Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    “เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอน…..เรื่องกุ๊กกิ๊กชีวิตทำงาน (ภาค 1)

    …..มันก็แปลกดีนะว่าตลอดเวลาของการทำงานเกือบ 10 ปี
    ฉันไม่เคยมีเดทกับผู้ชายเลย    
    เปล่า! ฉันไม่ได้เล่นตัวหรือไม่ใช่ไม่เปิดโอกาสให้ตัวเอง  
    แต่ดูเหมือนไม่มีใครตาถึงเห็นความสวยน่ารักของฉันเลยต่างหาก!
    เอ๊ะ….คิดเข้าข้างตัวเองเกินไปหรือเปล่าเนี่ย?
     
    คุณผู้อ่านคงไม่ปฏิเสธนะว่าคนที่จะเป็นเลขาฯ ได้  
    แม้จะไม่สวยเลิศเลอเพอเฟค  
    อย่างน้อยที่สุดจะต้องมีบุคลิกลักษณะ
    รูปร่างหน้าตาที่ดูดีในระดับหนึ่ง
    และที่สำคัญต้องมีความรู้ความสามารถพอสมควร  
    มิเช่นนั้นผู้บริหารที่ไหนจะจ้างให้ฉันเป็นเลขาฯ
    จริงไหม?    

    ที่น่าแปลกใจหรือน่าภาคภูมิใจอีกอย่างหนึ่งก็คือ  
    บรรดานายจ้างทั้งหลายของฉันที่ผ่านมา  
    ไม่มีใครเป็นประเภทพระยาเทครัว
    หรือเจ้าชู้ประตูดินเลยสักคน  
    ฉันจึงไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องคาว ๆ
    ของบรรดานาย ๆ มาแฉให้คุณผู้อ่านได้อ่านกัน  
    ก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย….  
     
    แต่อย่าเพิ่งทำหน้าผิดหวังอย่างนั้นซิ…    
    ถึงแม้จะไม่มีเรื่องฉาวของนายจ้างมาเม้าท์กัน
    หรือไม่ได้มีแฟนถึงขั้นออกเดทกุ๊กกิ๊กมาเล่าสู่
    แต่ฉันก็พอจะมีผู้ชายอกสามศอก
    โฉบเฉี่ยวเข้ามาในชีวิตบ้างเหมือนกันแหละน่า
    เดี๋ยวจะหาว่าไม่มีน้ำยา…

    เรื่องกุ๊กกิ๊กเกี่ยวกับตัวฉันที่จะเล่าต่อไปนี้
    อาจจะทำให้หลาย ๆ ท่านเกิดความเชื่อ….    
    เชื่อในเรื่องของพรหมลิขิต….    
    เชื่อในเรื่องของเวรกรรม….  
    หรืออะไรก็แล้วแต่ตามที่ท่านจะจินตนาการ
    ถ้าจินตนาการยังไม่ออก…
    ลองอ่านเนื้อหาของบทเพลงนี้ดูเป็นไร
    แล้วอย่างลืมร้องคลอตามไปด้วยนะ…


    “พรหมลิขิตบันดาลชักพา
    ดลให้มาพบกันทันใด ก่อนนี้อยู่ไกลแสนไกล
    พรหมลิขิตดลจิตใจ ฉันจึงได้มาใกล้กับเธอ
    เออชรอยจะเป็นเนื้อคู่
    ควรอุ้มชูเลี้ยงดูบำเรอ  แต่ครั้งแรกเมื่อพบเธอ
    ใจนึกเชื่อเมื่อแรกเจอ ฉันและเธอคือคู่สร้างมา
    เนื้อคู่  ถึงอยู่แสนไกลคงไม่คลาดคลา
    มุ่งหวัง สมดังอุราไม่ว่าใครใคร
    หากมิใช่คู่ครองแท้จริง
    จะแอบอิงรักยิ่งปานใด ยากนักที่จะสมใจ
    คงพบเหตุอาเภทภัย พลัดกันไปจนให้คลาดคลา.....
    เราสองคนต้องเป็นเนื้อคู่
    จึงชื่นชูรักใคร่บูชา นี่เพราะว่าบุญหนุนพา
    พรหมลิขิตขีดเส้นมา ชี้ชะตาให้มาร่วมกัน
    คนบางคนต้องเป็นเนื้อคู่
    เพียงแต่ดูรู้ชื่อโดยพลัน  ก็รู้สึกนึกรักกัน
    จนฝันใฝ่ใจผูกพัน แม้ไม่ทันจะเห็นรูปกาย
    เนื้อคู่  ถึงอยู่แสนไกลคงไม่คลาดคลา
    มุ่งหวัง สมดังอุราไม่ว่าใครใคร
    พรหมลิขิตบันดาลทุกอย่าง
    เป็นผู้วางหนทางปวงชน  ได้ลิขิตชีวิตคน
    นำเนื้อคู่มาเปรอปรน ทั้งยังดลเธอให้กับฉัน”

    จากเนื้อเพลง “พรหมลิขิต”  โดยสุนทราภรณ์

    เราลองมาดูกันซิว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับฉัน
    มีอะไรที่เป็นเรื่องของพรหมลิขิต
    เหมือนที่กล่าวไว้ในเนื้อเพลงหรือไม่…

    เช้าวันหนึ่งในวันสุดสัปดาห์ขณะที่ฉันกำลังนั่งทำงาน
    ในสำนักงานส่วนตัวเล็ก ๆ บนถนนสีลม-สาทร
    ก็มีโทรศัพท์มาถึงฉันและมีเสียงทักทายมาตามสายว่า
    “สวัสดี DestinyHurtsMe…. ไม่ได้เจอกันนานสบายดีหรือ?”

    ฉันรุ้สึกคุ้นหูกับเสียงนั้นดีก็ตอบไปว่า
    “สวัสดีค่ะพี่ดา  สบายดีค่ะ   แล้วพี่ล่ะคะสบายดีหรือเปล่า?”    
    หลังจากถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันเรียบร้อยแล้วเธอก็ถามฉันว่า  
    “DestinyHurtsMe มีแฟนหรือยังล่ะ?”  

    โอ้ว! เล่นถามกันตรง ๆ เลยหรือเนี๊ยะ….ฉันก็ตอบตรง ๆ ไปว่า
    “ยังไม่มีค่ะ   พี่มีหนุ่มจะแนะนำหรือถึงได้ถามน่ะ?”  
    เธอก็รีบตอบว่า  
    “ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย   อยากจะชวน DestinyHurtsMe ไปอยู่บ้านเดียวกัน”  

    ฉันหัวเราะตามสายแต่ขมวดคิ้วไปด้วยพร้อมกับถามต่อว่า
    “หมายความว่ายังไงคะพี่?”  
    เธอก็อธิบายว่าเธอมีน้องสามีอยากจะแนะนำให้รู้จักคบหากัน
    และถามว่าฉันสนใจไหม?

    “เขาเป็นอย่างไรล่ะพี่?”  
    ฉันไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธแต่ถามต่อ
    เพื่อให้เธอสาธยายคุณสมบัติของคนที่เธอจะแนะนำก่อน
    เธอเล่าว่า   “เขามีชื่อเล่นว่า ด๋อง  อายุมากกว่าฉัน 2-3 ปี  
    จบปริญญาโทรัฐศาสตร์จากธรรมศาสตร์”

    ฉันหูผึ่งทันทีที่ได้ยินคำว่าปริญญาโท!  
    ช่างเป็นคำที่กระตุ้นปุ่มปมด้อยของคนที่มี
    การศึกษาน้อยอย่างฉันได้ดีจริง ๆ  
    เพราะฉันจะรู้สึกเป็นปลื้มกับคนที่มีการศึกษาดี ๆ
    และใฝ่ฝันเสมอที่อยากจะมีแฟนที่เรียนสูง
    เพื่อช่วยเติมเต็มปมด้อยของฉัน

    เธอบอกว่าคุณด๋องยังไม่มีแฟน
    และต้องการหาใครสักคนมาเป็นแฟนเพื่อคบหาดูใจ
    และแต่งงานกัน…หากถูกใจ
    เธอบอกว่าเธอคิดถึงฉันและอยากจะแนะนำให้รู้จักกัน

    ฉันฟังอดีตเพื่อนร่วมงานที่เคยทำงานด้วยกัน
    และรู้จักคุ้นเคยกันมาตั้งแต่สมัยที่ฉันทำงานอยู่กับเตี่ย
    ในระหว่างที่ทำงานด้วยกันพี่ดาและฉันมีความสนิทสนมกันมาก    
    แต่หลังจากฉันลาออกจากเตี่ยสมัยแรก
    เราก็ไม่ได้ไปมาหาสู่กันบ่อยเหมือนก่อน    

    เธอเล่าสรรพคุณของน้องชายสามีของเธอให้ฉันฟังต่อว่า  
    “คุณด๋องเป็นข้าราชการ”  

    “ห๊า! ข้าราชการ!”  
    ฉันคิดในใจอย่างตกใจทันทีที่ได้ยินว่าเขาเป็นข้าราชการ
    และเริ่มรู้สึกอยากจะถอดใจ    
    เพราะในสมองของฉัน ณ ตอนนั้น  
    ภาพลักษณ์ของข้าราชการต่างกับตอนนี้โดยสิ้นเชิง
    สมัยนี้ที่ข้าราชการส่วนใหญ่ทำงานหนักและมีใจบริการ
    ไม่แพ้ส่วนเอกชนซึ่งฉันได้สัมผัสมาแล้วจริง ๆ!!  

    และที่สำคัญตอนนั้นข้าราชการยังมีเงินเดือนน้อย
    (ถ้าไม่นับรวมสวัสดิการต่าง ๆ ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้ว
    อาจจะดีกว่าภาคเอกชนหลาย ๆ ที่ด้วยซ้ำ)
    แต่เผอิญฉันเคยชินกับการทำงานในบริษัทเอกชน
    ที่มีเงินเดือนสูง ๆ มากกว่า  

    พี่ดาเล่าต่อว่า….
    “คุณด๋อง” กำลังจะไปปฏิบัติหน้าที่
    ประจำในต่างประเทศในอีก 1-2 ปีนี้    
    จึงอยากจะหาแฟนและแต่งงานไปเป็นแม่บ้าน

    โอ้ว! ที่แท้ต้องการ “แจ๋ว” ไปช่วยทำงานบ้านนะเอง!  
    จะดูดีก็แต่ไปเป็น แจ๋ว ในต่างประเทศเท่านั้นแหละ    
    พี่ดาคงรู้สึกว่าฉันเงียบเสียงไปจึงโฆษณาต่อว่า  
    “คุณด๋องเขาเป็นคนหน้าตาดี  สมาร์ท  แถมยังเป็นคนดีมาก ๆ ด้วยนะ”  

    ตอนนั้นฉันอดคิดในใจไม่ได้ว่า  
    “ดีครบเครื่องขนาดนี้ยังมีหลงเหลืออยู่…
    ไม่รู้สึกว่ามีอะไรน่าเป็นห่วงบ้างหรือ?”
    “แล้วเขายังไม่มีแฟนหรืออย่างไร  
    จึงต้องมาใช้มาลัยเสี่ยงรักเอ๊ย…วิธีคลุมถุงชนแบบนี้”  

    ฉันคิดในใจและเริ่มคิดอกุศลไปต่าง ๆ นานาว่า…
    เขาอาจจะเป็นคนพูดมาก
    เขาอาจจะเป็นคนใบ้ (พูดไม่เก่ง)
    เขาอาจจะเป็นคนเจ้าชู้
    เขาอาจจะเอาใจสาวไม่เป็น
    เขาอาจจะมีคุณสมบัติที่เป็นลบมากจนสาว ๆ เมิน
    เอ…หรือว่าเขาจะเป็นอีแอบ?

    คิดในใจเสร็จฉันก็ถามพี่ดาไปว่า  
    “แล้วทำไมถึงคิดจะแนะนำ DestinyHurtsMe ล่ะ?”  
    เธอก็เล่าให้ฟังว่าที่จริงฉันไม่ได้อยู่ในสมองของเธอเลย
    (อ้าว! แล้วกัน)  
    เพราะฉันลาออกจากเตี่ยมาหลายปีและไม่ค่อยได้เจอกัน
    หรือที่ภาษาฝรั่งเรียกว่า Out of sight, out of mind นั่นแหละ  
    (เฮ้อ…ค่อยยังชั่วหน่อยกับเหตุผลนี้)

    เธอบอกว่าเดิมเธอตั้งใจจะแนะนำและได้หมายตา
    ผู้ช่วยในแผนกคนหนึ่งของเธอไว้เรียบร้อยแล้ว    
    จึงได้นำหนังสือแคตตาลอกแนะนำสินค้าและประวัติของบริษัท
    ที่มีรูปพนักงานอยู่ด้วยกลับไปให้คุณพ่อคุณแม่ของสามีเธอและคุณด๋องดู  
    หลังจากได้ดูแล้วคุณด๋องก็รู้สึกพอใจ
    ในรูปลักษณ์ของสาวคนที่พี่ดาจะแนะนำ

    แต่ท่านผู้อ่านที่รัก….
    เจ้าหนังสือแคตตาลอกเล่มนั้นเป็นเหตุแท้ ๆ  
    เพราะเป็นเหมือนหรหมลิขิตที่มาหักเหชีวิตของฉัน    
    โดยมีคุณพ่อของคุณด๋องเป็นผู้กำกับชักนำฉันเข้าสู่วงการในเวลาต่อมา    

    ขณะที่พลิกดูหนังสือเล่มนั้นไปเรื่อย ๆ  ตามประสาคนชอบอ่านหนังสือ  
    พลันสายตาของคุณพ่อก็ไปสะดุดเข้ากับภาพของ
    สาวสวยหมวยอึ๋มอย่างฉันเข้าเต็มเปา    
    ในหนังสือเล่มนั้นมีรูปของฉันในสมัยที่ฉันยังทำงานกับเตี่ยอยู่ด้วย!
    คุณพ่อจึงได้ถามว่า
    “เอ้อ  แล้วผู้หญิงคนนี้ล่ะ  หน้าตายิ้มแย้ม ท่าทางซื่อ ๆ ดูเป็นคนดี    
    เธอคนนี้เป็นใครและเป็นอย่างไรบ้างล่ะ?”  

    พี่ดาได้ยินคุณพ่อสามีของเธอพูดและเห็นรูปของฉันถึงกับร้อง  
    “อ๋อ…..ยัย DestinyHurtsMe นั่นเอง!  
    ใช่แล้ว…เธอคนนี้เป็นอดีตเลขาฯ ประธานบริษัท  
    และเธอเป็นคนดีจริง ๆ ด้วย”  

    หลังจากที่พี่ดาสาธยายสรรพคุณของฉัน
    ให้กับคุณพ่อคุณแม่ของคุณด๋องฟังแล้ว  
    ท่านทั้งสองก็เล็งเป้ามาที่ฉันทันที    
    และตัดสาวคู่แข่งของฉันออกไป
    แบบไม่ทันให้ได้ประลองโฉมหรือฝีมือกันก่อนเลย  
    ฉันจึงกลายเป็นตัวเลือกใหม่ของครอบครัวนี้
    โดยไม่ต้องลงสนามแข่งให้เหนื่อย!

    ถ้าให้ท่านผู้อ่านเลือกระหว่าง
    แกงจืดหมูสับผักกาดขาวรสกลมกล่อม….
    กับต้มยำกุ้งรสแซ่บ!!!
    ท่านจะเลือกรับประทานแบบไหน?

    ฉันมาทราบภายหลังว่าคุณด๋องได้ดูรูปของทั้ง 2 สาว
    คือฉันและเธอคนนั้นแล้ว
    เขาได้เปรียบสาวคนนั้นว่าเป็นเหมือน
    “ต้มยำ!”
    ที่ดูเปรี้ยวจี๊ดจ๊าดและเผ็ดซี๊ดเหมือนกับรสชาดของต้มยำ  

    ท่านผู้อ่านคงเดาออกแล้วใช่ไหมว่า
    เขาเปรียบฉันว่าเป็นเหมือนอะไร?
    “แกงจืด!”  
    ที่จืดสนิทเหมือนแกงจืดไม่ได้ใส่น้ำปลา…

    อีตาบ้า!  
    หยามกันชัด ๆ!
    คิดแล้วยังไม่หายแค้นเลยนะเนี๊ยะ      
    “นี่ถ้าอยู่ด้วยกัน”
    ฉันจะแกล้งไม่ให้ซดแกงจืดถ้วยนี้
    และปล่อยให้อดอยากปากแห้งซะให้เข็ด!!!  

    ถึงแม้จะหยามว่าฉันเหมือนแกงจืด  
    แต่คุณด๋องก็ไม่ปฏิเสธโอกาสที่จะให้พี่สะใภ้
    แนะนำให้รู้จักกับแกงจืดอย่างฉัน  
    และหลังจากคุยโทรศัพท์กับพี่ดาเสร็จ  
    ฉันก็ไม่ได้ปฏิเสธเขาเช่นกันถึงแม้ว่าคำว่าข้าราชการ
    กับเรื่องการไปเป็นแจ๋วให้เขาในต่างประเทศยังคาอยู่ในสมองของฉันอยู่    

    มีอย่างที่ไหนที่ Working Woman หรือสาวทำงานที่เก่ง สวย
    เลิศเลอเพอร์เฟคอย่างฉันจะยอมทิ้งงานที่กำลังรุ่ง
    (ตอนนั้นฉันกำลังทำงานเป็นเลขานุการ
    ให้กับเจ้านายชาวอังกฤษในบริษัทวงการน้ำดำแห่งหนึ่ง)  
    พร้อม ๆ กับการทำกิจการส่วนตัวเล็ก ๆ ที่เล่าในตอนต้น
    ซึ่งฉันแบ่งเวลาไปทำในตอนเย็นหลังเลิกงานและวันหยุด    

    เมื่อกลับถึงบ้านฉันก็ได้เล่าเรื่องให้คุณแม่และพี่น้องฟัง    
    ทุกคนรู้สึกตื่นเต้นดีใจที่ฉันจะได้มีแฟนเป็นตัวเป็นตนกับเขาสักที    
    โดยเฉพาะคุณแม่ซึ่งคิดเหมือนกับคนจีนทั่วไป
    ที่กลัวว่าลูกสาวจะขายไม่ออก  
    แถมยังไม่เคยพาใครมาเหยียบหัวกระไดบ้านสักที  
    และคานที่บ้านก็ไม่ค่อยจะแข็งแรงซะด้วย

    ที่บ้านฉันมีพี่น้องผู้หญิง 4 คน  และพี่ชาย 1 คน
    โชคดีพี่สาวคนโตแต่งงานและมีลูกเป็นของตัวเอง
    เป็นที่เรียบร้อยแล้ว 2 คน  
    พี่ชายก็หายห่วงเพราะแต่งงานแล้วและมีลูก 2 คนเช่นกัน  
    ส่วนฉันและน้องสาวอีก 2 คน   ตกที่นั่งเดียวกัน!!
    เตรียมขึ้นคาน!!  

    เรายังเคยปรึกษากันแบบซีเรียสว่า  ถ้าชาตินี้ไม่มีใครเอา  
    (เอ๊ย…ต้องพูดว่าไม่เอาใครซิถึงจะมีศักดิ์ศรีหน่อย  จริงมะ?)  
    เรามาทำโครงการบ้านสาวโสด   และรับสมาชิกเข้าร่วมโครงการ
    แบบว่าทำเป็นธุรกิจหารายได้เลี้ยงตัวเองตอนแก่กันดีกว่า!!

    ดังนั้นเมื่อมีคุณด๋องผลัดหลงเข้ามาในวงเวียนชีวิตของฉัน    
    สมาชิกทุกคนในบ้านจึงพากันเชียร์ฉันแบบออกนอกหน้า    
    ทำให้ฉันรู้สึกเขวไปเหมือนกัน…..

    จากคุณ : Destinyhurtsme - [ 19 ม.ค. 51 08:07:34 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom