Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    “เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอน…..วันสัมภาษณ์กับ 12 วันก่อนถูกเลิกจ้าง!!!

    เมื่อเอ่ยถึงชื่อ “คุณสุนันทา” เจ้าแม่แห่งวงการ “Recruitment Agency”
    ฉันคิดว่าคนทำงานในบริษัทต่างชาติโดยเฉพาะที่มีนายจ้างเป็นฝรั่งส่วนใหญ่ต้องร้อง “อ๋อ” กันเป็นแถว  
    ใช่แล้ว!  
    ฉันกำลังกล่าวถึงบริษัท “Girl Friday” ที่อยู่คู่กับคนทำงานหรือมนุษย์เงินเดือนเช่นคุณและฉัน  
    รวมทั้งบริษัทที่ต้องการหาบุคลากรผ่านบริษัทนายหน้าเช่นบริษัทนี้ซึ่งคร่ำหวอดอยู่ในวงการมาเป็นเวลากว่า 20 ปี!
    (Oops! พันทิปจะหาว่าฉันมาโฆษณาบริษัทและจะเนรเทศฉันออกจากห้องสีลมอีกไหมเนี่ย???)

    วันนั้นคุณสุนันทาโทรมาหาฉันแล้วแจ้งว่า  
    บริษัทสำนักงานตัวแทนธนาคารต่างชาติแห่งหนึ่งซึ่ง Agency แห่งนี้ส่ง Resumeของฉันไปให้พิจารณาเมื่อสัปดาห์ก่อน
    ได้โทรมาแจ้งว่าบริษัทได้คัดเลือกฉันเป็น หนึ่งใน “Candidate”
    เพื่อเข้ารับการสัมภาษณ์ในตำแหน่งเลขานุการบริหารหรือที่ภาษาฝรั่งเขาเรียกว่า “Executive Secretary”  

    ฉันเดินทางไปถึงอาคารสินธรประมาณ 09.30 น. ก่อนเวลานัดสัมภาษณ์ครึ่งชั่วโมง
    ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันมักทำเสมอเวลาไปสัมภาษณ์งานโดยจะเผื่อเวลาเพื่อเตรียมความพร้อมให้มากที่สุด
    ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือก่อนวันสัมภาษณ์ฉันได้ขับรถไปสำรวจสถานที่ไว้ล่วงหน้าด้วยเพื่อให้มั่นใจว่าวันเดินทางไปสัมภาษณ์จริงฉันจะไม่หลงและสามารถไปทันเวลานัดหมาย…….

    ฉันยังจำภาพเหตุการณ์ในวันที่ฉันไปสัมภาษณ์ที่ธนาคารต่างชาติแห่งนี้ได้ดี….  
    คืนก่อนไปสัมภาษณ์ฉันได้ “พักผ่อนเต็มที่”  ทำให้ในวันนั้นฉันรู้สึกสดชื่นกระฉับกระเฉงเป็นพิเศษ
    ฉันอยู่ในชุด “เสื้อสูท” แขนยาวสีดำทับเสื้อเชิ๊ตตัวในเป็นผ้าบางเบาสีแดงสดปนลายเส้นเล็ก ๆ สีครีม
    “กระโปรง” สีดำเลยเข่าเล็กน้อยเข้ากับเสื้อสูท  ถุงน่องสีเทาดำ  รองเท้าคัชชูสีดำ  สะพายกระเป๋าหนังสีดำ  
    “แต่งหน้า” โทนน้ำตาลเข้ม  บนเปลือกตาไล้ด้วยสีทองอ่อนใต้คิ้วทำให้ “ดวงตา” ดู “สว่างสดใส”
    ปัด “แก้ม” ด้วยสีส้มอมชมพูอ่อน ๆ และทา “ปาก” สีส้มอมแดงไม่เข้มเกินไป  

    เมื่อไปถึงบริษัทบนอาคารสินธรถนนวิทยุ…..
    พนักงานประชาสัมพันธ์หน้าหวานมาต้อนรับโดยพาฉันเข้าไปนั่งคอยในห้องประชุมขนาดกลางจุคนได้ประมาณ 10 คน  
    ฉันนั่งคอยได้สักพักก็มี “หญิงสาวสวย” วัยอ่อนกว่าฉันเล็กน้อยเดินเข้ามาด้วยท่าทางมาดมั่นแสดงถึงความเป็น “เจ้าของสถานที่”  
    พอฉันยกมือ “ไหว้”  เธอผู้นั้นก็ไหว้ตอบด้วย “รอยยิ้ม”  และ “ดวงตาที่สดใสเป็นประกาย”  
    เธอเชิญให้ฉันนั่งลง  และตัวเธอเองก็นั่งลงตรงข้ามกับฉัน  ในมือของเธอถือแฟ้มเอกสารวางลงและกางอยู่บนโต๊ะ  
    ฉันเหลือบดูก็เห็นว่าเป็นประวัติการทำงานหรือ “Resume” จำนวน 6 หน้าที่ฉันส่งผ่าน Agency มานั่นเอง!
    เป็น Resume ที่ “ยาวมาก” เพราะฉันจะใส่ข้อมูลทุกอย่างเพื่อให้นายจ้างรู้จักฉันในเบื้องต้นให้มากที่สุด
    ฉันเคยได้ยินมาว่า Resume ที่ดีต้อง “สั้นและกระชับ” แต่ฉันไม่เคยปฏิบัติตามนั้นเลย

    เธอผู้นั้นแนะนำตัวว่าเป็น “เลขานุการบริหาร” ของ Country Manager ของธนาคารต่างชาติแห่งนี้มากว่า 5 ปีแล้ว  
    เธอเล่าว่าเธอมีความจำเป็นต้อง “ลาออก” เนื่องจากกำลังจะ “แต่งงาน” กับชายชาวอังกฤษคนหนึ่ง  
    จากนั้นเธอได้ “สัมภาษณ์” ฉันเป็นภาษาอังกฤษ  
    สำเนียงการพูดและภาษาอังกฤษของเธอ “ดีเยี่ยม”   ซึ่งฉันมาทราบภายหลังว่าเธอเรียนจบคณะอักษรศาสตร์จากมหาวิทยาลัยมีชื่อแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ
    เธอให้ฉัน “แนะนำตัว” และเล่าประวัติส่วนตัวและประวัติการทำงานของฉันเป็น“ภาษาอังกฤษ” เช่นกัน
    รู้สึกแปลก ๆ และเขินเหมือนกันที่คนไทยด้วยกันแต่ต้องมาคุยกันเป็นภาษาอังกฤษ แต่ฉันก็เข้าใจว่าเป็นการทดสอบเบื้องต้นที่มีความจำเป็นต้องทำเช่นนั้น  
    เธอถามคำถามและชวนคุยเกี่ยวกับตัวฉันสลับกับคำถามที่ฉันถามเธอนาน “เกือบชั่วโมง”  
    นับเป็นการสัมภาษณ์ที่ “ยาวนานที่สุด” ตั้งแต่ฉันเคยสัมภาษณ์งานตลอดชีวิตการทำงานของฉัน!

    หลังจากถามคำถามอย่างละเอียดยิบตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ….เอ๊ยไม่ใช่…
    ตั้งแต่ประวัติการศึกษา
    ประวัติการทำงานแต่ละที่และสาเหตุการลาออก
    รายละเอียดการทำงานจากแต่ละบริษัทและข้อมูลอื่น ๆ ไล่เรียงตามที่ฉันรวบรวมอยู่ใน Resume ฉบับนั้น
    เมื่อสอบถามจนได้ข้อมูลตามที่เธอต้องการแล้วเธอขอตัวและบอกว่าจะให้นายฝรั่งมาสัมภาษณ์ต่อพร้อมกับให้ฉันนั่งคอย  
    เธอหายไปประมาณ 15 นาที   และกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งพร้อมนาย “ฝรั่งชาวอังกฤษ”  
    เขาเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่  ถึงแม้ผมบนกลางศีรษะจะหายไป  และออกจะสมบูรณ์สักหน่อย  
    แต่ก็ดูสมาร์ท  “ท่าทางดูใจดี” สมเป็นผู้ดีชาวอังกฤษด้วยวัยประมาณ 50 เห็นจะได้  
    ฉันลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่พร้อม “ยกมือไหว้แบบไทย ๆ”  เขารับไหว้  
    เสร็จแล้วฉันก็ “ยื่นมือ” ไปหาเขาเพื่อทักทายแบบฝรั่งอีกครั้ง  
    เขาก็ยื่นมือมาสัมผัสหรือที่เรารู้จักกันในภาษาฝรั่งว่า “Shake Hands”  
    ฉันมักทำเช่นนี้เสมอเวลาไป “สัมภาษณ์กับฝรั่ง”  
    เพราะฉันคิดว่าการแสดงออกด้วย “การไหว้” ทำให้ชาวต่างชาติรู้สึกประทับใจในวัฒนธรรมอันดีงามของคนไทย  
    และที่ฉันไม่อยากพลาดการ “Shake Hands”  เพราะฉันตระหนักดีว่าการ Shake Hands
    หรือการได้สัมผัสมือที่อบอุ่นนั้นสามารถ “สร้างความประทับใจและความรู้สึกที่ดี”  เมื่อ “แรกพบ” ได้เป็นอย่างดี  
    บางคนจะ “ตัดสิน” ว่าคน ๆ นั้นเป็นคนเช่นไรก็จากการสัมผัสมือกันนี่แหละ!   ความรู้สึกเช่นนี้เกิดจากการสังเกตของฉันที่มีโอกาสได้พบปะกับต่างชาติทั้งชาย และหญิง  
    ฉันจะรู้สึกอบอุ่นและประทับใจหากการสัมผัสมือนั้น “หนักแน่น”  โดยมีการ “เคลื่อนไหวขึ้นลงช้า ๆ”
    ในขณะที่ “สายตา” ทั้งคู่ของเราจะต้อง “ประสานกัน” กับฝ่ายตรงข้ามด้วย “รอยยิ้มแสดงความจริงใจ” และ “พึงพอใจ” ที่ได้พบหรือรู้จักเขา
    พร้อมกับการ “โค้ง” เหมือนคำนับเล็กน้อย  
    แต่ถ้าการสัมผัสมือทำแบบ “หลวม ๆ”  ตามมรรยาท  “ไม่หนักแน่น”   “ไม่มีการประสานตากัน” และ “ถอนมือ” ออกจากกันด้วยความ “รวดเร็ว” แล้วละก็  
    ขอ “ฟันธง” ตรงนี้เลยว่า…..  
    การสนทนาที่จะเกิดขึ้นหลังจากนั้นมีโอกาสที่จะ “ล้มเหลว” ตั้งแต่ยังไม่เริ่มบทสนทนาเลยก็ว่าได้
    เอาเป็นว่าการสัมผัสมือของฉันและนายฝรั่งหนักแน่นและอบอุ่นเพียงพอที่ทำให้เกิด “ความรู้สึกที่ดี”    
    และการสนทนาของเราก็เป็นไปด้วยความ “ราบรื่น”
       
    อันที่จริงฉันเป็นคน “พูดน้อยต่อยหนัก” …Oops… “พูดน้อยฟังมาก”  ซึ่งฉันจะพูดก็ต่อเมื่อมีคำถามที่ต้องตอบ  
    และถามตอบเท่าที่ “จำเป็น” เท่านั้น  
    ส่วนใหญ่นายฝรั่งจะเป็นคนพูด    
    ฉันก็ทำท่าสนใจฟัง   พยักหน้าตามเมื่อเห็นด้วย   ยิ้มและหัวเราะน้อย ๆ เมื่อเขาพูดติดตลกหรือน่าพอใจ  
    แต่ฉันจะไม่แสดง “ความจริงใจ” ด้วยการทำหน้าตาเป๋อเหรอเวลาฟัง “ไม่เข้าใจ” เด็ดขาด!    
    เว้นเสียแต่เจอประโยคคำถามที่ต้องตอบ   ซึ่งหากไม่เข้าใจจริง ๆ  ฉันก็จะขอโทษและให้เขาถามซ้ำ    

    เนื้อหาในเรื่องที่สัมภาษณ์ส่วนใหญ่แล้วนายฝรั่งจะเล่า “ประวัติของบริษัทและหน้าที่ความรับผิดชอบ” ของตำแหน่งนี้
    คุยกันได้ประมาณ “15 นาที” เขาก็บอกว่า   เขาจะต้องสัมภาษณ์ผู้สมัครอื่น ๆ อีกหลายคน  
    แต่เขาให้ความหวังฉันด้วยประโยคที่ว่า   “You” เป็นหนึ่งในผู้สมัครที่ “เข้าข่าย” ที่จะได้รับการ “พิจารณา” และจะแจ้งผลให้ทราบทันทีที่การคัดเลือกสิ้นสุดลง    
    ฉันเริ่ม “มีความหวัง”  เพราะฉันรู้จักฝรั่งดีว่าจะพูดตรง ๆ ไม่อ้อมค้อม  และจะไม่พูดให้ความหวังใครถ้าไม่ได้มีความหมายเป็นเช่นนั้นจริง ๆ


    เทียน   เทียน   เทียน   เทียน   เทียน   เทียน   เทียน   เทียน   เทียน    +    เทียน   เทียน   เทียน   เทียน   เทียน   เทียน   เทียน   เทียน   เทียน

    จากคุณ : Destinyhurtsme - [ 7 ธ.ค. 50 21:53:20 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom