Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    “จากเซลส์แมนสู่เอ็มดี” ตอนที่ 26 เพื่อนๆ ในเบอร์โร่ส์

    “จากเซลส์แมนสู่เอ็มดี” ตอนที่ 26  เพื่อนๆ ในเบอร์โร่ส์




    อีกคนหนึ่งซึ่งต้องขออนุญาตเอ่ยนาม  เพราะเป็นคนที่ทำ

    ชื่อเสียงให้ “เบอร์โร่ส์” มากมาย  คือ คุณวิง  แซ่เหวียน




    คุณวิงเป็นคนไทยแท้ๆ  เกิดในเมืองไทย  จบวิศวจาก

    จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  แต่ทำไมขอเปลี่ยนสัญชาติเป็น

    คนไทยไม่ได้สักทีก็ไม่ทราบ  ต้องใช้สัญชาติเวียดนาม

    ตั้งแต่เกิด  นี่ถ้ามีลูกมีเต้า  ก็ไม่รู้จะได้สัญชาติไทยหรือ

    เปล่า




    แต่ขอรับรองได้ว่า  คุณวิงเป็นคนไทย  และรักเมืองไทย

    ยิ่งกว่าคนที่ร่ำรวยล้นฟ้า  แล้วชูมือขึ้นเหนือฟ้าตาดูดาว  

    เท้าจมโคลนเสียอีก




    คุณวิงเข้ายิบอินซอย ตั้งแต่เริ่มตั้งแผนกคอมพิวเตอร์

    ใหม่ๆ  เป็นนักเทคนิคที่มีความรู้แข็ง (คือแม่น  ละเอียด  

    หาคนจับตัวยากมาก)  คุณวิงทำทางด้านเทคนิคอยู่นาน  

    ต่อมาก็ย้ายไปทำงานทางด้าน Sales




    คุณวิงเป็นตัวอย่างของเซลส์ที่มีความรู้ทางด้านเทคนิค  ที่

    สามารถปรับตนเองเข้าหาความรู้ด้านการตลาด และด้าน

    เซลส์ได้อย่างรวดเร็ว  โดยที่ยังคงดำรงความซื่อตรง ใน

    ฐานะนักเทคนิคไว้อย่างสม่ำเสมอ  




    เวลาลูกค้าสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องเครื่องประการ

    ใด  คุณวิงจะให้รายละเอียดได้อย่างแม่นยำ  และถูกต้อง

    เสมอ  ไม่เคยหลอกลวงลูกค้า  ไม่เคยบิดเบือนจากขาว

    เป็นดำ  ดำเป็นขาว  ทำให้มีลูกค้าศรัทธาคุณวิงมากมาย  

    กรมศุลกากรที่เบอร์โร่ส์ขายได้ ก็เพราะคุณวิง  การไฟฟ้า

    นครหลวงก็เพราะคุณวิง  จนคุณวิงออกไปทำงานให้แก่

    Unisys ก็ยังติดต่อกันเรื่อยมา




    ดังนั้น ใครที่พูดว่า นักเทคนิคทำงานเซลส์ไม่ได้นั้น  ลุงขอ

    เถียงว่าไม่จริง
     หรือพอเป็นเซลส์ก็ต้องเปลี่ยนบุคลิคเป็น

    ลิงหลอกเจ้านั้นก็ไม่จริงเข้าไปใหญ่  ขอให้ดู “คุณวิง  แซ่

    เหวียน”
    เป็นตัวอย่าง




    Mr. Whiteley นามนี้ลุงเคยเอ่ยมาครั้งหนึ่งแล้ว  เคยเล่าให้

    ฟังว่า เขาเป็นนายช่างชาวอังกฤษที่เข้ามาช่วยเราทางด้าน

    FE หรือ Field Engineer หรือถ้าเป็นศัพท์ของทาง IBM

    เขาก็เรียก CE  หรือ  Customer Engineer นั่นแหละ




    มร.ไวท์เล่คนนี้  นอกจากทำงานเก่งแล้ว  ยังเล่นฟุตบอล

    เก่งสมกับเป็นชาวอังกฤษ




    ตามปกติในการทำงานนั้น  ไม่ว่าที่ไหน  ไม่ว่าบริษัทไหน  

    ไม่ว่าจะขายสินค้าอะไร  แผนกเซลส์ย่อมจะไม่ถูกกับ

    แผนกช่าง  แผนกช่างไม่ถูกกับแผนก Admin  แผนก

    Admin ไม่กินเส้นกับแผนกเซลส์……




    ในบริษัทฯ ยิบอินซอยก็ไม่ได้วิเศษไปกว่าบริษัทอื่น  ก็

    ย่อมมีไม่กินเส้นกันบ้าง  การที่เราจะเอาแต่พูด…..พูด….

    ให้ทุกคนเข้าใจกันนั้น  มันเป็นเรื่องยาก
     เพราะหน้าที่  

    ความรับผิดชอบ  มันแตกต่างกัน……มันเป็นเรื่องของ

    ธรรมชาติที่ทุกคนจะต้องรักษาหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด

    ก่อน




    เซลส์ก็ต้องขายให้ได้มากที่สุด  เพราะมันเป็นผลงานของ

    แผนกขาย  และเพราะแต่ละคนที่มีโควตาบีบคออยู่  ขาย

    ไม่ถึงโควตาอีกบ่อยๆ อีกไม่นาน  เขาก็จะเชิญออก




    แผนก Admin  ก็ต้องรักษาผลประโยชน์ของบริษัท  เซลส์

    จะไปลด ไปแจก ไปแถมมากก็ไม่ได้  มันจะขาดทุนเอง  

    ก็มักจะมีเรื่องงัดข้อกันอยู่เรื่อย




    ส่วนแผนกช่างนั้นเล่า  ก็น้อยใจว่า เป็นลูกเมียน้อย  

    เหมือนที่ต้องตามเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวที่เซลส์ของไปเที่ยวทำ

    เลอะเทอะไปทั่ว




    ลุงรู้ดีว่ามันจะต้องเกิดปัญหาที่ไม่ลงรอยอย่างนี้ตั้งแต่ตอน

    ที่ลุงยังทำงานเป็นเซลส์อยู่  ตอนลุงขึ้นมาผู้จัดการแผนก  

    จึงไม่ประหลาดใจเท่าไหร่  ก็ให้มันเกิดขึ้นได้บ้างตาม

    ธรรมชาติ  แต่ต้องคอยระวังอย่าให้มันมากไป  มันจะ

    กระทบถึงเรื่องการงานภายในของบริษัท




    ลุงจึงใช้นโยบายเอาการกิฬาเข้าไปช่วยทำให้เกิดความ

    กลมเกลียวขึ้นทั้งในแผนก  และในบริษัทฯ
     โดยจัดให้มี

    การแข่งขันฟุตบอลประเพณีขึ้นระหว่างแผนก  โดยแผนก

    เบอร์โร่ส์เป็นตัวนำ  คอยท้าแผนกอื่นเขาเรื่อยไป




    เวลาลงสนามกันที  แผนกเบอร์โร่ส์ก็ลงทั้งแผนกยกเว้น

    ผู้หญิง   ซึ่งคอยส่งผ้าเย็น  ส่งน้ำ  และไปเชียร์กันชนิด

    ใครไม่ไปไม่ได้  คุณธวัช  คุณเทียนชัย  คุณอมร  ทุกคน

    ต้องเล่นหมด   ลุงเข้าไปวิ่งได้สักหนึ่งนาทีก็หน้ามืดแล้ว  




    มีแต่นักฟุตบาลชาวอังกฤษของเราที่ต้องวิ่งรอบสนาม  

    และเป็นตัวยืนทุกตำแหน่ง




    ขนาดไปท้าแข่งกับแผนกเครื่องทำความเย็น (Air

    Condition) ซึ่งเขามีคนเกือบร้อยคน  ของเรามีประมาณ  

    30-40 คน ก็เอาชนะเขาได้อย่างง่ายดาย  นี่คือ “ความ

    สามัคคี”
    ที่มันเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติในเมื่อเราเล่นกีฬาแล้ว

    ต้องไปต่อกรกับทีมอื่น




    ทำให้ปัญหาที่จะมารบกันเองในแผนกหายไปเกือบหมด  

    เพราะเวลาเล่นกีฬา  จิตใจของทุกคนจะมารวมอยู่ที่ธงพื้น

    ขาว  มีตัวอักษร B สีแดงอยู่ตรงกลาง





    ทุกคนจะพยายามเล่น  พยายามเชียร์  ให้ทีมของตนเอง

    ชนะ  จนลืมความบางหมางเล็กน้อยๆ เสียสิ้น  ทำให้รุนแรง

    ในการกระทบกระทั่งในเรื่องงานลดไปอย่างมาก




    แต่นั่นแหละ….บางท่านก็เข้าใจ……บางท่านก็ไม่เข้าใจ….

    การที่ลุงทำอย่างนี้ ……บางครั้งลุงก็โดนตำหนิจากผู้ใหญ่

    บางท่านว่า “เสียเวลาทำมาหากิน…..ต้องมาซ้อม…..ต้อง

    มาเล่นกีฬาอย่างกับเด็กๆ….”





    แต่ลุงได้ขออนุมัตินายแล้ว….และ “นาย” ก็เห็นด้วยกับ

    นโยบายของลุง……ดังนั้น  ใครจะว่าอะไร ก็ว่าไป….ไม่

    เกี่ยวกับลุงเพราะเขาไม่ใช่ “นาย” โดยตรงของลุง
     



    อีกคนหนึ่งซึ่งยังอยู่เบอร์โร่ส์จนถึงทุกวันนี้  ถึงแม้เบอร์โร่ส์

    จะล้มหายตายจากไปนานแล้วก็ตาม  แต่เขาก็ยังอยู่  เป็น

    คนอารมณ์ดี  ยิ้มง่าย  และคุยเก่ง  คุยเก่งเสียจนไม่น่าเชื่อ

    ว่าเริ่มต้นมาจากช่างเก่า  เป็นนายช่างแท้ๆ  แต่ต่อมาก็ได้

    รับโปรโมทขึ้นมาเป็นเป็นผู้จัดการอาวุโสของแผนก

    คอมพิวเตอร์ของยิบอินซอยในปัจจุบัน  เขาคือ คุณสม

    ประสงค์  ใจสำราญ





    คุณสมประสงค์เป็นคนคุยเก่งตั้งแต่ตอนเป็นช่างตัวเล็กๆ

    อยู่เวลาไปซ่อมเครื่องจักรลงบัญชี  ก็จะซ่อมไป คุยไป  

    ปากก็คุยกับลูกค้าไป  มือก็ซ่อมไป  ไม่มีผิดพลาด




    ลูกค้าของคุณสมประสงค์เลยชอบนักหนา  ที่คุณสม

    ประสงค์เป็นคนคุยเก่ง  และคุยได้ทุกเรื่อง  เวลาคุย ก็หน้า

    ตายิ้มแย้มแจ่มใส  ผิดกับนิสัยของช่างทั่วไป




    ดังนั้น  จึงไม่น่าแปลกใจที่คุณสมประสงค์ได้รับโปรโมทให้

    มาทำงานทางด้านการขาย และเป็นประสบความสำเร็จ

    อย่างดียิ่ง




    ดังนั้น  ของแบบนี้มันไม่แน่………บางคนทำงานทางด้าน

    ช่าง  แต่มีพรสวรรค์ทางด้านการพูด  การเจรจา  ซึ่งถ้าได้

    ผู้จัดการที่ตาแหลมคม  อาจจะให้เขามาลองทำงานขายดู  

    ก็อาจเป็นที่ชื่นชอบของเขาก็ได้





    นี่ก็เป็นรุ่นแรกๆ ที่ทำงานให้กับ”เบอร์โร่ส์




    อีกคนหนึ่ง ซึ่งลุงจะลืมเอ่ยไม่ได้  ถึงลืมเอ่ย  ชื่อและคุณ

    งามความดีของท่านก็ยังประทับอยู่ในหัวใจกับลุงไม่รู้ลืม




    เขาคือ “นาย”  ตัวจริงของลุงครับ  แต่เวลาเราทำงานด้วย

    กันเป็นธรรมเนียมของบริษัทที่เราจะเอ่ยนามกัน  ทุกคนจึง

    เรียกท่านว่า “คุณธวัช  ยิบอินซอย”




    ซึ่งลุงจะเล่าเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างลุงกับคุณธวัช  ยิบ

    อินซอย ให้พวกเราฟังในครั้งหน้า




    เพราะเรื่องมันยาว……..เกือบครึ่งชีวิตของลุง  …………….




    จนท่านได้จากลุงไปก่อน เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2548




    ขอให้ท่านจงไปสู่สุขคติเถิด  ลุงแอ็ดขออนุญาต เอาเรื่อง

    ของ “คุณธวัช”  บางเรื่องมาเล่าให้น้องๆ ฟัง เพื่อประโยชน์

    ต่อคนรุ่นหลัง ดังที่ได้ขออนุญาตท่านไว้หน้านี้แล้วตอน

    งานปีใหม่ของบริษัทยิบอินซอย เมื่อ พ.ศ. 2548 นี้เอง ซึ่ง

    เป็นการพบกันครั้งสุดท้ายครับ





    amorntvm@hotmail.com

    จากคุณ : ลุงแอ็ด - [ 13 ม.ค. 51 23:03:21 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom