ความคิดเห็นที่ 31
แฟนเราก็ ง/ด ประมาณ จขกท. เลี้ยงเราด้วย แต่เขาให้เงินเราเก็บหมดเลย เราให้เขาเดือนนึง 2 หน (กลางเดือนกับปลายเดือน) ประมาณเดือนละ 3 พัน เป็นค่าเดินทาง (นั่งรถเมล์ไปทำงาน) กับค่าอาหารเช้า-กลางวัน อย่างนี้ก็เห็น ยังใช้ไม่หมด
ที่เหลือเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวของเราทั้งคู่ เช่น
- ค่าเช่าห้อง (ประมาณ 2,500 บ. รวมน้ำ-ไฟแล้ว) ดิฉันยังอยู่กับแม่ แต่ตอนนี้ไม่ได้เช่าห้องแล้ว เพราะเพิ่งซื้อบ้านไป
- ค่ามือถือ 2 คน (ใช้โปรนาน 2 ปี มีกันคนละ 1 เบอร์โทรเท่าที่จำเป็น ถ้าต้องคุยนานใช้เบอร์ 02 คุยนานเท่าไหร่จ่ายแค่ครั้งละ 3 บ.)
- เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย 2 คน ซื้อปีละ 2 ครั้ง จากงานแฟร์แถวบ้านเป็นของมีแบรนด์ค่ะแต่ลด 50-70%++ ซื้อทีเยอะค่ะ เก็บไว้ใส่ทั้งปี ที่ซื้อของมียี่ห้อเราว่ามันทนและดูดีกว่ากันเยอะค่ะ เราไม่บ้าแฟชั่น ชอบเรียบๆจะได้ใส่ได้นานๆ จนแฟนเราแซวว่าลดไม่ถึง 70 ไม่ซื้อ
- ตัดผม,เสริมสวย เราตัดให้แฟนเองค่ะทุก 3 สัปดาห์ ไม่ได้เรียนมาแต่มี sense ทางด้านการฝีมือ ส่วนเราเข้าร้านเสริมสวยปีละครั้ง ปกติทำสีผมเองนานๆครั้ง และถ้าจะเล็มผมก็จะเล็มเอง ทาเล็บเอง
- อาหาร ทำกินเองทุกวันค่ะ ถ้ารู้จักเลือกซื้อของสดที่ตลาดไม่ใช่ที่ห้าง เลือกของตามฤดูกาล และรู้จักประยุกต์บ้าง ประหยัดไปได้เยอะ แถมมีคุณค่าทางสารอาหารครบ ปลอดภัยและสะอาดด้วยค่ะ ซื้อกับข้าวครั้งละ 200 บ. อยู่ได้ประมาณ 3-4 วัน
- เราถือคติ อะไรที่ทำเองได้จะทำเองค่ะ เช่น ซื้อสแลคมาเราก็จะสอยขากางเกงเอง เพราะถ้าจ้างเขา ตัวละ 30-40 บ. 3 ตัวก็ร้อยกว่าแล้ว เอาเงินไปซื้อกับข้าวดีกว่า ซ่อมแซมเสื้อผ้าก็ทำเอง ซัก-รีดเอง
ถึงจะประหยัดแต่ก็กันเงินส่วนหนึ่งไว้เพื่อพักผ่อนหย่อนใจ
- ท่องเที่ยวในประเทศปีละ 3-4 ครั้ง ตั้งแต่ใกล้ๆไปจนถึงไกลๆ (ปาย เชียงราย ฯลฯ) แต่จะตั้งงบประมาณไว้ก่อน แล้ววางแผนการท่องเที่ยว กำหนดเส้นทาง สถานที่ท่องเที่ยว จำนวนวัน เลือกที่พักที่ไม่แพง รวมไปถึงร้านอาหาร เที่ยวใหญ่ๆไกลๆอยู่ครั้งละ 1-2 สัปดาห์มีปีละครั้ง ส่วนทริป ย่อยๆใกล้ๆก็ 2-3 ครั้ง/ปี
เราเก็บเงินได้เดือนละ 25,000-27,000 บ./ด. โบนัสอีกต่างหาก เวลาได้ ง/ด ขึ้นเราบอกแฟนว่าอย่าไปคิดว่าได้เงินเดือนขึ้นและหาเรื่องว่าจะไปใช้อะไรดี ให้นำเงินส่วนนั้นมาเก็บต่อ เราทำอย่างนี้มา 3 ปีครึ่ง มีเงินเก็บล้านกว่าบาท ปีที่แล้วเลยซื้อบ้านด้วยเงินสดไป (มือสอง) แถมมีเงินเหลือไว้ซ่อมแซมกับแต่งบ้านอีกพอสมควร ก็โล่งใจไปเยอะไม่ต้องผ่อนบ้าน
หลักการของเราก็คือ ใช้อย่างประหยัด ทีนี้ความประหยัดของแต่ละคนไม่เหมือนกันอีก ต้องแยกระหว่างความอยากได้กับความจำเป็นออกจากกันให้ได้ เพราะคนเรามักเข้าข้างตนเองว่าสิ่งที่เราอยากได้นั่นคือความจำเป็น
ต่อไปคือตั้งเป้า ว่าจะเก็บเงินให้ได้เท่าไหร่ในระยะเวลากี่ปี ต้องบังคับใจตัวเองอย่าหลุด เห็นของอะไรที่อยากได้แล้วอย่าเพิ่งใจร้อนรีบซื้อ แต่ไม่ใช่ว่าซีเรียสมากจนไม่ซื้ออะไรเลย ให้วางแผนว่าปีนึงจะใช้เท่าไหร่ เก็บเท่าไหร่ และกันเงินส่วนนึงสำหรับค่าใช้จ่ายส่วนอื่นด้วย เช่น ค่าซ่อมรถ, มือถือ, คอม ทำบุญ ฯ แล้วพยายามทำตามนั้น คนเราต้องรู้จักให้รางวัลตัวเองด้วยจะได้มีกำลังใจเก็บต่อ
และเงินส่วนที่เก็บนั้นพยายามอย่าเอามันออกมาใช้ ให้ลืมมันไปเลยว่ามีเงินอยู่ (เว้นแต่จะนำไปลงทุนต่อ) ถ้าอยากได้อะไรให้เก็บเอาใหม่
ตอนนี้เราก็ตั้งเป้าไปถึงตอนอายุ 60 แล้วว่าต้องมีเท่าไหร่เราทั้งคู่ถึงจะอยู่ได้ ดีที่แฟนเราให้อิสระทางความคิด และเวลาที่เราพลาดเรื่องการลงทุนก็ไม่เคยว่าไม่เคยซ้ำเติม เขาบอกว่าเราเป็นคนคิดไกลมาก ตอนแรกที่จีบกันใหม่ๆเขางง แต่ตอนนี้ชินแล้วซ้ำยังบอกว่าเราเข้าใจคิดดี
อ้อ! เราไม่มีเงินเก็บในออมทรัพย์เลยถึงมีก็แค่ติด บ/ช นิดเดียว เราเก็บเงินไว้ในตราสารหนี้, และกองทุนต่างๆ รวมถึงทองคำแท่ง เราไม่ใช้บัตรเครดิตด้วยค่ะ และการที่เราซื้อบ้านก็ถือเป็นการลงทุนชนิดหนึ่ง เมื่อก่อนเราเก็บเงินจากการฝากประจำ เพราะเคยซื้อกองทุนๆหนึ่งถือไป 2 ปีแล้วขาดทุนเลยเข็ด
แต่เป็นเพราะเข้าห้องนี้ คอยอ่าน คอยจำความรู้ที่เพื่อนๆพี่ๆมอบให้โดยไม่หวง เราจึงกล้าที่จะลงทุนอีกครั้ง ขอบคุณทุกๆท่านด้วยค่ะ และขอบคุณหม่า ม๊า ที่สอนให้เราเป็นคนประหยัดตั้งแต่เด็ก พร่ำบอกว่าเกิดเป็นลูกสาวต้องรู้งานบ้านงานเรือน ให้เราไปจ่ายตลาด หัดให้เป็นลูกมือเข้าครัว เมื่อก่อนก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องทำเป็น ทำไมแม่ไม่ไปจ้างเขาบ้าง ทำไมไม่ซื้อเขากิน ตอนนี้รู้ซึ้งแล้วถ้าเราจ้างเขาทุกอย่างมันคือ "เงิน"
จากคุณ :
แชร์ประสบการณ์
- [
17 มี.ค. 51 18:21:09
A:210.203.174.250 X: TicketID:169940
]
|
|
|