Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    “จากเซลส์แมนสู่เอ็มดี”” ตอนที่ 10 นี่คือ IBM ประเทศไทย

    “จากเซลส์แมนสู่เอ็มดี”” ตอนที่ 10 นี่คือ IBM ประเทศ

    ไทย





    ที่ลุงเอาคะแนนมาบอกพวกเราในแต่ละครั้งว่าได้คะแนน

    เท่าไหร่นั้น  ความจริงเราไม่รู้ทุกครั้งหรอกครับ………




    เพราะกรรมการเขาประชุมกันเป็นความลับมาก และ

    คะแนนของแต่ละกรรมการเขาก็เอามาถัวเฉลี่ยตัดคะแนน

    ที่ได้สูงที่สุดกับต่ำที่สุดออก แล้วจึงมาคิดคะแนนเฉลี่ย  




    แต่ลุงมารู้เอาตอนหลัง ตอนที่ได้คะแนนทั้งหมดมาแล้วนั่น

    แหละ……………………………………………………..




    การ Presentation ดำเนินต่อไปอาทิตย์ละครั้ง สองครั้ง

    บ้าง ตามความสะดวกของคณะกรรมการของธนาคาร

    แต่เขาต้องการให้จบเร็วที่สุด เพราะ IBM คู่แข่งรายใหญ่

    ของเราก็กำลังรอที่จะเสนอราคาอยู่  คือกรรมการเขารอให้

    ของเรา Present ให้เสร็จ ถ้าคะแนนเฉลี่ยออกมา 80%

    เขาก็ให้เราเสนอราคาได้  




    ส่วน IBM ก็เหมือนกัน แต่รายนั้นเขาคงไม่พลาด เพราะเขา

    คือเจ้ายุทธจักรในการขายระบบคอมพิวเตอร์อยู่แล้ว  คงมี

    ทั้งความรู้  เทคนิค และกำลังพลพร้อม  ไม่เหมือนกับของ

    เราที่ต้องเรียนวันเย็นนี้  ทำแผ่นใสพรุ่งนี้ และอีกวันก็ทำ

    Presentation กันเลย




    ความจริงคณะกรรมการเขาก็ดูออกนะ  ว่าเราเพิ่มเตรียมมา

    สดๆร้อนๆ ไม่เหมือนของ IBM ซึ่งทำเป็นสำเร็จรูปไว้แล้ว

    สะดวก เรียบร้อย อยากจะ Present เมื่อไหร่ก็หยิบฉวยมา

    ได้ทันที  




    แต่อาจเป็นเพราะเราทำอะไรอย่างจริงจัง และซื่อๆ บางคำ

    ถามเป็นคำถามที่จนมุมกันหมด เราก็ต้องเทลเลกซ์ไปถาม

    เมืองนอก ให้กรรมการรอคำตอบมานั่นแหละจึงจะได้เอา

    ไปให้




    และยังแถมเอาเทลเลกซ์ถามตอบกับเมืองนอกไปโชว์

    ความไม่รู้ของเราให้กรรมการดูเสียอีก  ความที่เราทำอะไร

    ซื่อๆ ตอบอะไรไปอย่างซื่อๆ ไม่โกหก บางทีมันก็ทำให้

    กรรมการมองเราอย่างน่าเอ็นดูเหมือนกัน





    เมื่อพูดถึง IBM สมัยโน้น ก็อยากจะเล่าให้น้องๆ สมัยนี้ที่

    ขายอยู่ในวงการ IT ฟังสักนิดว่า  IBM คือใคร  …………




    พูดง่ายๆว่า ในโลกของเทคโนโลยี ไม่มีใครรู้จัก IBM เขา

    เป็นเจ้ายุทธจักรในทุกรูปแบบ แม้กระทั่งระบบเครื่อง  

    ระบบ Hardware ระบบ Software ระบบบุคลากร  ระบบ

    ขององค์กร ฯลฯ  




    ใครที่ได้ทำงาน IBM จะต้องบุคคลที่คัดสรรแล้ว  ได้ข่าวว่า

    จะต้องได้คะแนนในการสอบไม่ต่ำกว่า 3.5 ขึ้นไป  โดย

    เฉพาะพวก Sales หรือ Marketing Representative พวก

    นี้จะโดนคัดสรรเป็นพิเศษ  ใส่ชุดเสื้อแขนยาวสีขาว  ไม่

    เคยมีสีอื่นเลย ไม่มีเสื้อสี  ไม่มีลาย ไม่มีดอก เขาถือว่าไม่

    ใช่นักธุรกิจ กางเกงต้องสีน้ำเงิน รองเท้าต้องสีดำสีเดียว

    เท่านั้น และแต่งตัวอย่างนั้นมาเป็น 20-30 ปี ไม่เคย

    เปลี่ยน




    คนของ IBM ไปนั่งคุยที่ไหน  พวกเราจะรู้ทันทีเลยว่า เขา

    คือ พวก IBM เพราะมาดของเขานั้นประทับใจเหลือหลาย

    นั่งตัวตรง ยิ้มเล็กน้อย ไม่เอ็ดตะโรโฉเกเหมือนพวกเรา




    พวกนี้นามสกุลใหญ่ๆทั้งนั้น คนที่นามสกุลดังๆ เวลาไป

    สมัครงาน IBM เขาจะพิจารณาโดยเฉพาะ เพราะส่วนมาก

    จะเป็นนักเรียนนอก  จบเกรดสูงๆ มาและมีความรู้สูงๆ และ

    ที่สำคัญคือ พวกนามสกุลดังๆ เหล่านี้มักมี Connection ที่

    เข้าพบผู้หลักผู้ใหญ่ได้ง่าย




    เหมาะสมกับปรัชญาของ IBM ที่ว่า  




    “ให้คู่แข่งเข้าไปหาคนอื่น แต่ IBM จะพบประธานบริษัท

    เท่านั้น”





    เพราะฉะนั้น  การที่ใครจะมาขายระบบคอมพิวเตอร์ใน

    เมืองไทย  ใครมามาเปิดตลาดให้ยิ่งใหญ่เท่าไหร่ IBM ก็

    ไม่แคร์ ไม่สนใจ ถือเสียว่า “ข้าใหญ่ซะอย่าง”   โดย

    เฉพาะในขณะนั้น บริษัทที่ดำเนินการค้าเรื่องระบบ

    คอมพิวเตอร์อยู่แค่สองสามบริษัท คือ Control Data ซึ่ง

    ขายให้กับสนามม้าราชตฤณมัย    NCR   และ Burroughs

    ยังขายระบบบัญชีอยู่  Univac ก็เริ่มก็มาใช้งานแทน IBM

    ถ้าจะไม่ผิดเป็นระบบ 9200 ที่บริษัท ซัมมิท อินดัสเตรียล

    จำกัด




    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  ยี่ห้ออื่นที่เข้ามาทำตลาดในขณะนั้น

    เป็นแค่ “ตัวแทนจำหน่าย” หรือ Distributor เท่านั้น  




    แต่ IBM นั้น  ดำเนินการโดยบริษัทแม่  นโยบายการ

    ตลาด การเงิน เรื่องราคา การบริการ เป็น Standard

    เหมือนกันหมดทั่วโลก  ฉะนั้นกระทั่ง เครื่องราคา  ลูกค้า

    จะซื้อเครื่อง IBM ได้ในราคาเดียวกันหมดทั่วโลก ไม่ว่าจะ

    ซื้อจากที่ไหน เพราะเขาโควตราคาเป็น US$  การ

    รับประกัน  การซ่อมบำรุงเหมือนกันหมดทั่วโลก  




    ดังนั้น IBM จึงคุยได้ว่า ระบบของเขาทั้งระบบ “เป็นระบบ

    มาตรฐาน”
    ซึ่งไม่มีใครแหกกฎได้  และเป็นสิ่งที่ IBM

    ประสบผลสำเร็จในการดำเนินธุรกิจมาเท่าทุกวันนี้




    เรื่องเหล่านี้ ลุงได้ใช้กลยุทธ์หักล้างกับ IBM อย่างหนักใน

    การต่อสู้กับ IBM ในทุก Deal ซึ่งจะเล่าให้ฟังในตอนต่อไป




    อีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งก็ได้การยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง  แม้แต่กฎ

    เล็กๆ น้อยเช่นกับเพื่อนสนิท นั่งคุยกันเรื่องอื่นมาได้เป็น

    ชั่วโมง แต่วกเข้าหาเรื่องของ IBM เพื่อนก็ปิดปากเงียบ

    สนิท ไม่วิจารณ์ ไม่คุย ไม่อะไรทั้งสิ้น เหมือนกับมีมนต์

    สะกด  




    มีเพื่อนของลุงคนหนึ่งอยู่ที่ IBM  ขอโทษที่ต้องเอ่ยนาม

    เพื่อเป็นเกียรติแก่ท่าน  คือ ท่านปราโมทย์  พงษ์ทอง (คน

    ที่อยู่ IBM นะครับ  ไม่ใช่คนอื่น  เพราะทราบว่า  ผู้ที่มีชื่อ

    และนามสกุลนี้มีอยู่หลายคน)  ท่านปราโมทย์แห่ง IBM

    ท่านนี้  ท่านเป็นผู้ที่หลงรัก IBM อย่างสุดซึ้ง  ใครมา

    วิจารณ์ว่า IBM ไม่ดีอย่างโน้น  ไม่ดีอย่างนี้ไม่ได้  เป็นจะ

    ต้องโมโหโกรธา  ตอกหน้ากลับไป   ถึงขนาด (เขาเล่า

    ว่า)  ใครด่าพ่อ ด่าแม่เจ้าโมทย์ได้  แต่ถ้าด่า IBM  ก็ถึงกับ

    ญาติขาดมิตรกันทีเดียว (เท็จจริงอย่างไร  เดี๋ยวเจ้าโมทย์

    คงเข้ามาตอบเอง.....ถ้าเงียบไม่ปฏิเสธ  เขาถือว่ายอมรับ

    นะ คุณเจ้าปราโมทย์นะ)




    เขาเล่าว่า (อีกที) พวก IBM ทุกคน ถ้ากรีดเลือดออกมา  

    เลือดของพวกนี้จะมีสีฟ้า  เพราะ IBM ใช้สีฟ้าเป็น

    สัญลักษณ์  ไม่ได้มีสีแสดงเหมือนกับคนอื่น  ถ้ากรีดเลือด

    ออกมาแล้ว เลือดยังเป็นสีแดง ก็แสดงว่า อยู่ IBM ไม่ได้  




    เรื่องนี้จะจริงเท็จอย่างไรไม่ทราบ แต่ลุงออกความเห็นของ

    ทุกคนที่พูดมาจับ ว่าคนอื่นๆ เขาคิดกันอย่างนี้กับพวกคน

    IBM จริงๆ




    แต่เดี๋ยวนี้ IBM ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเยอะ  ทั้งด้าน

    วัฒนธรรมองค์กรซึ่งก็ดูเหมือนจะไม่เข้มแข็งเหมือนสมัย

    ก่อน  




    มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการขายกันขนานใหญ่   มีคน

    เก่าที่เลือดสีฟ้าของ IBM ลาออกกันมากมายตั้งแต่มีการ

    re-organization เมื่อตลาดมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง  




    มีการ Take Over ของบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหลาย  IBM ก็

    ต้องปรับตัวสู้กับตลาด  การโฆษณาที่ไม่เคยมี ก็มีการ

    โฆษณาในหน้าหนังสือพิมพ์  นิตยสารต่าง ๆ




    แม้กระทั่งในปัจจุบัน IBM ยังเป็น Sponsor ให้เกมโชว์ใน

    เมืองไทยอยู่เลย




    เพราะวิวัฒนาการของโลกมันเปลี่ยน  วิวัฒนาการทาง

    เทคโนโลยีมันเปลี่ยน ธุรกิจการค้าต่างๆ ก็ต้องเปลี่ยน

    ตาม  จะไปยืนขวางโลกอยู่อย่างเดิมมันทำไม่ได้   หาก

    IBM ไม่เปลี่ยนตามวิวัฒนาการของโลก ก็ไม่รู้ว่าป่านนี้

    อาจจะโดน Take Over ไปอีกรายด้วยหรือเปล่า




    วันนี้ก็เอาเรื่อง IBM เก่า ๆมาเล่าให้ฟังกัน ก็เพราะบางที

    น้องๆ อยากเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของบริษัทใหญ่ๆ ที่มี

    Organization ที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็เห็นจะว่าได้ไว้เป็น

    Case study ต่อไป




    amorntvm@hotmail.com

    จากคุณ : ลุงแอ็ด - [ 14 พ.ย. 50 10:16:15 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom