PANTIP.COM : B6133893 ### อยากเรียนภาษาอังกฤษมี...ควรเริ่มยังไง...ที่ไหนแนะนำบ้างครับ ### [งานและทรัพยากรบุคคล]

ความคิดเห็นที่ 7

เนียผมกำลังทำอยู่แต่ก็ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จแล้วนะครับแต่ก็รู้สึกดี กล้าที่จะพูดกล้าที่จะคิดเป็นภาษาอังกฤษมากขึ้น ถ้าต้องการทั้งสามทักษะผมคิดว่าอันดับแรกเลยสำคัญที่สุดคือ Grammar ครับเพราะว่าถ้า Grammar ไม่ได้แล้วละก็มันจะไม่สามรถไปไหนต่อได้เลย แต่ถ้าเราได้ Grammar ละก็เราต่อยอดออกไปได้เยอะๆ อ่านอะไรเราก็เข้าใจปรับใช้ได้ง่ายและเร็ว อย่าเอาเราไปเทียบกับฝรั่งนะครับ ฝรั่งถึงเค้าจะไม่รู้ Grammar มากมายไม่สามารถอธิบายได้ แต่เค้าก็ใช้ได้ถูก เพราะอะไรก็เพราะเค้าใช้เวลาสะสมมาทั้งชีวิตไงตั่งแต่เด็กๆ ก็เหมือนเราใช้ภาษาไทยนั้นแหละ เราสามารถอธิบาย ไวยกรณ์ภาษาเราได้หรือเปล่าละก็เปล่า แต่เราก็ใช้ภาษาไทยได้ถูกต้องดีอาจจะมีผิดหลักบ่างแต่ก็ไม่ด้ขัดเขินอะไร แต่เราคงไม่มีเวลามานั่งสะสมทักษะภาษาอังกฤษเป็นเวลาห้าปีสิบปีใช่หรือเปล่าครับ ฉนั้นทางลัดที่จะทำให้เราสามารถเรียนรู้ได้เร็วขึ้นคือการเรียนกฏต่างๆของมันเราจำกฏได้เราก็สามารถใช้ได้เลยไม่ต้องรอสะสมเป็นปีๆเหมือนเด็กแรกเกิด หนังสือ Grammar ที่ผมใช้มีอยู่สองเล่มที่ผมเปิดดูประจำ คือ " ESSENTIAL GRAMMAR IN USE " ตามที่คุณ Laya บอกนั้นแหละครับ แต่ผมว่าเอาเล่มสี่น้ำเงินเลยก็ได้ครับ " ENGLISH GRAMMAR IN USE " เนื้อหาไม่ได้ยากกว่ามากอะไรหรอกครับ อ่านได้เหมือนกันมีแปลไทยด้วยเหมือนกัน แต่ว่าถ้าอ่านแต่เล่มนี้เราอาจจะไม่เข้าใจ ผมเสริมด้วยเล่มไทยครับที่อธิบายเรื่อง Part of Speech ด้วย เพราะบางที่เวลาเค้าเอ๋ยถึง Noun Pronouns Verbs Adberbs Adjective อะไรพวกนี้นะ ในหนังสือเล่มแรกมันไม่ค่อยชัดเจน ทำให้เรางงๆได้ เราต้องอ่านเล่มนี้เสริมเข้าไปเวลาอ่านเล่มแรกแล้วจะได้เข้าใจเร็วขึ้นชัดเจนขึ้น ผมอ่านเล่มไทยเล่มนี้ครับ คู่มือเรียนไวยากรณ์อังกฤษด้วยตัวเอง ของ ลำดวนจาดใจดี เล่มนี้อารมณ์มันประมาณว่าเขียนมาเพื่อคนไทยหนะ เพราะว่าบางทีเล่มที่ฝรั่งเขียนเรื่องงายๆที่คิดว่าเราต้องเข้าใจก็เลยอธิบายไม่มากทำให้เรางงได้ เพราะว่าเรากับเค้าคิดไม่ค่อยเหมือนกันยังไงคนไทยก็เข้าใจคนไทยด้วยกันมากกว่า ว่าน่าจะติดขัดตรงไหน และเล่มสุดท้ายคือเล่ม "อ่านเล่มนี้จบพร้อมรบเรื่อง Tense " ของ ผ.ศ. พนิตนาฏ ชูฤกษ์ เล่มสามสำคัญสุดๆ เพราะว่าถึงเราจะรู้ Grammar เข้าใจหมดแต่การเลือกเอามาใช้แต่ละสถานการณ์นั้นแหละยากมาก เพราะว่าภาษาไทยเราคือไงละ มันไม่ค่อยเน้นเรื่องกาลเวลาใช่มะ ผมก็ไม่รู้ว่าเรียกว่าอะไรเหมือนกัน อดีต ปัจจุบัน อนาคต อะไรทำนองนี้หนะ แต่ภาษาอังกฤษมันเน้นมากๆ ต้องใช้ให้ถูกต้อง และรู้ว่าเหตุการแบบนี้เราต้องใช้อะไร

กลักการอ่านหนังสือของผมๆ จะอ่านๆๆ ทุกเล่มจนหมด เพื่อที่จะรู้ว่าแต่ละเล่มพูดถึงอะไรกันบ่าง และส่วนไหนอยู่ตรงไหน แต่ผมไม่ท่องจำนะ อย่ากท่องเหมือนกันแต่ว่าสมองไม่ค่อยรับ พออ่านหมดทุกเล่มแล้วเราก็พอเข้าใจคร่าวๆแล้วแหละว่าอะไรอยู่ตรงไหน ทีนี้พอเราติดขัดตรงไหนเราก็ไปเปิดได้ถูกจุดเลย แต่เรื่องไหนเปิดดูหลายรอบแล้ว ก็ยังจำไม่ได้สักกะที อันนี้แหละผมก็จะท่องจำเอา เนี่ยส่วนมากก็นะเรียกว่าค่อยๆท่องจำไปเรื่อยๆ พวกกฏง่ายๆควรท่องแหละดี อย่างหนังสือเรื่อง Tense ก็ท่องไว้ว่าอันไหนมีโครงสร้างยังไง พอจะไช้เราก็จะได้ใช้ตามโครงสร้างนั้นๆ

การฝึกฝนก็ต้องเริ่มไปพร้อมๆกัน อ่านข่าวภาษาอังกฤษจากเว็บ VOANEWS ในส่วนนี้ครับ http://www.voanews.com/specialenglish/index.cfm ภาษาจะไม่ยากมาก เวลาอ่านก็จะได้เรื่องศัพท์ต่างๆ และเรื่อง Grammar แต่เรื่องหลังนี้เราต้องคิดเองนะ อย่างเราอ่านประโยคนี้แล้วเราก็มาคิดเอาเองกระจายประโยคออกมา ลองคิดเอาว่าประโยคนี้มีหลัก Grammar ยังไงบ่าง ถ้าอธิบายไม่ได้ว่ามันมายังไง เราก็ไปเปิดหนังสือดูหาให้เจอติดขัดอย่าปล่อยไว้ ไม่เจอจริงๆ หาผู้รู้อธิบายให้ฟัง ต่อมาก็เขียนเล่าเรื่องต่างๆในชีวิตประจำวัน เมื่อวานทำอะไร วันนี้ทำอะไร ขณะนี้เราทำอะไร และพรุ่งนี้เราจะทำอะไร อันนี้เป็นการฝึกใช้ Tense ได้ด้วยแหละ ไม่รู้นะ ผมว่าเรื่องนี้สำคัญเรื่อง Tense เนี่ย ผมไม่อยากจะพูดว่า I go to the market yesterday. แหะๆๆ ต่อไปก็พวกดูกาตูนหรือหนังที่มีบทพูดเยอะๆและเอาแบบประมาณเรื่องในชีวิตประจำวัน มาดูอย่างเรื่อง Friends ดูซับไปด้วยก็ได้ ดูหลายๆรอบแล้วก็ปิดซับ พูดตามแบบออกเสียงไปด้วย อะไรทำนองนี้ ช้วยได้เยอะ ต่อมาก็ MSN กับฝรั่งหรือคนไทยที่เก่งๆก็ได้ ช้วยได้เยอะเลยทำให้เราเหมือนฝึกพูดไปในตัว ทั้งหมดนี้ผมพูดมานี้ต้องทำทุกวันนะ อย่างอ่านข่าว อาจจะไม่ต้องทุกวัน เอาเป็นอาทิตย์ละ สองข่าวก็ได้ แต่เขียน Diary ผมว่าควรจะเขียนทุกวัน กำหนดความยาวไว้ด้วยว่าวันๆเราน่าจะเขียนได้กี่บรรทัด และก็อย่างที่บอกเขียนให้ได้ ทั้ง อดีต ปัจจุบัน อนาคต เลย เล่าให้หมดทุกๆวัน แล้วก็ chat ก็ควรจะทุกวันเหมือนกัน

เนี่ยแหละครับสิ่งที่ผมทำ ก็ดูดีขึ้นเยอะเหมือนกัน แต่ไม่มากหรอกเพราะผมเพิ่งจะเริ่มเหมือนกัน แต่รู้สึกดีครับเข้าใจมากขึ้น อ๋อผมเรียนด้วยตัวเองนะครับ บางทีเหนื่อยๆก็ไม่ทำบ่างก็มี แหะๆๆๆ ลองเอาไปปรับใช้ดูครับ หาว่าอะไรเหมาะกับคุณ

จากคุณ : มือใหม่เหมือนกัน - [ 16 ธ.ค. 50 11:12:32 A:125.27.71.109 X: TicketID:081947 ]