Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    จากเซลส์แมนสู่เอ็มดี ตอน 34 “เอกสารพิเศษ”

    จากเซลส์แมนสู่เอ็มดี  ตอน  34  “เอกสารพิเศษ”




    อยากจะบอกว่า  ลุงเป็นนักสะสม  ก็ไม่เชิง  เพราะไม่ได้

    สะสม แสตมป์  หรือเงิน  ทอง  รถยนต์โบราณ หรือของมี

    ค่าอะไรเหมือนคนร่ำรวยเขาสะสมกัน  




    แต่ลุงชอบ “สะสม”  อะไรที่ดูแล้วมันมีประโยชน์ต่อชีวิต




    ทุกคนอาจจะงง….”ประสบการณ์” หนึ่งละ ที่ลุงชอบสะสม

    การที่ลุงสามารถนำเรื่องราวต่างๆ ตั้งแต่เริ่มเข้าสมัครงาน

    จนถึงบัดนี้ อายุ 60 กว่าเข้าไปแล้วมาเล่าให้น้องๆ หลานๆ

    ฟังได้เป็นตุเป็นตะ ก็เพราะ “ประสบการณ์”




    “ประสบการณ์”  ที่บางครั้งก็สดชื่น  เต็มไปด้วยเสียง

    หัวเราะต่อกระซิก  แต่บางครั้งมันก็เจ็บปวดเหลือ

    ประมาณ  เจ็บจนน้ำตาต้องเช็ดหัวเข่า……แต่  พอมัน “ตก

    สะเก็ด”
    แล้ว  มันก็กลายเป็น “ประสบการณ์”  ที่มีคุณค่า

    เป็นอย่างยิ่งที่นำมาเล่าให้ฟังได้ไม่รู้จบ  




    ลุงยังมี “ประสบการณ์” อีกเพียบ  ที่ลุงสะสมไว้ก็ยังมีอีก

    พะเรอเกวียน  นั่งเล่ากันสามวันเจ็ดวันก็ไม่หมด




    ประการที่สอง  “บันทึกเหตุการณ์”   เป็นสิ่งที่ลุงชอบสะสม

    เป็นที่สุด  ลุงบันทึกมันได้ทุกสถานที่  ทุกโอกาส

    ทุกจังหวะชีวิต  ไม่ว่าด้วยวิธีเขียน  วาดภาพ  ถ่ายรูป  หรือ

    อื่นใด  ส่วนมากลุงจะมีสมุดบันทึกติดตัวไปด้วยทุกหนทุก

    แห่ง  แม้กระทั่งเวลาทำงาน  เข้าส้วม  เดินป่า  ไปธุดงที่

    ไหนก็ต้องมีสมุดเล็กและดินสอหรือสิ่งที่เขียนได้ติดตัวอยู่

    เสมอ




    วันหนึ่ง ในขณะที่นั่งดื่มกับลูกค้าอยู่กลุ่มใหญ่  ลูกค้าหนึ่ง

    ในนั้นซึ่งสนิทกันเหมือนเพื่อนก็กล่าวขึ้นว่า




    “เฮ้ย…..อ้าย’มรนี่มันดีนะ…..เวลาเครื่อง (หมายถึงเครื่อง

    จักรทำบัญชีที่ลุงได้ขายไป) มันเสีย โทรไปหาช่างทีไร  

    อ้าย’มร มันรู้ก่อนทุกที……แล้วมันก็มาบริการพร้อมกับช่าง

    ทุกที….ทำให้ลูกค้ามันอุ่นใจดีว่ะ…..”





    อยู่ๆ เพื่อนมันก็โพล่งขึ้นมาเฉยๆ  ทำเอา ลุงชักเขินๆ ที่

    เพื่อนมันชมขึ้นมาต่อหน้า…………………….




    “เราก็ทำตามหน้าที่…..เพราะเป็นเซลส์นี่ก็ต้องบริการ

    เหมือนกัน…..นายเป็นลูกค้าของเรา….เวลาเครื่องที่นายใช้

    อยู่เสีย…เราก็ต้องรู้ก่อน….เป็นหน้าที่ที่ต้องทำเท่านั้น”





    “แล้วที่นายทำอย่างนี้  มันเป็นหน้าที่ของเซลส์ด้วยหรือ

    เปล่าวะ”




    เพื่อนอีกคนหนึ่งถาม




    “จะว่าใช่  ก็ใช่ว่ะ….จะว่าไม่ใช่….ก็ไม่ใช่   เราไม่เห็น

    บริษัทอื่นเขาทำอย่างนายเลย  บริษัทอื่น  พอเซลส์มา

    ขายแล้ว ก็หายหน้าไปเลย  พอเครื่องเสีย  ก็เรียกช่างให้

    มาซ่อม  เซลส์เขาจะมาอีกทีก็มาเสนอขายใหม่เท่านั้น  

    แต่เขาไม่เห็นมาพร้อมช่างทุกครั้งเวลาเครื่องเสียนี่

    หว่า……”    เพื่อนอีกคนหนึ่งเถียง




    “เฮ้ย…..อย่าเถียงกันเลย  มันแล้วแต่ว่าคนไหนจะคิดอย่าง

    ไรนะ  ในบริษัทของเราเองก็ยังคิดไม่เหมือนกัน  บางคนก็

    ต่อว่าเราว่าเสือกเข้าไปยุ่งเรื่องช่างเขาทำไม….แต่เราคิด

    ว่า  การที่เซลส์มารับรู้  รับผิดชอบในเมื่อเครื่องมันเสียขึ้น

    มา  มันเป็นหน้าที่ของเรา…….”
     ลุงว่าพลางยกแม่โขงผสม

    โซดาขึ้นดื่ม




    “แล้ว “นาย” ของนายเขารู้หรือเปล่าว่า  นายทำอย่างนี้…”




    “ไม่รู้ซิ…เขาอาจจะรู้มั้ง…..แต่ไม่เห็นเขาพูดอะไรนี่หว่า”




    “เฮ้ย…..อย่างนี้ไม่ได้….มันต้องให้นายของอ้าย’มรมันรู้ว่า

    อ้าย’มรมันบริการอย่างนี้…….และเราก็พอใจ  เอาอย่างนี้

    เราจะเขียนให้ “นาย” ของนายรู้เองว่า นายบริการอย่างนี้

    เป็นที่ประทับใจของลูกค้าเหลือหลาย  และเวลาเขาจะขึ้น

    เงินเดือนให้  นายก็เอามาเลี้ยงเหล้าพวกเราด้วยก็แล้วกัน”




    “ก็ดีซิวะ….ถ้านายทำได้…..”  ลุงนึกสนุกๆ ครึ้มๆ ขึ้นมา




    ………………………………………………………………





    และนั่นเป็นแผ่นกระดาษแผ่นแรก  ที่ลุงได้จาก “ลูกค้า”  

    ที่ชมเชยการทำงานของลุง  ที่ให้บริการเขาเป็นอย่างดี  

    เขาเขียนลงในกระดาษที่เช็ดปากสีชมพูที่เสียบอยู่ที่ปาก

    แก้วเหล้า…..ว่า




    “เรียน  นายของคุณอมร

    พวกเรารู้สึกประทับใจในการบริการของคุณอ้าย’มร เป็น

    อย่างยิ่ง  ที่เวลาเครื่องเสีย  ก็ได้ให้บริการพาช่างมาซ่อม

    บำรุง  พร้อมด้วยดูแลให้ช่างดำเนินการซ่อมจนเสร็จสิ้น

    เรียบร้อยไปทุกครั้ง  จึงเรียนมาเพื่อโปรดขึ้นเงินเดือนให้

    คุณอ้าย’มรด้วยตามสมควร

    ด้วยความเคารพอย่างสูง

    ลูกค้าธนาคาร……….จำกัด





    ………………………………………………………………





    และด้วยกระดาษแผ่นนี้  ซึ่งทำโดย “ลูกค้า” ที่สนิทกัน

    เหมือนเพื่อน  ก็เริ่มเป็น “กระดาษที่เป็นทางการ เป็นการ

    เป็นงานขึ้นในที่สุด”





    ใช่ซินะ…..ในขณะที่เราทำงาน  บุกบั่นไปคนเดียว  เวลามี

    ลูกค้าคอลมาที่แผนกช่าง  ลุงต้องให้เจ้สุวัจนา  บอกให้ลุง

    ทราบเสมอ  เพื่อบางครั้ง  ลุงก็โทรเข้าไปเช็คอาการของ

    เครื่องก่อน  เพื่อจะได้บอกให้ช่างรู้ก่อนที่จะเข้าไปซ่อม  

    เพื่อจะได้เอาอะไหล่ไปซ่อมได้ถูก




    บางครั้ง  ก็ให้ช่างซ้อนท้ายจักรยานยนต์ของลุง  เพื่อความ

    รีบด่วน (ส่วนใหญ่ช่างจะเดินทางโดยรถเมล์ในสมัยนั้น)  

    ขณะที่ลูกค้ารอกันเต็มธนาคารในขณะที่เครื่องจักรทำบัญชี

    เสีย……  โพสไม่ได้




    และหลายครั้ง  ที่พอเดินเข้าไปในธนาคาร  ก็โดนต่อว่า




    “ทำมามาเอาป่านนี้  นึกว่าไปตายที่ไหนเสียแล้ว”………




    เสียงลูกค้าที่ตะโกนดังลั่นธนาคาร ท่ามกลางลูกค้าของ

    ธนาคารที่รอกันแน่นขนัดเพราะเครื่องเสีย ……………….




    ลุงต้องรีบผลักช่างให้เข้าไปซ่อมเครื่องอย่างเร็วที่สุด  ใน

    ขณะที่เราก็เข้าไปรับหน้ากับนายธนาคารซึ่งยืนท้าวสะเอวดู

    ช่างซึ่งกำลังซ่อมเครื่องอย่างโมโหเต็มที่………………….




    มันโทษใครไม่ได้หรอก……ช่างเขาก็ยังไม่ได้กินข้าวเลย

    ทั้งๆที่มันผ่านเวลา 12 .00 น. ไปจนเป็นเวลา 14.00น. เข้า

    ให้แล้ว…..และขณะเดียวกัน  ลุงก็เพิ่งรีบไปรับเขามาจาก

    ธนาคารอีกแห่งหนึ่งซึ่งเครื่องก็เสียอาการหนักอย่างไม่

    คาดคิดเหมือนกัน




    เวลา “ยิ่งรีบร้อน” เท่าไหร่  ช่างก็ต้องการ “สมาธิ” ในการ

    ซ่อมมากเท่านั้น  ในเมื่อลูกค้ามายืนเร่งอยู่ว่า “เมื่อไหร่จะ

    เสร็จ”   “ทำไมมันเสีย”   แล้วมันจะเสียอีกไหม…………




    คำถามกวนโมโหอย่างนี้  ต่อให้ “ช่าง”  ซึ่งมีนิสัยโผง

    ผางอยู่แล้ว ก็ทนไม่ได้ ถึงกับต่อล้อต่อเถียงกับลูกค้า  จน

    โดนฟ้องไปที่สำนักงานใหญ่บ่อยๆ




    แต่ถ้าเราอยู่ด้วย  มันก็สามารถจะแก้สถานะการณ์ได้

    มาก  โดยให้ช่างเขารีบไปซ่อมโดยไม่ต้องสนใจคำถาม  

    คำบ่นอะไรของลูกค้าทั้งสิ้น  เราก็เข้าไปรับหน้าเสื่อเสีย

    เองอย่างนี้เป็นต้น




    พอทำไปนานเข้า….นานเข้า….และจาก “หนังสือ” ที่เพื่อน

    ที่เป็นลูกค้าเขียนให้ตอนเมาๆ  ลุงก็เอาไปในเฮียดู




    เฮียบอกว่า  



    “เฮ้ย…..ดีนี่หว่า…..นี่แหละดี…..ปิดทองมันต้องปิดหน้า

    พระอย่าไปปิดหลังพระ…..อั๊วขอเอาไปให้ในที่ประชุมดู”




    รุ่งขึ้น  แกก็เอา “กระดาษสีเช็ดปากสีชมพู” นั้นไปอวดกับ

    เซลส์แมนในที่ประชุม  และขอให้ทุกคนทำอย่างลุงบ้าง

    โดยแกตั้งรางวัลล่อใจไว้ว่า  “ใครได้จดหมายชมเชยจาก

    ลูกค้ามาว่าบริการดี เป็นที่ประทับใจ….จะมีรางวัลให้”





    และนั่นเป็นที่มาของ  “การล่า”  จดหมายชมเชยจากลูกค้า

    ที่ลุงไปให้บริการอยู่ทั่วไป




    แล้วลุงก็ได้มาเพียบ……………………………….




    ทั้งของธนาคาร,  ของหน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจ  บาง

    แห่งก็พิมพ์ให้  ลงตำแหน่งกำกับเป็นอย่างดี  บางแห่งก็

    เป็นลายมือ เขียนลงในกระดาษเฉยๆ  ซึ่งลุงมักจะขอให้

    ลูกค้าลงลายมือชื่อกำกับ พร้อมกับตำแหน่งไว้ด้วย จะได้ดู

    น่าเชื่อถือหน่อย




    เฮียเขาเคยขอจดหมายที่ลูกค้าเขียนชมเชยการทำงาน

    ของลุงนี้เก็บเข้าแฟ้มของบริษัท




    แต่ลุงเกิดพูดเล่นๆ กับแกว่า




    “ก็เขาเขียนให้ผมนี่ครับ….ก็ต้องเป็นของผมซิครับ….ถ้า

    บริษัทจะเอา…..เดี๋ยวผมถ่ายเอกสารให้”





    และลุงก็เก็บเอกสารนั้นใส่แฟ้มไว้




    พอลุงโตขึ้น  หมายความว่า  มีโอกาสได้รับตำแหน่งใหม่  

    ก็จะมีใบแต่งตั้งจากบริษัท เพื่อประกาศให้คนในแผนกหรือ

    แผนกอื่นๆ รับทราบว่าลุงมีอำนาจอะไรบ้าง…….ลุงก็จะขอ

    เอกสารเหล่านั้นเก็บไว้   หรือมีการลงข่าวในหน้าหนังสือ

    พิมพ์ว่า  ลุงได้รับ การ Promotion  หรือได้ไปอบรมต่าง

    ประเทศ บริษัทก็จะทำ PR ให้  ลุงก็ลงขอเอกสารต่างๆ ที่

    ลงข่าวของลุงมาเก็บไว้




    ตอนแรกลุงก็แค่เก็บไว้ดูเล่นเฉยๆ  เพราะ เวลาครึ้มอกครึ้ม

    ใจ เอามานั่งดู มันก็ได้กำลังใจดีเหมือนกัน  มันเหมือน

    กับ “ประกาศนียบัตร”  ซึ่งลุงไม่เคยได้เลยตลอดชีวิตใน

    การเรียนหนังสือของลุง




    ลุงเก็บทุกอย่างเรียงใส่แฟ้มไว้เป็นอย่างดี  รวมๆ แล้ว

    เกือบ 100 ฉบับ ………………………………………………..




    และนี่คือที่มาของ “เอกสารพิเศษ” ที่ลุงค่อยๆ บรรจงคัด

    เลือกเอาเฉพาะที่เป็นภาษาอังกฤษ  ทั้งจดหมายชมเชย

    จากลูกค้า  ทั้งคำสั่งการเลื่อนตำแหน่ง  ทั้งรูปข่าวที่ลงตาม

    หนังสือพิมพ์ต่างๆ…………………………………………




    สรุปแล้วได้เอกสารที่สวยงาม หนาเกือบครึ่งนิ้ว  ลุงบรรจง

    เขียนจดหมายปะหน้า หรือที่เรียกในภาษา Proposal ว่า

    “Executive Summary”  บอก ซี. เจ. ว่า ทำไมลุงจึงอยาก

    จะมาเป็น GM ที่บริษัทนี้  ด้วยประสบการณ์ที่คลุกคลีอยู่

    กับระบบคอมพิวเตอร์ตั้งแต่เครื่องแรก  เรียนไปด้วย  ขาย

    ไปด้วย  จนทำให้ขาย ธนาคารกสิกรไทยได้  ทำให้ลุงได้

    รับรู้ประสบการณ์ที่หาเรียน หรือซื้อที่ไหนไม่ได้




    และบัดนี้ข้าพเจ้าพร้อมแล้วที่จะมารับใช้ท่าน ด้วย เงิน

    เดือนที่ปรารถนา (คือสูงกว่าที่ยิบอินซอย) หนึ่งเท่าตัว,  

    พร้อมด้วยรถยนต์ประจำตำแหน่งหนึ่งคัน พร้อมคนขับ

    รถ,  พร้อมทั้งเลขานุการ สาวสวยหนึ่งคน  ซึ่งพูดและ

    เขียนภาษาอังกฤษได้ดังไฟแลบ เพราะข้าพเจ้าหาได้เก่ง

    ภาษาอังกฤษเหมือนภาษาไทยซึ่งเป็นภาษาพ่อ ภาษาแม่

    ของข้าพเจ้ามาแต่อ้อนแต่ออดของข้าพเจ้าหาได้ไม่




    จึงเรียนมาเพื่อหวังว่าท่านจะพิจารณาด้วยดี  ถ้าหากท่านมิ

    พิจารณา  ข้าพเจ้าก็หาเดือนร้อนแต่ประการใดไม่  จะขอ

    อยู่ที่ยิบอินซอยต่อไป  จะทำความเจริญให้บริษัทที่

    ข้าพเจ้าทำงานอยู่ต่อไปจนตาย




    เขียนจบแล้ว  ก็เอาไปถ่ายเอกสารที่ร้านแถวสามย่าน  แต่

    จะหาปกที่ไหนใส่ เพราะรวมแล้วเล่มมันโตเกือบหนึ่งนิ้ว  

    และมันยังไม่มีที่ใส่เอกสารเหมือนสมัยนี้




    ลุงนึกขึ้นมาได้ว่า ซี.เจ. เขาเป็นคนจีน  เขาคงชอบ “สี

    แดง”
     เลยให้ร้านแถวสามย่านเข้าเล่ม เดินปกแข็งสีแดง  

    พิมพ์หน้าปกด้วยสีทอง หรือที่เขาเรียกว่า “เดินทอง” ด้วย

    ภาษาอังกฤษว่า




    “THE  RESUME  OF AMORN  TARVORNMARD”

                             Propose for
             
             SUMMIT  COMPUTER CO Ltd.





    เป็นอันเสร็จพิธี…..พลางยกขึ้น  สาธุ….ขอให้ข้าพเจ้าสม

    หวังในการขายตัวครั้งนี้ด้วยเถิด




    เสร็จแล้วก็ใส่ซองให้คนรถเอาไปให้คุณนงลักษณ์ในวันรุ่ง

    ขึ้น  และเตรียมตัวที่จะสัมภาษณ์กับ ซี. เจ ฮวง ในอันดับ

    ต่อไป




    ขอเชิญติดตามตอน “สัมภาษณ์เป็นจีเอ็ม” ในตอนต่อไปนะขอ

    รับ




    http://lungadd.pantown.com/




    amorntvm@hotmail.com

    จากคุณ : ลุงแอ็ด - [ 3 มี.ค. 51 20:38:42 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom