัท T (คู่แข่ง) ร่วมมือกัน ครับ (^_^') จากคุณ : Boyi - [ 27 ต.ค. 50 23:05:16 ]

ความคิดเห็นที่ 121 อุตสาหกรรมรถยนต์นะครับ เพิ่งเริ่มเข้ามาทำได้ไม่เท่าไรของบริษัทลูกครึ่งแห่งหนึ่งครับ ในอีกห้าปีข้างหน้า จะมี new models ประมาณสามรุ่น ปีหน้าจะมี minor change สองรุ่น ตอนนี้ที่โรงงานก็เริ่มทำการก่อสร้างขยาย รับพนักงานกันเเล้ว ตอนนี้โปรเจคอยู่ในช่วง sourcing ดูๆเเล้ว ถ้าบริษัทไหนมี connection กับบริษัทเเม่เเล้ว โอกาสได้งานจะสูงมาก หรือไม่ก็ต้องราคาดีจริงๆ เพราะ parts ส่วนใหญ่ที่ไม่ได้เป็น main จะไป source ที่เมืองจีนซะส่วนมากเเล้วครับ ห่ำหั่นกันเรื่องราคาจริงๆ จากคุณ : ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง - [ 28 ต.ค. 50 00:29:12 A:125.27.24.2 X: TicketID:140874 ]

ความคิดเห็นที่ 122 แฮ่ๆ เข้ามาอ่านอีกแล้ว ได้เปิดโลกใหม่ๆเพิ่มขึ้นเยอะเลยค่ะ :) ว่าแต่ยังคงคำถามเดิม วงการนิติศาสตร์ยังไม่มาเลยยย มาเล่าสู่กันฟังหน่อยสิคะ ^___^ จากคุณ : M a n C u n i a n Z - [ 28 ต.ค. 50 00:45:08 ]

ความคิดเห็นที่ 123 เป็นจัดซื้อธรรมดาในบริษัทใหญ่บึ้มแห่งหนึ่งในสวีเดน จะซื้อของอะไรแต่ละอย่างเทียบราคากันรอบโลก จะซื้อชิ้นส่วนยาง ก็ไล่เช็คราคากลางตลาดโลกไว้เป็นฐาน จากนั้นก็ไล่จิกตีผู้ขายไปเรื่อย ตั้งแต่บราซิล ไปเมืองจีน ต่อที่อินโดนีเซีย แวะเมืองไทยนิดหน่อยแล้วไปตกลงซื้อกับซัพพลายเออร์สวีเดนที่มีโรงงานอยู่ในศรีลังกา เราชอบพูดกันเล่น ๆ ว่าถ้าของที่ดาวอังคารถูกที่สุด เราก็จะส่งใบสั่งซื้อไปที่ดาวอังคาร งานที่ทำก็ไม่ค่อยยากเท่าไร แต่ยิ่งทำก็ยิ่งเหนื่อย เพราะว่าเพื่อนร่วมงานแต่ละคนคุณภาพสูง ๆ กันทั้งนั้น ต้องยอมรับว่าระบบการศึกษาของที่นี่สอนคนให้คิดเป็น วางแผนเป็น ทำงานเป็นทีมเป็น ทำงานด้วยทุก ๆ วันแล้วรู้สึกเหมือนตัวเองโง่ลงไปเรื่อย ๆ เลยต้องตะเกียกตะกายหาความรู้เพิ่มเติม เรามีซัพพลายเออร์จากเมืองไทยด้วยนะ ปัญหาเยอะแยะมากมายเพราะซัพพลายเออร์เมืองไทยไม่รู้จักมาตรฐานสวีเดน ซื้อวัสดุกันทีก็เทียบจากมาตรฐานสวีเดน เป็นมาตรฐาน DIN หรือ BS แล้วก็เทียบเป็น JIS อีกที กว่าจะซื้อได้แต่ละอย่างเหนื่อยแทบตาย หมดเรื่องมาตรฐานวัตถุดิบก็เป็นกระบวนการผลิต เทคโนโลยีฝั่งยุโรปตะวันตกนี่ทันสมัยน่าตื่นตาตื่นใจทั้งนั้น พอไปด้อม ๆ มอง ๆ ซัพพลายเออร์ฝั่งไทย เทคโนโลยีที่หาได้ใน workshop เล็ก ๆ ในสวีเดนมีอยู่ในเมืองไทยเฉพาะในโรงงานของบริษัทข้ามชาติระดับบิ๊กเนม ลองถามซัพพลายเออร์ในไทยดูว่าทำไมไม่ลงทุนเครื่องจักรแบบนี้บ้าง ซัพพลายเออร์บอกว่าทำแบบ manual ต้นทุนต่ำกว่า เราคิดในใจ ถ้าโดนเคลมกลับทั้ง order ที่บอกว่าต้นทุนต่ำกว่าก็คงไม่ต่ำตามที่บอก โอเค หมดปัญหาเรื่องกระบวนการผลิต มาเรื่องคุณภาพกันบ้าง ของไม่ comply Standard ก็ส่งมาทั้ง ๆ ในสัญญาก็บอกเรียบร้อยแล้วว่า ถ้าไม่ comply ไม่ต้องส่ง ถ้าส่งมาแบบไม่ comply จะโดนชาร์จค่าตรวจสอบด้วย แต่ซัพพลายเออร์กะว่าอาจจะได้ลูกฟลู๊คลูกหยวน ทำหน้ามึนส่งมา พอเจอใบเสร็จค่าตรวจสอบราคา 80 ยูโรเข้าให้ก็เลยตาสว่าง หายมึน ตอนนี้กำลังทำโปรเจคลดต้นทุนการผลิตอยู่กับ R&D เป้าหมายอยู่ที่สิบห้าเปอร์เซ็น ฟังแล้วสงสารซัพพลายเออร์จริง ๆ จริง ๆ ก็เบื่องานนี้เหมือนกันนะ เพราะเหนื่อยกับการเดินทาง อยากจะเปลี่ยนสายงานก็ขี้เกียจไปตั้งต้นใหม่ เสียดายเงินเดือนอ่ะ - -''' จากคุณ : A-Chee - [ 28 ต.ค. 50 03:52:35 ]

ความคิดเห็นที่ 124 จอมโจร..ปี 2005 .. เป็นไกด์ทั่วในประเทศ Domestic and Inbound              ปี 2006  ..เป็นไกด์ต่างประเทศ   Outbound              ปี 2006-2007   ทำงานให้กับค่ายมือถือแห่งหนึ่ง... ครับ เปลี่ยนแนวไปซะ     งั้นแต่รู้สึกโล่งใจ ทำงานได้ด้วยความชอบส่วนตัว....ตอนนี้ก็เที่ยวเล่นไปมาที่ ห้องมาบุญครอง หนุกหนาน อิอิ จากคุณ : จอมโจรแปดนิ้ว - [ 28 ต.ค. 50 05:56:41 ]

ความคิดเห็นที่ 125 อ่านความเห็นที่ 121 กะ 123 แล้วอึ้ง ตะลึงตึงๆ  ผู้ประกอบการไทยที่เป็นโรงงานหลายๆรายจะรู้ตัวกันบ้างมั้ยเนี่ย....ว่ามีอะไรรออยู่ในอนาคต....เฮ้อ จากคุณ : น้อง(ของ)หมา - [ 28 ต.ค. 50 09:29:11 ]

ความคิดเห็นที่ 126 จาก คคห. 59 คุณ cookiecompany ผมจับ Key Word 2 คำนะครับ 1. เศรษฐกิจพอเพียง 2. การสร้างความยั่งยืน (Sustainability) ขออัญเชิญพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เราพูดถึงในเรื่องของ sustainability พระองค์ท่านได้พระราชทานพระบรมราโชวาทไว้ว่า "ในการพัฒนาประเทศนั้น จำเป็นจะต้องทำตามลำดับขั้น เป็นขั้น เป็นตอน" สำหรับเศรษฐกิจพอเพียง ความหมาย ไม่น่าจะเป็นเรื่องของ การหาเช้ากินค่ำ ได้แค่ไหนแค่นั้น ... ตามที่บางคนอาจจะเข้าใจแบบนั้น นะครับ ถ้าจะให้เข้าใจง่ายๆ ในความหมายของเศรษฐกิจพอเพียง ผมชอบใช้คำว่า "เพียงพอ" มาอธิบาย เศรษฐกิจพอเพียง มี 3 หลักการง่ายๆ 1.ความเพียงพอหรือความพอประมาณ 2.เหตุผลหรือการใช้ปัญญาในการแก้ไขปัญหา 3.การสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเอง ครอบครัวและชุมชน รวมไปถึงองค์กรและสังคม ดังนั้นเมื่อแต่ละหน่วยของประเทศคือ สังคมหรือองค์กร มีภูมิคุ้มกันแล้วนั้น โดยองค์รวมประเทศย่อมมีภูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะภูมิคุ้มกัน กับกระแสโลกาภิวัตน์ สังเกตุนะครับ คำว่า "โลกาภิวัตน์" ในสมัยหนึ่งสะกด ด้วย "ฒ" แต่เปลี่ยนมาเป็นการสะกดด้วย "ต" เนื่องจาก โลกาภิวัตน์ มี 2 คม ไม่ใช่ เรื่องของการ "วัฒนะ" เสมอไป อาจกลายเป็น "หายนะ" สำหรับผู้ที่ปรับตัวไม่ทันก็เป็นไปได้   ยุคแห่งโลกาภิวัตน์ เราจำเป็นต้องมีความรู้ โดยเฉพาะหลักความรู้ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง คือ รู้ทัน รู้กาล รู้งาน และ รู้คน (สุวิทย์ เมษินทรีย์) รู้ทัน คือรู้ว่ากระแสโลกาภิวัตน์มันเป็นยังไง ไม่ใช่เราคิดว่าโจทย์มาอย่างนี้ เราต้องรับมาอย่างนี้อย่างเดียว นี่คือรู้ทัน รู้กาล คือรู้เวลาที่ควรจะทำ เมื่อไหร่ หลายเรื่องไม่ต้องใจร้อน เป็นเรื่องของจังหวะเวลาและโอกาส (Timimg) การพัฒนาบางเรื่องเป็นเงื่อนเวลา บางเรื่องไม่มีเงื่อนเวลาอยู่ ตอนผมเรียนฟิสิกส์เขาพูดถึงว่า แม้ในระดับอะตอมบางเรื่องมันเป็น Time dependency แต่บางเรื่องเป็น Time independence คือไม่เกี่ยวกับเวลา มันมีเวลาตามนาฬิกากับเวลาของชีวิต องค์กร ชุมชน หรือสังคมก็มีชีวิต  บางชุมชนอาจจะใช้เวลาสุกงอมนิดเดียวก็ไปแล้ว แต่บางชุมชนค่อยเป็นค่อยไป ยกตัวอย่างง่ายๆ เทียบระหว่าง ชุมชนเมืองและ ชุมชน ชนบท นะครับ แต่ curve ที่เขาไต่ช้าๆ ความชันอาจจะมากว่าชุมชนที่ไปเร็วแต่ตายเร็วด้วย ชุมชนมี life cycle มีพลัง มีชีวิต เพราะฉะนั้นต้องให้เวลา ควบคู่ไปกับการให้ความรู้ ... รู้งาน คือเราต้องรู้ว่าในภาวะแบบนี้ เราจะเล่นอะไร จะเล่นเศรษฐกิจ คู่กับ social แค่ไหน เรื่องคนแค่ไหน portfolio ของแต่ละชุมชนไม่จำเป็นจะต้องเหมือนกัน เช่นสิงคโปร์หรือเกาหลี อาจพัฒนาเทคโนโลยี 3 G ก้าวสู่ 4 G เริ่มมีการติดตั้ง ลงทุนใน Wimax ทั่วทั้งเกาะสิงคโปร์ เพื่อการสื่อแบบ Mobility ลดข้อจำกัดของ WiFi ไปแล้ว แต่  ไม่ใช่ว่าประเทศไทยของเราต้องลงทุนแบบนั้นเป๊ะ เรา ต้องรู้ว่าส่วนไหนที่เป็นส่วนเหมือนและส่วนไหนที่เป็นส่วนต่างของแต่ละชุมชน แต่ละประเทศ นะครับ สุดท้ายคือ รู้คน รู้คนของเราไม่พอ เราต้องรู้คนผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง (Strake Holder) เราจะคุยให้เขาลึกซึ้งและเข้าใจเรื่องนี้อย่างไร " รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครา" ซุนวู กล่าวไว้ แต่ผมชอบเพิ่มเติมอีกนิดคือ " คราใดแพ้ ถือว่าซ้อมรบ" เผื่อเหนียว จากคุณ : ดีอาร์ (๛จูล่ง๛) - [ 28 ต.ค. 50 09:32:09 ]

ความคิดเห็นที่ 127 อ่า...คุณdrof เราก็เป็นเซลล์นะ อิอิ +++++++++++++ เป็นเจ้าหน้าที่แผนกธุรกิจนายหน้า ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จำกัด(มหาชน) ที่ขยันสร้างคอนโดฯมาเป็นโบนัสพนักงานได้มากมาย ที่บริษัทฯ งานตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ คือ ตั้งแต่สร้างคอนโดฯ(หรืออื่นๆ) จัดการด้านบริหารชุมชนในรูปนิติบุคคลอาคารชุด(property management) จนถึงรับฝากขาย-เช่า ซึ่งก็คืองานเราเอง เพราะฉะนั้นเวลามีeventทีนึง(หรือมีตติ้งต่างๆ)จะได้รู้จักตั้งแต่ผู้บริหาร-ไอที-พีอาร์-นิติฯ-เซลล์-โอน-บัญชี-สถาปนิก-วิศวะ จนไปถึงช่างอาคาร-จนท.ตรวจความปลอดภัยทุกโครงการ-ครูสอนภาษาอังกฤษ!!!(สองอย่างหลังเป็นโหมดโครงการพิเศษขององค์กร) ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไปบริษัทจะเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ แบ่งประเภทงานให้ชัดเจนขึ้น(ก่อน-หลังโอนกรรมสิทธิ์) ทำให้งานก้ำกึ่งของเรา ถูกฉีกออกจากสายงานBrokerageเดิมที่อยู่กับฝ่ายขายมือ1และฝ่ายโอน โดนย้ายไปอยู่ภายใต้ฝ่ายบริหารชุมชนแทน รวมทั้งในองค์กรมีการเปลี่ยนผู้บริหาร(เปลี่ยนวนกันเอง3-4บริษัทนี่แหละ ย้ายกันสนุกเลย) พอองค์กรโดนre-structureอย่างงี้ ปัญหาจึงมาเกิดกับลูกน้องเล็กๆอย่างแผนกเราที่โดนเต็มๆอยู่แผนกเดียว เนื่องจากฝ่ายธุรกิจนายหน้ามีผู้บริหารคนใหม่ คนเก่าๆที่เคยทำอยู่เดิมก็โดนย้ายไปขายมือ1และฝ่ายโอนตามเจ้านายเก่า พนักงานใหม่(อย่างเรา)ก็อยู่กับนายใหม่พร้อมกับย้ายคนจากขายและโอน(ที่น่าจะหัวอ่อน)มาลงแผนกเราแทนซึ่ง เราต้องมีเพื่อนร่วมงานใหม่ที่ไม่รู้งานฝากขาย-เช่ามาก่อนเลย และคนในแผนกน้อยลง(จาก18เหลือ10คน) แต่โครงการที่ต้องรับผิดชอบมี40กว่าโครงการทั่วกรุงเทพแล้ว ปัญหาคือ เดิมเรารับผิดชอบอยู่คอนโดฯโครงการเก่า ที่ไม่ได้ป๊อปฮิต แต่เดิมจะมีหัวหน้าจัดแบ่งไซต์และเวียนๆกันไปเพื่อความเสมอภาค แต่ตอนนี้กลายเป็นว่า เลือกกันเองตามอิสระ ใครๆก็ต้องอยากได้โครงการป๊อปฮิตใช่มะ ราคาห้องสูง ค่าคอมได้เยอะ ตลาดต้องการมาก แย่งไซต์กันจนปวดหัว(คนใหม่ๆนี่แหละ) แถมทางเจ้านายจัดแบ่งโซนรับผิดชอบไว้ให้ทำคนละโซน จัดโซนตลกมากอ่ะ โซนสาธุประดิษฐ์ที่เราเคยดูอยู่เดิมก็มีโครงการของอโศกเข้ามาด้วยเฉย(เลยโดนแย่งตัดหน้าฉับไป และโซนนี้ก็มีโครงการริมน้ำเจ้าพระยาชื่อดังอยู่ด้วย-ฮอตที่สุดตอนนี้) เราเลยเลือกโซนสุขุมวิท(ที่ไม่มีอโศก - -" )ไป อาจจะไม่ได้รับความนิยมเท่าทางเจ้าพระยา-อโศก-สะพานควายหรือศูนย์วัฒนธรรม แต่ก็ใกล้บ้านดี ^__^ เย็นๆไม่ต้องเจอควันหลงรถติดของสาทร-สีลม(ขึ้นBTSแทน) เผื่อตอนเย็นเลิกงานจะได้นัดเจอเพื่อนๆแถวๆนี้ได้ด้วย ป.ล.ผลกระทบจากการเปลี่ยนโครงสร้างรอบนี้ 1.ต้นปีหน้า พี่ๆพนง.เก่าแผนกเรา ลาออกแน่นอนอย่างต่ำ 2 คน(รอโบนัส) เพราะขายมือ1โครงการใหม่ๆมีแต่ไกลๆ(เช่น รามคำแหง44,ประชาชื่น-พงษ์เพชร,รัตนาธิเบศน์) ไม่สะดวกเดินทางอย่างแรง และมีการดึงตัวจากบริษัทคู่แข่งที่ติดต่อมานานแล้ว แถมคอมฯก็น้อยลงอีกตะหาก 2.งานเยอะขึ้น ผลงานต่ำ เวลาน้อยลง T T 3.เนื่องจากเปลี่ยนเซลล์บ่อยๆ ลูกค้าเลยคอมเพลนเยอะมากว่าเคยติดต่อกับอีกคนไว้ แต่ก็เปลี่ยนคนอีกแล้ว 4.เซลล์อาศัยช่วงชุลมุนอู้งาน ทำให้เราที่อยู่ออฟฟิศกลางด้วย(มีออฟฟิศกลาง2ที่)โดนว่าหูแฉะเลย(เพิ่งวิ่งไปรับโทรศัพท์มาเลยเนี่ย)และวันหยุดเราหรือไปประชุม ออฟฟิศกลางไม่มีคนดูแล ลูกค้ามาไม่เจอก็บ่นอีก T T จะเอาอะไรกับช้านนนน จากคุณ : doxday - [ 28 ต.ค. 50 11:43:04 ]

ความคิดเห็นที่ 128 คนสายรักษาผู้คนมาลงชื่อปรากฎตัวไว้ก่อนครับ เห็นมีคนถามถึงกัน เดี๋ยวดึกๆจะมาแนะนำตัวอีกทีครับ ขอไปทำงานก่อน... จากคุณ : [..Nothing is what it seems..] - [ 28 ต.ค. 50 12:49:34 ]

ความคิดเห็นที่ 129 ขอบ่นเรื่องงานหน่อย หน้าที่ของเราตอนนี้ คือ ณ ออฟฟิศกลาง -รับโทรศัพท์จากลูกค้าที่ได้มาจาก คอลเซ็นเตอร์,ป้ายโฆษณา,อินเตอร์เน็ต ฯลฯ ถามเรื่องโครงการต่างๆ(ต้องตอบให้ได้ด้วย ไม่เคยเห็นตั้งหลายที่ก็ต้องพยายามตอบให้ได้ อาจโทรถามนิติฯที่นั้นๆเพิ่มเติม) -รอรับลูกค้าวอล์กอิน ที่มาได้ทุกเมื่อ แม้จะปาเข้าไปเกือบทุ่มแล้ว(นั่งเคลียร์งานอยู่ยังไม่ได้ปิดไฟ แต่ปิดป้ายcloseไว้แล้ว) แต่พาชมห้องไม่ได้นะคะ นิติฯไม่อนุญาตให้ขึ้นหลัง17.30 น.(บางรายไม่เข้าใจก็...) -รับชำระเงินค่าห้อง สำหรับบางห้องบริหาร(ที่เจ้าของขี้เกียจคุยกับลูกค้าเอง ให้เราเก็บตังค์ให้ บริษัทฯได้ฟรี 10%ต่อเดือน!!!) ที่มาแบบไม่นัดวันเช่นกัน -ห้องไหนน้ำไม่ไหล ไฟไม่ติด ก็แจ้งเรา(น่าจะแจ้งนิติฯมากกว่า) กรณีผู้เช่าบางราย นิติฯก็โยนมาให้เราเองเลย ขอบคุณมากๆ -ช่วยนิติฯคุยภาษาอังกฤษกับลูกค้าเป็นครั้งคราว -และสารพันปัญหา ติดต่อเรา(ทั้งๆที่ไม่ใช่งานเรา) ฯลฯ ก็เข้าใจนะ เราเหมือนเป็นจนท.บริษัทนี้ที่เค้าติดต่อได้ มีอะไรก็เลยมาแจ้งเรา แล้วเราก็เคยติดต่อกับเค้าอยู่ก่อน แม้จะไม่ใช่หน้าที่เราแต่ก็ต้องทำ"เพราะเป็นลูกค้า" ส่วนงาน(ตามหน้าที่จริง) ธุรกิจนายหน้า คือ -หาสต็อก(ตอนนี้มีเข้ามาเยอะมาก ไม่ต้องหาเองเลย) -โฆษณาห้องตามสื่อต่างๆเท่าที่จะทำได้ -หาผู้เช่า,ผู้ซื้อ พาดูห้อง เป็นคนกลางต่อรองราคา -ดูแลห้องชุดให้แก่เจ้าของห้องทุกกรณี(เพราะกุญแจอยู่กับเรา) -จัดการเรื่องไฟฟ้า โทรศัพท์ อินเตอร์เน็ต ฯลฯแทนเจ้าของห้อง -เป็นที่ปรึกษาเรื่องภาษีในการซื้อขาย(ยังไม่เก่งเลย) - บางครั้งโทรมาถามเรื่องภาษีถ้าเค้าจะให้โดยเสน่หา ...หนูก็ไม่รู้ค่ะ รู้แต่เรื่องขาย -จัดการเรื่องเงินกู้ธนาคารให้ -จัดการเรื่องการโอนทั้งหมด จนกว่าจะหมดปัญหาเรื่องซื้อ-ขายห้อง -จัดการเรื่องเงินทุกอย่างไม่ให้ผิดพลาด ไม่งั้น... จากคุณ : doxday - [ 28 ต.ค. 50 12:52:20 ]

ความคิดเห็นที่ 130 [..Nothing is what it seems..] สัญญาแล้วนะว่าจะมาเล่า  จะรอคืนนี้นะเจ้า จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย - [ 28 ต.ค. 50 18:29:34 ]

ความคิดเห็นที่ 131 มาอีกรอบ  คนเยอะ สนุกดีจังวุ้ย จากคุณ : drof - [ 28 ต.ค. 50 19:55:37 ]

ความคิดเห็นที่ 132 เราอยู่ บริษัทให้บริการสินเชื่อด้านลิสซิ่ง แผนกการตลาด เท่าที่ได้คุยกับลูกค้า ส่วนใหญ่ก็จะเป็นฝ่ายบัญชี-การเงิน-จัดซื้อ ก็จะบอก กันว่า ยังไม่มีการลงทุนช่วงนี้ ก็อย่างที่หลายคนบอกอ่ะนะคะ ว่ารอเลือกตั้ง ก่อน แต่ก็ไม่รู้ว่าเลือกตั้งแล้ว ทุกอย่างจะดีขึ้นจริงรึปล่าว ส่วนด้านของธุรกิจให้สินเชื่อด้านลิสซิ่งเอง จากที่ดูผลประกอบการก็ไม่ได้ แย่ตามเศรษฐกิจนะคะ แต่ประเด็นที่มีผลมากคือ คู่แข่ง ค่ะ แข่งในเรื่อง อัตราดอกเบี้ย บริษัทไหนมีต้นทุนเงินต่ำก็ได้เปรียบค่ะ ชอบจังเลยกระทู้แบบนี้ ปกติไม่ค่อยได้ออกความคิดเห็น ได้แต่อ่านอย่าง เดียว ไงก็ โหวตให้นะคะ ^^/ จากคุณ : Muu_BeLL (Muu_BeLL) - [ 28 ต.ค. 50 21:20:27 ]

ความคิดเห็นที่ 133 ทำบัญชีค่ะ งานก็ไม่มีอะไรค่ะ ดูแลเด็กๆ  ซะเป็นส่วนใหญ่ ปัญหาที่เจอก็คือ บริษัทคนไทย ประหยัดในเรื่องส่วนตัวคิดว่าไม่ควรน่ะค่ะ เช่น การซ่อมแซมอุปกรณ์ ให้อยู่ในสภาพดี แล้วอีกเรื่องที่เจอก็คือ การทำการซ้ำซ้อนกันของบางแผนก เช่น คลังสินค้า คือ สามคนทำในเรื่องคล้าย ๆ กัน แต่ไม่รู้จัก ใช้คอมฯ ให้เป็นประโยชน์ เช่น การใช้สูตร ง่าย ๆใน  excel  ทำรายงานได้ทุกรายงานในแผนก สอนก็แล้ว ทำให้เป็นตัวอย่างก็แล้ว พูดแต่ว่ามันยาก ขอเวลาศึกษา สูตรซักระยะ ก็เพราะทำงานแบบนี้ไงถึงไม่มีเวลา ทำอย่างอื่น อยู่ที่เก่า เราตรวจงานแผนกอื่น ที่ใช้คนทำตั้งสามคน เราตรวจคนเดียวโดยใช้ สูตรง่าย ๆ ก็ยังทำได้สบาย 2-3 วัน ไม่เกินอาทิตย์ ก็เสร็จ แล้วอีกอย่างเจ้านายก็ประมาณ  ให้ทำอะไรก็จะให้ระบายสีอยู่นั่นแหละ ปวดตา ไม่รู้จะทำทำไม ทั้งที่มีวิธีอื่น ง่ายกว่าตั้งเยอะ เราว่าถ้าพัฒนาความรู้ในการใช้คอม ฯ มากกว่านี้คงประหยัดคน ประหยัด เวลาการทำงานได้มากกว่านี้อีกเยอะ เฮ้อ จากคุณ : สาวน้อยร้อยกว่าโล - [ 28 ต.ค. 50 21:36:47 ]

ความคิดเห็นที่ 134 ขอแจมมั่งค่ะ จากที่ปกติเคยแต่อ่านๆ ทำงานบริษัทผลิต+จัดจำหน่ายยางรถยนต์แห่งหนึ่ง ทำงานด้านดูแลวิเคราะห์ inventory ค่ะ สภาพตลาดตอนนี้ค่อนข้างซบเซาค่ะ ทั้งในประเทศและส่งออก ยอดอืดมากมาย คาดว่ามาจากผลกระทบของเรื่องค่าเงินบาท และ ความผันผวนทางการเมือง เศรษฐกิจไม่ดีจริงๆนะเนี่ย.... จากคุณ : ไทค์กะโจ - [ 28 ต.ค. 50 23:24:25 ]

ความคิดเห็นที่ 135 งานหลักรับจ้าง แก้ปัญหาทุกอย่าง ในหมวดอุตสาหกรรมครับ เพื่อนผมเคยว่าเป็นประเภท สร้างองค์กรให้มีชีวิต นอกนั้นก็ กำลังหัดค้าขาย ในผลิตภัณฑ์ที่ชอบ และมีความสุขที่ได้ทำครับ งานอดิเรก ก็พวก artwork animation music composer แต่เวลาไม่ค่อยเหลือ เพราะหวงไว้ นอน ดูหนัง และเลี้ยงลูกครับ ขออนุญาตเซฟไว้อ่านทีหลังครับ จากคุณ : แมวเมา - [ 29 ต.ค. 50 06:55:09 ]

ความคิดเห็นที่ 136 โห ... ไม่ได้มาดูสองวัน ติดอันดับไปซะละ .... ดีใจ ๆ ครับ ยินดีครับคุณ คัสซีโอเพย่า ที่ได้เเชร์ประสบการณ์กัน ... วิศวกรผู้หญิงเก่ง ๆ อย่างคุณคัสซีโอเพย่า น่ะ ผมว่าหายากนะตอนนี้ ( ท่าทางจะ ปสก. เยอะด้วยนะ ผมว่า ) เอาไว้สักวันคงจะต้องมีโอกาสรบกวนแชร์เรื่องงานกันนะครับ ส่วน คห.ที่ 101 กำลังจะย้ายงานน่ะครับ และเล็ง ๆ เรื่องโปรแกรมตัวนี้อยู่ เอาไว้ถ้าเจ้านาย(ใหม่)อนุมัติล่ะก็  คงได้รบกวนกันนะครับ ... คุณ pink_oreo ครับ ไม่ทราบมีแพลนจะสร้างโรงงานเอธานอลที่ไหนต่ออีกมั้ยครับ อยากจะได้ข้อมูลหน่อย คือว่าเคยคาดว่าเอธทานอลจะบูมเหมือนกันนะครับ และได้เคยลงทุนค้าขายเรื่องอุปกรณ์ที่ใช้ในกระบวนการผลิตของมันอยู่ ( แบรนด์บราซิล ) แต่อยู่ดี ๆ ก็ฮวบหายไปเฉย ๆ ซะงั้น  เซ็งเลยครับ แต่ก็ยังโฮลลิขสิทธ์ตัวแทนการขายสินค้าตัวนี้อยู่  .... คิดเล่น ๆ นะครับ ..... ถ้าเราๆมารวมตัวกัน ( ประมาณว่าเปิดบริษัท อะไรเงี้ย ) ท่าทางจะรุ่งเนอะ เอาจุดเด่น ๆ ของตัวเองมาใช้ น่าจะรับงานได้อื้อเลยนะเนี่ย ... ฝันไปแล้วมั้งเรา .... อิ ๆ ๆ ๆ ๆ แก้ไขเมื่อ 29 ต.ค. 50 13:13:19 จากคุณ : มิสเตอร์ หว่อง (มิสเตอร์ หว่อง) - [ 29 ต.ค. 50 13:10:29 ]

ความคิดเห็นที่ 137 เป็นกระทู้ที่ดีมีประโยชน์จริงๆครับ ทำให้รับรู้สังคมของธุรกิจภายนอกได้เป็นอย่างดีเลย ทำให้รู้ว่าในวงการธุรกิจต่างๆก็ต่างพากันซบเซาเหมือนกันแฮะ...แต่ต่างจากธุรกิจของผมละมั้ง เห็นคนเขาขายของกันดีจริงๆเดือนๆนึงก็ได้เกือบแสนจากคนที่ขายนะครับ ที่เห็นๆก็ร้านขายมือถือ+ซ่อมมือถือ รายได้รองลงมาก็พวกของใช้ พลาสติกต่างๆ วันละเกือบ5-7พัน(เสาร์-อาทิตย์ หลักหมื่น) แล้วก็พวกรองเท้าแบบต่างๆนี้ก็ดีนะ ขายออกได้ดี ที่ยกมานี้คือคนที่ขายของในตลาดของ พ่อ-แม่ ผมนะครับ ถือว่ารายได้ดีกันมากๆเลย แต่อาจจะเป็นเพราะว่าทำเลดีด้วยละมั้งครับ เพราะที่ตั้งของเรานั้นอยู่แถวๆ(ตรงข้าม) นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ซึ่งมีผู้คนเดินเป็นพันๆคนต่อวัน ขายดีจนต้องขอขยายอ่าบางร้าน บางร้านก็ขอพื้นที่เพิ่ม บางร้านก็จากเดิมไม่ค่อยจะมีอะไรก็เริ่มมีทำเป็นห้อง เริ่มติดแอร์ เริ่มมีเหล็กกั้นแบบทันสมัย มาใช้ ซึ่งทำให้บางเดือนต้องปวดหัวเหมือนกันว่า จะให้ เนื้อที่เขาเพิ่มแค่ไหนดี - -* ขอที่เพิ่ม 3-5 เมตร คิดกี่บาท น้อยไปก็เสียดาย มากไปก็หาว่า งก อีก +55 แต่ก็สนุกดีครับ มีเรื่องให้คิดเรื่อยๆตลอด  (วันนี้ก็มีคนขอเพิ่มเนื้อที่ - -*) จากที่กล่าวมาทำให้พอรู้เลยละครับว่าถ้าทำเลดีก็จะขายของได้ดีมากๆเลย อืม ชักอยากจะขายเองซะแล้ว - - 15 พ.ย. 50 นี้ปวดหัวอีก เพราะจะขึ้นค่าเช่าอีก ขึ้นทุกสิ้นปี จะขึ้นน้อยก็เสียดายก็เห็นขายกันได้ดีขนาดนั้น - -* เฮ้อ...ขึ้นเยอะก็ใจร้ายอีก จากคุณ : kmitl_Pu - [ 29 ต.ค. 50 14:43:47 ]

ความคิดเห็นที่ 138 ทำงานกองบรรณาธิการ (Pocket Book) ค่ะ ทำประจำแล้วก็รับงานฟรีแลนซ์อย่างขยันขันแข็ง อิอิ เงินก็เรื่อยค่ะๆ ประจำก็รับตามอัตราหมื่นกลางๆ จะได้มากได้น้อยก็เลยขึ้นอยู่กับจ๊อบซะมากกว่า^^ สำหรับตลาดหนังสือเล่ม คิดว่าก็ดร็อปลงพอสมควรค่ะ ที่ดูจะโต ก็แบ่งเป็นหมวดๆ ไปอย่างพวกนิยายเกาหลี ญี่ปุ่น หรือโรมานซ์(ทั้งไทย ทั้งเทศ แต่ก็เป็นช่วงก่อนจะถูกเหมารวมว่าเป็นสื่อลามกจนต้องสั่งเก็บ ปิดแท่มพิมพ์กันไปนะคะ -_-') ส่วนกลุ่มอื่นๆ อย่างวรรณกรรมเยาวชน นิยาย หนังสือคนดัง นั่นก็เป็นไปตามกระแสของแต่ละเล่มมากกว่าค่ะ จากคุณ : รถบัสมหัศจรรย์ - [ 29 ต.ค. 50 15:10:04 ]

ความคิดเห็นที่ 139 ยุคนี้ ห้องสีลม สร้างคอนเนคชั่นยากขนาดนี้เลยหรือเนี่ย... ท่าน คุกกี้ ทำไมไม่จัดเป็น Meeting ไปเลยละครับ ? จากคุณ : wbj - [ 29 ต.ค. 50 20:08:12 ]

ความคิดเห็นที่ 140 ร่วมแจมด้วยคนค่ะ ทำงานอู่ซ่อมรถค่ะ   หน้าที่หลักจะดูแลในส่วนของการประสานงานกับบริษัทฯประกันภัยต่าง ๆ ผ่านระบบ on line  ตั้งแต่รับรถเข้าซ่อม จนถึงปิดเรื่อง ตั้งเบิก และตัดยอดรับเงิน จากที่ทำงานอยู่ประมาณ 1 ปี ปัญหาที่พบ  แยกได้เป็นดังนี้ค่ะ   1.  ปัญหาที่เกิดจากลูกค้า  ส่วนใหญ่ลูกค้าที่ทำประกัน  มักจะไม่ค่อยรู้เกียวกับการเคลมประกัน  และการซ่อมทำสี  ซึ่งการรับรถลูกค้าแต่ละครั้งก็จะต้องชี้แจง  ให้ทราบเป็นราย ๆ  บางประกันก็มีขั้นตอนการซ่อมที่ยุ่งยาก  บางประกันก็สามารถซ่อมรถได้เลย  ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับประกันแต่ละบริษัทที่ลูกค้าเลือกค่ะ   2.  ปัญหาที่เกิดจากประกัน   ส่วนใหญ่จะติดขัดเรื่องความล่าช้าในการประสานงานการซ่อม  ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องค่าแรง หรือค่าอะไหล่  ประกันที่ดี  ก็ใช้เวลาติดต่อเพียง 1  ชม.  ก็ทราบผลแล้ว ว่ารถของลูกค้าจะสามารถซ่อมได้หรือไม่  หากเจอประกันที่แย่  บางทีอาจต้องใช้เวลา 1-2 วันถึงจะทราบผลการอนุมัติ   สงสารลูกค้าเหมือนกันค่ะ  แทนที่จะได้รับรถไปใช้เร็ว ๆ ก็มีตัดขัดเรื่องความล่าช้าของประกัน   และที่ยิ่งแย่หนักเข้าไปใหญ่ ในสถานการณ์ช่วงนี้  ดิวการจ่ายเงินค่าซ่อมรถอาจจะยาวนานขึ้น  จากที่เคยตกลงกันไว้  จาก 30 วัน ก็อาจจะเลื่อนไป 60-120 วัน หรือบางบริษัท ก็อาจจะยาวข้ามไป 5-6 เดือนเลยทีเดียว ส่วนประกันที่ดี  ที่เร็วสุด 10 วันก็สามารถรับเงินค่าซ่อมได้เลยค่ะ ป.ล. หากมีท่านใดทำงานวงการประกัน  ช่วยกระซิบบอกหน่อยได้ไหมค่ะ ว่าทำไมถึงไม่ยอมจ่ายเงินให้ตรงดิว  หรือตรงตามเครดิตที่ให้ไว้   3.  ปัญหาที่เกิดจากร้านอะไหล่  ที่พบคือ  ความล่าช้าในการจัดส่ง   การจัดส่งของให้ผิดรุ่น  บางทีก็เกิดจากเจ้าหน้าที่อู่เอง  บางครั้งไม่มีความชำนาญในรถรุ่นนั้น  ๆ   สื่อสารกันผิด  T__T 4.  ปัญหาที่เกิดจากอู่  หลัก ๆ เลยคงจะเป็นเรื่อง ทำรถไม่เสร็จตามกำหนดค่ะ   ก็มีบ้างค่ะที่ผิดคำพูดกับลูกค้า     บางที Q.C รถไม่ผ่าน   , รออะไหล่นาน ,  สีเพี้ยน  ,  ช่างไม่พอ  ฯลฯ   แต่ปัญหาข้อนี้ไม่เกิดขึ้นบ่อยนักค่ะ  เพราะเสี่ยงต่อการถูกปลดจากการเป็นอู่ของประกัน  และความน่าเชื่อถือกับลูกค้า   ทำงานอู่ สนุกและท้าทายดีค่ะ  มีอะไรให้ลุ้นตลอด  เจอลูกค้าน่ารักก็ดีไปค่ะ  แต่เจอลูกค้าที่เข้าใจอะไรยาก  ก็เหนื่อยใจนิดหน่อย   แต่ก็ใจเขาใจเราค่ะ  บางทีเห็นลูกค้าอารมณ์เสีย ก็ต้องพยายามคุย พยามอธิบาย  สุดท้ายก็ต้องจบให้แฮปปี้กันทุกฝ่ายค่ะ  ไม่ว่าจะเป็น ลูกค้า ประกัน หรืออู่ จากคุณ : mom_nongda - [ 29 ต.ค. 50 21:03:52 ]

ความคิดเห็นที่ 141 no one in the financial sector? จากคุณ : ! o_o ! - [ 30 ต.ค. 50 00:07:18 ]

ความคิดเห็นที่ 142 ไหนใครบอกจะมาเล่าเรื่องการแพทย์  หายไปเยยอะ -_-' จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย - [ 30 ต.ค. 50 00:39:59 ]

ความคิดเห็นที่ 143 ทำบริษัทน้ำมันต่างชาติ กำลังจะม้วนเสื่อตาม Jet ไปรึเปล่า (ก้อไม่รู้) ที่เขาบอกกันว่าค่าการตลาดน้อยๆๆ น้อยจริงๆ ไม่ได้โม้ เอาง่ายๆ สมมติเอาเงินมาลงทุนในไทยหนึ่งล้าน ได้คืนล้านสอง โยกไปประเทศอื่น ได้คืนสองล้าน... I go home ดีกว่า... ปล. พนักงานไทยก็ count down รอวัน... จากคุณ : Blue Lighthouse - [ 30 ต.ค. 50 01:43:31 ]

ความคิดเห็นที่ 144 เห็นโฆษณาของหลายๆ ธนาคาร เกี่ยวกับการให้กู้เงิน ธุรกิจ SME แล้วก็ใจหาย ยิ่งมองย้อนไปในอดีต ที่เร่งให้คนกู้หนี้ยืมสินกันมากๆ กู้มาเพื่อเอาไปขยายธุรกิจ วาดฝันให้กับตัวเองว่า จะมีลูกค้าเพิ่มขึ้นๆ ได้แต่ฝันหวานกันไป แต่ถ้าไม่มีเงิน ครั้นจะตกแต่งหน้าร้านเพื่อดึงดูดลูกค้า ก็ทำไม่ได้ หรือไม่สามารถรองรับปริมาณลูกค้าส่วนเกิน ก็ทำให้ขาดรายได้ไปอีก เจ้าของธุรกิจรายเล็ก หลายๆ คน คงคิดกันอย่างนี้กระมัง ถ้าเศรษฐกิจเมืองไทยเฟื้องฟูตลอดเวลา ก็คงจะดี อยากทำให้ฝันเป็นจริงคงไม่ยาก แต่ความเป็นจริง ไม่ว่าบ้านไหนเมืองไหน เศรษฐกิจก็มีขึ้นๆ ลงๆ ถ้าฐานรากเราไม่แข็งแรง เอาแต่กู้หนี้ยืมสิน เพื่อวาดฝัน หากฝันสลาย ก็จะเจ็บตัวกันได้ง่ายๆ นะครับ จากคุณ : เตร็ดเตร่ - [ 30 ต.ค. 50 12:12:41 ]

ความคิดเห็นที่ 145 แจมด้วยนะคะ เป็นลูกจ้างอยู่ค่ะ เป็น trading ค่ะ ส่งออกพวกอะไหล่มอเตอร์ไซด์ แต่ก่อนยอดขายก็ไปได้เรื่อย ๆ แต่เริ่มลดลงตั้งแต่ที่จีนเข้า WTO ยอดขายลดฮวบฮาบเลย เพราะราคาสินค้าของเค้าถูกกว่าเรา บางอย่างเกินครึ่งด้วยซ้ำ ยอดขายหายไปมากมาย ก็มีลูกค้าบางเจ้าที่กลับมาซื้อเราเหมือนเดิม เนื่องจากสินค้าของประเทศไทย มีคุณภาพดีกว่า แต่ลูกค้าบางส่วนก็ย้ายไปซื้อที่จีนและไม่กลับมาซื้อที่เราอีกเลย :( เราก็แก้ปัญหาด้วยการบริการที่ดีกว่า ถ้าลูกค้ามีปัญหาเรื่องสินค้า เคลมให้ได้ อยากได้แบบไหน จัดให้ได้ บริการลูกค้าดีสุดชีวิต ทำงานที่นี่มา 7 ปี เนื่องจากเป็นบริษัทเล็ก ๆ จึงต้องทำทุกอย่าง ตั้งแต่บัญชี (ใช้สำนักงานบัญชีช่วยด้วย) ติดต่อโรงงาน งานส่งออก (เอกสารต่าง ๆ) ตอนนี้เรียนต่อโท บริหาร ฯ อยู่ เนื่องจากคิดว่า ทำงานบริษัทเล็ก ๆ มันเริ่มอิ่มตัวแล้ว เพราะคงไม่มีโอกาสเติบโตได้อีก อีกอย่างนึง หูตาก็เริ่มแคบลง ๆ เนื่องจากเป็นบริษัทเล็ก ๆ งานที่ทำก็เป็น Routine มาก ๆ คอนเน็คชั่นก็น้อยลง ๆ เรื่อย ๆ ก็หวังไว้ว่า เรียนจบแล้ว จะหางานใหม่ทำ ภาวนาให้เศรษฐกิจดีขึ้น ตอนเรียนจบ จะได้เริ่มหาประสบการณ์ในงานใหม่ ๆได้อีก จากคุณ : same sun same moon (same sun same moon) - [ 30 ต.ค. 50 15:19:51 ]

ความคิดเห็นที่ 146 เห็นตั้งแต่วันแรกแล้ว เอาไปเอามาเป็ยกระทู้ดังไปแล้ว ผมทำพวก it แนวเกม เว็บไซท์ แอดบนเว็บ แอดแปลกๆ ที่เคยเห็นกันครับ พวก multimedia ต่างๆด้วย มองว่าธุรกิจด้านนี้ยังโตได้อีกมากตามเทคโนโลยีที่มีใหม่ๆมาอย่างต่อเนื่องเห็นด้วยกับความเห็นที่ว่าองความรู้สำคัญมากกับธุรกิจสมัยนี้บางแห่งยังงงๆอยู่ไม่ค่อยให้ความสำคัญ เดี๋ยวรู้ตัวอีกทีหลังจาก คู่แข่ง กลบดินฝังตัวเองไปแล้วแหละ นอกจากองค์ความรู้ที่ต้องนำหน้าอยู่เสมอความคิดสร้างสรรค์ ก็เป็น อีกส่วนที่สำคัญ มีความรู้ใหม่แต่ไม่รู้จัก ดัดแปลงเพื่อสร้างความแตกต่างก็ไม่ดี การขายโฆษณาทางเว็บไซท์ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างประสบการณ์ใหม่ๆให้กับลูกค้า ลูกค้าอาจจะดื้อยาได้ถ้าเจออะไรที่เหมือนเดิม หมั่นสร้างสรรยา แก้เชื่อว่าธุรกิจนี้อยู่ได้อีกนานครับ แต่อย่าลืมนึกถึงแนวทางแบบไทยเราด้วยนะครับส่วนหนึ่ง ที่เลี่ยงไม่ได้คือการมี connection อันนี้ทุกธุรกิจมีเหมือนกัน ใครไม่มีไปเร็วยังยาก จากคุณ : keox (keox) - [ 30 ต.ค. 50 17:12:34 ]

ความคิดเห็นที่ 147 ทำด้านส่งออกครับ บริษัทฯ คนไทย ตลาดของผมไม่เหมือนกับคนอื่นเท่าไรที่ตลาดของผมจะเป็นตลาดแถบตะวันออกกลาง และใช้ยี่ห้อของตัวเองเป็นหลัก ลูกค้าแขกมันจะคิดว่าตัวเองฉลาด แต่ก็โดนเราตอกกลับเยอะ ตอนกลางวันประมาณบ่าย 2 ที่นั่นก็ประมาณ 8 - 9 โมง โทรไปหาลูกค้ากำลังละหมาดอยู่ ก็ต้องหอบหิ้วโน็ตบุ๊คกลับมาตอบเมล์ลูกค้าที่บ้าน ช่วงรอมาฎอนที่ผ่านมาก็ซบ หลังจากผ่านช่วงรอมาฎอนก็ไปได้ดี แต่ที่น่าหนักใจคือ ลูกค้าพวกนี้เหมือนกับเปิด L/C ไม่เป็น ต้องให้ตามล้างตามแก้หมด เด่วนี้เปิด L/C มาดู FIELD LIEN 57D 41D อย่างเดียวเลยผม เรื่องอื่นเอาไว้ดูเป็นรายละเอียดทีหลัง ลูกค้าบางเจ้าก็คุยกัน YES YES YES, DEFINITELY SURE แต่เปิด L/C มาคนละเรื่องอย่างล่าสุดเปิด L/C มาเมื่อวันที่ 24 ที่ผานมา จะให้ส่งของเลย โอ๊ย ตรูไม่ได้เป็นเจ้าของสายเรือเองนะเฟ้ย จะมาให้ส่งเลย โน่นเลย กลางเดือน เรือว่าง ยั๊วะ ๆ แต่ก็ต้องบอกให้ AMEND L/C มา บางประเทศเช่นอิหร่าน ก็ต้องใช้ TERM D/P เพราะเปิด L/C ไม่ได้ ให้ไปเปิดประเทศอื่นก็ได้ แต่ธนาคารในประเทศเราไม่ยอมรับ L/C ที่มีคำว่าอิหร่านติดแม้ปลายติ่ง (เพราะสหรัฐแท้ ๆ เวง) บางลูกค้าก็ดี แต่ไปติดที่ธนาคาร หากินกับพวกดิส ชอบให้ลูกค้าเปิด message ที่เราไม่สามารถทำได้ แล้วเราก็ติดดิส หากินกับดิสเสียจริง ๆ พวกแบงเกอร์ นี่กำลังฝึกภาษาที่ 4 และพัฒนาภาษาที่ 3 ที่เลิกราไปนาน อยากออกไปหางานที่ประเทศอื่น ส่งเงินกลับประเทศ ใครมีปัญหา L/C หรือเอกสารส่งออก/นำเข้า ปรึกษาได้คับ นี่ว่าจะเขียนหนังสือ "บันทึกลับ L/C" เอาไว้ให้หวาดกลัวเล่น จากคุณ : Pete Chakky - [ 30 ต.ค. 50 21:33:04 ]

ความคิดเห็นที่ 148 แก้ไขเมื่อ 30 ต.ค. 50 23:53:59 จากคุณ : Forever In LoVE - [ 30 ต.ค. 50 23:53:43 ]

ความคิดเห็นที่ 149 ประสงค์จะทำความรู้จักกับทุกท่าน แต่ไม่ประสงค์จะเปิดเผยตัวเอง (คนตัวเล็กๆครับ ไม่มีคุณค่าอะไร) จากคุณ : thaihypn - [ 31 ต.ค. 50 00:00:11 ]

ความคิดเห็นที่ 150 ขอแจมมั่งดีกว่า เข้ามาห้องสีลม เจอแต่กระทู้สมัครงาน  แต่อันนี้แปลกดี ผมจบวิศวเครื่องกลมาครับ ทำงานอยู่โรงงานโฮยาลำพูนมาได้ 4 ปี เพื่อนแนะนำให้รู้จัก eBay ก็เลยสนใจ เพราะใจจริงไม่อยากทำโรงงานหรอก       แต่ตอนที่จบใหม่ ๆ ยังไม่มีความรู้เลย ( แม้แต่ตอนที่เริ่มต้นทำ ก็ยังไม่ค่อยรู้เรื่อง internet หรือ e-commerce ท่าไหร่นัก ) ตอนเริ่ม ก็เริ่ม team กับเพื่อนได้ 7 คนแบ่งหน้าที่กันไป คนนี้หาสินค้า คนนี้หาของ คนนี้เป็นคนส่ง ประมาณนั้น ทำไปได้สัก 3 เดือน จาก 7 คน เหลือกันแค่ 2 คน คือผม กับคนที่ทำเวปเป็น ( ผมทำไม่เป็นครับ ปัจจุบัน ก็ยังทำไม่เป็น ) แต่ยังไม่ยอมแพ้ ยังคงทำไปเรื่อย ๆ พยายามเก็บข้อมูล หรือศึกษาลูกค้าให้มากที่สุด และศึกษาเรื่องการตลาด และ e-commerce ไปด้วย ลองทำปรับโน่น ปรับนี้ มาสัก 1 ปีก็เริ่มกระเตื้อง ขายได้ประมาณเดือนละ $1,000 แต่ก็ไม่ไปใหนสักที ก็เลยมาคิดดูว่า ถ้าทำอยุ่ทั้ง 2 ทางนี้คงจะไม่รุ่งสักอย่าง       ต้องเลือกสักอย่างแล้วล่ะ ก็เลยลาออกทั้ง ๆ ที่เงินเดือนได้ตั้ง 40,000 บาทแล้ว ( อยู่เชียงใหม่ แล้วได้เงินเดือน 40,000 บาทนี่หรูแล้วนะครับ ) ตอนออกมา มีแต่คนหาว่าบ้า เพราะเงินเดือนขนาดนี้ และก็กำลังจะ promote ด้วยซ้ำแต่มาคิดดูแล้วล่ะครับ ว่าถ้าไม่เริ่มตอนนี้ แก่ไปกว่านี้คงไม่ได้เริ่มแล้วล่ะ  ออกมาทำตอนแรก ยอดขายก็ยังไม่กระเตื้อง ทำอยู่ 6 เดือนชักเครียด แล้ว P&G ก็เรียกมาให้ไปสัมภาษณ์ งานเป็น manager เงินเดือน 80,000 บาท แต่ไม่ไป เพราะตัดสินใจไปแล้ว เดี๋ยวเสียหน้า 555    แต่โชคดี ยอดขายใน eBay เริ่ม เพิ่มขึ้น ก็เลยใจชื้น และก็ยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ครับ เพราะความรู้ด้านการตลาดที่ศึกษาไว้ เอามาปรับใช้ ตอนนี้ ได้กำไรหลายเท่าของเงินเดือนที่เคยได้ แถมทำงานน้อยกว่าด้วย ไม่ต้องตื่นแต่เช้า หรือ นั่งทำงานให้คนอื่น แล้วกำลังมีโปรเจค ทำงานร่วมกับกลุ่มหัตถกรรมชาวบ้าน เอาสินค้าของเขามาขายในเวปไซต์ของตัวเอง แต่ใช้หลักการตลาด และการออกแบบเวป มาช่วยเพิ่มช่องทางให้กับชาวบ้าน ที่เล่ามาซะยืนยาว ไม่ใช่จะโม้หรอกครับ แต่อยากให้กำลังใจ คนที่อยากทำอะไรเป็นของตัวเอง อย่ารอเวลาที่จะเริ่ม เพราะถ้าไม่เริ่มสักที ก็ไม่มีซะที อย่าคิดว่าเราไม่ได้เรียนมาทางนี้ แล้วเราจะทำไม่ได้ เพราะไม่มีใครมาคอยสอนเราหรอก และก็ อย่าท้อครับ เพราะบางครั้ง เส้นชัยไม่ได้อยู่ใกล้นักหรอก - วิ่งมาราธอนครับ ไม่ใช่ 100 เมตร ใครสนใจหรืออยากได้แนวคิด PM คุยกันได้นะครับ จากคุณ : ทอม (ชาวบ้าน 100%) - [ 31 ต.ค. 50 05:26:07 ]

ความคิดเห็นที่ 151 เข้ามาขออนุญาตอ้างชื่อคุณ : ทอม (ชาวบ้าน 100%)  ตาม link ข้างล่างนี้ http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/B5971797/B5971797.html คงไม่ว่ากันนะ จากคุณ : Destiny Hurts Me! (Destinyhurtsme) - [ 31 ต.ค. 50 13:01:04 ]

ความคิดเห็นที่ 152 คุณทอมเก่งจังครับ คนอย่างคุณนี่ถ้าไม่มีอะไรพลาดน่าจะรุ่ง ว่าแต่ผมจะต้องลอง ศึกษาอีเบย์ นี่มั่งละ เคยไปถ่ายแคตตาล๊อก ให้บริษัทฝรั่ง เค้าสั่งของจากโรงงานเชียงใหม่ ขายทางเวปไซด์ไปทั่วโลก ผมยัง งง มันเป็นฝรั่ง พูดไทยก็ไม่เป็นเค้ายังทำได้ แต่เราอยู่บ้านเองแท้ๆ ทำไม่ได้แบบเค้า..... จากคุณ : ลูกผู้ชายชื่อเบอร์รี่ - [ 31 ต.ค. 50 13:04:55 ]

ความคิดเห็นที่ 153 เข้ามาคาราวะทุกท่านที่ร่วมแจมกระทู้ค่ะ ^_^  (ชอบกระทู้นี้จังเรยย) อ่านประสบการณ์ด้าน L/C กับลูกค้าตะวันออกกลางของคุณ Pete Chakky แล้วเร้าใจจริงๆค่ะ อิอิ  ดิฉันเคยแต่เจอ L/C จากลูกค้าแถบอินเดีย ศรีลังกา บังคลาเทศ.....โหดมั่กๆ T_T  special condition กะ required document ล้านแปด ม่ายรู้อีจะขอไปพับถุงใส่กล้วยแขกหรืองัย เยอะจนจนท.แบงค์ยังบ่นเลยค่ะ ^^' จริงๆเรื่องพวกนี้ หากเราเอามาคุยเล่าสู่กันฟัง น้องม๋าว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อคนที่อยากทำธุรกิจเป็นอย่างมาก เพราะบางเรื่องมันเป็น detail ที่ถ้าไม่ลงมือทำก็จะไม่รู้ บางเรื่องกว่าจะรู้ว่ามันมีปัญหาประมาณนี้ ก็ได้เสียตังค์กันไปบ้างแล้ว แต่ดิฉันชอบประโยคนึงของคุณ ทอม (ชาวบ้าน 100%) มากๆเลยค่ะ ==> "เส้นชัยไม่ได้อยู่ใกล้นักหรอก - วิ่งมาราธอนครับ ไม่ใช่ 100 เมตร" คนที่ไม่เคยทำธุรกิจส่วนตัว อาจจะไม่ทันได้นึกกันไปว่า กว่าที่ธุรกิจที่เราทำมันจะติดตลาด ออกดอกออกผลเป็นกำไรให้เราเลี้ยงตัวได้นั้น บางครั้งมันกินเวลาหลายเดือนไปจนถึงเป็นปี  หลายคนลืมเผื่อเรื่องพวกนี้ไว้ทำให้ต้องถอดใจก่อนเวลาอันควร....น่าเสียดายเป็นที่ยิ่งนัก ยังรอเรื่องจากจอมยุทธท่านอื่นๆอยู่นะคะ  ^_^ จากคุณ : น้อง(ของ)หมา - [ 31 ต.ค. 50 14:22:00 ]

ความคิดเห็นที่ 154 โห โห ได้ข้อมูลเพียบเลยค่ะ . . . ช้อบ ชอบค่ะ กระทู้นี้ แนะนำตัวเองก่อนหล่ะกัน เริ่มจากเป็น creative manager ทำไปทำมา นายเห็นว่า รุเรื่องสายการผลิตดี เลยให้มาเป็น production manager คือบริษัทเรานำเข้า consumer product จากต่างประเทศค่ะ ต้องมีการ re-packaing+ผลิต fixture สำหรับวางสินค้าตามห้าง . . . ตามมาควบด้วย purchase เนื่องจากนายคิดไปว่าไหนๆดูเรื่องผลิตแล้ว ก็ต้องรุสิว่าราคาค่าผลิตเท่าไหร่ เริ่มจากเป็นจัดซื้อของแผนก marketing ไปๆมาๆเป็นจัดซื้อของส่วนกลางของบริษัทด้วย แถมด้วยทีม promotion ที่ไป setup หน้าร้านอีก . . . เราอ่ะงงกะตัวเองจริ้ง จริง ว่าอะไร JD มันจะงอกได้รวดเร็วปานนั้น ภายใน 3 ปี ยอดขายของบริษัทตกลงมากค่ะ จากปี 06 เนี๋ยน่าจะตกเกือบ 80 ล้าน ดีน่ะที่ Q4 นี้ มีสินค้าบางตัวที่ขายผ่านให้ MLM ไปทำตลาดให้ พอจะกอบกู้สถานการณ์ไปได้บ้าง ปีหน้า budget คงต้องตั้งกันอย่างระมัดระวังมากขึ้น สถานการณ์น่ากลัวจริงๆค่ะ supplier หลายรายบ่นให้ทั้ว ใครที่อยู่ระดับ management คงต้องเครียดมากกว่าปีที่แล้วแน่ เนื่องจากต้อง control budget ให้ดี หากพลาดไป kpi ตกหล่ะก่ . . . พูดได้คำเดียวว่า กรำ สู้ สู้ นะค่ะ ทุกเรื่องราวล้วนย่อมมีทางไปของมัน แหม . . . ก่วงกลมยังมี 360 องศา มองให้รอบๆก่จะมีทางออกเองค่ะ จากคุณ : AiM tHe pOiNt aNd gO 2 iT ! ! (hi_soda_za) - [ 31 ต.ค. 50 17:20:08 ]

ความคิดเห็นที่ 155 แต่บางเอกสารก็จำเป็นนะครับ พวก Inspection, C/O, legalize doc. โอ๊ย แต่ละประเทศ เอกสารก็ต่างกันไปแล้วแต่เข้มมาก เข้มน้อย ใครส่งออกไปบังคลาเทศ จะรู้ว่าต้องผ่านด่านหินอะไรบ้าง เอา under declared ของเรา ไปเทียบกับ EDI ต้องทำหนังสืออธิบายเสียยาวยืด ตอนนั้นยังดีผมจำไต๋ได้ ให้เอกสารว่าต้องการออะไรบ้างเป็นภาษาอังกิด แปลเป็นภาษาไทยมาให้ ปรากฏว่าภาษาไทยกับภาษาอังกิดไม่ตรงกัน ผมเลยยึดภาษาอังกิดเป็นหลัก มันบอกว่าอันนี้ไม่จำเป็น ทำไมไม่ดูภาษาไทย ไอ้เราก็โอเค ปรากฏสินค้าไปถึงปลายทาง มันบอกว่าไอ้ที่เมืองไทยบอกว่าไม่จำเป็น จำเป็นอย่างมาก ของคุณเคลียร์ไม่ได้ อ๊าววววว คนส่งออกไปบังคลาเทศคงรู้ว่า ผมหมายถึงใคร เรื่องส่งออกละเอียดมาก ๆ ครับใครเผลอไม่รู้ว่าประเทศนี้มีข้อบังคับอะไร สินค้าก็ติดหงักเหมือนกัน พอดีผมจบวิศวะเลยรู้เรื่องสเปค คุยกับลูกค้าเป็นปี่เป็นขลุ่ย ลูกค้าไม่ค่อยชอบหน้าเท่าไรเพราะเถียงเรื่องสเปคกับมันบ่อย ๆ ว่าไป ไม่รู้ทำไมตัวเองมาอยู่ด้านส่งออก ทั้ง ๆ ที่จบด้านวิศวะ 5 5 5 จากคุณ : Pete Chakky - [ 31 ต.ค. 50 18:52:53 ]

ความคิดเห็นที่ 156 พอดีมีคนมาถามเรื่อง eBay เยอะ ผมเลยขอ แตกกระทู้ไปที่นี่แล้วกัน นะ http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/B5974111/B5974111.html จากคุณ : ทอม (ชาวบ้าน 100%) - [ 31 ต.ค. 50 21:42:43 ]

ความคิดเห็นที่ 157 ฮ่า........................................................ เนี่ยนะ... ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ" คัสซีโอเพย่า " จุดธูปถามถึงว่า.... "ว่าแต่มีใครอยู่วงการเกษตรอีกไหมคะเนี่ย เผื่ออนาคตจะไปปลูกข้าวขายมั่ง  " ละก็.... อย่าหวังเลยว่าจะได้เห็นความคิดเห็นของผมในกระทู้นี้ อ๊ะๆๆๆๆๆ อย่าเข้าใจผิด ! ก็ที่เล่าๆกันมาหน่ะ...... ล้วนอัศวินของคลื่นลูกที่สาม ลูกที่สี่กันทั้งนั้น ส่วนผมนั้น โบราณกว่าคลื่นลูกที่หนึ่งซะอีก ขืนเข้ามาแจ๋นกะเค้า ประเดี๋ยวกระทู้ดีๆจะบ่อนแตกซะเปล่าๆปลี้ๆ ผมมีอาชีพเหมือนคนรุ่นก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรมสักหลายๆร้อยปีมั้ง รุ่นที่มนุษย์ยังหักร้างถางพงอยู่ในป่าไง้ แหะๆๆ.... ผม รั บ จ้ า ง ตั ด ต้ น ไ ม้ ครับ ! แต่เพราะเป็น " คนไทย " ที่มีต้อง " ศิลปะ " เจือปนอยู่ในสายเลือดกันทุกคน เวลาตัดต้นไม้ จึงต้องตัดแบบ " มีศิลป์ " ไม่ใช่ตัดแบบคนที่ไม่ได้พา" ตา "มาทำงานที่พบเห็นกันกลาดเกลื่อนทั่วกรุง อ้ะ... ก็คุณ" ดีอาร์ (๛จูล่ง๛)  " ว่าไว้ใน # 57 ไม่ใช่หรือว่า.... " แต่วันนี้การเปลี่ยนแปลงด้านนวัตกรรมมุ่งเน้นไปที่การให้บริการ อีกทั้งยังมีความแนบเนียนในการการผสมผสานกันระหว่างผลิตภัณฑ์ และการบริการ  " ใช่ครับ ! ใช่เลย ขืนทำตัวให้ลูกค้าเค้าคิดว่าเป็นคนตัดต้นไม้ธรรมดาๆ จะไปคิดเงินเค้าแพงๆได้อย่างไร เก๊าะต้องเป็นคน" ทำงานศิลป์ " สิ ถึงจะเรียกราคาได้ ณ วันนี้ ลูกค้าจึงบอกกันปากต่อปากกันไปว่า ...เค้าเป็นคนที่ตัดต้นไม้ได้สวยที่สุดในประเทศไทย (ไม่ต้องโฆษณาครับ ไม่ต้องโฆษณา ให้ลูกค้าบอกต่อๆกันไปก็รับไม่ไหวแย้ว ! ) ยังครับ ยังไม่พอ เพราะเป็นคนป่า(+คนเถื่อน = รับจ้างตัดต้นไม้ ) จึงเข้าใจ " นิสัย " ของต้นไม้ไทยๆที่มีหลากหลายได้ดี เพราะบางสิ่งบางอย่างนั้น ในตำราฝรั่งไม่มี ! ก็คุณ" BMWTurboman  " บอกเอาไว้ใน # 46 มิใช่หรือว่า... " ส่วนภูมิปัญญาเดิมที่เรามีก็ถูกเขาเอาไปดัดแปลงจนกลายเป็นความรู้ของเขา เราแทบจะลืมตัวเองว่าเรามีความรู้อะไรบ้าง " จึงนำเอาความชำนาญในด้านนี้มาปรับใช้ จนกลายเป็นที่เลื่องลือกันในหมู่ลูกค้าอีกนั่นแหละว่า.... ต้องให้.... เค้ามาตัดให้ได้นะ เค้าตัดแล้วต้นไม้จะได้ออกดอกดกๆ ต้นนี้ออกดอกเพียงปีละครั้ง พลาดไม่ได้เลยนะ ! ช่วงนี้ เป็นช่วงที่ต้นไม้ใหญ่หลายชนิดเริ่มสร้างตาดอก งานเก๊าะเลยชุกสุดๆ ต้องวิ่งรอกระหว่าง  เชียงใหม่ กรุงเทพ หลายรอบ ตอนนี้อยู่ที่กระบี่ ตัด(แต่ง)ต้นไม้และอบรม Gardener ให้กับ.... A member of The Leading Hotels of the World ซึ่งเป็นของและบริหารโดย" คนไทย " ( ใครว่า คนไทยเราไม่รักต้นไม้ ไม่เห็นความสวยงามของต้นไม้ ????) นอน กินอยู่ในบรรยากาศหรูเริ่ดฟรีๆ ประมาณ 2 สัปดาห์ แล้วกลับไปกรุงเทพสัก 2 - 3 สัปดาห์ จากนั้นก็ต้องขึ้นไปเก็บงานที่เชียงใหม่อีก 7 - 10 วัน เพื่อให้ท่านลูกค้าผู้มีพระคุณสบายใจได้ว่า.... ในช่วงปีใหม่ ต้นไม้ของท่านจะต้องสวยสุดๆ ชนิดหาใครมาเปรียบไม่ได้ อ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆหลายคนจึงทราบว่า อยู่ในสาย อสังหาริมทรัพย์และบริหารทรัพย์สิน เช่น # 64 คุณ " pompoko " " เราทำงานอยู่ในบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่ง เป็นบริษัทข้ามชาติที่มีสาขาทั่วโลก เน้นในเรื่องของ Property management มากกว่าการสร้างอาคารน่ะค่ะ (ในไทยมีองค์กรลักษณะนี้ไม่กี่ที่หรอกค่ะ) " # 127 คุณ " doxday  " " เป็นเจ้าหน้าที่แผนกธุรกิจนายหน้า ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จำกัด(มหาชน) ที่ขยันสร้างคอนโดฯ " จึงอยากจะบอกว่า...... ต้นไม้ใหญ่(Trees)นั้น เป็นทรัพย์สินประเภทหนึ่งนะครับ แต่มีลักษณะต่างจากทรัพย์สินอื่นๆ ตรงที่ : 1. มูลค่าเพิ่มพูนขึ้นตามอายุ และ การดูแลรักษา ต่างจากทรัพย์สินอื่นๆที่มีมูลค่าลดลงตามอายุการใช้งานที่เพิ่มขึ้น 2. ช่วยเพิ่มมูลค่าของทรัพย์สินที่อยู่รายรอบได้ เมืองสิงคโปร์สวยงาม ที่ดินมีราคาแพง เพราะคุณค่าของต้นไม้มิใช่หรือ ? เมื่อใดก็ตาม ที่ได้เห็น" ฝีมือ " ของคนดูแลสวนของโครงการที่ประกาศตัวว่าหรู เริ่ด อลังการหลายโครงการแล้ว ให้รู้สึกเสียดายที่ผู้บริหารโครงการมิได้เห็นคุณค่า หรือ ให้ความสำคัญกับงานดูแลสวนและต้นไม้เท่าที่ควร งานดูแลสวนและต้นไม้ ซึ่งเป็นงานประเภท" แต่งหน้า "ให้กับทุกโครงการ จึงอยู่ในความรับผิดชอบของ... แรงงานที่ถือกันว่า มีคุณภาพต่ำที่สุดในตลาดแรงงาน บางครั้งเป็นแรงงานต่างด้าวเสียด้วยซ้ำ! สวนสวย จึงสวยที่สุดในวันส่งมอบ หลังจากนั้นก็จะค่อยๆลดสภาพลง จนกลายเป็นสวนโหลๆ ที่พบเห็นกันดาดดื่นได้ทั่วกรุง ( เนี่ยนะ.... หรู เริ่ด อลังการ.....) ด้วยเหตุนี้ เราจึงพบเห็น Signature Tree ที่งาม สง่า สมบูรณ์ แข็งแรง ในเมืองไทยได้ยากยิ่ง ข้อได้เปรียบของธุรกิจนี้ ก็ คือ 1. เป็นงานศิลป์ และ ถ้าปฏิบัติผิดพลาด ต้นไม้ต้นนั้นจะยืนประจานคนตัด(และสร้างความอับอายให้เจ้าของ)อยู่นานนับปี เมื่อเห็นฝีมือและไว้ใจกันแล้ว ลูกค้าจะไม่กล้าเสี่ยงให้ใครคนอื่นมาแตะต้องต้นไม้ต้นนั้นอีกเลย ( คนที่ชอบตัดราคาหน่ะ ไปไกลๆเลยไป๊....) 2. ต้นไม้ใหญ่ที่สวยสง่า เหมาะสมกลมกลืนกับสภาพแวดล้อม มิได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน ตรงกันข้าม ต้องใช้ความเพียรพยายามที่ถูกต้อง อย่างต่อเนื่องนานหลายปี ยิ่งชนิดที่โตช้า ยิ่งต้องใช้เวลานานขึ้น # 59 จขกท. คุณ" cookiecompany " บอกว่า.... " เรื่อง Tech นี่ไม่รู้ แต่ Guru บางคนบอกว่า "Apple มี Product Design ที่ขายโลกล่วงหน้าไปได้อีก 10 ปี" " ลูกค้าที่ใช้บริการมานานๆก็ทราบดีเช่นกันว่า ยิ่งใช้บริการของผมนานปีเท่าไร ก็ยิ่งหาคนตามทันได้ยากขึ้นเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ แม้เพื่อนเศรษฐีจะมีเงินทองกองท่วมหัว หากไปเห็นต้นไม้ใหญ่สวยๆ สง่าๆที่บ้านของท่าน แล้วอยากได้บ้าง สิ่งที่ทำได้ ก็เพียงซื้อหาตอไม้ขนาดใหญ่มโหฬารมาปลูกประดับบ้านเท่านั้น ยังหาความสง่างาม กลมกลืนกับบ้านไม่ได้เลย ประเด็นสำคัญที่มักเข้าใจกันผิดๆ(เพราะเชื่อคนขายต้นไม้)ก็ คือ ราคา คุณค่าของต้นไม้ ขึ้นอยู่กับความหายาก หาง่ายของต้นไม้ชนิดนั้นๆ ซึ่งเป็นความจริงเพียงส่วนเดียว ต้นไม้ใหญ่พื้นๆ ธรรมดาๆ ถ้าดูแลรักษาถูกต้อง อาจมีมูลค่าสูงกว่าต้นไม้ที่หายากหลายเท่าตัวได้ ตัวอย่าง ? ตรงหน้าอาคารใหม่ของแบงค์ชาติในวันนี้ มีต้นไทรธรรมดาๆประดับอยู่ ต้นไทรต้นนี้ เดิมขึ้นซุกตัวอยู่ด้านหลังของกลุ่มอาคาร โดยไม่มีใครรู้ว่ายืนต้นอยู่ตรงนั้นนานเท่าไรแล้ว วันหนึ่ง แบงค์ชาติมีโครงการสร้างอาคารสำนักงานใหม่ที่สวยสง่าในบริเวณนั้น จึงมีคำถามตามมาว่า แล้วจะปล่อยให้ต้นไทรธรรมดาๆ ที่ดูรกๆต้นนี้ ยืนต้นอยู่หน้าอาคารได้หรือ ? โชคดี ที่มีผู้ปราณีให้โอกาสผมได้แสดงฝีมือ.... ณ วันนี้ ผู้คนในวงการต้นไม้ต่างก็ยอมรับว่า หากจะหาต้นไม้ใหญ่มาปลูกทดแทน งบประมาณ 500,000 บาทก็คงไม่เพียงพอ และเทียบไม่ได้กับต้นไม้ต้นนี้ เพื่อนๆชาวสีลมที่อยู่ในวงการอสังหาริมทรัพย์และการบริหารทรัพย์สินครับ ลองใส่ใจ ดูแลต้นไม้ใหญ่น้อยในโครงการให้ดีสิครับ วันหนึ่งข้างหน้า คุณจะรู้ว่าตัดสินใจไม่ผิดเลย # 93 " แป่ว...ลิมไปนึกว่า มุมเกษตรกร ในห้องจตุจักร อิๆๆ " จากคุณ : seto16 อุ๊บ..... นั่นหน่ะสิ ผมก็ลืมตัวเหมียนกัลลลลลล์ ฮา.................................. จากคุณ : ครูต้อ - [ 31 ต.ค. 50 23:43:04 ]

ความคิดเห็นที่ 158 ^ ^ ว่าจะชวนครูต้อหนีตามน้องม๋า เอ้ย หนีไปเที่ยวอยู่เชียว ที่แท้ขึ้นเหนือล่องใต้ไปไล่ตัดต้นไม้...อ่ะจ๊ากก...ไปประดิษฐ์งานศิลป์อยู่นี่เอง =P วันไหนว่างๆวานครูต้อช่วยมาแต่ง "ต้นไม้" บนหัวน้องม๋าหน่อยนะคะ รู้สึกทั้งรากไทรทั้งกิ่งก้านชักจะรกรุงรัง...หาความงามมิได้จริงๆ T_T แก้ไขเมื่อ 01 พ.ย. 50 08:25:26 จากคุณ : น้อง(ของ)หมา - [ 1 พ.ย. 50 08:24:49 ]

ความคิดเห็นที่ 159 ได้ความรู้ใหม่จากครูต้อ ขอบคุณคร๊าบบ จากคุณ : Boyi - [ 1 พ.ย. 50 08:40:27 ]

ความคิดเห็นที่ 160 กลับมาต่อ =P อืมมมม ที่แท้คุณ Pete Chakky เป็นวิศวะนี่เอง...มิน่า ;-) เรื่องความวุ่นวายด้านเอกสาร และกฎระเบียบข้อบังคับของประเทศผู้ซื้อปลายทางเป็นเรื่องที่คนที่สนใจจะส่งออกควรเรียนรู้ไว้ให้มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกสินค้าด้านอาหาร , เครื่องสำอางค์ น้ำหอม ที่มีสารเคมีเป็นส่วนประกอบ , ผ้าต่างๆ สินค้าตกแต่งที่ทำจากไม้เงี้ยะ  หลายอย่างต้องยื่นขออนุมัตินำเข้าสำหรับประเทศปลายทางก่อน หลายอย่างต้องมีใบรับรองจากสาระพัดกรมในประเทศผู้ส่ง โอ๊ยยยย ม่วนขะหนาดดด -__-' จริงๆเรื่องพวกนี้หากเป็นบริษัทใหญ่หน่อย หรือเป็นคนเคยอยู่ในแวดวงส่งออกมาก่อนก็คงพอจะรู้กันอยู่บ้าง  เป็นห่วงก็แต่ชาวบ้านหรือผู้ไม่เคยทั้งหลาย เห็นตั้งกระทู้ถามเรื่องส่งออกทีไร น้องม๋าหล่ะเสียวแทนทู๊กกกกที.....โลกภายนอกมันโหดร้ายนะจ้ะ ขอโบก อีกเรื่องที่อยากจะย้ำให้หลายคนตระหนักมากๆ คือ หากคิดจะเป็นผู้ส่งออก ข้อมูลที่ควรเรียนรู้มากๆ คือ 1. รัฐบาลไทยให้การส่งเสริมหรือสนับสนุนอุตสาหกรรมประเภทไหนอยู่ หากคนอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมนั้นๆ คุณก็จะมีช่องทางไปง่ายขึ้น.....แต่หากคุณดันไปอยู่ในอุตสาหกรรม หรือขายสินค้าที่รัฐบาลเค้าไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แล้วตัวคุณก็ไม่มีช่องทางอยู่เองแล้ว.....บอกได้เลยนะค่ะ.....ว่าตายแน่ๆ 2. สินค้าที่คุณอยากขายมีความต้องการในตลาดโลกมากแค่ไหน ไม่ใช่ demand ในตลาดโลกมีอยู่กระจิ๋วเดียว แต่ก็ยังดันทุรังที่จะผลิตขายส่งออกให้ได้ 3. กฎระเบียบข้อบังคับของประเทศต่างๆ ซึ่งพอจะหาอ่านได้จาก www.depthai.go.th  กรมส่งเสริมการส่งออก www.mfa.go.th     กระทรวงต่างประเทศ www.exim.go.th    ธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออกแห่งประเทศไทย อ่านเยอะๆ อ่านเข้าไป เหมือนคุณอยากอ่านหนังสือเป็นก็ต้องเริ่มจาก ก.ไก่ ข.ไข่ ก่อน  อย่าเอะอะก็คิดว่าเราผลิตได้ เรามีสินค้าในมือ เราอยากจะส่งออก....ไม่อยากจะบอกว่าเห็นแบบนี้มาเยอะจนตกใจจริงๆ อืมมม งึมงัม เข้ามาบ่นตะเช้าอีกแล้วตู =P จากคุณ : น้อง(ของ)หมา - [ 1 พ.ย. 50 08:59:23 ]

ความคิดเห็นที่ 161 อยากเห็นรูปต้นไทรของครูต้อค่ะ จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย - [ 1 พ.ย. 50 11:02:26 ]

ความคิดเห็นที่ 162 กลับมาอ่านอีกที ไม่ได้เข้า Net มาสองวันเนื่องจากระบบ Wireless LAN ที่บ้านมันเจ๊งบ๊ง งานแทบล่ม - -''' กระทู้ยัง Hot - Hit ติดอันดับ 1 อยู่ เกินคาดจริงเลยครับ :D มีเรื่องจะเล่าให้ฟังอีกแล้ว ผมว่าเด็กมหา'ลัย น่าจะลองอ่านดู เมื่อวานผมไปเจอเด็กมหา'ลัยสองคนโชว์ฝีมือ ตอนคุยกับ Vice President ของ DTAC มา พอดี เมื่อวาน ทาง DTAC เขาเชิญผม [และอีก 4 ท่าน] ไปคุยในฐานะ Super Customer อารมณ์แนว ๆ อยากฟังเสียงลูกค้าที่เป็นลูกค้าชั้นดีหน่อย มีเด็กมหา'ลัยสองคน คนหนึ่งปี 4 นิเทศฯ อีกคนปีสอง รัฐศาสตร์ ก็เอาประสบการณ์การใช้งานของตัวเองไป Complain ที่เจ๋งจริง ๆ ก็คือคนหนึ่ง ลองออกแบบ Promotion ใหม่ที่ตัวเองอยากได้ เขียนใส่กระดาษ A4 มา คือไม่ใช่ Promotion ที่โง่ ๆ ทำนองว่า โทรล้านจ่ายสามบาท แต่เป็น Promotion ที่ใกล้เคียงกับตลาดจริงตอนนี้ แต่หยอดลูกเล่นหลอกคนให้ใช้งานเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัวเข้าไปนิด จบหัวข้อสนทนา ทาง DTAC ขอกระดาษแผ่นนั้นไปครับ เด็กมหา'ลัยสองคนนี้ ยังเสนอเรื่องอื่น ๆ อีก [บางเรื่องเล่าไม่ได้ ขออภัย] หลายเรื่องทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองโง่ลงไปถนัดตา :D Vice President ที่ลงมานั่งคุยด้วยกัน ถึงกับหันไปถามทางพนักงาน DTAC ด้วยกันว่า "แผนกไหนจะเปิดรับเด็กใหม่เมื่อไร ?" ส่วนพนักงานอีกคน ก็ชวนเด็กสองคนนี้มาฝึกงานครับ ดูแววตาแล้ว ผมว่าอยากได้ตัวสองคนนี้มาช่วยเลยละ ผมได้ยินเด็กมหา'ลัยสมัยนี้ชอบบ่นกันว่า ปีหนึ่ง ๆ จบกันคณะหนึ่งเจ็ดแปดร้อย จะไปหางานที่ไหนทำ ที่จริง ไม่มีบริษัทไหนโง่ขนาดจะไม่รับคนเก่ง มีแวว Loyalty สูงหรอก อย่าง DTAC นี่ผมว่าเขา Open มากเลยนะ เด็กรุ่นใหม่ [พูดเหมือนผมแก่มาก - -'''] เดี๋ยวนี้ บางคนมีนิสัยชอบฝัน เชื่อว่าฝันจะเป็นจริงในสามนาที เหมือนต้มมาม่า ไม่ค่อยรู้หรอกว่า กว่า Modern Dog จะมาอยู่ตรงนี้มันไม่ใช่หมู Tiger Woods / ภราดร / Rain อะไรพวกนี้ก็ต้องสร้างพลังในตัวขึ้นมากี่สิบปี ถึงจะมาอยู่ตรงนี้ได้ เก่งแล้วยังไม่พอ ต้องกล้าแสดง Idea ของตัวเอง ถึงเก่ง แต่ถ้าเก่งเหมือนคนอื่น เก่งตามมาตรฐานแล้วจะเอาอะไรไปขายชาวบ้าน เจอเด็กมหา'ลัยสองคนนี้เมื่อวานเข้าไป ผมว่าสงสัย ผมจะโดนเด็กรุ่นใหม่มาไล่ที่เร็ว ๆ นี้แฮะ - - http://www.cookiecoffee.com/index.php?lay=show&ac=article&Ntype=2 จากคุณ : cookiecompany - [ 1 พ.ย. 50 11:17:59 ]