Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    “เลขาฯ ตัวแสบ!” ตอน…..เรื่องกุ๊กกิ๊กชีวิตทำงาน (ภาค 4)

    .....จำได้ว่าวันที่ 29 มกราคมเป็นวันเกิดของเพื่อน 2 คน
    คนหนึ่งเป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียนชั้นประถม
    ซึ่งตอนนี้ได้กลายมาเป็นพี่น้องบุญธรรมกันไปแล้ว

    ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นเพื่อนที่เพิ่งรู้จักกัน
    ซึ่งมีที่มาที่น่าสนใจใคร่อยากจะนำมาเล่าสู่กันด้วย

    ที่จริงเรื่องของ Pen Friends ที่เคยเล่าในตอนต้นก่อนหน้านี้
    เกิดขึ้นและจบลงไปนานแล้วโดยไม่มีเรื่องให้ต้องนำมาเม้าท์

    แต่เรื่องนี้บังเอิญเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้
    ที่ฉันมีโอกาสได้ติดต่อกับเพื่อน on line คนหนึ่ง
    หลังจากที่ได้ร้างลาจากวงการ
    การเขียนจดหมายประเภท Pen Friends ตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น

    ฉันและเพื่อน on line คนนี้ได้มีการแลกเปลี่ยน e-mails
    ที่ได้ช่วยเพิ่มรอยหยักในสมองของฉันให้มีมากยิ่งขึ้น
    และที่สำคัญเรามีการเขียนโต้ตอบกันเป็นภาษาอังกฤษ
    จึงทำให้ฉันมีโอกาสได้นำภาษาเขียนขึ้นมาปัดฝุ่นอีกครั้งหนึ่ง
    หลังจากที่ไม่ค่อยได้ใช้ภาษาอังกฤษมากนักในระยะหลัง ๆ

    เผอิญเพื่อนคนนี้เป็น “ด๊อกเตอร์”
    จึงยิ่งเป็นการเพิ่มดีกรีความรู้ความสามารถในตัวเขา
    ที่ทำให้น่าทึ่งมากยิ่งขึ้นไปอีก
    ซึ่งอีกครั้งหนึ่ง…
    ทำให้คนที่มีความรู้แค่หางอึ่งอย่างฉันรู้สึก “ปลื้ม” เป็นอย่างมาก!
    (เป็นข้อเสียที่แก้ไม่หายสักทีเรื่องการชอบปลื้มคนง่าย ๆ เนี่ย!)

    ขอเล่าที่มาที่อ่านแล้วอาจจะรู้สึกว่าโลกนี้ยังมีเรื่องที่ดี ๆ
    เกิดขึ้นกับคุณหรือฉันได้ตลอดเวลาเสมอ….

    วันหนึ่งในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา
    CEO ของฉันโทรทางไกลมาจากต่างจังหวัด
    เพื่อขอให้ฉันช่วยชีวิตเป็นการด่วน

    นายถามว่า e-mail ฉบับที่เคยได้รับจากฉัน
    เกี่ยวกับการเพิ่ม battery power ในโทรศัพท์มือถือ
    ที่ว่าสามารถทำได้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน
    ที่ battery ใกล้จะหมดแล้วนั้นต้องทำอย่างไร
    ให้ฉันชี้แจงแถลงไขให้นายรู้เดี๋ยวนี้เลย

    เพราะตอนนี้ battery ของนายใกล้หมดแล้ว
    และกว่าจะกลับเข้าที่พักเพื่อ charge แบตฯ ใหม่ก็จะไม่ทันการ
    พูดจบนายก็รีบวางสายไปเพราะฉันขอตรวจสอบข้อมูลก่อน!

    ตอนนั้นฉันจำต้องสลัดคราบความเป็นเลขาฯ ตัวแสบ
    แล้วรีบสวมวิญญาณการเป็นอัศวินม้าขาว
    เพื่อหาทางช่วยชีวิต CEO ให้ได้โดยด่วน
    ก่อนที่เจ้านายจะถูกตัดขาดจากโลกภายนอก
    และหากเผอิญนายสามารถหาทางกลับที่ทำงานได้
    ฉันอาจจะต้องประสบกับสถานการณ์ที่นั่งลำบาก
    หรือตกงานอีกรอบหนึ่งโทษฐานทำงานไร้ประสิทธิภาพก็เป็นได้!

    ฉันพยายามทบทวนความจำอันเลือนลาง
    ว่าเคยส่ง e-mail ที่ว่าไปให้นายตั้งแต่เมื่อไร (กันหว่า?)
    ทำไมฉันจำรายละเอียดอะไรไม่ได้
    แต่นายกลับจำได้และดั๊นมาจำได้
    ในตอนที่ battery ใกล้จะมอดม้วยซะด้วย
    แถมยังมาหาเรื่องให้ฉันต้องรับผิดชอบ
    เกี่ยวกับข้อมูลใน e-mail ฉบับนั้นซะอีก!

    ฉันจึงต้องรีบกลับเข้าไปใน mail box ของตัวเอง
    และ search หาเจ้า e-mail ตัวต้นเหตุ
    เมื่อพบแล้วก็ค่อย ๆ อ่านและศึกษารายละเอียด
    และนำมือถือตัวเองมาปฏิบัติตามคำสั่งเจ้า mail บ้านั่น…

    แต่ไม่ได้ผล….
    เพราะทำตามทุกขั้นตอนแล้วก็ไม่เห็นเกิดปาฏิหารย์อย่างว่า
    ฉันจึงให้ผู้ช่วยช่วย search หาข้อมูลเพิ่มเติมใน internet
    พร้อมกับได้โทรติดต่อบริษัทมือถือเพื่อสอบถามข้อเท็จจริง

    แต่ก็ยังไร้ผล….
    ไม่มีใครหรือข้อมูลใดสามารถยืนยันว่าข้อมูลใน mail นั้นถูกต้อง
    ฉันจึงกลับเข้าไปอ่าน mail ฉบับนั้นอีกครั้งหนึ่งอย่างช้า ๆ
    แต่ก็ไม่พบ hint อะไรที่จะได้มาซึ่งรายละเอียดตามข้อกล่าวอ้าง
    ในที่สุดก็คิดว่าต้องไล่กลับไปที่ผู้ส่ง
    ปรากฏว่าเป็น mail ที่มาจากเพื่อนเก่าที่บริษัทน้ำดำ
    แต่ฉันรู้ว่าติดต่อเธอไม่สะดวกในตอนนี้เพราะเธอไปต่างประเทศ

    ฉันจึงไล่ต่อถึงต้นตอเจ้าของ forwarded mail ฉบับนี้
    พบชื่อ Dr. XXX เป็นวิศวกร XXX
    เอาล่ะ…ได้การแล้ว!
    ฉันจึงลองส่ง mail ติดต่อ Dr. XXX
    เพื่อสอบถามขอความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้

    สองวันต่อมา Dr. XXX ตอบกลับมาว่าเขาเองก็ไม่เคย
    ทดลองด้วยตนเองว่าสามารถทำได้จริงหรือไม่
    และในท้าย e-mail เขาเสนอว่าถ้าฉันไม่รังเกียจ
    เขาจะบันทึก e-mail address ของฉัน
    เพื่อแลกเปลี่ยน e-mails ที่เป็นประโยชน์ให้กัน  
    ฉันตอบรับพร้อมกับส่ง Forwarded mails ไปให้เขา

    จากนั้นเราก็มีการเขียน e-mails โต้ตอบ
    และได้รู้จักกันมากขึ้น
    ในช่วงแรก ๆ ที่ติดต่อกันฉันต้องคอยระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก
    เนื่องจากข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้จากการสื่อสารกันของเรา
    ทำให้ฉันเข้าใจผิดไปเองว่าเขาอายุประมาณ 30-40 ปี

    ฉันยิ่งเกิดความกลัวว่าอาจจะถูกหลอกกลางอากาศ
    กลัวว่าเขาจะเป็นประเภทพ่อไก่แจ้
    หรือประเภทวิศวะกรขี้หลีมาหลอก “สาวสวย” อย่างฉัน

    แต่ภายหลังเรามีการแลกเปลี่ยนข้อมูลส่วนตัวกันมากขึ้น
    ฉันจึงคาดเดาว่าที่จริงแล้วเขาอายุเกือบ 70!

    ทำให้ฉันยิ่งทึ่ง…ทึ่งในความ active และแหลมคม
    อีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญที่ทำให้ฉันรู้สึกปลื้มเขาเป็นอย่างมาก
    คงเป็นเหตุผลที่ฉันไม่มีคุณพ่อหรือ Uncle แล้ว
    และเตี่ยก็ไม่ได้อยู่ที่จะคอยเป็นที่ปรึกษาให้คำแนะนำ
    แก่ฉันในฐานะผู้อาวุโสที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตมาก่อน
    แต่เขาสามารถเป็นตัวแทนของผู้ที่ฉันเคารพนับถือ
    พร้อมกับให้คำแนะนำปรึกษาที่ดีแก่ฉันได้ตลอดมา

    เราติดต่อกันทาง e-mail ประมาณเกือบครึ่งปี
    ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลและเขียน e-mail โต้ตอบกัน
    รวมได้ประมาณ “สองพันฉบับ” ในระยะเวลาอันสั้น!!

    ช่วงนั้นเป็นเวลาที่ฉันรู้สึกว่าชีวิตยังมีเรื่องดี ๆ เข้ามาบ้าง
    หลังจากที่จมปรักอยู่กับความเศร้าหมองและเก็บตัวมานาน
    เขาทำให้โลกของฉันสดใสมีความมุ่งมั่นและกำลังใจ

    แต่แล้วฉันก็ต้องตื่นขึ้นจากความฝัน.....
    เพราะจู่ ๆ เขาก็หยุดการติดต่อและหายสาบสูญไปเลย!

    ถูกหลอก…เอ๊ย…ถูกทิ้งอีกเช่นเคย….DestinyHurtsMe!
    เป็นการถูกทิ้งโดยที่ฉันไม่ทราบสาเหตุจนถึงวันนี้
    เหมือนกับที่คุณด๋องเขาทำกับฉันไม่มีผิด
    จะต่างกันก็แต่คนนี้เป็นแค่เพื่อน on line ที่ไม่ได้พบกัน!

    ถ้าจะให้วิเคราะห์สาเหตุที่ฉันถูกทิ้ง…..
    ก็คงสัณนิฐานว่าเกิดจาก “ห้า” สาเหตุคือ
    หนึ่ง…เขาดูถูกว่าฉันมีการศึกษาต่ำในขณะที่เขาเป็นถึง Dr.
    (เคยได้ยินประโยคที่ว่าความรู้เรียนทันกันหมดไหม?)
    สอง…เขากลัวว่าการคบเด็กสร้างบ้านอย่างฉันจะนำภัยสู่ชีวิตของเขา
    (ฉันควรจะเป็นฝ่ายกลัวมากกว่า…จริงไหม?)
    สาม…ฉันคงได้ใช้คำพูดที่ “สามหาว” ไม่เหมาะสมทำให้เขาไม่พอใจ
    (อืมมม.. ฉันไม่มีเจตนา….แต่ที่แน่ ๆ “ไม่มีสมอง”!!)
    สี่…….เขาหาย “สาบสูญ”
    (ขออย่าให้เป็นเช่นนั้นเลย!)
    ห้า……Destiny Hurts Me!
    (It’s destiny, after all!!)

    ไม่ว่าจะเป็นด้วยสาเหตุใด
    เขาก็ได้ตัดขาดการติตต่อกับฉันไปแล้วโดยไม่บอกกล่าว….

    ว๊า…ทำไมดวงของฉันจึงต้องมาถูกเพื่อนทิ้งตลอดนะ?
    ไม่เว้นกระทั่ง On Line Friendship!!
    Umm…That’s life and one has to learn to live with it!
    “แล้วต่อไปฉันจะถูกเพื่อน ๆ ในห้องสีลมนี้ทิ้งอีกไหมนี่?”

    แต่ฉันเชื่อในเรื่องของบุญพาวาสนาส่ง
    ฉันเชื่อว่าถ้าฉันมีวาสนาก็จะได้รับแต่สิ่งที่ดี ๆ เข้ามาในชีวิต
    และสิ่งเลวร้ายก็จะถูกปัดออกนอกวงจรชีวิตของฉัน….

    ในทางกลับกันหากไร้วาสนาและโชคไม่ดี
    สิ่งร้าย ๆ ก็จะกรูกันเข้ามาในชีวิตของฉัน
    ดังนั้นเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับฉัน
    ครั้งแล้ว…ครั้งเล่า

    ไม่ว่าจะดีหรือร้าย…
    ฉันยึดหลักการคิดที่จะไม่ทำให้ฉันต้องเสียใจจนต้องฟูมฟาย
    หรือหวั่นไหวขนาดต้องเสียผู้เสียคนเลยก็คือ
    Good or Bad…Hard To Say!!

    นั่นก็คือสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นเรื่องที่ดีกับฉันก็ได้
    เพราะถ้าไม่มีเรื่องนั้น ๆ เกิดขึ้น
    อาจจะมีเรื่องที่เลวร้ายกว่านี้เข้ามาทำให้ชีวิตยิ่งตกต่ำลง
    ใครจะรู้?

    วันนี้ฉันคิดถึงเพื่อนคนนี้เพราะจำได้ว่าวันที่ 29 มกราคม
    เป็นวันเกิดครบรอบ 66 ปีของเขาพอดี
    ใช่…หกสิบหก…ฉันไม่ได้พิมพ์ผิด…
    และก็เป็นวันเกิดของเพื่อนสนิทของฉันอีกคนหนึ่งด้วย

    จึงขออำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยจงดลบันดาล
    ให้เพื่อนสนิทของฉัน….เพื่อนคนนี้…
    และคุณผู้อ่านทุกท่านที่เกิดวันนี้…วันที่ 29 มกราคม
    คิดหวังสิ่งใดขอให้สมหวัง
    ขอให้มีสุขภาพพลามัยที่แข็งแรงปราศจากโรคภัย
    และขอให้มีความสุขตลอดไปด้วยเทอญ….

     
     

    จากคุณ : Destinyhurtsme - [ 29 ม.ค. 51 00:02:52 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom