Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    "เลขาฯ ตัวแสบ!" ตอน…..ชีวิตในต่างแดน….สุขหรือเศร้า? (ภาค 2)

    …..ซาอุฯ เป็นอีกประเทศหนึ่งที่ “ไม่เปิด” สำหรับนักท่องเที่ยว
    คงจะเกรงว่าถ้าเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวเข้ามาโดย “เสรี”
    จะทำให้ยากแก่การ “ควบคุม” เนื่องจากเป็นประเทศที่เคร่งศาสนามาก

    ผู้ที่ “มีสิทธิ์” สามารถเข้ามาในประเทศซาอุฯ ได้
    คาดจากประสบการณ์ว่าน่าจะประกอบด้วยกลุ่มคนหลัก ๆ ดังนี้
    1. ประมุขหรือตัวแทนประเทศ
    2. ชาวมุสลิมที่เข้ามาในช่วงเทศกาลรามาฎอนปีละครั้ง
    3. นักการทูตและสมาชิกในครอบครัว
    4. ผู้เชี่ยวชาญหรือคนงานที่เข้ามาทำงาน
    5. นักธุรกิจ
    6. อื่น ๆ ตามที่ทางราชการจะพิจารณาเห็นเหมาะสม

    ด้วยข้อจำกัดข้างต้นประเทศซาอุฯ จึงยังคงเป็นดินแดน “ลี้ลับ”
    ที่น่าเข้าไปสัมผัสและค้นหาเป็นอย่างยิ่ง
    แต่น่าเสียดายที่หากท่านไม่ได้เป็นผู้ที่อยู่ในกลุ่มบุคคลข้างต้น
    ไม่ว่าท่านจะมีเงินถุงเงินถังมากขนาดไหน
    โอกาสที่ท่านจะเข้าไปเยือนประเทศนี้จึงเป็นไปได้ยาก

    ตอนที่ฉันอยู่ซาอุฯ เพื่อนฝูงหรือญาติที่คิดจะไปเยี่ยมก็ทำไม่ได้
    ยกเว้นสมาชิกใน “ครอบครัว” ของคุณด๋องหรือฉัน
    ที่มีนามสกุลเดียวกันหรือมีชื่ออยู่ในสำมะโนครัวเดียวกันเท่านั้น

    เนื่องจากซาอุฯ ไม่มีแหล่งท่องเที่ยวหรือ “สถานบันเทิง” ใด ๆ
    จึงอาจทำให้รู้สึกอึดอัดและไม่มีอะไร “ตื่นเต้น” เร้าใจ
    โดยเฉพาะสำหรับคน “ต่างชาติ” ที่เข้าไปอาศัยอยู่ในประเทศนี้
    เพราะแม้แต่ TV ที่แพร่ภาพออกอากาศในซาอุฯ ยังมีแค่ 2 ช่อง
    ช่อง 1 เป็น “ภาษาอาหรับ” มีข่าวสารบ้านเมืองและรายการอื่น ๆ
    ที่ดูไม่รู้เรื่องและเป็นอะไรที่ค่อนข้างเรียบ ๆ ไม่ทันสมัย

    ส่วนช่อง 2 เป็น “ภาษาอังกฤษ” ซึ่งมีแต่ข่าวประจำวัน
    และสารคดีเชิงวิชาการของต่างประเทศ
    ผู้อ่านข่าวเป็นชาวซาอุฯ ที่เป็น “ชายล้วน” เท่านั้น
    สวมชุดโต๊บประจำชาติพร้อมผ้าโพกศีรษะ
    แต่ “สำเนียงภาษาอังกฤษ” ชัดเจนซึ่งคาดว่าเรียนจบนอกมา
    ข่าวส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของกิจกรรมของทางราชการ
    และ “พระราชกรณียกิจ” ของกษัตริย์และเจ้าชายต่าง ๆ

    TV หรือสื่อพิมพ์ต่าง ๆ จะไม่มีภาพของ “ราชินี” หรือ “เจ้าหญิง”
    แพร่ภาพออกอากาศหรือลงในหนังสือพิมพ์ให้เห็นกันเลย
    ดังนั้นช่วงที่อยู่ซาอุฯ ฉันจึงไม่มีโอกาสได้ “ยลโฉม” ของราชินี
    หรือเจ้าหญิงของซาอุฯ แม้แต่พระองค์เดียว

    เวลามีข่าวว่ากษัตริย์จะเสด็จแปรพระราชฐานก็ไม่มีการระบุว่า
    จะแปรพระราชฐานไปที่ไหน
    ทั้งนี้คงต้องการเก็บเป็นข้อมูล “ลับ”
    เพื่อผลทางด้าน “ความปลอดภัย” นั่นเอง

    ส่วนเรื่องของจานดาวเทียมเพื่อให้สามารถเปิด TV
    จากต่างประเทศได้ “อย่างเสรี” ไม่ต้องพูดถึง
    เพราะไม่สามารถทำได้เนื่องจากทางการไม่ต้องการ
    ให้ “วัฒนธรรมตะวันตก” เข้ามาทำลาย
    หรือครอบงำประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามที่มีอยู่

    ทางออกหนึ่งที่จะ “ช่วยลด” ความรู้สึกอึดอัด
    หรือเบื่อกับความเป็นอยู่ที่ “เคร่งครัด” และขาดเสรีภาพ
    สำหรับชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศนี้
    ก็คือการจัดงานเลี้ยงเพื่อพบปะ “สังสรรค์” ในหมู่นักการทูตด้วยกัน
    นอกเหนือจากการจัดงานเลี้ยงวันชาติของสถานทูตต่าง ๆ

    นอกจากการเลี้ยงสังสรรค์ในหมู่นักการทูตแล้ว
    ในหมู่ข้าราชการและคนไทยด้วยกันที่อาศัยอยู่ในซาอุฯ
    ที่เป็นเจ้าของธุรกิจร้านอาหารหรือร้านค้าอื่น ๆ
    รวมทั้งคนไทยที่แต่งงานกับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านหรือ
    นักธุรกิจชาวต่างชาติก็มีการจัดงานและทำกิจกรรมร่วมกันเสมอ ๆ

    ท่ามกลางกฏระเบียบที่เคร่งครัดและดูเหมือนจะทำให้
    ผู้เข้ามาอาศัยในประเทศนี้ขาดอิสระและรู้สึกอึดอัด
    แต่สำหรับการใช้ “ชีวิตคู่” โดยเฉพาะของฉันและคุณด๋อง
    เป็น “ข้อดี” ที่จะได้มีโอกาสเรียนรู้ซึ่งกันและกันมากขึ้น
    เป็นการชดเชยช่วงเวลาก่อนแต่งงานที่เรารู้จักกันน้อยมาก

    จาก Working Woman ที่มีความทะเยอทะยานและมุ่งมั่นสูง
    ฉันต้องกลายมาเป็นแม่บ้านที่ต้องทำหน้าที่เหมือน “แจ๋ว”
    จากที่ไม่เคยทำ “งานบ้าน” ก่อนการแต่งงาน
    ไม่ว่าจะเป็นการปัดกวาดเช็ดถู
    การซักรีดหรือการดูแลรับผิดชอบงานภายในบ้าน

    เมื่อมาใช้ชีวิตคู่อยู่ในต่างแดนเช่นนี้
    ฉันต้องลุกขึ้นมาเรียนรู้การทำงานบ้านทุกอย่าง
    คุณอาจจะไม่เชื่อว่าแม้แต่การทอด “ไข่เจียว” ฉันยังไม่เคยทำ

    ก่อนเดินทางฉันจึงหอบ “ตำรา” การทำอาหารไปด้วยเป็นกอง
    และค่อย ๆ เรียนรู้การทำอาหารจากตำรานั่นแหละ
    สิ่งที่ทำให้เรียนรู้ได้เร็วขึ้นอีกอย่างเห็นจะเป็นการเข้าไปฝึก
    เป็นลูกมือของเพื่อน ๆ แม่บ้านด้วยกันเวลามีการจัดงานเลี้ยง

    ซาอุฯ ในช่วงที่ฉันอยู่มีคนงานไทยกว่าสามหมื่นคน
    นับเป็นจำนวนคนงานไทยสูงที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับที่อื่น
    เราคงเคยได้ยินประโยคที่ติดหูคือการไป “ขุดทอง” ที่ซาอุฯ
    แต่ตอนหลังเนื่องจากมีปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
    จึงทำให้คนที่หมดสัญญาและกลับมาเมืองไทยแล้ว
    ไม่มีคนงานชุดใหม่เข้าไปแทน
    คนงานไทยจึงนับวันจะร่อยหรอลงและเปลี่ยนไปทำงานที่อื่นมากขึ้น

    ถึงแม้จะมีร้านขายของชำและร้านอาหารไทยในซาอุฯ จำนวนมาก
    แต่การออกไปกินอาหาร “นอกบ้าน” บ่อย ๆ ก็คงน่าเบื่อ
    และที่สำคัญเป็นการ “สิ้นเปลือง” เนื่องจากค่าครองชีพที่สูงกว่า
    แม้จะไม่สูงมากเมื่อเทียบกับหลาย ๆ ประเทศก็ตาม

    ยกตัวอย่างพริกขี้หนู  ใบกระเพราะ  ขิงข่าหรือเครื่องเทศอื่น ๆ
    จะแพ็คเป็นถุงขนาดพอใช้ทำอาหารได้ 1 ที่
    ราคาแพ็คละ 5 ริยาล (สกุลเงินซาอุฯ)
    ซึ่งคิดเป็น 7 บาทต่อ 1 ริยาลหรือแพ็คละ 35 บาท

    ราคา “ข้าวผัดกระเพรา” หนึ่งจานในร้านอาหารในเมืองไทย
    จะตกอยู่ที่ประมาณจานละเพียง 25-30 บาท
    ในขณะที่ในซาอุฯ จะอยู่ที่ 10-15 ริยาลแล้วแต่ความหรูหราของร้าน
    แต่อาจจะไม่แพงมากเมื่อเทียบกับข้าวผัดกระเพราะในกรุงลอนดอน
    ที่ฉันเคยไปแอบดูเมนูหน้าร้านแล้วต้อง “รีบเผ่น”
    เพราะราคาจานละ 5-6 ปอนด์คูณด้วย 70 บาทตอนนั้น

    ฉันไม่ค่อยนิยมอาหารพื้นเมืองของซาอุฯ มากนัก
    เนื่องจากอาหารส่วนใหญ่เป็นประเภทปิ้ง ๆ ย่าง ๆ
    กินพร้อมกับโรตีแผ่นนำมาห่อเนื้อต่าง ๆ พร้อมน้ำจิ้ม
    แต่รสชาด “ไม่คุ้นลิ้น” จึงไม่ค่อยใช้บริการซื้อมากินเท่าไร

    ยกเว้น “ข้าวหมก” ต่าง ๆ ที่ฉันและคุณด๋องจะชื่นชอบเป็นพิเศษ
    ข้าวหมกที่เป็นที่นิยมก็จะเป็นข้าวหมกแพะ/แกะและข้าวหมกไก่
    คนซาอุฯ จะบริโภคเนื้อแพะและเนื้อแกกันเป็นส่วนใหญ่
    ข้าวหมกของที่นี่จะต่างจากข้าวหมกไก่สีเหลือง ๆของบ้านเรา
    เพราะสีเหลืองเข้มในข้าวหมกไก่ของเรามาจากผงกระหรี่

    แต่ที่ซาอุฯ จะใช้เครื่องเทศพื้นเมืองซึ่งฉันจำชื่อไม่ได้แล้ว
    ซึ่งเมื่อนำมาปรุงหรือหมกกับข้าวแล้วสีจะอ่อน
    คล้าย ๆ กับ “ข้าวมันไก่” ของบ้านเรา
    ข้าวที่ใช้ทำข้าวหมกเรียกว่า “ข้าวบาสมาติ-Basmati”
    ซึ่งมีขนาดยาวเรียวกว่า “ข้าวหอมมะลิ” ของไทย

    ข้าวที่หมกแล้วแห้งเป็นเม็ด ๆ ไม่แฉะเหมือนข้าวหมกไก่บ้านเรา
    แถมยังมี “กลิ่นหอมฉุย” พร้อมกับเนื้อแพะเนื้อแกะที่นุ่มละมุนได้รส
    นี่ขนาดเขียนถึงยัง “น้ำลายไหล” ไปด้วยเลย!

    อาหารพื้นเมืองอีกอย่างที่ฉันโปรดมากเป็นพิเศษก็คือ
    “Kebab” ซึ่งเป็นแผ่นโรตีห่อด้วยเนื้อต่าง ๆ พร้อมผักและซ๊อส
    นำมาห่อเป็นกรวยและถือกินได้สะดวก
    อืมม…. “อร่อย” อย่าบอกใครเลย….
    แถมราคาก็ “ย่อมเยาว์” เหมาะกับชนชั้นกรรมกรทั่วไป
    ดูเหมือนราคาจะตกอยู่ที่ 5 ริยาลหรือเท่ากับ 35 บาท
    กินหมดชิ้นก็ “อิ่มแปร้” ไม่แพ้ก๊วยเตี๋ยวชามโต ๆ บ้านเราทีเดียว

    ร้านอาหารต่าง ๆ ในซาอุฯ ไม่ได้มีทั่วไปเหมือนเมืองไทย
    แถมยังมีเวลาเปิดปิดที่เราไม่คุ้นเคยกัน
    เช่นอาจจะเปิดตอนเช้า 10-11 โมงจนถึงบ่าย 2
    หลังจากนั้นชาวซาอุฯ จะ “นอนกลาง” วันกัน
    และจะกลับมาเปิดร้านกันอีกครั้งตอน 4-5 โมงเย็น
    จนกระทั่งถึง 4 ทุ่มหรือเที่ยงคืนก็มี

    แต่ถ้าเป็นช่วง “เทศกาลถือศีลอด” ซึ่งชาวมุสลิม
    จะกินอาหารกันหลัง “พระอาทิตย์ตกดิน” เท่านั้น
    ร้านรวงต่าง ๆ ก็จะปิดในช่วงกลางวันเพื่อให้ผู้คนพักผ่อน
    และจะเริ่มทำงานกันตอนเย็นหรือออกจากบ้าน
    ไปกินข้าวนอกบ้านหรือจับจ่ายข้าวของกันในตอนเย็น
    จนถึงใกล้สว่างของอีกวันเลยทีเดียว

    ด้วยเหตุนี้ข้าราชการในสถานทูตทุกคน
    จะต้องถือ “ปิ่นโต” ไปที่ทำงานสำหรับเป็นอาหารกลางวัน
    ทำให้ฉันต้องตื่นแต่เช้ามาเตรียมทั้งอาหารเช้า
    และอาหารกลางวันสำหรับใส่ปิ่นโตให้คุณด๋องไปที่ทำงานด้วย

    ส่วนอาหารมื้อเย็นส่วนมากจะเป็นอาหารจานเดียวง่าย ๆ
    เช่นข้าวผัดต่าง ๆ ก๊วยเตี๋ยวราดหน้า  ผัดซีอิ๊ว
    ก๊วยเตี๋ยวไก่ตุ่น  เนื้อ/หมูตุ๋นต่าง ๆ
    อาหารจานโปรดที่ฉันทำเป็นประจำก็คือ
    “ก๊วยเตี๋ยวราดหน้าทะเล”
    ซึ่งทำบ่อยมากประมาณว่าอาทิตย์เว้นอาทิตย์ทีเดียว

    เวลาเสริฟจะใส่ชามแทนจานเพราะมีน้ำซุปข้น ๆ รสกลมกล่อม
    และมีผักและเครื่องทะเลเยอะ ๆ แทนเส้นในปริมาณน้อยหน่อย
    ผักที่ใช้จะเป็นผัก Spinach แทนผักคะน้าซึ่งบางช่วงจะขาดตลาด
    แต่ผัก Spinach จะนุ่มอร่อยและน่าจะมีประโยชน์มากกว่า

    เห็นท่าทางคุณด๋องกินก๊วยเตี๋ยวราดหน้าทะเลฝีมือของฉัน
    ด้วยความ “เอร็ดอร่อย” จนหมดเกลี้ยงชามทุกครั้งแล้ว “ชื่นใจ”
    เย็นวันหนึ่งฉันถามเขาว่าวันนี้อยากกินอาหารอะไรเป็นพิเศษไหม
    เขาทำท่าคิดสักครู่แล้วตอบว่า “อะไรก็ได้ที่เบา ๆ”
    ฉันรีบสวนทันทีว่า “เมนู –นุ่น- เป็นอย่างไร?”
    เขาหัวเราะเขิน ๆ และก่อนที่จะตอบอะไรฉันได้เสนอว่า
    “งั้นเอาเส้นใหญ่ราดหน้าทะเลดีไหม?”

    คุณด๋องคิดสักครู่แล้วตอบว่า
    “ราดหน้าของคุณไม่เห็นอร่อยเลย!”
    “อีตาบ้า!”  
    ฉันคิดในใจ…เห็นกินมาเป็นปีด้วยความเอร็ดอร่อย
    ทำให้ฉันเข้าใจผิดหลง “ปลื้ม” คิดว่าเขาชื่นชอบเมนูนี้เป็นพิเศษ
    ที่แท้ฉันคิดไปเองจนเขามาเฉลยความจริงวันนี้นี่แหละ!

    ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเมนู “ราดหน้าทะเล” จึงเป็นหมัน
    หรือเป็นเมนูท้าย ๆ ที่ฉันจะคิดถึงและทำให้คุณด๋องกิน
    ฉันเลยพลอยอดกินอาหารจานเด็ด “ฝีมือตัวเอง” ไปด้วย
    ไม่รู้ว่าจะดีใจที่เขาอุตส่าห์ “ถนอมน้ำใจ” ฉันมาเป็นปี
    หรือเสียใจที่เขาไม่น่า “พูดตรง ๆ”  แบบนั้นทำให้ฉันเสียกำลังใจดี?

    อีกหนึ่งเมนูเด็ดที่ฉันขอ “อวด” ว่าทำได้อร่อยมาก
    ขนาดคิดว่าถ้ามีโอกาสไปใช้ชีวิตในต่างประเทศอีกครั้งหนึ่ง
    ฉันจะเปิดร้านขายก็คือ “ข้าวมันไก่” ซึ่งเป็นสูตรพิเศษ
    ที่เพื่อนแม่บ้านคนหนึ่งเคยสอนและตอนกลับมาเมืองไทย
    ฉันได้นำสูตรนี้มาทำให้สมาชิกในครอบครัว “ลิ้มรส”
    เป็นที่ถูกอกถูกใจในรสชาดความเอร็ดอร่อยทีเดียว!

    ที่จริงแล้วเคล็ดลับของสูตรความอร่อย
    อยู่ที่ส่วนประกอบของ “น้ำจิ้ม” นั่นเอง
    ซึ่งต่อมาฉันพบสูตรน้ำจิ้มแบบเดียวกันนี้ในร้านข้าวมันไก่
    ตรง “ซอยคอนแวนต์” ถนนสีลมซึ่งเป็นร้านรถเข็นเล็ก ๆ
    แต่ขายดีและอร่อยมาก ๆ ขอบอก!
    ลองไปชิมกันดูและจดจำส่วนประกอบของน้ำจิ้มมาลองทำดูนะ

    มีอีกสิ่งหนึ่งเกี่ยวกับคุณด๋องที่ทำให้ฉัน “ชื่นใจ” มากก็คือ
    เขาไม่เคย “ตำหนิ” ฉันเกี่ยวกับอาหารปิ่นโต
    ที่ฉันเตรียมให้เป็นอาหารกลางวันตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันเลย
    เอ๊ะ…หรือว่าเขาต้องการถนอมน้ำใจของฉัน
    จนไม่ยอมปริปากพูดให้เสียกำลังใจน๊า?

    มีเมนูเด็ดอีกหลายอย่างที่เขาชอบทุกครั้งที่ฉันทำ
    เช่น “ก๊วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋น” ซึ่งฉันมักจะทำให้เขากินบ่อย ๆ
    ถึงแม้ว่าตอนนั้นฉัน “เลิก” กินเนื้อไปแล้วก็ตาม
    นับเป็นความ “เสียสละ” ของฉันที่ฉันคิดว่า
    เขาคง “แอบประทับใจ” บ้างไม่มากก็น้อย!

    ที่จริงที่ทำได้อย่างนี้เป็นเพราะว่าฉันเคยได้ยินตัวอย่างว่า
    มีสามีภรรยาคู่หนึ่งผู้เป็นสามีชอบรับประทานปลามาก
    แต่ภรรยาไม่ชอบจึงไม่เคยทำอาหารเมนูปลาให้สามีเลย
    จึงทำให้คู่นี้อยู่กันไม่ยืดเนื่องจากขาดความเอื้ออนาทรต่อกัน

    เอ๊ะ…แล้วสำหรับกรณีของฉันล่ะ
    ชีวิตคู่ของฉันจะเป็นอย่างไรต่อไปน๊า?
    เพราะแต่ละเรื่องที่เขียนเหมือนเข้าข้างตัวเองทั้งนั้น
    ในที่สุดแล้วชีวิตคู่ของฉันจะเป็นอย่างไรบ้างหนอ?

     
     

    จากคุณ : Destinyhurtsme - [ 4 ก.พ. 51 06:44:39 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom