Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    “จากเซลส์แมนสู่เอ็มดี” ตอนที่ 28 …คำขอโทษ…

    “จากเซลส์แมนสู่เอ็มดี”  ตอนที่ 28  …คำขอโทษ…




    เนื่องจากงานแสดงสินค้านี้ เป็นงานแสดงสินค้านานาชาติ

    แห่งเอเซีย  ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 1 ณ ตำบลหัวหมาก  

    กรุงเทพมหานคร  ตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน จนถึงวันที่

    10  ธันวาคม 2509 เป็นงานใหญ่ระดับประเทศในสมัยนั้น  

    ผู้คนจึงตื่นตาตื่นใจกันรอคอยชมกันอย่างล้นหลาม




    ตำบลหัวหมากในสมัยนั้น  ยังเป็นดินแดนที่ห่างไกล

    จากกรุงเทพมากมาย  ถนนเพชรบุรีตัดใหม่  ยังเพิ่งตัด

    เสร็จใหม่ๆ




    รถเมล์ยังวิ่งกันไม่กี่คัน  ทางไปงานแสดงสินค้าก็มืดแสน

    มืดและการแสดงสินค้าก็มีงานกันทั้งวันตั้งแต่วันจันทร์-

    ศุกร์  ตั้งแต่ 10.00 น จนถึง 18.00 น.  ยิ่งวันเสาร์-

    อาทิตย์ ก็เปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 10.00 – 24.00 น.




    ดังนั้น  ลุงเลยต้องแบ่งเด็กนักเรียนที่เข้ามาช่วยงานออก

    เป็น 2 รอบ คือรอบ เช้า และรอบบ่าย  โดยเอาเด็กที่เรียน

    รอบเช้า มาเฝ้างานรอบบ่าย และเด็กที่เรียนรอบบ่ายมาเฝ้า

    งานรอบเช้า




    โดยมีรถรับส่งเป็นรถเมล์สีเขียวๆ วิ่งรับส่งเด็กระหว่าง

    บริษัทกับงานไป-กลับเป็นสี่รอบต่อวัน  ซึ่งลุงจะต้องคอย

    ควบคุมรับส่งเด็กโดยไม่ให้เสียชื่อบริษัทเป็นอันขาด




    ช่วงแรก งานก็ดำเนินไปด้วยดี  มีผู้คนเข้าชมล้นหลาม  

    โดยเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์  แต่อาจจะเป็นเพราะคนใน

    กรุงเทพฯ สมัยนั้น ไม่มากเหมือนในสมัยนี้  ประกอบกับที่

    ตั้งแสดงของงานอยู่ไกลเกินไป  พองานเดินไปได้จนถึง

    ปลายเดือนพฤศจิกายน  คนก็เริ่มซาลง  พอขึ้นต้นเดือน

    ธันวาคม คนก็ชักหรอมแหรม  คนมาเที่ยวงานน้อยมาก  

    บางทีเด็กยืนเมื่อยทั้งวัน  ไม่มีคนมาเยี่ยมชมสักคน  เพราะ

    ผู้คนต่างก็เตรียมไปเที่ยวงานใหม่ คืองานฉลองรัฐ

    ธรรมนูญซึ่งจัดขึ้นทุกปี




    พวกผู้ใหญ่ที่ไปประจำบูทของบริษัท ยิบอินซอย ก็ประชุม

    กัน  แต่อาจจะเป็นเพราะลุงมันเด็ก ตัวเล็กเกินไป  แค่

    เซลส์แมนธรรมดา  เขาเลยไม่ปรึกษาหารือด้วย  ในที่สุด  

    พอถึงวันที่ 1 ธันวาคม  เขาก็ตัดเด็กออกเสียครึ่งหนึ่งโดย

    เราไม่รู้ตัว.....





    ลุงจำได้ว่า พอวันที่ 1 ธันวาคม  ลุงก็มาเช็คเด็กที่มาทำ

    งาน ว่ามีใครขาดบ้าง  ปรากฏว่าไม่มาเสียครึ่งหนึ่ง  สอบ

    ถามได้ความว่า เมื่อวานเย็น  ผู้ใหญ่ประจำแผนกแต่ละ

    แผนกได้สั่งให้เด็กไม่ต้องมา  และได้ปรึกษาคุณธวัช

    แล้ว  และคุณธวัชก็อนุมัติแล้วด้วย




    ลุงโมโหจนสุดขีด  มันเป็นไปได้อย่างไรว๊ะ……ก็ในเมื่อให้

    เรารับผิดชอบในเรื่องนี้แล้ว  การจะตัดเด็กออก  ให้ใคร

    มา ไม่มา มันต้องเป็นหน้าที่ของข้าซิว้อย…..
    นี่มาทำเกิน

    หน้าเกินตา เหมือนเราเป็นหัวหลักหัวตอ  ไม่มีสิทธิ์มีเสียง

    อะไรเลย




    ลุงยิ่งไปสืบรู้ว่า “เฮียฤทธิ์”  ลูกพี่ของลุงเอง…เป็นคนตัวตั้ง

    ตัวนี้  เอาเรื่องนี้เข้าหารือกับคุณธวัช  โดยไม่ปรึกษาหารือ

    ลุงสักคำ……ลุงก็เกิดความน้อยใจเป็นธรรมดา




    วันนั้น  หลังจากส่งเด็กไปเฝ้างานเรียบร้อยแล้ว  ลุงก็ขอ

    เข้าพบคุณธวัช……ด้วยใบหน้าที่ไม่สู้จะดีนัก




    “เป็นไงอมร…..ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม”  คุณธวัชถาม

    ยิ้มๆ




    “ก็ไม่เรียบร้อยเท่าไหร่หรอกครับ……..”   ลุงตอบด้วย

    ความรู้สึกที่บอกไม่ถูก  มันสะเทือนมาจนถึงยอดอก




    “งั้นมีอะไรหละ…..มีปัญหาอะไรหรือ”   คุณธวัชถามอีก




    “คุณธวัช  เป็นคนอนุมัติให้ลดเด็กลงครึ่งหนึ่งใช่  ไหม

    ครับ”





    ลุงมองหน้าคุณธวัช….พลางกลั้นใจถามออกไป…………..




    “ใช่  ก็ผู้จัดการแต่ละคนเขาเห็นด้วยกันนี่  ว่าตอนนี้ งาน

    มันใกล้จะจบแล้ว  คนมันไม่ค่อยมีแล้ว  เขาก็มีเหตุผล….

    แล้วทำไมละ…หรือคุณไม่เห็นด้วย”





    คุณธวัชพูดด้วยสีหน้าประหลาดใจ




    “ผมจะเห็นด้วย หรือไม่   ไม่สำคัญครับ  แต่ผมไม่รู้เรื่องนี้

    เลย …คุณธวัชจำได้ไหมครับ  คุณธวัชเป็นคนสั่งให้ผม

    จัดการดูแลเรื่องเด็กที่มาเฝ้างาน…..ผมก็ทำเต็มที่…..แต่นี่

    พอจะลดเด็กออก….ก็ไม่เห็นมีใครปรึกษาผมสักคำ…..ผม

    เหมือนกับหัวหลักหัวตอ……คุณธวัชครับ…..ผมขอลาออก”





    ลุงพูดเสียยืดยาว  ด้วยความกลั้นใจ  กลัวมันจะร้องไห้

    ออกมา  แต่  คนเรามันต้องมีศักดิ์ศรี……ทำอะไร  แล้วคน

    มาข้ามหัว  เหมือนคนไม่มีหัวหลักหัวตอ  ลุงไม่ชอบ  มัน

    ทนไม่ได้จริงๆ




    คุณธวัช  นั่งฟังลุงระบายเสียยืดยาว  ด้วยสีหน้าที่

    ประหลาดใจ




    “เดี๋ยวๆ คุณอมร…..อะไรเรื่องแค่นี้พาลจะลาออก  คุณก็

    ทำงานให้บริษัทมาตั้งนาน  งานก็ดี  จะลาออกทำไม  

    ค่อยๆ พูดกันน่า”
        คุณธวัช  ตกใจ  นึกว่าลุงจะลาออก

    จากบริษัทจริงๆ




    “ผมไม่ได้ลาออกจากงาน….แต่ผมจะลาออกจากความรับ

    ผิดชอบเรื่องเด็ก……คุณธวัชมอบหมายให้ใครมาดูแลใหม่

    ก็แล้วกัน…..ผมไม่รับผิดชอบแล้ว”





    ลุงพูดพลางลุกขึ้นยืน  แล้วเดินถอยออกมา ด้วยใบหน้า

    บอกบุญไม่รับ




    “เฮ้ย..เดี๋ยวก่อน…..คุยกันก่อน  นั่งลงก่อนคุณอมร”




    “แสดงว่า เรื่องให้เด็กออกนี่คุณไม่ทราบเรื่องมาก่อนเลย

    หรือ…?
     คุณธวัชถามด้วยความสงสัย




    “ก็ไม่ทราบนะซีครับ  ผมเพิ่งมาทราบเอาเมื่อเช้าวันนี้เอง

    ตอนเช็คเด็ก  เห็นเด็กขาดไปครึ่งหนึ่ง  ผมก็เลย

    สงสัย…….ไปถามคุณฤทธิ์  เขาบอกคุณธวัชมีคำสั่งให้

    ปลดเด็กเอง….."





    "คุณธวัชครับ….คุณธวัชเป็นนายผม….คุณธวัชจะทำอะไรก็

    ได้….คุณธวัชไม่ผิด…..คุณธวัชจะปรึกษาใครก็ได้  ไม่

    ปรึกษาใครก็ได้……คุณธวัชทำได้ทุกอย่าง  เพราะนี่เป็น

    บริษัทของพ่อคุณธวัช…….แต่ คุณธวัชครับ  ผมรู้สึกตน

    เองมันไม่มีค่า  ทำงานไป  เหนื่อยเกือบตาย  ยอดขายก็

    ตก  ยอดคอมก็ไม่มี  เพราะมัวไปยุ่งเรื่องานแสดงสินค้า  

    เพื่อช่วยเหลือบริษัทตามคำสั่งของคุณธวัช……แต่ในเมื่อ

    คุณธวัชทำอย่างนี้….ผมก็มีเหตุผลที่จะขอลาออกจากการ

    รับผิดชอบเรื่องนี้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปใช่ไหมครับ........"





    ลุงไม่ทราบว่า จริงๆ ลุงได้พูดไปยาวถึงขนาดนี้หรือเปล่า




    แต่ความน้อยใจมันประดังเข้ามาอย่างเต็มที่  ขณะนั้นลุง

    เพิ่งเป็นพนักงานขายใหม่ๆ เพิ่งทำงานได้เพียง 2 ปี  อายุ

    เพิ่งจะ 21 ปี……ไม่รู้มันมีอะไรทำให้ลุงพูดไปได้ยาวถึง

    ขนาดนั้น




    คุณธวัช…..นั่งฟัง “เงียบ” ….แกไม่เอ่ยปากพูดอะไรสักคำ

    ในขณะที่ลุงกำลังระบายอย่างเต็มที่




    จนลุงพูดจบ……เสียงคุณธวัชก็เอยขึ้นอย่างปราณี…………




    “ผมขอโทษ….คุณอมร…..คุณพูดถูก…..ผมแต่งตั้งให้คุณ

    ดูแลเรื่องนี้…..แต่ผมไม่ได้เรียกคุณมาถามสักคำ…..ผม

    ขอโทษ   ผมผิดเอง…..นะคุณอมรนะ”





    …….เสียงของคุณธวัช……แผ่วเบา เหมือนจะรู้ตัวว่า มัน

    เป็นความผิดของแกจริงๆ  และแกได้ขอโทษเราจริงๆ  ไม่

    ได้พูดออกมาเล่นๆ   แกพูดออกมาด้วยความเสียใจจริงๆ

    ที่ทำให้เราต้องเสียใจ…..........................




    ลุงนึกไม่ถึง…..นึกไม่ถึงว่า  จะมีเจ้านายอย่างนี้โลก……...




    คนที่ยอมรับผิดต่อหน้าลูกน้อง……ทั้งที่จริงๆ แล้วก็หาใช่

    ความผิดโดยตรงของแกไม่  แกคงเข้าใจว่าผู้จัดการแผนก

    ต่างๆ ได้ปรึกษาหารือกับลุงแล้ว  และเป็นที่ยอมรับกันแล้ว




    “ผมจะออก Memo ใหม่  ยกเลิกคำสั่งที่ให้ถอนเด็ก

    ออก….ให้กลับไปเหมือนเก่า……แล้วคุณไปปรึกษาหารือ

    กันใหม่…ดีไหม?”
      คุณธวัชเอ่ยออกมา




    “ไม่ต้องครับ… แค่นี้ผมก็เข้าใจแล้ว…..ขอบคุณครับ คุณ

    ธวัชที่เห็นผมยังมีหัวอยู่  ยังไม่เห็นผมเป็นหัวหลักหัวตอ

    เหมือนคนอื่น….”
          ลุงจะยอมให้คุณธวัชทำอย่างนั้นได้

    อย่างไร….แค่ลุงไปพูดกับแกแค่นี้  ถ้าเป็นคนอื่น  หัวคง

    ขาดไปแล้ว  แต่มันพูดไปแล้ว  ก็ต้องพูดให้จบ……ลุงเป็น

    คนอย่างงั้นจริงๆ




    และในที่สุด  ลุงก็ยอมรับ การตัดสินของคุณธวัช  และคุณ

    ธวัชได้กรุณาออก Memo ฉบับหนึ่งถึงผู้จัดการทุกแผนก

    ในบริษัทฯ…..โดยมีข้อความที่ว่า




    “…..ตามที่ได้ปรึกษากับคุณอมร  ผู้ซึ่งมีอำนาจดูแลนัก

    เรียนที่มาเป็น Helper ทั้งหลายแล้วมีความเห็นพ้องกัน

    ว่า………”





    ลุงลุกมาจากโต๊ะคุณธวัช…ด้วยความรู้สึกที่พูดไม่ถูก….มัน

    ภูมิใจที่เขายังเห็นหัวเราอยู่…..มันเสียใจที่เอาเรื่องเล็ก

    น้อยไปเป็นภาระกับนาย…..มันดีใจที่นายเขาให้เกียรติ

    เรา…..มัน….ทุกอย่างผสมปนเปกันไปหมด




    แต่ลุงรู้อยู่อย่างเดียวนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา…..ว่าการที่

    จะเป็นผู้บริหาร  ปกครองคนได้นั้น  นอกจากจะต้องเฉียบ

    ขาดมีบารมีแล้ว  จะต้องรู้จัก “ขอโทษคน” เป็นอีกด้วย




    ลุงเรียนเรื่องเหล่านี้มากับคุณธวัช ยิบอินซอย  ผู้ที่เปรียบ

    เสมือนเป็นทั้งพ่อ  เสมือนเป็นทั้งพี่  เสมือนเป็นทั้งเจ้า

    นาย  ที่คอยสั่งสอนลุงทุกอย่าง




    ไม่เหมือนใครบางคน  ที่ไม่รู้ว่ามีใครเป็นครู เรียนจบจนถึง

    ดอกเตอร์ แต่คงไม่มีโอกาสได้เรียนเรื่องอย่างนี้ตั้งแต่

    เด็ก  เอาแต่ใจตนเอง  สร้างความร่ำรวยขึ้นมาด้วยการ

    เหยียบบ่า เหยียบไหล่คนอื่นเขาขึ้นมา  ไต้เต้าขึ้นมาจน

    เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศสารขันฑ์  และเพราะความ

    ยโสโอหังของตัวเขาเอง ทำให้ต้องหลบลี้หนีภัยไปอยู่ต่าง

    แดน




    แต่ตอนนี้  เลือกตั้งเสร็จสิ้นเรียบร้อย  ก็คงต้องรอนายกฯ

    คนใหม่  ว่าแกจะ “ขอโทษ” คนเป็นหรือเปล่า  รายนี้ก็ไม่

    ใช่ย่อยเหมือนกัน  เห็นเอาแต่ด่ากราด  ยิ่งหนักขึ้นไป

    อีก.....เฮ้อ.....ประเทศสารขันฑ์หนอ  ประเทศสารขันฑ์  

    เมื่อไหร่มันจะเจริญขึ้นสักที............




    amorntvm@hotmail.com

    จากคุณ : ลุงแอ็ด - [ 20 ม.ค. 51 21:15:35 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom