Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    “จากเซลส์แมนสู่เอ็มดี” ตอน 29 ผีทะเล

    “จากเซลส์แมนสู่เอ็มดี” ตอน 29  ผีทะเล......




    คนที่ทำงานกับคุณธวัชมานานๆ จะไม่เคยได้ยินคำนี้ไม่มี  

    เพราะเป็นคำเดียวที่คุณธวัชใช้เวลาต้องการ “ว่า” ใครสัก

    คนที่ทำอะไรให้คุณธวัชไม่พอใจ  หรือขัดใจคุณธวัชขึ้นมา




    ตลอดเวลาที่ลุงทำงานใกล้ชิดอยู่กับคุณธวัชมานับสิบปี  

    ลุงไม่เคยได้ยินคำว่า  เจ้าหอกหัก….เจ้าเปรต….เจ้าห้าร้อย

    หรือคำด่าอื่นๆ ที่คนไทยพูดกันเลย




    ลุงเคยถามคุณธวัชตอนเมาๆ ว่า  ทำไมคุณธวัชถึงใช้คำนี้  

    ถ้าจะเป็นการเอ่ยถึงบุคคลที่สาม  คุณธวัชจะใช้คำว่า  “คน

    ผีทะเล…..”
      ถ้าใช้บุคคลที่สอง  ก็จะใช้  “ผีทะเล….”  

    หรือถ้ารุนแรงหน่อยก็จะมีคำว่า “เจ้า…..ผีทะเล”  ติดอยู่

    ด้วย




    คุณธวัชตอบว่า  ไม่รู้ซิ…..ผมรู้อยู่คำเดียวที่เป็นภาษา

    ไทย  รู้ว่า “ผี”  นี่มันน่าเกลียด….และ “ต้องอยู่ใน

    ทะเล”
    ….จึงจะน่าเกลียดมากขึ้นอีก




    ลุงก็แซวแกเล่นๆว่า  “ผีเมืองไทย  ต้องอยู่ในป่าช้า”  จึงจะ

    น่ากลัว  แกบอกว่า  “ป่าช้าที่เมืองฝรั่งไม่เห็นน่ากลัวเลย  

    คนเขาไปเดินเที่ยวกัน  เอาดอกไม่สวยๆ งามๆ ไปเคารพ

    ศพกัน……ทำไมป่าช้าของเราน่ากลัวหรือ”





    ลุงถามว่าทำไมไม่ใช้คำว่า “เจ้าหอกหัก…”  แกบอก

    ว่า “มันแปลว่าอะไร…ไม่เคยได้ยิน…..”  คำว่า “เจ้า…

    เปรต”
    แกก็ไม่รู้อีกว่าแปลว่าอะไร  “เปรต”  ตัวมันเป็น

    อย่างไร  ไหนวาดรูปให้ดูทีซิ…….




    ตกลงเวลาแกด่าพวกเราทีไรว่า  “เจ้า…ผีทะเล…สั่งให้ทำ

    อย่าง  คุณไปทำอีกอย่างหนึ่ง”
    …… พวกเราแทนที่จะทำ

    หน้าเคร่งเครียดเมื่อโดนนายด่า  กลับหัวเราะกันท้องคัด

    ท้องแข็ง ที่แกเอาคำแปลกๆ มาด่าว่าพวกเรา  




    แกก็พลอยทำหน้าแปลกๆไปด้วยเมื่อเห็นพวกเรา แทนที่

    จะรู้สึกผิด กลับทำหน้าหัวเราะๆ คิกคิก….แกก็ไม่รู้ว่าลูก

    น้องของแกนี่มันทะเล้นสิ้นดี หรือไม่รู้สึกสำนึกอะไรกัน

    บ้างเลย




    คุณธวัชเป็นคนทำงาน  และทำจริงๆ  ตอนมาทำงานใหม่ๆ

    แกจะพกแซนวิสมาด้วย  ไม่ทราบว่าพี่เอื้อยเป็นคนจัดให้  

    หรือคนรับใช้ที่บ้านทำให้  ถึงตอนเที่ยงแล้ว  แกก็ยังง่วน

    อยู่กับตัวเลข…คิดโน่นคิดนี่….เยอะแยะไปหมด




    พวกเราเคยไปชวนแกออกไปทานข้าวข้างนอกเหมือนกัน  

    แกบอกเสียเวลา  พวกคุณคุยอะไรกันก็ไม่รู้  กินไปคุยไป

    เป็นชั่วโมงกว่าจะเสร็จ  ผมกินแซนวิสห้านาทีก็เสร็จแล้ว  

    กินกาแฟถ้วยหนึ่ง ก็ได้ทำงานใหม่แล้ว……..ตอนเข้าไป

    ทำงานตอนแรกใหม่ๆ ก็เลยไม่ได้ไปกินข้าวกับคุณธวัชสัก

    ที




    ต่อมาแกชักเบื่อแซนวิส  ก็จะให้แม่บ้านที่ออฟฟิตออกไป

    ซื้อบะหมี่น้ำ……กินแต่บะหมี่น้ำอยู่ได้สองสามเดือนโดย

    ไม่เปลี่ยนเมนูเลย……พอเบื่อบะหมี่น้ำ……ก็เป็นก๋วยเตี๋ยว

    น้ำ…….กินอยู่สองสามเดือน……ลุงว่าแกคงกินไปงั้นเอง  

    คงไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับรสบะหมี่น้ำหมูแดงหรือก๋วยเตี๋ยวน้ำ

    อะไรหรอก  เพราะแต่มัวสนใจแต่ตัวเลขบนกองกระดาษ

    ซึ่งอยู่ตรงหน้าพะเนินเทินทึก




    คุณธวัชเปลี่ยนเลขาบ่อยมาก  เพราะใครๆ ก็ทำงานไม่ถูก

    ใจ  ไม่ถูกสเปคของแก  เลขาของแกต้องคล่องแคล่ว  พูด

    และเขียนชวเลขเป็นภาษาฝรั่งเก่ง  เพราะแกต้องสั่งงาน

    เป็นฝรั่งอยู่แล้ว  ดังนั้น  เลขาคุณธวัชทุกคน จึงจบการ

    ศึกษามาจากนอกทุกคน




    แกเป็นแรกในออฟฟิตที่เอาเครื่องดิกเทเตอร์ แมชชีน หรือ

    เครื่องบันทึกคำพูดสำหรับผู้จัดการโดยเฉพาะ…..และเห็น

    แกนั่งพูดกับเจ้าเครื่องนี้ทั้งวัน




    พูดเสร็จก็ให้เลขาเอาไปใส่หูฟัง……แล้วพิมพ์เป็นเอกสาร

    ออกมาให้แกตรวจอีกที…..พอแกใช้จนคล่อง  แล้วจึงค่อย

    สั่งมาจากเมืองนอก  ให้พวกเราออกไปขายเป็นสินค้าตัว

    ใหม่




    ดังนั้น ยิบอินซอย จึงบริษัทแรกที่สั่งเครื่องใช้สำนักงาน

    แปลกใหม่ๆ มาขายเช่น  เครื่องดิกเทเตอร์ แมชชีน.   แม้

    กระทั้งเครื่อง FAX  ซึ่งสมัยโบราณเรียกว่า เครื่องแฟกสิมิ

    ลี่ แมชชีน  หรือเครื่องแฟกซิไมล์  บริษัทก็นำเข้ามาเป็น

    บริษัทแรก…..และคุณธวัช ก็เปิดตำรา  เปิด Manual อ่าน

    เป็นคนแรก….หัดใช้จนคล่อง  เรียกพวกเราไปอบรม  แล้ว

    ก็ให้พวกเราออกไปขาย




    เวลาเลขาแกเข้ามาใหม่ทีหนึ่ง  พวกเราก็แอบมอง…..

    เพราะเธอเป็นนักเรียนนอก  แต่งตัวเสียหยดย้อย  นุ่ง

    กระโปรงสั้นๆ พูดภาษาอังกฤษเป็นไฟ……พวกเราก็ได้หัด

    ภาษาอังกฤษกับพวกพี่เลขาของคุณธวัชนี่แหละ………แต่

    ก็อยู่ได้ไม่นานสักคน  สองสามเดือนก็ออก  




    บางคนเห็นนั่งพิมพ์ดีดไป ร้องไห้ไป  พวกเราแอบเข้าไป

    ถามว่าเป็นอะไร  บอกว่า “โดนคุณธวัชด่า…..”  พวกเรา

    หัวเราะกันคิก…..บอกอะไร  โดนด่าแค่ “ผีทะเล”  ก็ร้องไห้

    เลยรึ……พี่เลขาก็บอกไม่ใช่  แกด่าเป็นภาษาอังกฤษ…..

    ด่าไฟแลบเลย…..ซึ่งพี่เขาพูดให้เราฟัง  พวกเราก็ฟังไม่รู้

    เรื่องเลยว่าแกด่าว่าอย่างไร




    พวกเราชอบไปคุยกับ “พี่เรย์”  เลขาคนงามของคุณธวัช  

    คุยเก่ง  น่ารัก  น่าเอ็นดู (ของบรรดาเฮียๆ ทั้งหลาย)

    …………….คุยไปคุยมา  อ้าว……เห็นหายไปเสียอีก

    แล้ว……ไม่ทราบว่าไปขัดใจคุณธวัชเข้าตรงไหน……




    แต่เล่าว่ามาไกลบอกว่า พี่เอื้อยเป็นคนพิจารณาเลขาให้

    คุณธวัชเอง…..คนไหนไม่ผ่านโปร.…..ก็ต้องออกเป็น

    ธรรมดา เหมือนเซลส์แมนเหมือนกัน…..ไม่ทราบจริงหรือ

    เปล่านะ..พี่เอื้อย  (เขาเล่ากันว่าอย่างนี้……….)




    ทำงานกับนายที่พูดภาษาไทยไม่เก่ง มันก็ได้เปรียบตรงนี้

    หละ บางทีเรานินทาแกต่อหน้า  แกก็ไม่รู้เรื่อง  ถามว่ามี

    อะไรกันเหรอ…..จนสุดท้าย แกมาได้ “พี่สมัย” เป็น

    เลขา   ซึ่ง…ขอโทษ….อาวุโสมาก   เพราะเคยเป็นเลขา

    ของนายยิบ (คุณพ่อของคุณธวัช) มาก่อน  แกก็เลยเกรง

    ใจ  ไม่ค่อยดุว่าเท่าไหร่  พี่สมัยก็เลยทำงานกับคุณธวัชจน

    ปลดเกษียณ




    คุณธวัชเป็นคนทำงานดุ……สำหรับคนอื่น  แต่กับลุง  ไม่

    เห็นแกดุตรงไหน




    อาจจะเป็นเพราะลุงเคยออกฤทธิ์กับแก ตอนสมัยเป็น

    เซลส์ใหม่ๆ  หรือตอนไปคุมงานแสดงสินค้าก็เป็นได้…..

    แต่กับแผนกอื่น  หรือหัวหน้าแผนกอื่น  แกจะโมโหโกรธา

    ทุกครั้งที่สั่งให้ไปทำตัวเลขอะไรมา  แล้วพอเอาให้แกดู  

    แกต้องไล่กลับให้ไปทำใหม่มาทุกครั้ง  พลางบ่นอุบว่า  




    “ไม่มีความคิดเสียเลย  สั่งแค่ไหนก็ทำแค่นั้น”




    ลุงทำงานกับคุณธวัชจนรู้ใจ  รู้ว่าแกต้องการอะไร  ถึงแก

    ไม่ได้สั่ง  เราก็เตรียมพร้อมที่จะให้แกถามได้ตลอดเวลา  

    เช่น ถ้าเข้าไปเสนอจะทำ Project คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่

    สักราย  แกก็ต้องซักแล้วซักอีก  ซักอยู่นั่นแหละว่า  งบ

    ประมาณมีเท่าไหร่  ออกมาแล้วยัง  เขาตั้ง budget แล้ว

    ยัง  สภาผู้แทนราษฎรผ่านแล้วยัง  สภาสูงอนุมัติเมื่อ

    ไหร่   ทางราชการเขาของวดเงินแล้วยัง  นี่คุณจะเสนอรุ่น

    อะไร  ทำไมจึงเสนอรุ่นนี้  ทางเมืองนอกว่าอย่างไร  เขา

    จะ Support อย่างไร   จะส่งช่างมาดูแลให้กี่คน  ต้องใช้

    Software อะไรที่เราทำเองไม่ได้มีไหม  แล้วจะไปหาคน

    ที่ไหน  ต้องการงบเท่าไหร่  เอาไปทำอะไรบ้าง ฯลฯ




    โดนเข้าอย่างนี้  ผู้จัดการทุกรายที่เข้าไปเสนองานให้แก

    อนุมัติ  โดนคำถามของคุณธวัช แค่ไม่เกิน 30 นาที ก็ต้อง

    โดนด่าลั่น บางทีได้ยินมาถึงนอกห้องว่า




    “เจ้าผีทะเล…..ทำงานแค่นี้ ก็ไม่รอบคอบ  ทำไมคุณต้อง

    ให้ผมถาม  พอผมถามอะไร  คุณก็ตอบไม่ได้…..กลับไป

    ทำมาใหม่ให้รอบคอบกว่านี้ไป…”
      แล้วแกก็ไล่ผู้จัดการ

    คนนั้น หอบแฟ้มพะรุงพะรังกระหืดกระหอบออกมาออก

    มา  




    ลุงเคยคุยกับเพื่อนผู้จัดการที่สนิทกันบางคน  เขาก็บ่นให้

    ฟังว่า  “ทำงานกับคุณธวัชนี่ยากจริงๆ….แกถามอะไรพิลึก

    พิลั่น  ถามละเอียดจนเรานึกไม่ถึง……บางทีแกถามไม่

    บันยะบันยัง….ไม่ให้เวลาเราเตรียมตัวเลย…”





    แต่การที่ลุงทำงานกับคุณธวัชมานาน  ลุงรู้ว่า เดี๋ยวพอแก

    ถามเรื่องนี้  ถ้าเราตอบเสร็จ  แกจะต้องถามเรื่องอะไรต่อ  

    พอเราตอบเสร็จ  แกต้องซักเรื่องโน้นต่อ  พอตอบเสร็จ

    แกก็ซักเรื่องนี้ต่อ  ไม่มีวันสิ้นสุด  ซักกันจนกว่าแกจะแน่

    ใจ  พอใจ  ไว้วางใจ  แล้วจึงอนุมัติให้เราไปทำ Project

    ได้




    ดังนั้น  กว่าจะเข้าประชุมกับคุณธวัชได้แต่ละครั้ง  ลุงต้อง

    ทำการบ้านมากมาย  ต้องหาข้อมูล  ต้องเก็บตัวเลข  ต้อง

    เดาคำถามไปล่วงหน้า  และตอบคำถามของแกให้ได้  จน

    แกไม่รู้จะถามอะไรแล้วนั่นแหละ  ลุงจึงขอประชุม…..แล้ว

    ก็สำเร็จออกมาทุกที……แต่ใช้เวลานานมาก




    ดังนั้น  ถ้าลุงยังไม่พร้อม  หรือยังไม่มีรายละเอียด  ลุงไม่

    ยอมพูดถึงเป็นอันขาด  ถึงแม้คุณธวัชจะถาม  เช่นแกจะ

    ถามเล่นๆว่า “ปีหน้าเป็นไงหรือคุณอมร  คุณคิดว่าแผนก

    ของคุณทำตัวเลขได้เท่าไหร่”





    อย่าไปตอบแกเทียวละคำถามประเภทอย่างนี้  ถ้าเราเผลอ

    ตอบแกไปว่า  “คงจะได้สักห้าหกร้อยล้าน  ไม่แพ้ปีนี้แน่

    นอนครับ”
     เพื่อเอาใจแก  หรือเพื่อขี้โม้ให้แกดีใจเล่นก็

    ตาม




    วันรุ่งขึ้น  แกจะเรียกเราไปซักทันทีว่าทำไมคุณจึงพูดเช่น

    นั้น…มีเหตุผลอะไร….เดี่ยวนี้มียอดแบ๊คออเดอร์อยู่เท่า

    ไหร่  ปีหน้ามี Prospect เท่าไหร่…….และถ้าเราตอบว่า




    “แหะ  แหะ  เห็นคุณธวัชถามเหมือนกับถามเล่นๆ ผมก็

    ตอบไปเล่นๆ ไปงั้นเองครับ  ยังไม่มีตัวเลขอะไรในมือสัก

    อย่างเดียวครับ…….”





    คุณก็จะโดนไล่ออกมาพร้อมด้วยคำอมตะของแก  “เจ้า….

    ผีทะเล”
       




    การที่ลุงต้องเตรียมข้อมูล เพื่อดักทางที่คุณธวัชจะถาม  

    เพื่อไม่ให้เราต้องโดนด่าเหมือนคนอื่นเขา  ทำให้ลุงต้องมี

    ความละเอียดรอบคอบ  ต้องซักลูกน้องอย่างละเอียด  งบ

    ประมาณได้แล้วยัง  ผ่านสภาผู้แทนแล้วยัง ฯลฯ  




    ถ้าลูกน้องตอบไม่ได้ เราก็ต้องวิ่งออกไปหาเอง  เพราะ

    เวลาโดนด่า  เราเป็นคนโดน  เราไม่สามารถไปโทษลูก

    น้องได้ว่า  




    “ผมสั่งให้เขาไปหาแล้ครับ  แต่เขาหาไม่ได้”  คุณธวัชจะ

    ไม่ยอมเป็นอันขาดกับข้อแก้ตัวเหล่านี้  




    นี่แหละ…..เป็นสิ่งที่ทำให้เราทำงานเป็น  ทำงานได้

    รอบคอบ




    คุณธวัชเคยบอกลุงว่า




    “คุณอมร  การทำ Project ใหญ่ๆ หรืองานที่ต้องวาง

    Strategy ในการสู้กับคู่แข่งนั้น  เรื่องข้อมูลนั้นสำคัญ

    มาก  ต้องเป็นข้อมูลเชิงลึก  ที่ใครๆ เขานึกไม่ถึง……..ดัง

    นั้น…คุณจะต้องตอบให้ผมได้  ถ้าผมถามเรื่องอะไรใน

    เรื่องที่ลึกๆ…..มิฉะนั้น เราอาจพลาดได้……และอย่า

    โกหก…..ถ้าคุณตอบได้….ก็ต้องตอบผมต่อว่าทำไม……

    และถ้าไม่รู้ ก็ต้องบอกว่าไม่รู้….ผมจะได้ให้เวลาคุณไปหา

    ข้อมูลมาเพิ่ม…..อย่าใช้คำว่า  ผมคาดว่า…..ผมคิดว่า…..

    ผมจะไม่ฟังข้อมูลที่คุณคิดเอาเอง…..ผมต้องการข้อมูลที่

    เป็นจริง….เข้าใจไหม”





    “ครับผม………ขอบคุณครับคุณธวัช ที่แนะนำผม”




    อาทิตย์หน้าขออีกสักวัน  ในเรื่องของคุณธวัช  เพราะลุง

    ได้เรียนรู้อะไรจากแกเยอะเหลือเกิน  จึงอยากจะเอามา

    เล่าให้หลานๆ ในห้องนี้ฟังบ้าง





    amorntvm@hotmail.com

    จากคุณ : ลุงแอ็ด - [ 28 ม.ค. 51 07:50:41 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom