..ฉันเริ่มการทำงานครั้งแรกกับญาติ
ตอนอายุประมาณ 15-16 ขวบ
ทำหน้าที่เป็น GB
ไม่ใช่ หน่วย Gigabyte ในระบบการจัดเก็บข้อมูลที่เราคุ้นกัน
หรือเป็นตัวย่อของ General Boss หรอกนะ
แต่เป็น General Beh (เบ๊) ที่ทำทุกอย่างที่เจ้านายสั่ง
ทำได้ 1 เดือนฉันก็หิ้วกระเป๋าหนีกลับบ้านไปซบอกแม่
ออกจากโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถไถนาเล็ก ๆ แห่งนั้น
เนื่องจาก ความคิดเห็น ของเราไม่ตรงกัน
เพราะฉันชอบคิดว่าตัวเอง ฉลาด
ในขณะที่ญาติชอบคิดว่าฉัน โง่ แล้วยังอวดฉลาด
ถ้าเขาคิดในใจฉันก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร
แต่เขามักจะชอบคิดเสียงดัง
และนับวันจะยิ่งดังขึ้น ๆ
ถ้าฉันเถียงก็จะเจออีกกระทงว่า ดื้อ เถียงคำไม่ตกฝาก
ฉันไม่เคยชอบคำพูดเหล่านี้เลย
เพราะได้ยินทีไร
.
รู้สึกเหมือนเป็นการตอกย้ำให้ความจริงปรากฏ!!!
หลังจากฉันหนีกลับบ้านแล้ว
ญาติก็ลาก
เอ๊ย
เชิญตัวน้องสาวฉันไปทำแทน
แต่ขอโทษที
เจอ "น้องรอง" ของฉันแล้วญาติต้องจ๋อย
ไม่กล้าแหยม
เพราะน้องรองของฉันเป็นตัวเงินตัวทอง
Oops!
ตัวทำเงินทำทอง
ที่มีส่วนสร้างความเจริญให้กับญาติในเวลาต่อมา
ปัจจุบันญาติคนนี้ไม่ได้ผลิตชิ้นส่วนตามสั่งแล้ว
แต่ผลิตและประกอบรถไถนาจำหน่ายทั่วประเทศ
พร้อมกับส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านด้วย
และตอนนี้ "น้องรอง" ของฉันก็ได้ออกมาสร้างความรุ่งเรือง
ให้กับอีกบริษัทหนึ่งจนถึงปัจจุบัน
.
ตอนนี้ไม่รู้ว่าญาติของฉันรู้สึกหรือคิดกับฉันและน้อง ๆ อย่างไร
เพราะเดี๋ยวนี้ทุกครั้งที่เธอแวะเวียนมาที่บ้านฉัน
เธอจะมาพร้อมขนมนมเนยสำหรับกินกันทั้งกองทัพก็ไม่ปาน
หลังจากหันหลังออกจากโรงงานของญาติ
เพราะความคิดเห็นไม่ตรงกันอย่างว่าแล้ว
ฉันได้ไปทำงานบัญชีที่บริษัทกระจกที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง
เพราะพอเรียนจบบัญชีมาอาจารย์ก็ใช้เส้นฝากฉันเข้าทำงาน
ทำได้ไม่ถึงเดือนก็ลาออกอีกแล้ว
เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะกับตัวเลขเอาเสียเลย
และที่สำคัญบริษัทอยู่ไกลมากไม่สะดวกต่อการเดินทาง
จากนั้นฉันได้ไปทำงานเป็น Admin. ในบริษัทนำเข้าหม้อไอน้ำ หรือ Boiler
ทำได้ไม่ถึงปีก็รู้สึกเบื่องานแบบสุด ๆ จนต้องลาออกอีก
ตอนนี้ฉันอยากจะผันตัวเองจากพนักงานประจำออฟฟิศ
ที่นั่งขีด ๆ เขียน ๆ และพิมพ์เอกสารในห้องแอร์เย็น ๆ
ไปทำงานเป็นพนักงานขายสินค้า brand name ที่สยาม
เพราะคิดว่าจะมีโอกาสได้ฝึกพูดภาษาอังกฤษกับลูกค้าฝรั่ง
ให้สมกับที่ใฝ่ฝันอยากจะเก่งภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เด็ก ๆ
แต่ไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือแม้แต่มัธยมต้น
ฉันจึงขนขวายทุกวิถีทางที่จะทำให้ตนเองเก่งภาษาอังกฤษ
แต่ขายของที่นี่อยู่ได้แค่เดือนกว่า
ก็พบว่าเดินมาผิดทาง
เพราะไม่มีโอกาสได้ฝึกพูดภาษาอังกฤษตามที่ใฝ่ฝันไว้แต่แรก
จากนั้นได้งานใหม่กับบริษัทระดับ inter ขึ้นมาอีกหน่อยแล้ว
เป็นบริษัท Re-Insurance Broker หรือประกันภัยต่อสินค้าส่งออกนำเข้าทางทะเล
นายจ้างที่นี่เป็นต่างชาติและพนักงานส่วนใหญ่
จำเป็นต้องสื่อสารภาษาอังกฤษกับนายจ้างด้วยในระดับหนึ่ง
ทำให้ฉันมีโอกาสได้ฝึกฝนการใช้ภาษาไปด้วยเช่นกัน
ฉันเข้ามาทำงานในตำแหน่ง Telephone Operator cum Receptionist
WoW! ชื่อตำแหน่งยาวและฟังดูโก้ซะไม่มี
พอทำไปได้ 4 เดือนบริษัทคงเห็นแววบางอย่างในตัวฉัน
จึงได้ Promote ให้ฉันไปเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ช่วยรับเรื่องการประกันภัยต่อ
และให้ฉันแนะนำเพื่อนมาทำหน้าที่ Telephone Operator cum Receptionist แทนฉัน
เธอคนนี้เป็นเพื่อนรักที่ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับฉัน
ในเรื่องการเรียนภาษาอังกฤษตอนอยู่มัธยม 1
ทำได้เกือบปีฉันต้องลาออกด้วยความช้ำใจ
เพราะฉันรู้สึกว่าเธอไม่เห็นแก่ฉันที่เป็นเพื่อนรักกันมานาน
แต่ไปเห็นดีเห็นงามกับเพื่อนรุ่นพี่ที่ Anti ฉันอยู่ด้วยเรื่องอะไรที่ฉันไม่รู้ตัว
คงเป็นเรื่องที่ไร้สาระมากที่ฉันเองก็จำไม่ได้แล้วล่ะว่าเรื่องมันเป็นมายังไง
ตอนนั้นก็คงมีความคิดแบบเด็ก ๆ ที่เอาแต่ใจตัวเองนั่นแหละ
ฉันไม่ได้เจอเพื่อนรักคนนั้นอีกเลยตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้
เราจะได้เจอกันอีกสักครั้งหนึ่งไหมหนอ?
ยังคิดถึงเธอเสมอเลยนะ
.
ไม่รู้ว่าป่านนี้เธอแต่งงานและมีลูกแล้วหรือยัง
มยุรา เพื่อนรัก?
ตอนที่ลาออกจากที่นี่ก็คือช่วงที่เตี่ยโทรไปขอตัวฉัน
จากเพื่อนเตี่ยที่เป็นนายจ้างของฉันที่บริษัทประกันต่อนี่แหละ
การทำงานกับเตี่ยเป็นการเริ่มต้นสู่เส้นทางของ
เลขาฯ ตัวแสบ! ของฉันเป็นต้นมา
.
เมื่อเกิดปัญหาเชิงความคิดกับลูกเตี่ยจนต้องลาออก
ฉันได้เข้าไปทำงานกับบริษัทยาประมาณ 2 ปีครึ่ง
ที่นี่ทำให้ฉันมีโอกาสได้เรียนรู้
กลยุทธ์และเทคนิคต่าง ๆ
ทำให้เข้าใจและรู้จักวิธีการเกี่ยวกับการส่งมอบ
และการเลือกใช้ยาในวงการแพทย์
รู้สึกอึ้ง
และไม่ประหลาดใจเลยว่า
ทำไมแพทย์แต่ละโรงพยาบาล
จึงจ่ายยาให้กับคนไข้ไม่เหมือนกัน
และทำไมจึงต้องจ่ายยาตัวนี้แทนตัวนั้น
ทำไมไม่จ่ายยาตัวที่คนไข้ต้องการ
ฯลฯ
ที่บริษัทยาแห่งนี้เลิกงานเร็วมาก
เพราะพอนาฬิกาบอกเวลา 16.30 น.
ทุกคนก็จะเคลียร์โต๊ะทำงานเก็บกระเป๋ากลับบ้านกันหมดแล้ว
การที่ต้องเลิกงานเร็วทำให้ฉันรู้สึกเคว้ง
ไม่มีที่ไปและไม่มีกิจกรรมที่น่าสนใจทำหลังเลิกงาน
ไม่เหมือนกับตอนที่ทำงานกับเตี่ย
ที่ต้องอยู่ทำงานกันจนดึก ๆ ไม่มีเวลาคิดฟุ้งซ่าน
ด้วยความที่เป็นคนทะเยอทะยานและไม่อยู่นิ่ง
ทำให้ในระหว่างที่ทำงานกับบริษัทยา
ฉันมีเวลาทำธุรกิจส่วนตัวควบคู่กันไปด้วย
แต่ฉันไม่ได้เบียดบังเวลาทำงานของบริษัทหรอกนะ
เพราะฉันใช้เวลาหลังเลิกงานแล้วจึงค่อยเข้าที่ทำงานส่วนตัว
เพื่อเข้ามาเตรียมและวางแผนงาน
สำหรับมอบหมายให้น้องของฉัน
และพนักงานอีก 2 คนทำในวันรุ่งขึ้น
ฉันทำงานที่บริษัทยาและทำธุรกิจส่วนตัวไปพร้อม ๆ กัน
ทำควบคู่กันไปได้ 2 ปีครึ่งก็ต้องลาออกจากบริษัทยา
ไม่ได้ลาออกเพราะธุรกิจรุ่งจนต้องออกมาทำเองเต็มตัวหรอก
แต่คงเป็นเพราะทุ่มเวลาให้กับการทำงานพร้อมกันสองแห่งมากเกินไป
จึงทำให้มีเวลาพักผ่อนน้อย
และการพักผ่อนน้อยนี่เองที่ทำให้ฉัน
รู้สึกอ่อนล้าและรู้สึกว่าประสิทธิภาพการทำงานตกต่ำ
ประกอบกับงานที่บริษัทยาหนักไปทางการคำนวณตัวเลขยอดขาย
และการตั้งงบประมาณต่าง ๆ มากกว่างานเลขาฯ ปกติ
ซึ่งเป็นงานที่ฉันไม่ค่อยถนัด
ทำให้เกิดความเครียดและต้องลาออกอีกครั้งในที่สุด
ลาออกมาแล้วฉันก็ไม่ได้ออกมาทำธุรกิจเองเต็มตัว
เพราะยังเป็นธุรกิจเล็ก ๆ ที่แค่เลี้ยงตัวเองให้อยู่รอดได้
ฉันจึงได้ทำหน้าที่เป็นเพียงพี่เลี้ยงให้กับน้อง
เพื่อไปดำเนินการกันเองในตอนกลางวัน
ส่วนฉันเข้ามาจัดการต่อในตอนเย็นและวันหยุด
ในขณะเดียวกันก็ได้ไปทำงานที่ใหม่กับบริษัทน้ำดำแห่งหนึ่ง
ที่เพิ่งเข้ามาเปิดสำนักงานตัวแทนภาคพื้นเอเชียแปซิฟิค
ในตำแหน่งเลขาฯ ผู้บริหารของเจ้านายชาวอังกฤษ
เป็นครั้งแรกที่ฉันมีโอกาสได้ทำงานให้กับเจ้านายที่เป็นชาวต่างชาติ
ซึ่งฉันมีความรู้สึกตื่นเต้นและภาคภูมิใจเป็นที่สุด
ที่ฉันมีโอกาสหลุดเข้าไปอยู่ในแวดวง
ของเพื่อนเลขาฯ ที่จบจากต่างประเทศอีก 4-5 คน
เนื่องจากสำนักงานตัวแทนแห่งนี้
บริหารงานโดยเจ้านายชาวต่างชาติทั้งหมด
โดยแยกเป็นหลาย ๆ ฝ่ายเช่น
ฝ่ายทรัพยากรบุคคล
ฝ่ายการเงินการบัญชี
ฝ่ายการตลาดและการขาย
ฝ่ายเทคนิคและวิศวกรรม เป็นต้น
แต่ละฝ่ายต้องมีเลขาฯ สำหรับนายฝรั่งฝ่ายละหนึ่งคน
ฉันเป็นเลขาฯ ของนายที่เป็นรองประธาน
ดูแลรับผิดชอบฝ่ายเทคนิคและวิศวกรรม
นายคนนี้เป็นนายฝรั่งคนแรกของชีวิตการเป็นเลขาฯ ของฉัน
เป็นคนเก่ง
ใจดี
น่ารักที่ทำให้ฉันรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก
ถ้าฉันไม่มีเหตุต้องไปประเทศซาอุดิอาระเบีย
หลังจากทำงานที่นี่ได้เพียงปีเศษ
ป่านนี้ฉันคงยังทำงานอยู่ที่นี่ไม่หนีไปไหนเป็นแน่
เพราะที่นี่มีทุกอย่างเพรียบพร้อม
เป็นองค์กรที่เป็นที่ใฝ่ฝันของคนทำงานทุกคน
มีรายได้ดี
สวัสดิการเพรียบ
.
มีนายที่วิเศษสุด
บริษัทอยู่ใกล้บ้าน
.
มีเพื่อนร่วมงานที่น่ารัก
.
ที่ถึงแม้จะลาออกไปทำงานที่อื่นกันหมดแล้ว
แต่เรายังนัดกินข้าวกันทุกปี
.
กลับจากประเทศซาอุดิอาระเบีย
ฉันไปรับใช้เตี่ยเป็นสมัยที่สอง
แต่จำเป็นต้องลาออกไปประเทศกรีซ
ถูกมรสุมและคลื่นยักษ์พัดกลับประเทศไทย
จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ
ตามที่ฉันได้เล่าทั้งหมด
ตั้งแต่ตอนที่หนึ่ง
.
จนถึงตอนนี้
.
ถึงแม้จะมีชีวิตส่วนตัวและชีวิตการทำงาน
ที่ล้มลุกคลุกคลาน
ขึ้น ๆ ลง ๆ มาตลอด
แต่ปัจจุบัน
.
ฉันพอใจกับสิ่งที่ฉันได้รับอยู่มากที่สุดแล้ว
ขอบคุณเบื้องบนที่ทำให้ฉันมีวันนี้
วันที่ฉันพอแล้ว
.
วันที่ฉันไม่ต้องการอะไรมากกว่านี้อีกแล้ว
ต่อไปนี้
เป็นหน้าที่ที่ฉันจะต้องทำบางสิ่งบางอย่าง
ที่ฉันสามารถทำได้
เพื่อคืนให้กับสังคมบ้างแล้ว
วันนี้
.
ฉันสามารถแบ่งเวลาส่วนหนึ่ง
นำประสบการณ์ชีวิตและการทำงาน
มาเล่าสู่และแบ่งปันให้กับทุกท่าน
แม้จะไม่ได้เป็นเรื่องราวที่เลิศเลอเพอร์เฟค
แต่ฉันหวังว่าหลายสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉัน
ที่อาจจะเป็นเหตุการณ์ที่ท่านไม่เคยได้พบเห็นมาก่อน
ซึ่งอาจจะเป็นประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์
และให้ข้อคิดที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง
เพื่อให้การทำงานและการดำเนินชีวิตของท่านมีความสุข
เจริญก้าวหน้าและประสบความสำเร็จได้ตามปรารถนาต่อไป!
แก้ไขเมื่อ 16 ม.ค. 51 19:32:34
แก้ไขเมื่อ 01 ม.ค. 51 08:38:36