ความคิดเห็นที่ 1 มันก็ต้องหาจุดสมดุลครับ ให้ผมไปสอนคณิตศาสตร์ จ้างผมวันละหมื่นผมก็ไม่เอา แต่ถ้าให้ทำงานมือถือ วันละ200 งี้ก็ไม่ไหวนา ~ จากคุณ : ตวงสิทธิ์ - [ 3 ธ.ค. 50 17:58:16 ]

ความคิดเห็นที่ 2 1. ตอบประสาคนรักความเป็นตัวของตัวเอง >> เลือก รองานที่รักและอยากทำ 2. เพราะตอนนี้ก็มีงานอยู่แล้ว  ไม่ขัดสนรายได้ >> รองานที่อยากทำ 3. ในระยะยาว  ผมเชื่อว่าการเลือกทำในสิ่งที่ชอบจะมีผลดีและโอกาส ก้าวหน้ามากกว่า (และผมก็เห็นหลายๆ คนเดินไปสู่ทางตัน  เพราะโดนล่อ ด้วยเงินดีในระยะแรก  >>  สรุปเลือกงานที่ชอบ 4. เวลาในชีวิตเราส่วนใหญ่หมดไปกับงาน  การทำงานที่ไม่ชอบอย่างรุนแรง ย่อมก่อให้เกิดความทุกข์  >>  ฉะนั้น  เลือกงานที่ชอบ 5555  เอ๊ะ   ยังงัย  ทำไมสรุปออกมาเป็นแบบนี้  แต่ผมคิดแบบนี้จริงๆ ครับ จากคุณ : Jimmy Walker - [ 3 ธ.ค. 50 18:14:24 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อาจารย์ผมเคยสอนไว้ว่า ให้เลือกงานที่เราทำได้ดีโดยไม่ได้ใช้ความพยายามมากมาย ส่วนงานที่เราชอบนั้นให้เก็บไว้เป็นงานอดิเรก เพราะว่างานที่เราทำได้ดีโดยไม่ได้พยายามนั้นมันเป็น Natural Talent ของเรา ส่วนงานที่เราชอบเราอาจจะไม่ได้มีความสามารถด้านนั้นก็ได้ คงมีน้อยคนที่จะได้ทำงานในสิ่งที่ตัวเองชอบ และตัวเองก็ทำได้ดีในเวลาเดียวกัน (ไม่ได้หมายความว่าให้เลือกงานที่ตัวเองเกลียดนะ แค่อาจจะเป็นงานที่ตัวเองไม่ได้ชอบมากนัก แต่ก็ไม่ได้เกลียด) จากคุณ : Charisma (Jap@Pro) - [ 3 ธ.ค. 50 18:37:21 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ชอบ คห.3 จากคุณ : Coach The Lead - [ 3 ธ.ค. 50 19:33:40 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ต้องถามก่อนว่าเงินเดือนต่างกันเยอะมากไหม แล้วความชอบ Marketing ชอบจริงหรือเปล่า แต่ถ้าไม่ค่อยเดือดร้อนก็ทำสิ่งที่ตัวเองชอบดีกว่า เข้าใจความรู้สึกเลยกับการที่ต้องทำอะไรกับสิ่งที่ตนเองไม่ได้ชอบ ^.^ จากคุณ : BMWTurboman - [ 3 ธ.ค. 50 19:34:46 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ความเห็นส่วนตัวที่ใช้ครับ ผมจะตั้งเป้าหมายก่อนว่าจุดสุดท้ายที่ผมจะไปอยู่คือที่ไหน ทำงานไปเลื่อยๆหรือต้องการไปสู่ธุระกิจของตัวเองที่จะทำ หลังจากนั้นก็ต้องดูงานที่ทำอยู่ตอนนี้ช่วยพัฒนาอะไรให้เราบ้าง ถ้ามีส่วนในการเพิ่มประสบการณ์ในการนำไปสู่ธุระกิจที่ฝันใว้ เงินจะน้อยก็ไม่เกี่ยงครับ แต่ถ้าไม่ เงินเยอะแค่ไหนก็ไม่สนครับ เพราะเงินก้อนนั้นมันไม่ได้อยู่กับเราตลอด แต่สิ่งที่เราอยากจะอยู่ กับมันตลอดทำเงินให้ตลอดชีวิตครับ แก้ไขเมื่อ 03 ธ.ค. 50 21:27:10 จากคุณ : EDM - [ 3 ธ.ค. 50 21:21:25 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เห็นด้วยกับ คห6 คับ อีกอย่างคนเราทำงานได้เงินเยอะเพื่อมาซื้อความสุข ซึ่งบางที่ก็ไม่อาจซื้อได้ แต่ถ้าเราได้ทำงานที่มีเราชอบและมีความสุขอยู่กับมันแล้ว ผมว่ามันย่อมดีกว่านะ ถ้าคุณไม่เดือดร้อนเรื่องเงินรึว่ามีภาระมากเกินไปนะครับ จากคุณ : tjonline (tjonline) - [ 3 ธ.ค. 50 22:48:57 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ตอนนี้ ผมกำลังทำงานที่เคยรักและเป้นงานที่ได้เงิน จากคุณ : MiraSport - [ 4 ธ.ค. 50 07:02:02 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณทุกๆ ความเห็นเลยค่ะ แต่ก็ยังตัดสินใจลำบากอยู่ดี เพราะอีกบริษัทนึงให้เงินเดือนเริ่มต้นมากกว่าที่เดิมประมาณ 10 - 15 K พ้นโปรปรับอีก แล้วแต่ผลงาน ปัจจุบันได้เงินเดือน 19 K อะค่ะ แต่ตำแหน่งและสายงานที่เราทำอยู่ไม่มีความก้าวหน้าในอนาคตแน่ๆ แต่เงินดีมาก ถ้าเปลี่ยนบริษัทไปเรื่อยๆ ตอนนี้เลยกำลังลังเลอยู่มากเลย ว่าจะทำงานแนวเดิม หรือจะเปลี่ยนสายงานเป็นในสิ่งที่เราอยากทำและมีความก้าวหน้าในอนาคตมากกว่าอะค่ะ สับสนจัง -__-" จากคุณ : prettyjoy44 - [ 4 ธ.ค. 50 10:11:45 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ชอบความเห็น 3 อะ อ่านแล้วคิดได้เลยนะเนี่ย ^^ จากคุณ : endimian - [ 4 ธ.ค. 50 10:57:30 ]

ความคิดเห็นที่ 11 แล้วถ้าคุณเปลี่ยนไปทำงานแบบที่ให้เงินเยอะ คุณสามารถกลับมาทำงานที่ชอบได้ไหม หรือสามารถทำงานที่ชอบเป็นงานอดิเรกได้ไหม (ตามที่คนอื่นแนะนำด้านบน) เพราะดูท่าจะอายุยังน้อย ยังสามารถก้าวไปอีกไกลได้เยอะ และเป็นวัยที่น่าจะอยากได้กำลังทรัพย์ด้วย แต่..ถ้างานที่เงินดีมันขัดกับความรู้สึกมากไปจริงๆ คุณก็ควรคิดนะว่า ควรจะอยู่กับงานที่เรารักมั้ย ภาษิตขงจื๊อบอกไว้ว่า จงทำงานที่คุณชอบ แล้วคุณจะรู้สึกเหมือนไม่ต้องทำงานไปตลอดชีวิต (คือมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของเราที่ไม่ฝืนแล้วน่ะ) สำหรับเราโชคดีนิดนึงที่ตอนนี้ได้ทำงานที่เรารักและอยากทำ และได้เงินเดือนในระดับที่ดีใช้ได้ (30K ยังไม่รวมเบี้ยเลี้ยง) ก็เลยค่อนข้างแฮปปี้กับชีวิต ก่อนหน้านี้เคยทำงานสถานทูตที่คนอื่นคิดว่าดีแต่ข้างในเน่า เราไม่แฮปปี้เลยเปลี่ยนงาน ตอนแรกพ่อแม่ไม่เข้าใจเพราะคิดว่างานที่เก่าดีกว่า (อย่างน้อยก็มีเกียรติ) แต่ตอนนี้ก็พิสูจน์ให้เค้าเห็นแล้วว่าเราสนุกกับงานนี้ และได้เงินเดือนมากขึ้นกว่าเก่าอย่างน่าพอใจ แถมสวัสดิการดีกว่าอีก จากคุณ : ณ พิชา - [ 4 ธ.ค. 50 11:16:44 A:58.26.47.130 X: TicketID:116110 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขอแชร์ไอเดียกับคุณCharisma ในความเห็นที่ 3 นะครับ และอาจพอเป็นประโยชน์ต่อคุณจขกท. เพิ่มเติมครับ ถ้าจะพูดถึงศาสตร์ของการประสบความสำเร็จแบบเต็มรูปแบบนั้น  มีมิติที่ ต้องพูดกันในหลายๆ ด้าน  และต้องอธิบายโดยละเอียด  แต่ผมจะขอเสนอ อีกมุมมองหนึ่งโดยย่อดังนี้ครับ 1. ถ้าเราลองได้ศึกษาประว้ติของคนที่ประสบความสำเร็จในระดับสูงๆ ทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับโลก  เราอาจแทบจะไม่พบใครเลยที่ไม่ได้ทำสิ่ง ที่ตนรักหรือชอบ  คลั่งไคล้ที่จะทำ  อันนี้เป็นข้อมูลพื้นๆ แบบทั่วไปนะครับ 2. การประสบความสำเร็จในระดับสูงนั้น  ประกอบด้วย 2 สิ่งหลัก คือ - แรงผลักดันที่มากพอ   - กับการได้ทำในสิ่งที่ตนเองฉนัด ซึ่งสิ่งแรกจะมาจากความต้องการหรือความชอบในสิ่งนั้น  อย่างที่สองจะมา จากสิ่งที่เรียกว่าพรสวรรค์  และบางคนมาจากพรแสวง (เมื่อวานผมได้ดู รายการ My Brillion Brain ตอน Make me a Genius ที่พูดถึงแชมป์โลก หมากรุกที่เป็นหญิงคนแรก ซึ่งมาจากพรแสวงล้วนๆ)   ถ้าเราลองไปเสิร์ชหาคำว่า how to success ในอินเตอร์เนทดู  เราจะพบว่า มีหลักการข้อแรกๆ ของการประสบความสำเร็จ คือ Develop Your Real Desire หรือเกี่ยวกับการค้นพบความต้องการที่แท้จริงของคุณ  ในเกือบทุกบทความ แล้วเรื่องการรู้จักและใช้ Talent จะอยู่ในข้อหลังๆ รวมทั้งหลักการข้อนี้ จะมีอยู่ว่า ห้ามมีความต้องการที่ขัดแย้งกัน  (เช่นในกรณีนี้  การประสบ ครามสำเร็จมากขึ้นในงานที่เกลียด  หมายถึงความทุกข์มากขึ้น  แรงผลัก กับแรงดูดมันหักล้างกัน  จึงอาจทำให้ไม่มีแรงผลักดันที่จะก้าวหน้า) 3. คนที่ทำงานที่ตัวเองรักแล้ว  แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ  จะมาจากปัญหาหลายๆ ประการดังนี้ - ข้อแรก ความรักงาน  แต่ไม่มีแรงผลักดันที่มากพอต่ออุปสรรค  คือเรียกว่า ขาดความทะเยอทะยานที่จะเป็นผู้ประสบความสำเร็จในงานนั้น  หรือต้องการ ทำสิ่งนั้นๆ ให้ดีขึ้น  รวมถึงบางครั้งบางคน  งานที่รัก  หมายถึง "ความสบาย" หาใช่ความชอบที่แท้จริง -ข้อสอง ขาดการวางแผนที่ดี  และทำตามแผน (ข้อนี้จะอยู่ในข้อ 3 ข้อ 4 ของ Success Strategy) ปัญหาของการไม่ประสบความสำเร็จจึงไม่ได้ อยู่ที่เขาขาดความสามารถในการวางแผนและทำตามแผนมากกว่า - ไม่รู้จักงานที่ทำดีพอ จึงเลือกงานผิดพลาด  เช่น ในการประสบความสำเร็จ บางครั้งเราต้องรู้จักการทำการตลาดตัวเอง  หรือนำเสนอผลงาน  คนที่ทำงาน เก่งอย่างเดียว  แต่พรีเซนต์ตัวเองไม่เป็น  จึงยากที่จะก้าวหน้าในระดับสูงได้ เห็นไหมครับ  ว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่การเลือกทำสิ่งที่ตัวเองรัก  ปัญหาอยู่ที่ skill ในชั้นถัดๆ ไปมากกว่า   4. อีกประเด็นหนึ่ง  ผมได้เคยอ่านบทความชื่อประมาณว่า "Put the right people on the bus" ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการเลือกคนที่คุณจะอยู่ใกล้ๆ หรือคนที่คุณจะร่วมงานด้วย  โดยมีประเด็นหนึ่งที่ว่า  เลือกคนที่มีความ ปรารถนาจะบรรลุความสำเร็จในสิ่งเดียวกัน   เพราะหากเราเลือกคนที่มี ความสามารถ  แต่ไม่มีความปรารถนาในสิ่งเดียวกัน  เราจะต้องใช้เวลา เป็นอันมากในการสร้างกำลังใจและผลักให้เขาเดินไปข้างหน้า  ในขณะที่ คนที่มีแรงผลักดันอยู่แล้ว  เขาจะทำหน้าที่ของเขาอย่างดีที่สุดเองโดย ไม่ต้องผลักดันมากนัก  แล้วหัวหน้าก็เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า หลักการข้อสุดท้ายนี้  จะทำให้เห็นได้ว่า  เรื่องราวของจขกท.นั้น ผิดพลาด ทั้งตัวผู้เป็นนายเอง(ถ้าเขารู้ว่าเราไม่ชอบงาน  แต่ยังจะรับ)  และตัวคนทำงานด้วย แม้ว่าการเลือกทำงานที่ตนรัก  จะยังไม่ใช่คำตอบสุดท้ายที่เพียงแค่นั้น ก็ประสบความสำเร็จได้  แต่มันเป็นบันไดขั้นหนึ่งสู่การประสบความสำเร็จ ที่สูงกว่าอย่างแน่นอน  ส่วนเรื่องของหลัก Talent นั้น  ไม่ใช่สิ่งที่มีมาโดย ธรรมชาติเสียทีเดียวนะครับ  มันจะเกี่ยวกับนิสัย + Skill หรือท้กษะ  ซึ่งมา จากการทำงานและเรียนรู้เป็นเวลายาวนานพอ  จนกลายเป็นความสามารถ พิเศษดังว่า  ฉะนั้น  แม้ว่าจะมีนิสัยดั้งเดิมที่เหมาะสม  แต่ไม่ชอบ  ไม่อยาก เรียนรู้เพิ่ม  ทักษะตัวนี้ก็จะน้อย  ทำให้ Talent ในสิ่งนั้นไม่สูงไปด้วย เรื่องมันยาวครับ  เอาไว้ต่อในโอกาสที่เหมาะสมเรื่อยๆ แล้วกันนะครับ แก้ไขเมื่อ 04 ธ.ค. 50 13:07:04 จากคุณ : Jimmy Walker - [ 4 ธ.ค. 50 13:06:11 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ^ ^ ^ ^ คิดเหมือน คห.ที่ 3 ค่ะ ด้วยสาขาที่จบมาและประสบการณ์ทำงานบริษัทเอกชน รายได้ตอนนี้ก็ถือว่าโอเค แต่...ใจจริงชอบอยู่กับเด็ก ๆ โดยเฉพาะเด็กอนุบาล ฝันเคยอยากเปิดโรงเรียนอนุบาล แต่จะไปเป็นครู ก็เงินเดือนน้อยไปนิ๊ด เมื่อวานยังคุยกับแฟนเลยว่า อยากทำงานที่โรงเรียนนะ เด็ก ๆ น่ารัก สดใส ไม่เหมือนทำงานบริษัท เพื่อนร่วมงานแต่ละคน....(คิดเอาเอง) อยู่กับเด็ก ๆ ก็สบายใจดี ไม่เหมือนอยู่ในโลกมายาในออฟฟิต แต่พูดถึงคนเราก็ต้องกินต้องใช้ ต้องมีภาระเน้อ งั้นคงต้องสู้ต่อไป ทำงานบริษัทนี่แหละ เพื่ออนาคต จากคุณ : nuisukae - [ 4 ธ.ค. 50 14:43:25 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ถ้าคุณ "ไม่ชอบอย่างรุนแรง" อย่างที่บอกไว้จริงๆ ก็แนะนำว่าให้เลือกงานที่อยากทำดีกว่าค่ะ แต่ถ้าคิดว่า "พอทำได้ อย่างไม่คิดอะไรมาก" และเรื่องเงินก็เป็นเรื่องที่จำเป็นสำหรับคุณบ้าง ถึงแม้จะชอบน้อยกว่างานที่อยากทำ ก็ลองทำงานนี้ดูก่อน ไม่ไหวจริงๆ ค่อยออก.. จากคุณ : zyleth - [ 4 ธ.ค. 50 14:46:00 ]

ความคิดเห็นที่ 15 บางคนอยากจะทำงานที่อยากทำ แต่ก็ทำไม่ได้ -*- จากคุณ : Artisan3 - [ วันพ่อแห่งชาติ 07:28:05 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ได้ทำงานบริษัทฯที่อยากทำมา 2 บริษัทฯ แต่มันไม่ใช่อย่างที่เราคิด  ทำแต่ละที่ก็ประมาณ 2 ปี มันไม่ใช่อย่างที่เราต้องการ ลาออกมาค้าขายได้เกือบอาทิตย์แล้ว มีความสุขมาก แม้จะขายได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ชีวิตมีรสชาดดีค่ะ จากคุณ : อั่ยอ้วน - [ วันพ่อแห่งชาติ 10:22:59 ]