ความคิดเห็นที่ 1 ผมจึงเขียนคอลัมน์นี้ เพื่อคนส่วนใหญ่ของประเทศ วันนี้และในอนาคตส่วนใหญ่ของประเทศ ไม่มีทางต่อกร ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของภาษาอังกฤษเลย พูดได้เลยว่า การที่จะเข้าใจภาษา หรือเอาชนะภาษาอังกฤษ แทบจะเป็นไปไม่ได้ครับ ให้ถามตัวเองและตอบตัวเองว่า สำหรับภาษาอังกฤษ ------------------ทำไมพ่อแม่ที่มีฐานะ ถึงพยายามส่งลูกเรียนนานาชาติ หรือโรงเรียนดี ๆ และพยายามขวนขวายให้ลูกเรียนภาษาตั้งแต่เด็ก ๆ --------------------- คำตอบ: เพราะมันใช้เวลา และมันต้องลงทุนทั้งเวลาและเงินทอง+ความเอาใจใส่ ไม่ใช่มาเก่งแถว ๆ สถาบันภาษา แต่สถาบันภาษาช่วยคุณได้เกี่ยวกับการสอบ+การเตรียมตัวสอบสัมภาษณ์และปูพื้นฐานภาษาในช่วงแรก ๆ เท่านั้น หลังจากที่คุณเดินออกประตูไปแล้ว ------------------------------ คุณต้องไปลุยต่อเองครับ------------------------------------ และถ้าฝึกต่อไป คุณก็เก่งได้ โดยเริ่มวันนี้ เริ่มฟังคนอย่างผมบ้าง เริ่มวันนี้ จะเป็นกำลังใจให้ ผมจึงมองว่า Mission Impossible นี้มันน่าท้าทายดี ท้าทายความสามารถผม ความอดทน ความอึดและอีกหลาย ๆ อย่าง ปีนี้ผมเขียนเป็นปีที่ 8 แล้ว และไม่รู้ว่าจะเขียนได้อีกกี่ปี กี่เดือน รู้แต่เพียงว่า ผมไม่ค่อยยอมแพ้อะไรง่าย ๆ แต่อย่างไรก็ตาม บางครั้งก็เบื่อ ๆ นะครับ บางครั้งก็ขี้เกียจที่จะมานั่ง Post ภาษามันเสมือนอำนาจพิเศษตอนนี้แล้ว มีมันไว้ จะได้สู้คนอื่นเขาได้ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 10 ก.พ. 51 23:22:18 A:61.91.194.13 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ภาษาอังกฤษไม่ได้ยากเกินความสามารถของคุณ (โดยเฉพาะในระดับที่ใช้สื่อสารได้ดีในระดับหนึ่ง การเรียนเพื่อให้ประสบความสำเร็จในระดับนี้ โคตรสนุกเลยครับ) ผมรู้ว่าการที่จะสำเร็จ---------ในเมืองไทย---------- ไม่ง่าย ไม่ง่าย มันต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย ครูฝรั่ง+ครูไทยที่เก่ง ๆ + นักเรียนที่ตั้งใจ+พ่อแม่, เพื่อนฝูงสนับสนุน+สื่อการเรียน หนังสือดี ๆ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ --------------การเรียนที่ไปวัน ๆ ไร้จุดหมาย ไม่มีใครแนะ ไม่มีใครจุดประกายความฝันให้บรรเจิด------------- ผมถามนักเรียนของผมที่อายุ 17-22 ถามว่า เมื่อครั้งที่เรียนในโรงเรียนตั้งแต่ ม.1 เคยคิดไหม เคยตั้งเป้าไหมว่า จะนำสิ่งที่เรียนนี้ไปใช้ หรือเรียนนี่ เข้าใจมากน้อยแค่ไหน ถ้าไม่เข้าใจ เคยถามอาจารย์ไหม คำตอบที่ได้รับมาคือ ไม่เคยได้ตั้งเป้าหมาย = เรียนแบบไม่มีจุดมุ่งหมายเลยครับ จะไปเหลือหรือครับ 6-8 ปี ตั้งแต่ประถมปลายถึง ม.6 สูญเสียเวลาไปอย่างเรียกกลับไม่ได้ เมื่อไม่มีครู ไม่มีใครจุดประกาย คุณจุดเองได้ไหม นี่คือชีวิตคุณหรือเปล่าครับ? ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 10 ก.พ. 51 23:24:40 A:61.91.194.13 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ส่วนครูไทย ในฐานะที่เป็นครูเช่นกัน tonmelb ไม่ได้มาว่าหรือไรหรอกครับ เข้าใจว่าอะไรคืออะไร ยกตัวอย่างตัวเองก็ได้ เรื่องเดียวที่ผมไม่ค่อยจะ happy ที่โรงเรียน คือ ผมเอง บทบาทผมนะถูกจำกัดพอสมควร ผมอยากจะเข้าไปช่วยแก้ไขภาษาอังกฤษของเด็กนักเรียน แต่ได้ไม่เต็มที่ เพราะ English เขาให้ฝรั่งดูแล มีอำนาจดูแลหมด มันยาก เหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา มันสะท้อนว่า ไม่ว่าครูไทยจะพัฒนา จะเก่งภาษา จะเข้าใจแค่ไหน บางทีเขา(ผม)ก็ไม่เคยได้รับโอกาสที่จะได้เขาไปดูแลและแก้ไข------------------ การเรียนภาษาของเด็กไทย-------------------ครับ มันน่าท้อ แต่ผมไม่ท้อ แต่อยากเรียนว่า ไม่ใช่ข้ออ้างที่เราจะไปอิจฉาฝรั่งหรือมีอคติกับเด็ก หรือหยุดการพัฒนาตัวเอง หรือถ้าเราละทิ้งหน้าที่ จากคุณ : tonmelb - [ 10 ก.พ. 51 23:28:43 A:61.91.194.13 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 4 Hit อีกแล้ว A - ants on the apple B - balls bouncing C – camel coughing D – dizzy dingoes E – empty egg F – funny fish G – goat gobbling H – helicopters hovering I – itchy Indian J – Jumping jellybeans K – king kicking L – licking lollipops M –monkey munching N –number nine O –orange octopus P –purple penguins Q –queen quarrelling R –rusty robots S- Sausages sizzling T – tiny teddies U –ugly uncles V –visiting vampires W –wicked witches X –ox on a box Y –yellow yachts Z –zebra zigzag Th –thumbs thinking Sh -sharks in the shower Ch -children chattering ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 10 ก.พ. 51 23:32:12 A:61.91.194.13 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 5 Explaining (Oral/ spoken) ----------- Interpreting (Written) Production skills: 1. Speaking (oral) 2. Writing (written) giving / producing Perception skills: 1. Listening (oral) 2. Reading (writing) Receive 1. bl = block 2. br = brick 3. ch=chin 4. ck=duck 5. cl=clock 6. cr=cry 7. dr=drink 8. fl=flower 9. fr=frog 10. gl=glue 11. gn=gnome 12. gr=grass 13. kn=knife 14. ph=photo 15. pl=plate 16. pr=pram 17. qu=queen 18. sc=scraf 19. scr=scratch 20. sk=sky 21. sl=slug 22. sm=smile 23. sn=snail 24. sp=spots 25. squ=squre 26. st=step 27. str=strawberry 28. sw=swim 29. tr=tree @@@@@@@@ จากคุณ : tonmelb - [ 10 ก.พ. 51 23:34:31 A:61.91.194.13 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 6 Ai = paint Au=caught Ar=bark Aw=paw Ay=pay Ea=sea Ee=see Ei=weigh Er=tiger Ew=new Ey=key Ie=pie Ir=first Oa=boat Oe=toe Oy=boy Oo=boot/book Ou=round Ow=cow ๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗ จากคุณ : tonmelb - [ 10 ก.พ. 51 23:38:31 A:61.91.194.13 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เสียง Twenty ที่นักเรียนได้ยินนั้นคือการออกเสียงแบบอเมริกัน Twenty ที่ออกเสียงว่า ถะเว้นหนิ่ นั้นมาจาก twen(t)y = twe+ny ของคน อเมริกันบางกลุ่มครับไม่ออกเสียง t ที่อยู่หลังตัว n TWENty ถะเว้นถิ/ถี่ แต่เป็นการออกเสียงแบบอังกฤษอังกฤษ ส่วน ถะ เว้นหนิ่ นั้นเป็นการออกเสียงแบบอเมริกัน ซึ่งต้อง note ไว้ว่า ถะเว้นถิ/ถี่ ก็มีคนอเมริกันออกเสียงนี้เหมือนกันครับ อาจเป็นไปได้ว่า ได้ยิน TWENty ถะเว้นถิ/ถี่ เมื่อได้ยินอีกแบบ ก็เลยไม่คุ้น @@@@@@@@@@@ ถ้าคุณต้องการสื่อสารให้ฝรั่งเข้าใจต้องทำความเข้าใจดังนี้ 1. Don’t rush things. ไม่ใช่พบฝรั่งครั้งใด พูด ๆๆๆๆๆ พูดเร็วมาก แบบพูดให้มันจบ ๆไป อาย เขิน ไม่มั่นใจ ฯลฯ อยากให้คุณละเมียดละไม พิถีพิถันกับการพูดคุย 2. ภาษาพูดเขามีท่วงทำนอง music of English, the rhythm, intonation ( rise and fall in the pitch of the voice) and stress pattern etc ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณต้องให้เวลา ต้องใส่ใจศึกษาไว้ เพราะมันจำเป็นต่อการออกเสียง---------- การพูดภาษาอังกฤษทั้งในระดับคำ/สำนวนและประโยค สำคัญมากที่คุณต้องเรียนรู้เรื่อง Stress and intonation, focus ๙๙๙๙๙๙๙๙๙ เสียงสูง-ต่ำ เน้นไม่เน้น สำคัญมาก คำที่เน้น มีดังนี้ คำนาม, คำกริยาแท้, adjectives, adverbs, negatives (e.g. can’t), wh-Question words and demonstratives ไม่เน้น /พูดครึ่งเสียง ไม่หนัก มีดังนี้ Articles, conjunctions, pronouns, prepositions, helping verbs, and contractions ทุกครั้งที่คุณพูด ให้คิดว่า จังหวะการพูดมี 3 จังหวะ มี 1. 2. และ 3 เบา--- ไม่เบา--- ดังชัด คุณจะทำเป็น 3 จุด หรือตัวเลขก็ได้ หรือถ้าไม่แบ่งเป็น 3 ช่า ก็แบ่งเป็น 2 ค่ายใหญ่ ๆ คือ ค่าย Strong Stress กับ ค่าย Weak Stress เช่น on (2) the (1) desk (3) = On the DESK ครับ เสียง the ต้องเบา/ต้องออกครึ่งเสียงเหมือนจะหายไปเลย เสียง on ที่ไม่ต้องเน้นมากเพราะมันอยู่ในกฏที่ไม่ต้องเน้น (มันเป็น prep. แต่อาจจะมีคนถามว่า the ก็อยู่ในกลุ่มเดียวกับ Prep. เหมือนกัน ทำไมเสียงถึงไม่หายไป หรือเสียงควรอยู่ในระดับเดียวกัน ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙ จากคุณ : tonmelb - [ 10 ก.พ. 51 23:41:16 A:61.91.194.13 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อธิบายว่า ในวลีหรือประโยค ผู้พูดจะตามกฎแบบนั้นถึง 100% ไม่ได้ครับ on the desk นั้น ผู้พูดต้องเน้น DESK เพราะเป็นคำนามก็จริง เพราะเป็นความหมายหลัก แต่ในขณะเดียวกัน คุณจะให้เสียงก่อน on the เป็นเสียงเดียวกัน ไม่ได้ ต้องให้เสียง on หนักกว่า the นิดนึง เน้นกว่านิดนึง เพื่อให้เกิดจังหวะจะโคน ท่วงทำนองด้วย นั่นคือจังหวะ 3 ช่าที่ผมให้ เพราะเทคนิคที่ผมให้ ( จากการสังเคราะห์ข้อมูลจากหนังสือ) 1 กับ 2 นั้น ไม่ต่างกันมากนัก ไม่ดังกว่ากันมากนัก ทั้ง 1 and 2 อยู่ในกลุ่ม medium / weak stress -------------------------------- tonmelb ถึงได้เขียนไงว่า ถ้าคุณไม่ใช้ 3 ช่า ใช้ 2 ค่ายใหญ่ก็ได้ครับ --- คุณลองฝึกดูครับ on the table/desk/wall, under the lamp, at the airport/door It’s (1) on (2) ( ซอน) the (1) DESK(3). = On (2) the (1) DESK (3) TONMELB (3) / She (1) TEACH (3) (c) chES (1) ENG (3) (g) lish (1) I (2) can (1) go (3) to (1) MOR (3) row. (1) เสียงที่ออกมาจะไม่ใช่ราบเรียบเท่ากันหมด แต่จะมีสูง/ต่ำ หนัก/เบา/ ๒๒๒๒๒๒๒๒ จากคุณ : tonmelb - [ 10 ก.พ. 51 23:48:03 A:61.91.194.13 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ต้องรู้จัก Thought groups (T G คือ คำสุดท้ายของประโยคที่อาจจะเป็นวลี, อนุประโยคหรือประโยคหลัก เสียงของมันต้องลงต่ำ และลาก (เพื่อให้เวลากับประโยคที่ 2 ที่จะตามมาต่อ) a slight drop and a brief pause (Pausing) -------------------- นี่เป็นลักษณะเฉพาะของสำเนียงอเมริกันครับ ถ้าเป็นอังกฤษจ๋า End of a thought group จะมี pitch ที่สูงเด่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัดครับ --------------------- Slight drop and a brief pause จะทำให้ภาษาพูดคุณเป็นธรรมชาติมากขึ้น เพราะนั่นคือสิ่งที่คุณต้องเรียน ต้องทำให้ได้ ถ้าอยากพูดภาษาให้เขาเข้าใจนะครับ มันจะเหมือนห้องดนตรี เช่น Many girls/ want to have/ tonmelb’s pics. Ton leaves for work/at six a.m./every morning. ( ช่องว่างระหว่าง Ton กับ leaves อาจจะไม่ถึงพูดติดกันนะครับ) I would like/to send/these cards/ to Melbourne. ควรรู้จัก Blending (ผมเรียกว่า การควบกล้ำ ภาษาไทยเรามี) Good nite ครับ ๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒ จากคุณ : tonmelb - [ 10 ก.พ. 51 23:51:11 A:61.91.194.13 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อยากให้คุณ tonmelb  เล่าประสบการณ์ในการสอน ภาษาอังกฤษ ว่า ส่วนใหญ่ที่คนไทยเรียนอังกฤษ แบบเข้าใจผิด หรือ ผิดแบบ มีตัวอย่างอะไรบ้าง  และที่ถูกต้องควรจะเป็นอย่างไร   เห็นด้วยกับคุณ tonmelb ที่ว่า การจะต้องมีการฝึกภาษาอังกฤษ เป็นประจำ จึงจะเก่ง  แต่บางครั้งเห็นว่า คนรอบข้างไม่มีใครพูดภาษาอังกฤษด้วย  ทำให้ไม่ค่อยได้ฝึก    คุณ tonmelb  มีข้อแนะนำในการฝึกพูดด้วยตัวเองในขั้นเริ่มต้นมั้ย   และอีกอย่าง เวลาที่เจอฝรั่ง  หลังจากทักทายกันแล้ว  โดยทั่วไป ถ้าจะชวนฝรั่งคุย  มีข้อแนะนำให้พูดคุย หรือ สอบถามเรื่องอะไรบ้าง  มีข้อแนะนำอย่างไร  นอกจาก ถามแต่ว่า  Where are you from ?      What do you do ? คนไทยหลาย ๆ คน เวลาฝึกพูดภาษาอังกฤษ มักจะกลัวพูดผิด รู้สึกอาย  กลัวผิด grammaบ้าง  นึกคำศัพท์ไม่ออกบ้าง  บางทีนึกเรียบเรียงประโยคที เป็นใบ้ไปตั้งนานสองนาน  กว่าจะหลุดจากปากที  ต้องคิดแล้วคิดอีก  นึกแล้วนึกอีก   มีวิธีแนะนำมั้ย   มีบทฝึกพูดประจำวันมั้ย จะคอยติดตามผลงานตอนต่อไป จากคุณ : กลิ่นกุหลาบ - [ 11 ก.พ. 51 07:11:53 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ลงทะเบียนพร้อมจ่ายค่าเทอมไว้ก่อน ตอนเย็นๆ จะกลับมาศึกษา และฝึกทบทวน จากคุณ : Mythica88 - [ 11 ก.พ. 51 11:14:42 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขอมาเข้า class ด้วยคน  ขอบคุณครับ จากคุณ : libra-cat - [ 11 ก.พ. 51 12:36:28 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอให้ความตั้งใจที่ดีนี้ ส่งผลแทนให้คุณได้สิ่งดีในชีวิตครับ จากคุณ : Mr.T - [ 11 ก.พ. 51 12:56:34 A:125.24.241.234 X: ]

ความคิดเห็นที่ 14 ลงทะเบียนเรียนด้วยครับ จากคุณ : ลุงแอ็ด - [ 11 ก.พ. 51 14:34:43 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เสริมคุณ tonmelb สักเล็กน้อย  จากตัวอย่างจริงๆ ผมจบเตรียมอุดม (ม.ศ. 5 สมัยนั้น) สายวิทย์  ภาษาอ่อนปวกเปียก ไปต่อ ABAC  ปีแรกแทบตาย เพราะภาษาเป็นเหตุ ปีสองมีอาจารย์ฝรั่งสามคน สดๆ ซิงๆ จากอเมริกา มาพักที่อพาร์ทเม็นท์ติดบ้านผม ได้การละ! วันเรียนผมไปพร้อมกับเขา  เลิกเรียนรอกลับบ้านพร้อมกัน เสาร์-อาทิตย์ ผมพาเขาที่ยว ไปกินข้าวดูหนัง ไปเล่นสนุ๊กเกอร์ ไปเที่ยวงานลอยกระทง ฯลฯ สามต่อหนึ่ง และเขาพูดไทยไม่ได้เลย ผมจึงไม่มีทางเลือกนอกจากฟังๆๆและพูดๆๆ เวลาอยู่ที่วิทยาลัย (สมัยนั้นยังไม่เป็นมหาวิทยาลัย) นอกชั้นเรียน ผมพูดกับเพื่อนเป็นภาษาอังกฤษ มันว่าผมบ้า  แต่ผมไม่สน ปี 4 ผมเป็นประธาน Speech Club ของ ABAC  อิอิ จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม - [ 11 ก.พ. 51 18:40:06 ]

ความคิดเห็นที่ 16 มาเรียนด้วยต่ะ ขอบคุณที่มาสอนนะคะ ได้ความรู้มากค่ะ จากคุณ : ธนิสรา - [ 11 ก.พ. 51 18:49:45 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณทุก ๆ คนครับ ขอบคุณคุณหนุ่มไทยไร้นาม ถ้าว่าง ๆ มาเขียนเล่าประสบการณ์จริงให้อ่านอีกนะครับ ผมเองจะได้อ่านเเละได้ความรู้ไปด้วย -------------------ผมจบเตรียมอุดม (ม.ศ. 5 สมัยนั้น) สายวิทย์---------- อายุคุณหนุ่มไทยไร้นาม ประมาณ 17-18 ได้ไหมครับ ถ้าประมาณนี้ ความคิดที่ผมคิดว่า ถ้าพยายามจริง ๆ โดยเริ่มจากวันนี้ การที่จะลืมตาอ้าปากทางภาษาหรือจนถึงเป็น Bilingual ไม่น่าจะไกลเกินเอื้อมนะครับ เพราะผมเองก้เริ่มตอน 17 ตอนนี้อายุย่าง 37 ครับ เเละอีกหลาย ๆ ท่าน เช่น------------------------------------- คุณอาเเสงชัยก็เก่งมาตั้งเเต่เป็นวัยรุ่น เพราะเท่าที่อ่าน คุณเเสงชัยพูดถึงอาจารย์ ม. 6 ที่สอนท่าน Monday + เป็นคนรักการอ่าน อ่านเเม้กระทั่งหนังสือพิมพ์ห่อขนม ท่านไปอเมริกาเมื่ออายุ 25 กลับเมื่ออายุได้ 41 = 16 ปีกว่า ท่านบอกว่าลูกของท่านพูดดีกว่า เพราะเกิดที่นั่น เเล้วมาเรียนต่อตรีที่มหิดล คุณวิทวัสอยู่ Australia 12 ปีกว่า ไปเมื่อจบม. 6 มั้งไม่เเน่ใจ เเต่จบตรีที่ Australia ครับ คุณบัณฑิต อึ้งรังษีก้ไปเรียนต่อ Australia เเละ America เมื่ออายุ 19-20 คุณ John Nuvo ลูกครึ่งเรียนที่อสศรีราชาก็พูดภาษาได้ดีมาก ๆ โดยไม่ต้องไปต่อต่างประเทศ (ผิดถูกบอกได้นะครับ) ดังนั้นผมเชื่อว่าสิบปลาย ยี่สิบต้น ๆ ถ้าตั้งใจจริง มีสิทธิ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ---------------------ผมพูดกับเพื่อนเป็นภาษาอังกฤษ มันว่าผมบ้า แต่ผมไม่สน---------------------- มีทุกยุคทุกสมัยเลยนะครับ นี่ขนาดเพื่อนเรานะเนี่ย ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ คุณกลิ่นกุหลาบครับ ขอบคุณครับ เป็นความคิดที่น่าสนใจครับ เล่าประสบการณ์ในการสอน ภาษาอังกฤษ ว่า ส่วนใหญ่ที่คนไทยเรียนอังกฤษ แบบเข้าใจผิด หรือ ผิดแบบ มีตัวอย่างอะไรบ้าง และที่ถูกต้องควรจะเป็นอย่างไร ------------------------------------ เมื่อก่อนเคยเขียน เเต่คนไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ เพราะพูดเนี่ย มันเร็ว เเต่เขียนลงบอร์ดเนี่ย มันใช้เวลามาก ๆ + คนไม่ค่อยเห็นค่าเลย โดยเฉพาะคนที่อายุยังวัยรุ่น-ผู้ใหญ่ตอนต้น ที่ผมคิดว่า ผมช่วยให้เขาได้ภาษาได้จริง ๆ เเต่มันคงไม่ใช่จริตของเขา เเต่คุณกลิ่นกุหลาบครับ ถ้ามีเวลา ผมอยากจะเขียนนะ คาดว่าครั้งนี้อยากจะทุ่มเทอีกครั้ง ขอบคุณครับ **** ผมเขียนให้ทุกวัยนะครับ ถ้าคุณอายุ 30,40+ ก็เก่งได้ ถ้าทำตามที่ผมเเนะ เพียงเเต่ว่า อายุน้อย ๆ จะดี จะได้เปรียบครับ**** เเละขอบคุณคุณลุงแอ็ด , คุณMythica88 , คุณlibra-cat, คุณMr.T เเละคุณธนิสรา สำหรับกำลังใจ เพราะอยากจะเรียนว่า ตามโรงเรียนสองภาษา ไทยโปรเเกรมนานาชาติ ครูไทยที่เก่ง ๆ ไม่เคยได้รับโอกาสเข้าไปช่วย ไปดูเเลนักเรียนไทย ให้อาจารย์ฝรั่งดูเเลหมด อาจารย์ฝรั่งส่วนใหญ่ที่เรามี ไม่ได้เรื่องครับ ผลก็คือ ไทยก็เละ ภาษาอังกฤษก้ไม่ได้เรื่อง grammar อ่อนมากๆๆๆๆ อ่อนจนไม่น่าเชื่อว่า นี่หรือเรียนกับฝรั่งตั้งเเต่เด็ก ๆ หรือเเม้เเต่พูด เป็นความจริงครับที่หลาย ๆคนไม่อยากยอมรับ ผมขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ จากคุณ : tonmelb - [ 11 ก.พ. 51 20:33:15 A:61.91.194.250 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ปาดดดดดดดดดดดดดด จากคุณ : รักนะแต่ไม่แสดงออก - [ 11 ก.พ. 51 21:24:58 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ประสบการณ์มีพอควรครับ คุณ tonmelb เพราะอายุผมวัยเกษียณแล้ว จะเล่าอีกเรื่องให้ฟัง ตอนที่ยังทำงานอยู่  มีครั้งหนึ่งร่วมทีมเจรจาธุรกิจกับบริษัทอังกฤษ มีคนหนึ่งในทีมของเขาหน้าตาเป็นคนไทย  แต่ก็ทักทายกันเป็นภาษาอังกฤษเพราะมาเป็นทีมกับคนอังกฤษ ทีแรกก็แปลกใจว่าทำไมสำเนียงเจ้าหมอนี่มันดีเหลือเกิน  เหมือนเจ้าของภาษาเปี๊ยบ  ถ้าคุยกันโดยไม่เห็นหน้านึกว่าคุยกับฝรั่ง บนโต๊ะเจรจาใช้ภาษาอังกฤษอยู่แล้ว ตกเที่ยงก็พาไปกินข้าว  ภาษาอังกฤษแหงๆ อยู่แล้ว แล้วก็ถึงคราวที่ผมแว่บออกมาสูบบุหรี่ (ผมติดบุหรี่ แหะ แหะ) เจ้าหมอนั่นก็ตามออกมาสูบบุหรี่ด้วย ทีนี้คุยกันเป็นภาษาไทย ถึงบางอ้อ ว่าทำไมมันถึงได้พูดอังกฤษมีสำเนียงเหมือนเจ้าของภาษา ก็เพราะมันไปอยู่อังกฤษตั้งแต่อายุ 4 ขวบ  อยู่ลอนดอนเสียด้วย  กลับเมืองไทยอีกทีก็จบปริญญาตรีแล้ว เรื่องนี้เป็นอุทธาหรณ์ว่า การใช้ภาษาอังกฤษนั้น  สื่อสารรู้เรื่องก็พอแล้ว  ใช้สำเนียงแบบไทยๆ นี่แหละ  ไม่ต้องพยายามดัดให้เหมือนฝรั่ง เพราะเราเกิดและเติบโตในเมืองไทย  ลิ้นมันไม่ไปหรอกครับ  เสียเวลาเปล่าๆ โดยไม่ได้ประโยชน์อะไร สำหรับเจ้าหมอนั่น  ที่ผมเล่าให้ฟัง อย่าไปอิจฉาเขาเลย ที่พูดได้เหมือนฝรั่งเปี๊ยบ การไปอยู่เมืองนอกตั้งแต่เด็กอย่างนี้ก็มีข้อเสียนะ คือเขาไม่ค่อยมีเพื่อนอ่ะครับ  เพราะอยู่ต่างประเทศมาตลอด จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม - [ 11 ก.พ. 51 22:54:01 ]