Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน.....แสร้งไปทำงานตามปกติ!!!

    เมื่อก้าวเท้าออกจากสำนักงานตัวแทนธนาคารต่างชาติบนอาคารสินธรที่ฉันเพิ่งถูกเลิกจ้าง
    ขณะยืนคอยลิฟท์ฉันเหลือบดูนาฬิกาบอกเวลาเกือบ 11.00 น.  
    คิดไม่ออกว่าฉันควรจะไปไหนดี?  
    เพราะถ้าฉันกลับบ้านตอนนี้ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่
    เพราะพี่น้องทุกคนในบ้านต้องรู้เรื่องแต่ฉันยังไม่อยากให้ทุกคนช๊อกและตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับฉัน  
    และที่สำคัญถ้าเรื่องนี้ถูกเปิดเผยสมาชิกทุกคนในครอบครัวจะต้องเสียใจและสงสารฉันมาก....

    ฉันขับรถออกจากอาคารที่ทำงานอย่างไร้จุดหมาย....  
    พลางคิดถึงเหตุการณ์เมื่อวานเย็นก่อนกลับบ้าน  
    "ยางรถของฉันแบนแฟ็บ"    
    โชคดีมีคนมองเห็นและชี้ให้ดูก่อนออกรถ  
    ฉันจึงขอแรงยามและช่างของอาคารมาช่วยเปลี่ยนยางให้
    เปลี่ยนเสร็จขอชื่อทั้งสองไว้หวังว่าจะซื้อขนมมาให้เป็นการขอบคุณ  
    ยังไม่ทันได้ซื้อก็ต้องกระเด็นออกจากตึกซะก่อน  
    แล้วนี่ยังไม่มีโอกาสขอบคุณอีกครั้ง  
    หากคุณทั้งสองมีโอกาสได้อ่านบันทึกของฉันและยังจำได้  
    ก็ขอขอบคุณด้วยใจจริงสำหรับความช่วยเหลือและน้ำใจที่ดีงามด้วยนะ    

    ที่เขียนเรื่องยางรถแบนเพราะคิดว่าคงเป็น "ลาง" ไม่ดี  
    และพอมาวันนี้ก็ถูกเลิกจ้าง!  
    หรือคุณว่าไม่ใช่?  
    ฉันขับรถไปเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย.....    
    หัวตื้อไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี    
    พอเริ่มรู้สึก "หิว" ฉันก็คิดออกว่าฉันควรแวะไปหาอะไรกินก่อนที่จะ "หน้ามืด" เป็นลม
    แล้วเกิดอุบัติเหตุขับรถไปชนคนหรือชนเสาไฟฟ้าซะก่อน!    

    ณ เวลานี้คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการไปนั่งกินสลัดบาร์ในร้าน Sizzlers (ถ้าจะให้ค่าโฆษณาก็ไม่ปฏิเสธนะ)  
    เพราะเป็นสลัดแบบบุฟเฟ่ที่ฉันสามารถเข้าไปนั่งกินได้เลยโดยไม่ต้องนั่งคอยอาหารตามสั่ง    
    และสามารถเติมอาหารเองตามต้องการได้อย่างน้อยจนถึงบ่าย 2 โมงเพราะในเวลานี้ฉันคงคิดไม่ออกว่าจะต้องสั่งอาหารอะไร  

    ก็แปลกดีนะ..... หลาย ๆ คนคงกินอะไรไม่ลงในสถานการณ์เช่นนี้  
    และโดยเฉพาะในเวลาที่รู้สึก "เครียด" และแย่ ๆ แบบนี้  
    แต่สำหรับฉันแล้ว   ปกติการกินจะทำให้ฉันหายเครียด  แถมยังทำให้สมองแล่นคิดแก้สถานการณ์ (ที่แย่แล้ว) ให้ดีขึ้นได้ด้วย

    แต่คราวนี้กลับไม่เป็นแบบทุกครั้งแฮะ!  
    เพราะฉันรู้สึกจุก….  
    เปล่านะ!  ฉันไม่ได้จุกเพราะกินเยอะเกินไปเพราะเป็นสลัดบุฟเฟ่หรอก  
    แต่ฉันคิดว่าผักและน้ำสลัดที่แสนเลี่ยนคงทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร  จึงทำให้ฉันรู้สึกจุก  
    แต่เอ๊ะ…..หรือจะเป็นเพราะ "ความเครียดลงกระเพาะ" กันแน่นะ?

    พอรู้สึกกินไม่ไหวจริง ๆ แล้วฉันก็ไป Window Shop  ในห้างบริเวณใกล้เคียง  
    เดินเรื่อยเปื่อยแบบไร้จุดหมายจนรู้สึกปวดเท้า  
    ก็แวะเข้าร้านกาแฟสั่งกาแฟแบบ Frozen  กินดับกระหายและนั่งเหม่อลอยแก้เมื่อยฆ่าเวลาไปเรื่อย ๆ  
    จนถึง  5 โมงเย็นฉันก็ขับรถกลับบ้าน  
    ใช้เวลาประมาณ 15 นาที  ถึงบ้านเวลาเดียวกับที่เคยกลับบ้านเป็นปกติ    
    ได้ผล!  ไม่มีพิรุธ......สมาชิกในบ้านก็ใช้คำถามเดิมว่า  
    “งานวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง”  
    ฉันก็ตอบเหมือนเดิมแบบหลบ ๆ สายตาว่า  
    “ก็ดี  แต่วันนี้งานเยอะหน่อย   รู้สึกเพลียและปวดหัวนิดหน่อย”  
    ว่าแล้วฉันก็ขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและทำกิจวัตรอื่น ๆ ตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนกระทั่งถึงเวลาเข้านอน

    วันรุ่งขึ้นฉันก็ตื่นแต่เช้าเหมือนเดิม  
    แต่งตัวเสร็จก็ขับรถออกจากบ้านทำท่าเหมือนไปทำงาน    
    แต่คราวนี้ฉันไม่ได้ขับแบบไม่มีจุดหมายเหมือนเมื่อวานแล้ว  
    เพราะฉันได้คิด "วางแผน" ไว้แล้วทั้งคืนว่าเช้านี้ฉันจะต้องไปไหน    
    คุณลองช่วยกันทายซิว่าฉันจะเลือกไปไหน?

    ผิด!  
    เช้าขนาดนี้ห้างฯ ต่าง ๆ ยังไม่เปิดหรอก  และห้างฯ ส่วนมากจะเปิดหลัง 10.00 น. โน่น  
    สถานที่ต่าง ๆ ที่ฉันจะไปนั่งฆ่าเวลา    และทำท่าเหม่อลอยก็ไม่น่าจะมีที่ไหนที่จะเปิดต้อนรับฉันแต่เช้าขนาดนี้
    จะมีอีกที่ก็คือโรงพยาบาลเอกชนที่เปิดตลอด 24 ช.ม.    
    แต่ฉันก็คงไม่ "เพี๊ยน" ขนาดไปสูดลมหายใจร่วมกับคนไข้เพื่อรับเชื้อบางอย่างโดยไม่จำเป็น

    ถูกต้อง!  
    ไป Makro ดีกว่า  เพราะฉันจำได้ว่าที่นี่เขาเปิดบริการตั้งแต่ 06.30 น.    
    เปล่า….! ฉันไม่ได้คิดจะไปซื้อของเป็นโหล ๆ เพื่อเปิดร้านหรือเปิดท้ายรถขายของปลีกหรอก  
    แต่ที่นี่เขามีร้านอาหารที่ฉันสามารถสั่งมากิน   และนั่งคิดเหม่อลอยนาน ๆ  หรือคิดหาทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้
    เบื่อมากก็เดินดูของ....      
    เดินเมื่อยก็กลับมานั่งกินและคิดอะไรต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้เวลาเลิกงานแล้วค่อยกลับบ้านแบบเมื่อวานนี้ไง

    ว่าแล้วฉันก็เลี้ยวเข้าที่จอดรถของห้างฯ และเข้าไปนั่งในบริเวณศูนย์อาหาร  
    สั่งกาแฟมาดื่มหนึ่งแก้วและนั่งคิดว่าฉันควรทำอย่างไรกับชีวิตและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดี?  
    ยังไม่ทันได้คิดอะไรออกเป็นรูปเป็นร่าง    
    ฝนก็ตกหนักแบบไม่ลืมหูลืมตา!  
    และเพียงชั่วไม่ถึงอึดใจมีเสียงฟ้าผ่าดัง “เปรี้ยง!”  
    ฉันได้ยินเสียงร้อง “กรี๊ด!” จากสาว ๆ บริเวณนั้นด้วยความตกใจ    
    และแล้วทุกอย่างก็ดับวูบลง!

    พอได้สติฉันถึงรู้ว่าฟ้าที่ผ่าดังเปรี้ยงเมื่อกี้เป็นผลทำให้ไฟดับไปทั้งห้างฯ !
    ว๊า! ชักไม่สนุกแล้วซิ!  
    คิดจะอาศัยยืมสถานที่เขามานั่งปลงกับเรื่องที่เกิดขึ้นสักหน่อย    
    ฟ้าก็ดันมาทำเป็น "พิโรธ" เสียนี่!!    
    “ไม่เป็นไร”  อย่าไปโกรธฟ้าเลยเพราะเป็นเรื่องของธรรมชาติ    
    ฉันมาคิดต่อเรื่องที่ "ถูกมนุษย์กระทำ"  และคิดว่าฉันควรจะดำเนินชีวิตของฉันต่อไปอย่างไรดีกว่า

    คุณคงไม่คิดว่าฉันกำลังจะใช้วิชามารมาแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับฉันหรอกนะ  
    แต่ถ้าคุณคิด …..  
    คุณคิดไม่ผิด!

    ท่ามกลางห่าฝน (เอ…ฝนตกหนัก ๆ เขาเรียกว่าเทห่าลงมาใช่หรือไม่หนอ?)  
    ฉันยังคงนั่งอยู่ในศูนย์อาหารภายในห้าง  
    ไฟยังดับอยู่....แต่ทางห้างใช้ไฟฉุกเฉิน    
    และฉันเลือกที่นั่งติดกระจกตลอดแนวซึ่งสามารถมองออกไปเห็นฝนที่ซัดกระหน่ำอย่างแรง  
    จนทำให้แผ่นป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ซึ่งติดกับผนังตึกขาดห้อยปลิวไปตามกระแสลมและฝน    
    ฉันมองลอดกระจกออกไปภายนอกซึ่งมืดครึ้มเหมือนตะวันกำลังจะชิงพลบ  
    ความคิดในขณะนั้นบอกว่า.......  
    “ฉันถูกเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม!”  

    ถึงแม้ในสัญญาว่าจ้างที่บริษัทให้ฉันเซ็นตั้งแต่วันแรกที่เข้าไปทำงานระบุไว้ชัดเจนว่า  
    ทั้งบริษัทและฉันฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีสิทธิ์เลิกจ้างหรือไม่ทำงานต่อหากไม่พอใจในระหว่างเวลาทดลองงาน 3 เดือน
    โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า  
    หากเหตุผลในการเลิกจ้างเป็นเพราะฉันทุจริต  
    ทำให้บริษัทเสียหายร้ายแรง  
    ทำงานผิดพลาดจนไม่สามารถให้อภัยได้  
    ไม่มีความสามารถในการปฏิบัติงาน  
    หรืออื่น ๆ ตามที่กฏหมายกำหนด  
    แต่ฉันก็ยังอดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่าในกรณีของฉัน…มันไม่ได้อยู่ในข่ายข้างต้นเลย
     
    เหตุผลที่เขาใช้อ้างในการเลิกจ้างงานฉันก็คือฉันไม่มีความชำนาญในการใช้ Computer  
    โดยยกตัวอย่างงานพิมพ์ตัวเลขสถิติที่เขามอบหมายให้ฉันพิมพ์ก่อนวันตัดสินฉันเพียงหนึ่งวัน

    ที่บอกว่าฉันรู้สึกว่าถูกบอกเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรมนั้นเพราะฉันมานึกถึงคำพูดของว่าที่ภรรยานายฝรั่งว่า  
    เธอได้ติดต่อ "ให้เพื่อนมาทำงานแทนฉัน" แล้ว      
    ซึ่งเพื่อนคนดังกล่าวของเธอเป็นคนที่ฉันมาทราบภายหลังจากเพื่อนสนิทคนหนึ่งของฉันว่ารู้จักดี
    เพราะเคยทำงานธนาคารต่างชาติอีกแห่งหนึ่งด้วยกันมาก่อน  
    และเพื่อนฉันก็บอกว่าเธอคนนั้นเคยทำงานสนิทสนมกันมาก่อนกับว่าที่ภรรยานายฝรั่ง  
    ยิ่งกว่านั้นเธอคนนั้นเป็นคนที่มีประวัติการทำงานที่ไม่น่าอภิรมย์นักแต่ทั้งสองสนิทกันมาก
    เมื่อวิเคราะห์เหตุการณ์ดูแล้วฉันก็คิดว่าเธอคงเพิ่งได้พบเพื่อนคนนี้  
    และเมื่อมีการพูดคุยถึงเรื่องที่เธอจะต้องลาออกเพราะจะต้องแต่งงานกับนายฝรั่ง    
    เพื่อนเธอคงทำให้เธอรู้สึกว่าการให้โอกาสเพื่อนเก่าแก่น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า  

    ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม.....  
    แต่ประการสำคัญฉันเชื่อว่าฉันคงได้ทำให้เธอเกิด "ความรู้สึกลบ" ต่อฉันในเรื่องที่ฉันไม่รู้ตัวก็ได้    
    แต่ฉันก็พอจะลำดับเหตุการณ์และมั่นใจว่าเป็นเพราะฉันไม่ได้ทำตัวประจบสอพลอ  
    หรือชื่นชมให้เธอหลงระเริงในฐานะว่าที่ภรรยานาย  
    มันเป็น "ความไม่ฉลาด" ของฉันเอง   แต่ก็เป็นความไม่ฉลาดที่ฉันรู้แก่ใจดีและไม่เคยคิดจะเรียนรู้วิธีทำให้ฉลาด  
    เพื่อประโยชน์ในหน้าที่การงานเลย
    ฉันจะกลับไปเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลา 2 สัปดาห์ที่ทำงานที่นี่ในตอนอื่น

    เมื่อคิดรวบรวมเหตุการณ์ตั้งแต่วันที่ฉันเข้าไปรับการสัมภาษณ์  
    วันที่ฉันเริ่มทำงานจนถึงวันที่ฉันถูกเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรมแล้ว    
    คำว่า “ไม่เป็นธรรม”  ทำให้ฉันนึกถึงกฏหมาย   ฉันคิดถึงทนายความ  
    ฉันคิดว่ากฏหมายจะสามารถช่วยให้ความเป็นธรรมกับฉันได้อย่างไรบ้าง    
    พอคิดได้ดังนั้นฉันก็หยิบโทรศัพท์มือถือโทรขอเบอร์โทรศัพท์ของกรมแรงงาน  
    แต่ได้รับคำแนะนำพร้อมเบอร์โทรให้ติดต่อกับศาลแรงงานอีกทอดหนึ่ง  
    เมื่อเล่าเรื่องและเหตุการณ์ให้เจ้าหน้าที่ฟังจนจบก็ได้รับคำแนะนำว่า  
    ฉันสามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากการถูกเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรมได้  
    และฉันสามารถกำหนดค่าเสียหายเป็นเงินกี่ล้าน  หรือเท่าไรก็ได้ตามที่ฉันต้องการ  
    แต่นายจ้างจะจ่ายค่าเสียหายให้ฉันได้มากที่สุดตามที่กฏหมายจะให้ความคุ้มครอง  
    ซึ่งก็คือ "ค่าบอกกล่าวล่วงหน้า" หนึ่งเดือนของเงินเดือน
    บวกเงินเดือนจากวันที่เริ่มงานจนถึงวันสุดท้ายของวันที่บริษัทกำหนดเป็นวันจ่ายเงินเดือนเป็นประจำเท่านั้น

    ฉันไม่คิดว่าเงินก้อนนี้จะสามารถซื้อความมั่นใจและความภาคภูมิใจทางสังคมในหมู่เพื่อนฝูงญาติพี่น้องที่ฉันได้สูญเสีย    
    ความรู้สึกอับอาย  และความรู้สึกแย่ ๆ ที่ฉันจะได้รับอันเป็นผลมาจากการถูกเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรมในครั้งนี้กลับคืนมาได้  

    ฉันพยายามซักไซ้เจ้าหน้าที่จากศาลแรงงานเพื่อให้เขาตรวจสอบกฏหมายให้รอบคอบ  
    และให้มั่นใจว่าเขาไม่ได้ตกหล่นกฏหมายข้อไหนที่ฉันสามารถจะฟ้องร้องการถูกเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรมในครั้งนี้  
    เจ้าหน้าที่คนนั้นก็บอกว่าถ้าฉันยังข้องใจหรือไม่เชื่อก็ให้ไปปรึกษากับ "สภาทนายความ" ได้  
    ฉันขอเบอร์ติดต่อและโทรไปสอบถามทันที  
    คำตอบที่ได้รับก็เหมือนกัน   แต่คำแนะนำที่ฉันได้เพิ่มเติมจากสภาทนายความก็คือ  
    จะมีทนายความที่มีประสบการณ์คอยให้คำแนะนำปรึกษาที่สำนักงานสภาทนายความ    
    ซึ่งถ้าฉันไปพบด้วยตนเอง   ฉันอาจจะได้รับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์มากกว่านี้ก็ได้

    จากข้อมูลทั้งหมดที่ได้รับทำให้ฉันคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ฉันต้องบอกเรื่องนี้ให้กับน้อง ๆ ของฉันที่บ้านทราบ  
    เพราะฉันก็ไม่สามารถ "แสร้งทำเป็นออกจากบ้านไปทำงาน" และตะรอนไปเรื่อย ๆ เช่นนี้ตลอดไปได้  
    ว่าแล้วฉันก็โทรศัพท์กลับบ้านและเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้น้อง ๆ ฟัง  
    ทุกคนตกใจและสงสารฉันมาก.....  
    น้องสาวบอกให้ฉันนั่งคอยอยู่ที่นั่น (ศูนย์อาหารใน Makro)  แล้วเขาจะรีบขับรถตามมาพบฉัน  
    ฉันบอกให้เขาทั้งสองคอยจนกว่าฝนหยุดหรือซาลงแล้วค่อยมา  
    และอีกอย่างตอนนี้ห้างฯ ไฟดับ   มีแต่เพียงไฟฉุกเฉินบริเวณที่สำคัญเท่านั้น  
    แต่น้องฉันเขาวางสายไปเสียแล้ว.....    

    ฉันเผลอนั่งเหม่อไม่ถึง 10 นาที  น้องทั้งสองของฉันก็ปรากฏกายด้วยหน้าตาตื่น   เห็นใจและสงสารฉัน  
    พร้อมกับแสดงน้ำเสียงโกรธเคืองนายจ้างฝรั่งโดยเฉพาะว่าที่ภรรยาของเขาอย่างกับเหตุการณ์นี้กำลังเกิดขึ้นกับตัวน้อง ๆ ของฉันเองก็ไม่ปาน  

    จากนั้นทั้งสองคนก็ทำหน้าที่เป็นทนายความเสียเอง.....    
    เพราะเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาไล่ต้อนฉันด้วยร้อยแปดคำถาม  
    เมื่อได้ข้อมูลจนพอใจแล้วก็นำมาวิเคราะห์สถานการณ์และเห็นด้วยว่า
    ฉันไม่ควรที่จะปล่อยให้เหตุการณ์เกิดขึ้นโดยไม่ลุกขึ้นมาต่อสู้หรือปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง  

    ว่าแล้วน้องสาวทั้งสองก็อาสาเป็นเพื่อนพาฉันไปสภาทนายความเช้านั้นเลย……..

    @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

    โปรดติดตาม  “เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอน.....พบทนายความเรื่องการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรมพร้อมกับการได้รับเงินชดเชยเกือบแสนบาท!!!
    สุดสัปดาห์หน้า

    ความเดิมเมื่อตอนที่แล้ว:
    http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/B6083075/B6083075.html
    “เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอน.....วันที่ฉันถูกเลิกจ้าง!!!

    แก้ไขเมื่อ 02 ธ.ค. 50 09:14:55

    จากคุณ : Destinyhurtsme - [ 2 ธ.ค. 50 01:09:37 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom